วันที่ 8 ธันวาคม 2567
หลังจากที่ผมกางเต้นท์นอนที่ "ปางอุ๋ง" แล้ว แน่นอนว่าในค่ำคืนต่อไปนั้น ผมก็ต้องมานอนที่ "บ้านรักไทย" ที่อยู่ไม่ไกลกันอย่างแน่นอน
โดยในวันนี้นั้น ผมก็เลือกที่จะมานอนแบบกางเต้นท์ที่ "ลานกางเต้นท์ฟาฉาย" เหมือนเมื่อปีที่แล้วครับ
โดยลานกางเต้นท์เล็กๆแห่งนี้นั้น ดูเหมือนว่า จะเหลืออยู่เพียงไม่กี่ที่เท่านั้น ที่บ้านรักไทยครับ (โดยมันจะยังมีลานกางเต้นท์ริมน้ำ ที่กางบนแคร่ อยู่อีกฝั่งครับ แต่ตรงนั้นคนแย่ะ ผมก็เลยไม่ไปกางครับ)
และหลังจากนั้น ผมก็ไปเดินเล่นที่ตัวหมู่บ้าน และไม่พลาดที่จะแว่ะเข้าไปหาอะไรดื่มที่ร้านกาแฟ ที่เป็นออริจินอลของที่นี่ครับ (ร้านของลีไวน์รักไปทย นั่นเหลอะครับ)
ซ้อมถ่ายรูปซักหน่อย
เย็นล่ะ
และถึงแม้ว่า ลีไวน์รักไทย นั้น จะถูกบดบังความสวยออกไปบ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะว่ารีสอร์ท ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้น ยังคงเอกรักษ์ของสิ่งปลูกสร้าง ที่เป็นสไตล์จีนอยู่
นั่นจึงทำให้หมู่บ้านรักไทยนั้น ยิ่งสวยงามน่าเที่ยวมากกว่าเดิมครับ (โดยเฉพาะในยามค่ำคืน)
และนอกจากการมานั่งดื่มชาบนเรือแล้ว
การเช่าชุดจีนที่สวยงามเพื่อมาถ่ายรูปบนเรือนั้น ก็เป็นที่นิยมอย่างมากครับ
แสงใกล้จะมาแล้วๆๆๆ
มาแล้วๆๆๆ แสงที่รอคอย ^^
และผมก็จัดการกางขาตั้งกล้อง แล้วก็เดินเก็บรูปจากหลายๆมุมเลยครับ
นี่ครับ เหตุผลที่ผมบอกว่า การที่มี "ชาสารักไทย" มาเปิดเพิ่มนั้น มันทำให้เวลาถ่ายรูปตอนกลางคืน แสงไฟมันดูเต็มมากกว่าเดิม เลยทำให้ดูสวยขึ้นมากเลยครับ
และหลังจากที่ผมเก็บรูปผ่านการใช้ขาตั้งกล้อง เพื่อลากแสงยาวๆ เรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินถ่ายรูปด้วยโหมดปกติต่อครับ
ซึ่งมันก็ยังสวยอยู่ดี ^^
ตรงนี้คือ "ลานกางเต้นท์ฟาฉาย" ที่ผมมากางเต้นท์นอนอยู่ครับ
และห้องพักที่เห็นด้านหลัง ก็เป็นของที่นี่เหมือนกันครับ
โดยที่รีสอร์ทติดริมน้ำแห่งนี้ เค้าก็มีเรือของเค้าเองให้บริการอยู่ด้วยน๊ะครับ
ปล. สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบกางเต้นท์นั้น ยังงัยๆก็มาช่วยกันมานอนกางเต้นท์ที่นี่หน่อยน๊ะครับ เด๋วคุณป้าเจ้าของเค้าเอาพื้นที่ไปสร้างรีสอร์ทหมด แล้วเราจะไม่มีที่กางเต้นท์วิวสวยๆแบบนี้กันอีกครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
วันที่ 9 ธันวาคม 2567
และในวันต่อมา ผมก็สามารถตื่นขึ้นมา และพบกับวิวแบบนี้ได้ที่หน้าเต้นท์เลยครับ
และหลังจากที่ผมนั้น ได้ถ่ายรูปไปได้ 2 - 3 รูป
ผมก็พบกับเรื่องราวสยองขวัญครับ
Writer: เฮ้อๆๆๆ เมมโมรี่การ์ดเต็ม!!!
โอ้โห๋ๆๆๆ อะไรจะซวยขนาดนั้นครับ นี่ถ้าเมื่อคืน ผมแค่ถ่ายรูปไปอีก 4 - 5 รูป ผมก็น่าที่จะรู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ว่าเมมกล้องจะเต็ม
ผมก็เลยต้องเสียเวลาในช่วงเช้าอันมีค่านั้น ไปกับการ Backup รูป ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ครับ T T
และหลังจากที่ผมจัดการเรื่องเมมโมรี่การ์ดของกล้องเรียบร้อยแล้ว
ผมก็รีบเดิน เพื่อที่จะไปถ่ายรูปในจุดสำคัญอีกจุดหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ "ลีไวน์รักไทย" ครับ
และในระหว่างทาง ผมก็พบว่า ที่นี่ก็มีพระบิณฑบาต ตอนเช้าอยู่ด้วย
ในระหว่าที่เดิน ผมก็หันไปถ่ายรูปตามทางด้วย
นั่นงัย พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว T T
จริงๆแล้ว ผมตั้งใจว่า จะเดินไปถ่ายรูปใน "ลีไวน์รักไทย" ให้ทันก่อนพระอาทิตย์ขึ้นน๊ะครับ
หมายเหตุ: ผมก็ยืนยันคำเดิมน๊ะครับ ว่าคนพายเรือของที่นี่นั้น ควรแต่งกายเป็นชาวบ้านชาวจีน ให้เข้ากับธีมของการท่องเที่ยวที่นี่น่ะครับ
เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวหลายคนเค้าลงทุนไปเช่าชุดจีนมาใส่ เพื่อให้ถ่ายรูปสวยๆน่ะครับ เวลาเค้าถ่ายรูปไปติดคนพายเรือ มันจะได้ทำให้ภาพดูสวยขึ้นน่ะครับ
ถึงแล้วครับ
และเด๋วนี้ การขึ้นไปถ่ายรูปที่นี่ ก็จะต้องเสียเงินค่าเข้าแล้วน๊ะครับ
40 บาท และก็สามารถเอาหมวก และตะกร้าไปเป็นพร็อพถ่ายรูปได้ครับ
แต่ก็อย่างที่บอกในตอนแรกว่า
ผมควรที่จะต้องมาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นครับ
มาเอาป่านนี้ แสงมันก็ไม่สวยแล้วครับ T T
คนเก็บใบชามากันแล้วครับ
และสำหรับตรงนี้ก็คือร้านอาหารของ "ลีไวน์รักไทย" ครับ
ส่วนนี่ก็คือ ร้านกาแฟ ที่นักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาดครับ
ชีวิตมันเศร้า ขอกาแฟเข้มๆ
แบกกล้อง
วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2568 เวลา 20.14 น.