5 Days on Lofoten’s Autumn roads 🇳🇴
ทริปนี้เราขอเสิร์ฟที่เที่ยวในฝันกับภาพหมู่เกาะที่เต็มไปด้วยฟยอร์ดสุดอลังการ ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนและหมู่บ้านชาวประมงที่เงียบสงบพร้อมบ้านไม้สีแดง และเหลืองที่ตัดกับวิวธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ยิ่งหาดทรายที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ บรรยากาศคือดีต่อใจสุด ๆ และยังมีไฮไลต์จุดดูแสงเหนือแบบตัวท็อปของโลก! ทำให้ Lofoten เป็นทริปในฝันของทุกคนรวมถึงตัวเราด้วยแน่นอน
Location:
- หมู่บ้าน Å
- จุดชมวิว Horn
- Hamnøya
- Anita's Sjømat
- Skagsanden Beach
- Vågan Church
- Henningsvaer Stadium
- Aurora in Svolvær
รอบนี้เราเลือกบินตรง BKK-OSL กับ Thai Airways ที่บอกเลยสะดวกมาก บินดึกถึงเช้า ไม่ต้องต่อเครื่องให้เสียเวลา มาพร้อมบริการ Full Service ครบทุกดีเทล จัดให้ตั้งแต่เช็คอิน เลือกที่นั่ง-อาหารล่วงหน้า ทีมงานน่ารัก ดูแลอบอุ่น ยิ้มแย้มตลอดทาง สำหรับสมาชิก Royal Orchid สามารถชิลก่อนบินในเลานจ์สุดพรีเมียม เติมพลังให้พร้อม แล้วบินลัดฟ้าสู่ออสโล สนามบินสุดทันสมัย เดินทางต่อสะดวก เชื่อมทุกจุดหมายแบบง่าย ๆ ทริปนี้ต้องบินไทย ฟินทุกเส้นทาง!”
คลิกที่นี่ 👉 การบินไทย : https://bit.ly/BKK-OSL-Norway
Flight Bangkok to Norway
สำหรับใครที่มีแพลนอยากไปเที่ยวนอร์เวย์เพื่อสัมผัสแสงเหนือ หรือวิวหมู่เกาะนับร้อยสุดอลังการกันซักครั้ง เราขอแนะนำสายการบินสัญชาติไทยอย่าง Thai Airways ที่เค้ามีเที่ยวบินตรงเส้นทาง Bangkok (BKK) - Oslo (OSL) พาเราบินจากกรุงเทพฯ ไปถึง ออสโล เมืองหลวงของนอร์เวย์แบบสบาย ๆ ไม่ต้องต่อเครื่องให้ยุ่งยาก แถมช่วงเวลาบินก็ดีสุด ๆ ออกเดินทางตอนดึก หลับยาว ๆ บนเครื่อง ตื่นมาพร้อมมื้อเช้าแล้วลุยเที่ยวต่อแบบไม่มีเสียเวลาเลย บนเครื่องก็ฟูลเซอร์วิสแบบจัดเต็ม พนักงานบริการดี ดูแลช่วยเหลือตลอดการเดินทาง มีบริการสัมภาระ 25 Kg. จะเลือกที่นั่งหรือจองอาหารล่วงหน้าก็จัดได้ตามใจชอบ ที่นั่งก็นั่งสบาย เอนหลับได้แบบชิล ๆ พร้อมบริการอาหารที่เสิร์ฟอร่อย ๆ ตลอดเส้นทาง ใครอยากสัมผัสการเดินทางที่ทั้งสะดวก และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกแบบ บอกเลยว่าการบินไทยเค้าครบเครื่องจริง ๆ !
