ก่อนอื่นต้องขอกล่าวสวัสดีชาว Readme.me ทุกท่าน (ที่เข้ามาอ่าน) ขอบอกไว้ก่อนเลยครับนี่เป็นครั้งแรกของการตั้งกระทู้ที่เว็บแห่งนี้ อาจจะมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
รีวิวนี้ก็ทำขึ้นจากคนที่เพิ่งเคยเข้ากรุงเทพครั้งแรกและเพื่อคนที่ยังไม่เคยเที่ยวกรุงเทพ อาจจะมีประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อย
โดยวัตถุประสงค์ขอการเข้ากรุงเทพครั้งนี้หลักๆ เกี่ยวกับเรื่องงานโดยขาเข้าบางกอกก็เกาะล้อเค้าไป หลังจากเสร็จภารกิจเรื่องงานก็ฉวยโอกาสเที่ยวซะเลย ไหนๆก็หยุดปีใหม่แล้ว เป็นไงเป็นกัน ไม่มีการวางแผนล่วงหน้าแบบจริงจังใดๆทั้งสิ้น แค่คิดว่าจะไป แล้วก็หาจาก Google Map เอาเลย หลงเป็นหลง เรามี Google Map คอยคุ้มครอง
ผมเป็นคนชอบถ่ายภาพ ถึงอาจจะมือสมัครเล่น ถ่ายไม่เก่ง แต่ชอบถ่าย ลองชมผลงานกันได้ครับ
ไม่เกริ่นมากละครับ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน
24 ธันวาคม 2559 เวลา 16:54 เหตุการณ์สำคัญ...ขึ้นรถไฟฟ้าครั้งแรกในชีวิต
การผจญภัยในมหานครบางกอกในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นที่สถานีรถไฟฟ้า MRT สวนจตุจักร โดยต้องขอขอบคุณพี่ที่ทำงานคนหนึ่งที่มาส่งถึงหน้าทางลงสถานีเลย จากนั้นมุดดินไปสิครับ ปลายทางที่จะไปตอนนี้คือ "หัวลำโพง" โทรไปถามคอลเซ็นเตอร์ ตั๋วรถไฟกลับสุราษฎร์ธานีเหลืออีก 3 ที่ รีบมาก น้ำตาจิไหล ต่อ..... ลงบันไดเลื่อนแบบมึนๆไป เดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้เดินท่าไหนก็เจอเค้าเตอร์ขายตั๋ว ซื้อจากเค้าเตอร์ก่อนแล้วกันเป็นเที่ยวปฐมฤกษ์ 555+ จากนั้นก็เดินไปที่ทางเข้า ก็พอเคยอ่านมาจากเน็ตมาว่าแค่เอาเหรียญโดยสารไปถือผ่านๆแถวๆด้านหน้าประตูกั้น...ผ่านไปได้ด้วยดี 555+ ตื่นเต้นมาก จากนั้นก็ไปยืนรอ สักพักก็มา รีบขึ้นไปสิครับ ยืนเกาะเสาไปตลอดสาย
ออ..ในสถานีรถไฟฟ้าเค้าห้ามถ่ายรูปเหรอครับ ทำไมหว่า...ผมนิทำตามกฏมาก เลยไม่ได้หยิบกล้องมาถ่ายสักใบเลย
"สถานีต่อไป สถานีหัวลำโพง, ซึ่งเป็นสถานีปลายทาง, ขอขอบคุณที่ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร" เย้ ถึงซักที
หลังจากออกจากรถไฟฟ้าแล้วก็เดินหาทางออกสิครับ 555+ เดินไปเรื่อยๆ ตามป้ายที่ชี้ไปหัวลำโพงเท่านั้น ก็ไม่มีปัญหาอะไร ประตูไหนไม่รู้แต่พอออกไปก็ถึงสถานีเลย
ค่า MRT จากสวนจตุจักร>หัวลำโพง
42 บาท
รอช้าอยู่ใยไปจองตั๋วรถไฟสิจร๊ะ
และแล้ว....ก็มีรถกลับบ้าน 2 ที่นั่งสุดท้าย น้ำตาจิไหล
มีรถกลับบ้านแล้วก็เริ่ม Slow Life ได้ 555+
ขณะนี้เวลา 17:52 น. รีบไปเช็คอินที่พักทันที โดยที่พักที่ได้ก็เพิ่งจองไว้เมื่อวานนี่เองมั่วๆไป