ทันทีที่ก้าวขึ้นเครื่องของ พนักงานต้อนรับคือ น่ารักและอบอุ่นมากกก ดูแลดีแบบเต็มสิบไม่มีหัก ไม่ว่าจะแนะนำที่นั่ง หรือเติมเครื่องดื่มแบบไม่ให้ขาดมือ แถมบรรยากาศบนเครื่องก็ชิลไม่ไหว เบาะนั่งกว้าง นอนหลับสบายแบบไม่ต้องกลัวปวดหลัง แถมเมนูอาหารก็เสิร์ฟอร่อยทุกจาน ส่วนใครเป็นสายบันเทิงไม่ต้องห่วง เพราะเค้ามีจอส่วนตัวพร้อมหนัง เพลง และซีรีส์ให้เลือกเพียบ
ส่วนใครเป็นสมาชิก Royal Orchid บอกเลยว่าทริปนี้จะพิเศษขึ้นไปอีกขั้น เพราะเราสามารถเข้าใช้บริการ ห้องรับรองพิเศษ Royal Orchid Lounge ได้ก่อนขึ้นเครื่อง โดยที่นี่คือที่สุดของความสะดวกสบาย มีที่นั่งกว้างขวาง และบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อน หรือเตรียมตัวก่อนออกเดินทางสุด ๆ ที่สำคัญคือมี อาหาร และเครื่องดื่มบริการแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเมนูของว่าง ขนมหวาน หรือเครื่องดื่ม หรือใครจะนั่งผ่อนคลาย หรืออัพเดตโซเชียลก็สะดวก เพราะมี Wi-Fi ฟรีให้ใช้ด้วย แถม Royal Orchid Plus ยังสามารุสะสมไมล์ได้ทุกครั้งที่บิน! ไมล์ที่สะสมได้ไม่ใช่แค่ใช้แลก ตั๋วเครื่องบิน เท่านั้นนะ แต่ยังสามารถเอาไปแลกของรางวัลเท่ ๆ อย่าง Lifestyle Awards เช่น ไอเท็มสุดชิค หรือของที่ใช้งานได้จริง แค่บินก็ได้สิทธิพิเศษไปเต็ม ๆ
Olso Airport
หลังจากบินตรงแบบชิล ๆ กับ Thai Airways มาถึง สนามบินออสโล (Oslo Airport - Gardermoen) สิ่งแรกที่เราได้สัมผัสคือความทันสมัย และความสวยงามตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวลงจากเครื่อง โดยที่นี่เค้ามีการออกแบบให้ดูเรียบง่ายแต่ล้ำสมัย แถมยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ร้านค้า และร้านอาหารมากมาย เหมาะสำหรับนักเดินทางทุกไลฟ์สไตล์ รวมถึงพวกเราที่ต้องต่อเครื่องในประเทศ เพื่อบินไปยังหมู่เกาะ Lofoten ด้วย
My Itinerary
Day 0 : Bangkok - Norway
Day 1 : Norway - Lofoten
- Oslo Airport to Harstad/Narvik Airport
Day 2 : Lofoten
- หมู่บ้าน Å
- จุดชมวิว Horn
Day 3 : Lofoten
- Hamnøya
- Anita's Sjømat
Day 4 : Lofoten
- Skagsanden Beach
- Vågan Church
- Henningsvaer Stadium
- Svolvær
Day 5 : Lofoten
- Svolvær
- Harstad/Narvik Airport
Day 6 : Lofoten - Oslo
- Harstad/Narvik Airport to Oslo Airport
Day 2
หมู่บ้าน Å
หลังจากเดินทางมาเต็ม ๆ หนึ่งวันก็ถึงเวลาสัมผัสกับความสวยงามของที่นี่ดีสักที โดยโลเคชั่นแรกขอเปิดความปังนี่ด้วยบ้านสีแดงในหมู่บ้าน Å ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนในหมู่เกาะ Lofoten ที่นี่คือหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ที่เคยเป็นฮับของการจับปลาในอดีต วิวที่นี่คือกินขาด! ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูง ทะเลใส และอากาศบริสุทธิ์แบบสุด ๆ
ใครเป็นสายชิลบอกเลยว่าเพลินมาก เพราะภายในหมู่บ้านนี้เราเดินเล่นถ่ายรูปใหรืได้เกือบทุกซอกทุกมุมหรือใครมีเวลาเยอะแนะนำให้แวะไปที่ “พิพิธภัณฑ์ Stockfish” เรียนรู้วิถีชาวประมงแบบต้นฉบับ ส่วนใครมาหน้าหนาวก็เตรียมลุ้นเห็นแสงเหนือเต้นระบำอยู่บนฟ้าบริเวณนี้ยามค่ำคืนได้เหมือนกัน
นอกจากชื่อสั้นที่สุดในโลกแล้ว Å ยังมีอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ทำให้พวกเราต้องสะดุดตา นั้นคือ “บ้านสีแดง” ที่ตั้งเรียงรายริมชายฝั่งจนใครเห็นก็ต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเช็คอินกันรัว ๆ เอ่อแล้วทำไมบ้านต้องสีแดง? โดยในอดีต การทาสีบ้านให้เป็นสีแดงทำได้ง่ายและประหยัดที่สุด เพราะชาวบ้านใช้ น้ำมันปลา ผสมกับเม็ดสีจากธรรมชาติที่ได้จาก แร่ธาตุเหล็ก (Iron Oxide) จะให้ได้เฉดสีแดงที่ติดทน และกันสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดี นอกจากจะช่วยป้องกันบ้านจากความชื้น และหิมะแล้ว สีแดงยังทำให้บ้านโดดเด่นในหน้าหนาวที่ทุกอย่างรอบ ๆ ขาวโพลนไปด้วยหิมะอีกด้วย ขอบคุณคนที่คิดเรื่องนี้เลยเพราะไม่งั้นปัจจุบันเราคงไม่ได้ถ่ายรูปกับบ้านเท่ ๆ แบบนี้แน่ ๆ
จุดชมวิว Horn
ถ้าเดินเล่นชิล ๆ ในหมู่บ้าน Å แล้ว ยังไม่เต็มอิ่ม เราขอแนะนำให้ขับรถมาอีก 10 นาทีเพื่อมายัง ”Horn“ จุดชมวิวที่ต้องตะโกนว่าสวยจนเหนื่อย ๆ ภาพด้านหน้าที่เป็นภูเขาสูงทรงแปลกประหลาด มาพร้อมทะเลสีฟ้า บอกต้องหยิบกล้องมาถ่ายรัว ๆ แน่นอน
โดยที่นี่ก็มาง่าย ๆ ขับรถตามถนนเลียบชายฝั่งมาเรื่อย ๆ จะเจอจุดจอดริมทาง แนะนำให้จอดดี ๆ และไม่เข้าไปจอดในพื้นที่ส่วนบุคคลนะ เราเห็นเจ้าของบ้านออกสวดคนที่เข้าไปจอดหน้าบ้านเค้าหลายคันแล้ววว
Day 3
Hamnøya
เช้าวันใหม่ที่พระอาทิตย์ขึ้นสิบโมง และตกช่วงสามโมงถึงเวลาเที่ยวจะน้อย แต่ที่นี่เหมาะแก่การเสียเวลามาก เพราะบริเวณนี้เป็นแลนด์มาร์คภาพในฝันกับวิวบ้านชาวประมงสีแดงสดเรียงรายริมทะเล ตัดกับภูเขาสูงและน้ำทะเล ไฮไลต์ และภาพยอดฮิตที่ทำให้เรารู้จัก Lofoten กับจุดชมวิว Hamnøya ที่ใครไม่มามุมนี้คือที่นี่พลาดสุด ๆ แถมที่นี่ยังมีเรื่องราวประวัติศาสตร์สุดเจ๋ง เพราะหมู่บ้านนี้เคยเป็นแหล่งจับปลาแห้ง Stockfish ชื่อดังของนอร์เวย์อึกด้วย
มาที่ Hamnøya นอกจากจะได้ชมวิวบ้านชาวประมงสีแดงตัดกับภูเขาและทะเลสุดปังแล้ว ที่นี่ยังมีที่พักแบบ Rorbuer หรือกระท่อมชาวประมงสุดคลาสสิกที่ถูกรีโนเวตใหม่ แต่ยังคงความดั้งเดิมไว้อยู่อีกด้วย ใครอยากตื่นมาพร้อมวิวฟยอร์ด หรือแสงเหนือหน้ากระท่อมแบบปัง ๆ
โดยตัวกระท่อมจะอยู่ติดน้ำ บางหลังก็มีระเบียงให้นั่งชิล ดื่มกาแฟพร้อมชมวิว แถมภายในก็จัดเต็มความสะดวกสบาย ทั้งเตียงนุ่ม ห้องครัวเล็ก ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ๆ ใครอยากสัมผัสฟีลการใช้ชีวิตแบบชาวประมงในอดีตแบบติดแกรม บอกเลยว่าที่นี่ตอบโจทย์สุด
Anita's Sjømat