โดยการเดินทางผมต้องนั่ง MRT จากหัวลำโพง กลับไปลงที่สถานีลุมพินี ลุมพินีสเต๊ชั่น จากนั้นก็เดินๆๆๆๆๆๆๆๆ
ตามนี้แหละ ครึ่งกิโล...หมายถึงน้ำหนักอะลดไปครึ่งกิโล 555+ ยิ่งผอมๆอยู่ด้วย
MRT หัวลำโพง > ลุมพินี 21 บาท
ถึงแล้วที่พัก ที่ซุกหัวนอนในคืนนี้ของผมคือ ชาลีเฮ้าส์ เป็นอพาร์ตเมนต์ครับ อยู่ในซอย Twin Bridge (ซอยหรูมาก สะพานคู่ครับ 555+) คืนละ 540 บาท
ถึงห้องพักเช็คองเช็คอินเรียบร้อย ก็หอบกระเป๋าขึ้นห้อง ไม่ไหวแล้วววววว จะขออาบน้ำก่อนเลย
สภาพห้องพัก
ห้องโถงทางเดินครับ 555+
ไม่แน่ใจว่าแอร์หรือรถแทร็กเตอร์ 55555+ เสียงดังมาก แต่เฮ้ยมันเย็นมากๆ
ห้องน้ำ ค่อนข้างแคบไปหน่อย ในห้องน้ำมีผ้าเช็ดตัวให้ 2 ผืนครับ
เอาละ....ชาร์จโทรศัพท์ (เพราะกองทัพเดินด้วย Google Map) ชาร์ตแบตกล้อง แล้วก็ไปอาบน้ำแป๊ปครับ
เดี๋ยวก่อน ! ผจญภัยในวันนี้ยังไม่จบ
หลังจากอาบน้ำเสร็จขอท่องมหานครยามค่ำคืนก่อน....ไปไหนดี เปิด Google Map ได้พิกัดต่อไป มาบุญครอง เอ็ม บี เค เซ็นเตออออออร์ ไปถ่ายรูปกัน ! เห็นเค้าถ่ายๆกัน สวยนิ ฟ้ามืดแล้วก็จะไปนิ จับกล้อง...ออกเดินทางกัน
การเดินทาง นั่ง MRT จากลุมพินี > สีลม ราคา 16 บาท เปลี่ยนเป็น BTS ศาลาแดง > สนามกีฬาแห่งชาติ ราคา 25 บาท
ไปเร็วๆเลยนะครับ ยิ่งเล่ายิ่งอาย เก้ๆกังๆ มึนๆ สงสัยหิว 555+
ถึงสถานีปลายทาง สนามกีฬาแห่งชาติ ออกจากสถานี ตื่นเต้นๆ ...ไปถ่ายรูปมุมมหาชนกันเบย
ให้ภาพมันอธิบาย #ตะเตือนใต มีอีเว้นท์แรก
เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ เดิน MBK ก็ได้
เดินไปเดินมา เดินมาเดินไป นิตรูมาซื้ออะไรนิ 5555+
ไม่อยากบอกว่าในที่สุดหลงเข้าไปในโซนขายพวกเสื้อผ้า เครื่องประดับ ถ้าจำไม่ผิด Fashion Zone ชั้น 3 อะครับ เขาวงกตชัดๆเลย หาทางออกไม่ถูก เดินตรงไป ตัน เลี้ยว ตรง ตัน พ่อต๋าแม่ต๋า ช่วยด้วย 55555+
โชคดีที่หยิบแผนที่ห้างมา เลยตั้งสติ ค่อยๆเดิน เลยหลุดออกมาได้ กลับดีกว่า 555+ ก่อนกลับแวะซื้อของขวัญให้ตัวเองหน่อยได้หูฟัง Sony มาเส้นนึง
ออกจากห้างได้ หยิบกล้องมาถ่ายรูปซะหน่อย (ศูนย์การค้าเรียกเพื่อนซะห้างเลย 555+)
เดินทางกลับ BTS สนามกีฬาแห่งชาติ > ศาลาแดง 25 บาท เปลี่ยนสาย MRT สีลม > ลุมพินี 16 บาท เปลี่ยนสาย เดิน 0 บาท
สรุป.....ไม่ได้กินข้าว ! แวะเข้าเซเว่น ซื้อน้ำซื้อหนม ขึ้นห้องพัก กิน อาบน้ำอีกครั้ง นอน
ก่อนนอนเมื่อคืนก็ได้มีการวางแผนการเที่ยวในวันต่อๆไปครับ จับใส่ดาวบน Google Map ดังนี้
เที่ยวครบทุกที่หรือเปล่ารอติดตามชมครับ
.........................................................