ใกล้ ๆ กับ จุดชมวิว Hamnøya เราขอแนะนำกับอีกหนึ่งโลเคชั่นที่ปังไม่แพ้กันกับ Anita’s Sjømat ร้านอาหารทะเลสด ๆ และมุมบ้านสีเหลืองสดใสสุดไอคอนิก โดดเด่นริมทะเลที่กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยว โดย Anita’s Sjømat ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อยของอาหารทะเลสด ๆ เท่านั้น แต่ที่นี่ยังมาพร้อมวิวสุดอลังการที่รวมทุกความเป็น Lofoten เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น เทือกเขาสูงตระหง่าน ที่โอบล้อมหมู่บ้าน หรือทะเลสีฟ้าสดใสที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ทำให้บรรยากาศการนั่งกินอาหารที่นี่มันดีย์ต่อใจแบบสุด ๆ
ใครไม่ได้ชิม “แซลมอน” บอกเลยถือว่ามาไม่ถึง โดยเมนูแซลมอนที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความสดใหม่ระดับพรีเมียม เพราะจับมาจากทะเล Lofoten แบบวันต่อวัน เนื้อปลาสีส้มสด เนียนนุ่ม ละลายในปาก จะเลือกเป็น แซลมอนรมควัน รสชาติกลมกล่อม หรือแซลมอนดิบรสชาติก็หวานฉ่ำ ยิ่งมีเบอร์เกอร์ปลาคอดทานคู่กันด้วย ยิ่งฟินเข้าไปใหญ่
ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่แซลมอนาหรืออาหารทะเลสด ๆ เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยของฝากสุดยูนีคไม่ว่าจะเป็นเนื้อกวาง หรือเนื้อปลาวาฬ ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Lofoten อีกด้วย โดยเนื้อกวางที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่ม และรสชาติที่กลมกล่อม ส่วนเนื้อปลาวาฬก็เป็นวัตถุดิบที่หายาก ใครที่อยากลิ้มลองรสชาติแบบนอร์เวย์แท้ ๆ หรือซื้อฝากเพื่อน ๆ แนะนำสองอย่างนี้เลย
Day 4
Skagsanden Beach
เช้าวันใหม่ใน Lofoten เราขอพาทุกคนไปชิลกันต่อที่ Skagsanden Beach หนึ่งในหาดที่โดดเด่นที่สุดใน Lofoten โดยที่นี่ไม่ใช่หาดธรรมดา แต่คือจุดที่ผสมผสานความงดงามของธรรมชาติ ทั้งน้ำทะเลสีฟ้าสดใส ทรายขาวเนียนละเอียด และวิวภูเขาสูงล้อมรอบ บรรยากาศคือชิลแบบเต็มสิบ ยิ่งช่วงหิมะตก บรรยากาศคือฟินเกินต้านสุด ๆ หาดทรายที่เคยขาวสะอาด ถูกปกคลุมด้วยหิมะจนกลายเป็นพรมสีขาวนุ่ม ๆ ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า และภูเขาที่มีหิมะจับยอดที่ใช้คำว่าสวยจนเปลือง และที่นี่ยังเป็นจุดยอดฮิตสำหรับคนที่มาล่าแสงเหนืออีกด้วย
Vågan Church
ระหว่างทางบังเอิญบังเอิญเจอกับ Vågan Church หรือที่เรียกกันว่า Lofoten Cathedral โบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในแถบนี้ โดยโบสถ์เก่าแก่นี้ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1898 ที่ตกแต่งด้วยสไตล์นีโอกอธิกเรียบ ๆ นอกจากสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ และสวยงาม วิวที่นี่ยังดีงามไม่แพ้กันเพราะโบสถ์นี้ตั้งอยู่ริมทะเล มีภูเขาสูงล้อมรอบ ช่วงหิมะตกคือสวยเหมือนฉากในหนังที่ฟีลดีมาก จะเดินเล่นถ่ายรูปเพลิน ๆ หรือจะเข้ามานั่งในโบสถ์เพื่อซึมซับความสงบก็ดีเหมือนกันนะ
Henningsvaer Stadium