หลังจากที่หลับเป็นตาย เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้นตอนตี 5 แล้วจะตื่นขึ้นมาทำม๊ายตอนนี้ คำตอบคือ...จะไปถ่ายรูปแสงวันใหม่ของเมืองกรุง
หลังจากได้อาบน้ำเสร็จก็เกือบ 6 โมงเข้าไปแล้ว สโลไลฟ์มาก หลังจากนั้นก็ออกเดินทางได้ แต่ทว่า... ประตูที่ล็อบบี้ยังไม่เปิด...ตายละ ทำไงละทีนี้ หลังจากยืนหมุนอยู่สักพักนึงหันไปเห็นป้ายกระดาษติดไว้ข้างทางลงตรงบันได ว่าถ้าต้องการออกก่อนเวลาเปิดให้โทรไปแจ้ง ต่อเบอร์อะไรไม่รู้ลืมแล้ว รอช้าไม่ได้รีบกลับขึ้นห้องแล้วแจ้งไป จากนั้นก็ลงมารอด้านล่าง สักพักก็มีพนักงานแบบว่ายังงัวเงียอยู่ มาเปิดประตูทางด้านข้างให้ ตอนนั้นผมรู้สึกผิดมาก นี่เราปลุกคนกำลังนอนแบบสบายๆให้ลุกขึ้นมาเปิดประตูให้เลย หลังจาก ขอโทษและขอบคุณเรียบร้อย ผมก็รีบเดินไปขึ้น MRT ทันที
พอถึง MRT สถานีลุมพินี รีบเดินไปที่เค้าเตอร์ขายตั๋ว พูดอย่างมั่นใจ ซื้อบัตร วัน เดย์ ทริป (One Day Trip) อ๊ายยยอายย มีที่ไหน มันคือ One Day Pass ฮ่าๆๆๆ อยู่ใต้ดินทีนึงแล้ว แทบจะมุดดินหนี
หน้าตาของบัตร One Day Trip เอ้ยยย One Day Pass ราคา 120 บาท เดี๋ยวจะมาคิดดูว่าวันนี้คุ้มมั้ย
เริ่มต้นเดินทางโดย MRT สถานีลุมพินี > สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ตั๋วธรรมดา 19 บาท) จะไปถ่ายรูปที่สวนเบญจกิติครับ หวั่นๆอยู่ในใจว่า รปภ.จะให้ถ่ายหรือเปล่า แต่ก็ลองดูกันสักตั้ง 55+ มาแล้ว คิดแล้ว ว่าต้องไปให้ได้ เราถ่ายเพื่อบันทึกความทรงจำไม่ได้ถ่ายเชิงการค้า คงไม่เป็นไร (มั้ง)
หลังจากนั่ง MRT (รอบนี้ได้นั่ง) ผ่านไป 1 สถานี จึงลงที่สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์จากนั้น...เดิน
เป็นอีเว้นท์อีกแล้ว คือประตูทางฝั่งศูนย์ประชุมฯยังไม่เปิด อีกทั้งมีคนยืนต่อแถวทำอะไรสักอย่างเยอะมากๆๆๆๆ เลยต้องเดินๆๆๆๆ ไปเข้าอีกฝั่งนึง จะทันมั้ยเนี้ยยยย
ในที่สุดก็ถึงแล้ว งดงามมมมม รีบหยิบกล้อง และก็แน่นอนแอบใช้ขาตั้งด้วย แต่ก็ระวังไม่ให้ไปเกะกะคนที่เค้ากำลังวิ่งออกกำลังกายด้วย (ระวังกล้อง)
คือตามหลักการถ่ายแสงเข้าแล้วผมมาไม่ทันครับ อาทิตย์เริ่มๆขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรถ่ายต่อไป
เลนส์กว้างได้แค่นี้ ไม่สะใจเลย ตอนนี้ถ่ายมาแบบไม่คิด ไม่ได้จัดองค์ประกอบอะไรเลย ตื่นเต้นมาก กลัวยามมาไล่ครับ
เดินไป ถ่ายไป ถ่ายเสร็จ เก็บขาตั้งกล้อง แล้วเอามากางใหม่ แล้วก็ถ่าย แล้วก็เก็บ ทำแบบนี้เแหละครับ 555+
และอีกใบ ถ้าได้มุมกว้างกว่านี้ซะหน่อยนะ ตอนนั้นลืมคิดเรื่องถ่ายพาโนราม่าเลย
หมดแล้วครับ ถ่ายมาหลายใบแต่ที่เหลือรูปเสีย หลังจากนั้นก็ตั้งขาแล้วถ่ายรูปตัวเองมานิดหน่อย ซึ่ง รปภ.ก็ปั่นจักรยาน ไปมาหันมามองก้ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ
ลาก่อน สวนเบญจกิติ ไว้โอกาสหน้าจะมาใหม่...
สถานีต่อไป ใกล้ๆนี้ ลองไปเดินตลาดคลองเตยซะหน่อย หาอะไรกินด้วย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
นั้นไงที่พักอยู่แถวๆ ลุมพินีทาวเวอร์ แต่เอาเข้าจริงไกลจัง
เดินเข้าตลาดแล้ว ไหนๆ มีไรกินบ้าง
ไม่ค่อยเห็นมีไรกินเลย เดินไปเดินมา ออกไหนไม่รู้ 555+ เห็นเขียนว่าตลาดคลองเตย 2 เดินเข้าซอยไป ขี้เกียจเดินแล้วไม่เห็นมีอะไรกินเลยอะ ทำไงดี
หันไปเห็นน่าจะของกินแน่ๆ เดินเข้าไปดู ร้านนี้แหละ ขี้เกียจเดินแล้ว เก็บแรงไว้ วันนี้มีเพลีย
ข้าวขาหมู ทายสิราคาเท่าไหร่ เฮ้ย 30 บาท ถูกกว่าประเทศสุราษฎร์อีกอะ รสชาติก็โอเคครับ แต่ข้าวแข็งไปหน่อย อิอิ
มีน้ำชาด้วย โหยยยย ย้ำ 30 บาท
อิ่มแล้วจ่ายค่าเสียหายเรียบร้อย จึงกลับห้องพักไปอาบน้ำอีกซักรอบก่อนครับ ตอนนี้เปียกไปทั้งตัวแล้ว ร้อนมาก แล้วจะไปเก็บกระเป๋า เตรียมอพยพย้ายโรงแรมครับ คืนนี้ผมจะไปพักแถวๆ หัวลำโพง โพง โพง โพง
เดินทางกลับที่พัก MRT สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ > สถานีลุมพินี (ถ้าตั๋วธรรมดา 19 บาทแต่ผมใช้ One Day Pass ครับ)
อ่า นี่ไงครับ ทางเข้าที่พัก ตอนแรกเข้าพักไม่ได้ถ่ายไว้ เพราะมืดแล้ว
ไปอาบน้ำ เก็บกระเป๋าก่อนครับหลังจากอาบน้ำรอบที่ 2 ของวันเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางไปที่ที่พักอีกแห่ง คืนนี้จะพักโฮสเทลแถวๆหัวลำโพงครับ แต่ว่าเปิดให้เช็คอินได้ตอนบ่ายโมง เลยจะไปฝากกระเป๋าไว้ก่อน
เดินไปขึ้น MRT สถานีลุมพินี > หัวลำโพง (ถ้าตั๋วธรรมดา 21 บาทแต่ผมใช้ One Day Pass ครับ)
ถึง MRT หัวลำโพงแล้ว แต่ดั๊นออกผิดช่อง ไปโผล่ทางออกที่ติดกับสถานีรถไฟหัวลำโพงเฉยเลย 555+ งานเดินอ้อมก็มา
ถึงแล้วที่ซุกหัวนอนในคืนนี้ @หัวลำโพง คืนละ 850 บาท ค่อยมาถ่ายรูปในห้องให้ดูหลังเช็คอินแล้วนะครับ ตอนนี้ขอไปฝากกระเป๋าไว้ก่อน ค่าฝาก 20 บาทนะครับ เก็บในห้องล็อคกุญแจอย่างดี
ความจริงแล้วประตู MRT หัวลำโพง ทางออกที่ 1 กับ 4 อยู่หน้าโรงแรมเลย แต่เดินแบบไม่รู้ทิศทาง
หลังจากฝากกระเป๋าแล้ว ขอไปสำรวจในหัวลำโพงแป๊ป ชานชลาอยู่ตรงไหนยังไง เกิดมายังไม่เคยนั่งรถไฟครับ
เป้าหมายต่อไปของวันนี้ จะไปวัดสระเกศ หรือวัดภูเขาทองครับ แล้วจะไปยังไงละ ???
ก็เดินไปเดินมา ถามตุ๊กๆ คันหนึ่ง 120 บาท รู้สึกว่าแพงไป สักพักมีคนขับรถตุ๊กๆ อีกคนหนึ่งก็เข้ามาถาม จะไปไหนยังไง ผมบอกจะไปวักภูเขาทอง ตอนแรกเค้าก็แนะนำ แต่เฮ้ยผมก็มึน 55+ พูดไปพูดมา บอกว่าไปส่งมั้ย ผมถามเท่าไหร่ 100 ผมนิปากไปตอบตกลงเฉย คิดว่าแพงไปหน่อย ถ้าเรียกแท็กซี่อาจจะไม่ถึง 100 (มั้ง) ครับ เอาไงเอากัน ได้ชมบรรยากาศด้วย แต่คนขับก็พูดจาดีนะครับ มีความประทับใจอยู่
เลี้ยวเข้ามาส่งถึงในวัดเลย ดี้ดี แต่ว่า....อีเว้นท์ !!! กำลังบูรณะวัดครับ แต่ไม่เป็นไร ไปต่อ
เจอทางขึ้นแล้ว ไปกันเลย ไปทำบุญกันครับ
ระหว่างทาง อดใจไม่ไหว แชะๆมา
ผ่านตรงไหนมีระฆัง เห็นเค้าตีกัน ผมก็ตีด้วย
ขึ้นไปถึงข้างบน ก็พบกับวิวกรุงเทพแบบมุมสูงๆหน่อย เป็นครั้งแรก มีแต่หมอกควันทั้งนั้นเลย
นั้นน่าจะเป็นพระบรมมหาราชวัง
จากนั้นก็เข้าไปไหว้พระ ทำบุญข้างใน แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาครับ
จากนั้นก็เดินผ่านช่องเล็กๆเพื่อขึ้นไปนมัสการพระบรมบรรพต หรือภูเขาทอง ที่เป็นเจดีย์อยู่ด้านบนนะครับ ทางขึ้นค่อนข้างแคบและเพดานต่ำ ใครสูงๆ ก็ต้องเดินแบบก้มๆครับ โดยทางขึ้นกับทางลงจะแยกกันนะครับ ห้ามสวนกัน
มุมได้เท่านี้ครับ องค์ใหญ่มากกกกกก ผมนี่ถอยสุดแล้วได้มาเท่านี้ ภาพเอียงด้วย
วิวรอบๆครับ
มองเห็นสะพานพระราม 8 ด้วย
หลังจากนั้นก็ลงไปด้านล่างครับ โดยทางลงจะคนละทางกับทางขึ้น งงกันตัวเองว่าทำไมไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย
ต่อไปผมจะไปเที่ยวถนนข้าวสาร เพราะมีคำเชิญมาจากเฟสบุคของพี่ สมาชิกหมายเลข 3190197 คห.ที่ 2 ขออนุญาตเรียกชื่อ พี่มะนาว นะครับ... ว่าให้ไปหาข้าวสารด้วย จัดไป ! ครับ เคยพูดคุยและคอยติดตามผลงานของพี่เค้าในเฟสบุค ยังไม่เคยเจอตัวเป็นๆ
วิธีการเดินทาง ... เดิน ครับ
ใช้ Google Map นำทางเหมือนเดิมครับ โหยยย 1.5 กิโลเอ๊งงงงง
เดินผ่านซอยเล็กๆ เลียบวัดมาเรื่อยๆตามแผนที่บอก
ข้ามคลองมหานาค
ผ่านพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ติดโลหะปราสาทมาด้วย เสียดายที่ไม่ได้เข้าไป
เห็นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว ถ้ามาถ่ายรูปตอนเย็นคงสวย แต่เดินทางกลับลำบากเลยไม่ได้มีแผนมาตอนเย็นครับ
มุมใกล้ๆ
ถ้าอยู่บนดินผมไว้ใจ Google Map
ถึงแล้ว ถนนข้าวสาร ฝรั่งเยอะจริงๆ กลางคืนคนคงเยอะมากๆ
หลังจากได้เข้าไปทักทายและเดินถ่ายรูปเล่นกลางแดดเปรี้ยงๆๆๆๆ ตอนเที่ยงเป๊งๆๆๆเลย อิเป็นลม 555+ (ไม่มีรูปนะครับ เพราะไม่ได้ขออนุญาตจากพี่เค้า ^^) ก็ถึงเวลาออกเดินทางต่อ จุดต่อไป วัดโพธิ์ครับ ก็ได้รับคำแนะนำจากพี่มะนาวเรื่องเส้นทางไป เพราะตอนนี้จะมีการปิดถนนข้างสนามหลวงเพื่อให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ผมก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เข้าไปสักการะ อันเนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัด
หลังจากเดินผ่านด่านตรวจกระเป่า เพื่อเข้าไปในเขตสนามหลวงแล้ว ผมก็กะว่าจะเดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่พอดีมีรถฟรีรับส่ง เลยไม่ต้องเดินไปครับ เป็นรถคลาสสิคๆหน่อย รถจะวิ่งผ่านวัดพระแก้ว ไปสุดสายที่แยกวงเวียน รด.
ระหว่างทางก็พยายามเก็บภาพมาครับ
นั่งรถคันนี้มา
จากนั้นก็เดินผ่านถนนท้ายวัง ผมเดินไปเรื่อยๆครับ หาประตูเข้าไม่เจอ 5555+
หลังจากเข้ามาในวัดแล้ว เดินผ่านจุดขายตั๋ว โดยเดินผ่านช่องคนไทย แสดงบัตรประชาชนเข้าฟรีนะครับ ต่างชาติ คิดเงินครับ แต่ไม่ได้ดูราคามา ผมก็เดินผ่านเข้าช่องคนไทย แต่ !!! มีเสียงดังมาจากฝั่งที่คอยเช็คตั๋ว .... ยูว์ๆ คุณๆ ผมนี่ตกใจ ห๊ะ ครับ คนไทยครับ พร้อมยกบัตรประชาชนให้ดู คนนั้น อ้อ โอเคๆครับ สงสัยคิดว่าเป็นคนเกาหลี อิอิ
ไม่รอช้า โบสถ์ใหญ่ๆ (เรียกผิดขออภัย) นั้นแหละมีพระนอนอยู่ โดยห้ามใส่รองเท้าเข้าไปนะครับ โดยจะต้องถอดแล้วหยิบถุงผ้ามาใส่แล้วหิ้วไปกับตัวครับ
องค์ใหญ่มาก
ถ่ายจากตรงกลางๆ
ถ่ายจาก เอ่อเรียกว่าอะไรครับ เท้าของพระ ถ่ายจากข้างนอกผ่านซึ่หน้าต่างครับ
คนเยอะมาก ทั้งไทยและเทศ
จากนั้นเดินวนไปทางด้ายหลังครับ ระหว่างทางจะมีบาตรให้ใส่เงินทำบุญ ครับ
เศียรพระนอนวัดโพธิ์ด้านหลังครับ ไม่ค่อยมีคนถ่ายเท่าไหร่
หลังจากได้ทำบุญ และถ่ายรูปพระนอนเป็นที่ระลึกเรียบร้อยก็เดินออกมาจากโบสถ์ครับ
จากนั้นก็เดินชมวัดเรื่อยๆ ยักษ์อยู่ไหน ???