ปิดท้ายขอโลเคชั่นวันนี้ด้วยสนามฟุตบอลโคตรคูลอย่างโลก Henningsvær Stadium สนามเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านชาวประมง Henningsvær บนเกาะเล็ก ๆ กลางทะเล Lofoten บอกเลยว่าวิวคือปังมาก เพราะที่นี่ล้อมรอบด้วยทะเล เทือกเขาหิมะ และหมู่เกาะเล็ก ๆหลายสิบเกาะที่บรรยากาศธรรมชาติลงตัวแบบเต็มสิบไม่หัก
ถึงสนามนี้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ความเก๋มันอยู่ที่โลเคชัน! โดยชาวบ้านใช้สนามสำหรับเล่นบอลกันจริง ๆ คือฟีลโลคอลสุด ๆ ใครที่ชอบถ่ายรูป หรืออยากได้คอนเทนต์ไม่เหมือนใคร แนะนำให้ใช้โดรนถ่ายเพราะจะได้มุมสนามกลม ๆ เล็ก ๆ บนเกาะที่ตัดกับน้ำทะเลและบ้านชาวประมงคือเท่สุดด
Henningsvær ไม่ได้มีดีแค่สนามบอลวิวเทพ แต่หมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ยังมาพร้อมกับบรรยากาศที่ชิลสุด ๆ วิวเขาสูงตระหง่านล้อมรอบหมู่บ้านที่ตั้งอยู่กลางทะเล ทำให้ทุกมุมของที่นี่ดูเหมือนฉากในหนัง หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยบ้านไม้สีสันสดใสที่เรียงรายอยตัดกับภูเขาสีเข้ม และทะเลสีฟ้าใสจนเหมือนหลุดมาในโปสต์การ์ดหนังสักเรื่องยังไงอย่างงั้นจริง ๆ ยิ่งช่วงเช้าแสงแดดสาดกระทบยอดเขา บอกเลยว่ามันเป็นโมเมนต์ที่ต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรัว ๆ ใครที่มองหาความสงบ วิวสวย และกลิ่นอายความเป็น Lofoten แบบจัดเต็ม Henningsvær คือหมู่บ้านที่ตอบโจทย์เพื่อน ๆ แน่ ๆ
Aurora in Svolvær
คืนสุดท้ายใน Svolvær คือที่สุดของทริปนี้แล้ว! เพราะพวกเราได้เจอกับ แสงเหนือ ที่โผล่มาแบบจัดเต็มพร้อมความอลังการของแสงสีเขียวที่พาดผ่านท้องฟ้า ฟีลเหมือนหลุดมาในอีกโลก มันดีจนต้องหยุดถ่ายรูปไม่ได้เลย ใครที่ได้เจอแสงเหนือแบบเรา บอกเลยว่าชีวิตคอมพลีทละ ปิดทริป Lofoten ได้แบบสวย ๆ พร้อมเก็บความประทับใจกลับบ้านไปเต็มหัวใจเลย!
Lofoten ไม่ใช่แค่สถานที่ แต่คือประสบการณ์ที่อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง! ตั้งแต่หมู่บ้านชาวประมงสุดน่ารัก วิวฟยอร์ดที่อลังการ ชายหาดขาว ๆ ที่ปกคลุมด้วยหิมะ ไปจนถึงแสงเหนือที่เต้นระบำบนฟ้าในคืนสุดท้าย ทุกโมเมนต์ใน Lofoten มันประทับใจจนอยากกลับมาอีกครั้งเลย
ส่วนการเริ่มต้นทริปนี้ก็ง่ายสุด ๆ แค่จองไฟลท์บินตรงจากกรุงเทพไปออสโล พร้อมต่อเครื่องง่าย ๆ มายังเส้นทางแห่งความงดงามของ Lofoten ทริปที่ครบทั้งธรรมชาติ วิวอลัง และความประทับใจที่ทุกคนจะไม่มีวันลืมแน่นอน!
ส่วนใครกำลังแพลนไปเที่ยวสแกนดิเนเวีย ‘การบินไทย’ เค้ามี เที่ยวบินตรง จากกรุงเทพฯ ไปยัง 3 เมืองยอดฮิตอย่าง ออสโล (นอร์เวย์), สตอกโฮล์ม (สวีเดน) และ โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก) เลย อยากรู้ราคา และเวลาเที่ยวบิน เข้าไปเช็ครายละเอียดได้ที่เว็บไซต์การบินไทยเลย
👉 จองเที่ยวบินไป ออสโล (OSL) https://bit.ly/BKK-OSL-Norway
👉 จองเที่ยวบินไป สตอกโฮล์ม (ARN): https://bit.ly/BKK-ARN
👉 จองเที่ยวบินไป โคเปนเฮเกน (CPH): https://bit.ly/BKK-CPH
ชาลี
วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 10.15 น.