ยังเดินหายักษ์ แต่ก็หาไม่เจอครับ สรุปมีหรือเปล่าครับ ยักษ์วัดโพธิ์ในตำนาน หันไปทางไหนก็เจอแต่รูปปั้นที่เป็นแบบจีนๆ
แบบนี้เต็มไปหมดเลย
ไอแอมลุกคิ้งฟอร์ยักษึ แวร์อีสยักษึ
พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล
หรือว่ายักษ์ที่ว่า...ที่อยู่ที่ซุ้มประตูนี่เหรอครับ
สรุปคือหายักษ์ไม่เจอครับ แต่ก็เดินชมจนเพลินเลย จึงได้เวลาออกเดินทางไปจุดต่อไป แถวๆนี้แหละ
หลังจากเดินออกมาจากวัดก็เปิด Google Map อีกแล้ว เดินต่อไปบนถนนท้ายวัง ไปที่ท่าเรือท่าเตียนเพื่อที่จะข้ามฟากไปฝั่งวันอรุณครับ
ถึงแล้ว จะได้นั่งเรือข้ามฟากครั้งแรก
ค่าเรือคนละ 4 บาทครับ
ระหว่างเรือกำลังแล่นข้ามฟาก ก็เก็บภาพไปเรื่อยๆครับ (อีเว้นท์ อีกแล้ว พระปรางค์วัดอรุณก็บูรณะอยู่เหมือนกัน )
มีลำแสงด้วย
ข้ามฝากเรียบร้อย ตอนนี้ก็อยู่ที่วัดอรุณเรียบร้อย ชื่อเต็ม วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
ณ จุดๆ นี้ หลังจากตอนเช้าที่กินข้าวขาหมูที่ตลาดคลองเตย ก็ยังไม่มีอาหารหนักๆ ตกถึงท้องเลย มันไม่หิว กินไม่ลง หิวแต่น้ำครับ กินแต่ชาเขียวหมดไป 4 ขวดแล้วครับ อาจจะเพราะมาเที่ยวคนเดียว เลยไม่อยากกิน (มั้ง)
แค่นี้ก่อนนะครับ ง่วงแล้วเดี๋ยวมาต่อพรุ่งนี้ครับหลังจากข้ามฟากมาฝั่งวัดอรุณเรียบร้อยแล้วก็เดินชมความงามของวัด
และก็ได้เจอยักษ์วัดแจ้ง
ยักษ์
เดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ อากาศค่อนข้างร้อน
พระปรางค์วัดอรุณ กำลังบูรณะ งดงามมาก
ในตอนแรกกะว่าจะนั่งเรือด่วนเจ้าพระยาจากท่าวัดอรุณไปลงที่ท่าเรือสาทร แต่มีเที่ยวเรือตอนประมาณ 4 โมงหรือ 4 โมงครึ่ง จำไม่ได้ เลยตัดสินใจเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางไปนั่งรถแท็กซี่แทน จึงเดินออกไปขึ้นรถที่แถวๆถนนอรุณอมรินทร์ เพื่ออจะไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ที่วงเวียนใหญ่
ซึ่งความจริงแล้วอาจจะมีรถเมล์ แต่ยังขึ้นไม่เป็นครับมีความกลัวว่าจะผิดสาย ลงเลยป้าย อะไรประมาณนี้เลยตัดสินใจโบกแท็กซี่ดีกว่า เพิ่งเคยนั่งแท็กซี่ครั้งแรกในชีวิตด้วย
ถึงแล้ว ใช้เวลากี่นาทีจำไม่ได้ รถติดนิดหน่อย แต่จ่ายไป 45 บาท ถูกกว่าตุ๊กๆอีก 555+
หลังจากถึงสถานีวงเวียนใหญ่ก็ตรงไปซื้อบัตร One Day Pass ที่เค้าเตอร์ (ซื้อตอนนี้จะคุ้มมั้ยเนี้ย) ราคาบัตร 140 บาท เป็นแบบสอดเหมือนกับแบบรายเที่ยว มีหน้าตาแบบนี้
สถานีต่อไป BTS วงเวียนใหญ่ > สะพานตากสิน (ราคาปกติ 15 บาท)
นั่งผ่านสถานีกรุงธนบุรี ก่อนถึงสถานีสะพานตากสินจะรู้สึกว่ารถไฟหยุด ผมสงสัยว่าหยุดทำไม มาหาข้อมูลดูต้องรอให้รถไฟฟ้าอีกฝั่งผ่านมาก่อน เพราะสถานีเป็นรางเดี่ยว สักพักรถไฟฟ้าก็ค่อยๆเคลื่อนที่เข้าไปจอดในสถานีครับ
ถึงแล้วหาก็หาทางขึ้นไปบนสะพานครับ จะขึ้นไปถ่ายรูป
ถ่ายๆมาครับ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร รีบๆถ่าย อยากกลับไปอาบน้ำแล้ว
ไม่มีแผนไปเอเชียทีค ถ่ายจากตรงนี้แหละ 5555+
ตอนนี้หมดแรงแล้ว ขอกลับไปเช็คอินที่โรงแรมและอาบน้ำก่อนครับ เพื่อจะได้ออกเที่ยวต่อตอนเย็น
การเดินทาง
BTS สะพานตากสิน > ศาลาแดง (ราคาปกติ 28 บาท)
เปลี่ยนเป็น MRT
MRT สีลม > หัวลำโพง (ราคาปกติ 19 บาท)
ในวันสุดท้ายจะมาสรุปว่าใช้บัตร One Day Pass ของผมจะคุ้มหรือไม่ครับ
กลับถึงโรงแรม เช็คอินแล้วแอบหยิบนามบัตรมาครับ 555+
พักชั้น 4 เดินขึ้นบันไดขาลากเลย เพิ่งทราบภายหลังว่าที่นี้มีลิฟท์ หน้าฟร้อนท์ก็ไม่บอก
ภายในห้องครับ ขนาดพอดีๆ (อยู่คนเดียวจะเอากว้างไปถึงไหน) ไมกว้างไม่แคบ ห้องสะอาดดี มีผ้าเช็ดตัว สบู่ ยาสระผมให้ครับ
เตียงไม่นุ่มไม่แข็งเกินไปครับ
ห้องน้ำสะอาดดี มีเครื่องทำน้ำอุ่น ประตูห้องน้ำเป็นแบบกระจกเลื่อนเอา
ปกติผมเป็นคนที่หนาวง่ายนะครับ แต่คิดว่าแอร์ที่ 25 องศา ไม่เย็นครับ ต้องปรับน้อยกว่า 20 องศา
หลังจากอาบน้ำเป็นรอบที่ 3 ของวันเรียบร้อยแล้ว เวลาประมาณ 5 โมงครึ่งแล้วครับเลยจัดแจงจะไปเก็บภาพแสงเย็นอีกวันครับ เป้าหมายต่อไป Skywalk ช่องนนทรีครับ เป็นสถานีที่ที่ใฝ่ฝันไว้ว่าถ้าได้เข้ากรุงเทพเมื่อไหร่ต้องมาให้ได้ พร้อมแล้ว ไปกันเลย
การเดินทาง
นั่งรถไฟฟ้า MRT หัวลำโพง > สีลม (ราคาปกติ 19 บาท)
เปลี่ยนเป็น BTS ศาลาแดง > ช่องนนทรี (ราคาปกติ 15 บาท)
และแล้วก็ออกทางออกผิดอีกแล้ว ต้องลงเดินข้างถนน 5555+ แต่ก็ได้หาขนมรองท้องที่ 7-11 ข้างทาง ได้โกโก้ปั่น 1 แก้วกับขนมไส้กล้วยมา 1 ห่อ รองท้องก่อน พอมีแรงไปถ่ายรูปต่อ
ถึงแล้ว ระหว่างนี้ก็เดินหามุมถ่ายรูปครับ แต่ว่าเลนส์ 18-55 เนี้ยเหมือนจะแคบเกินไป เก็บตึกมาไม่ค่อยหมดครับ เอาเท่าที่ได้ครับ
เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม
ช่วงพีค
ยังไม่หมด
เวลาต่างกันจะย่อมภาพไม่เหมือนกัน
จะเก็บเต็มตึกไม่ได้ไฟรถวิ่ง จะเป็บไฟรถวิ่งตึกแหว่ง #ตะเตือนใต
วิ่งไปอีกฝั่ง
เฮ้ออออ พอและ มารอบหน้าต้องมาแก้มือใหม่ครับ
สถานีต่อไป... ตลาดนัดสวนรถไฟ
การเดินทาง BTS ช่องนนทรี > ศาลาแดง (ราคาปกติ 15 บาท)
เปลี่ยนสายไปนั่ง MRT สีลม > ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย (ราคาปกติ 30 บาท)
ระหว่างเปลี่ยนสายเป็น MRT ก็ได้เกิดอาการปวดหัวเข่าขึ้น สงสัยเพราะเดินมาก
พยายามไปตามป้าย หาทางออกที่ถูกต้องที่สุด และใกล้ที่สุด เพราะตอนนี้ปวดหัวเข่ามากๆๆ (แต่ก็ยังดันทุรังมาจนได้ 55+)
พอถึงสถานี ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ก็มาโผล่ออกทางออกที่หน้าปากซอยเลย จากนั้นก็เดินเข้าไปก็จะเจอตลาดนัดสวนรถไฟ
เห็นแต่ลานขายของโล่งๆ แล้วเค้าไปถ่ายรูปกันตรงไหนเนี้ย ที่มองเห็นเต๊นท์เป็นสีสวยๆ เลยโพสต์ถามไว้ในเฟสบุค เผื่อมีคนตอบ 55+
จากนั้นก็เดินๆ เพื่อหาของกิน
ของกินก็เยอะอยู่ครับ ราคาก็ปกติ ไม่ได้แพง
พวกอาหารทะเลเยอะมากครับ กุ้ง หอย ปู ปลา ตัวโตๆ ผมมาจากใต้แต่คงไม่คิดมากินอาหารทะเลที่กรุงเทพหรอกนะ
อ่าววันนี้ 25 ธันวาคม 2559 วันคริสต์มาสนี่หน่า เที่ยวจนลืม เมอร์รี่คริสต์มาส
ไม่รู้จะกินอะไรดี เหลือไม่ถูก ซื้อน้ำมะพร้าวมา 1 แก้วกับ ทาโกะยากิมา 6 ลูก
ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะถ่ายรูปที่ไหน หมดแรงเดิน หมดถ่ายรูปแล้ว อยากนอนนแล้วเลยขอกลับที่พักดีกว่า
ระหว่างเดินกลับถ่ายวีดีโอไปเลย
เดินทางกลับ MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย > หัวลำโพง นั่งยาวไปเลย (ราคาปกติ 35 บาท)
กลับถึงที่พัก อาบน้ำเป็นครั้งที่ 4 แล้วก็...นอน
หลับเป็นตาย ตั้งนาฬิกาปลุก ตี 5 เพื่อที่จะไปถ่ายรูปหน้าหัวลำโพง แต่ก็เลื่อนนาฬิกาปลุกไปหลายรอบเพราะสถานที่ถ่ายรูปอยู่ข้างล่างนี้เอง
ได้เวลาตื่นจริงๆ อาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็รีบลงไปถ่ายรูปเลย
เดินหามุมอยู่สักพักหนึ่ง หัวซ้ายหันขวา เอามุมนี้ก่อนแล้วกัน ถ่ายมาหลายภาพ คัดมาให้ชม 3 ภาพครับ (มือใหม่)
หลังจากนั้นท้องฟ้าก็สว่างแล้ว หาของกินรองท้อง ได้หมูปิ้ง 2 ไม้ ข้าวเหนียว 1 ถุง รวม 30 บาท นั่งกินไป หลับไป
นั่นไงตึกแหว่ง ตึกมหานคร ตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย
สถานีต่อไป Google Map โปรดนำทางข้าน้อยด้วยเถิด
ระหว่างเดินไปวัดไตรมิตร,เยาวราช ก็รู้ตัวเองดีว่าขาไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยแวะร้านยา ซึ้อยามานวดซะหน่อย
แต่ไม่มีที่นั่งเลยต้องเดินต่อไป และวัดไตรมิตรก็ยังไม่เปิดให้เข้าไปสักการะหลวงพ่อทองคำ เลยเดินเลยไปเยาวราชก่อน ยังเช้าอยู่คงไม่มีอะไรขาย แต่ก็ขอไปดูก่อนครับ ไม่รู้จะไปไหนแล้ว
เดินถึงแยกวงเวียนโอเดียน เลยมีที่นั่งพัก (หน้าร้านอะไรสักอย่างที่ยังปิดอยู่) จากนั้นก็จัดแจงทายาทันที ไม่ไหวแล้ว (ยาร้อนและแสบไปทั้งวัน)
ไปเซอร์เวย์เยาวราชกัน
ถึงแล้ว คิดในใจเรามาทำไมตอนนี้ กลับ !
กลับโรงแรมดีกว่า คิดไม่ออกแล้วว่าจะไปไหนดี กว่าจะถึงเวลาขึ้นรถไฟหลับบ้านก็ 4 ทุ่มนู้น
กลับโรงแรม ถึงโรมแรม 8 โมงกว่าๆ อาบน้ำอีกครั้ง ทายาใหม่ ชาร์จแบตให้เต็ม เพราะหลังจากนี้ไม่มีที่ชาร์จแล้ว จากนั้นก็นอนพัก พร้อมกับคิดว่าจะไปไหนต่อดี
อีก 15 นาที 11 โมงเช้า ได้เวลาแล้ว ตามแผนที่คิด เช็คเอ้าท์แล้วจะฝากกระเป๋ากับขาตั้งกล้องไว้ก่อน แล้วจะไปกินอาหารเที่ยงที่ อนุสาวรีย์ชัยฯ จะอะไรหละก๋วยเตี๋ยวเรือ จากนั้นก็ถ่ายรูปอนุสาวรีย์มาสักหน่อย จากนั้นจะนั่ง BTS กลับมาที่สถานี ราชเทวีเพื่อที่จะเดินไปเที่ยว พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า คงไม่หลงอีกนะ
ไปกันเลย
การเดินทาง
MRT หัวลำโพง > สุขุมวิท (ซื้อเหรียญโดยสารผ่านตู้ 28 บาท)
เปลี่ยนเป็น BTS อโศก > อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยาวววววไป (ซื้อบัตรโดยสารผ่านตู้ 37 บาท)
ออกจากสถานีก็เดินตรงมาตามลูกศรบอก จะพบกับ...
หาตำแหน่งร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วก็เดินถ่ายมาเรื่อยๆ
ลงจาก Skywalk ก็เดินหาร้านก๋วยเตี๋ยว สั่ง และกิน หิวมาก ได้ถ่ายมา 1 รูป 55+
อันนี้ถ่ายจากมือถือเพื่ออัพลงเฟส อวดเพื่อน 555+ สั่งมา 4 ชาม อิ่มพอดี ชามละ 12 บาทครับ
หลังจากอิ่มแล้วก็จะเดินทางไป พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า
นั่ง BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ > พญาไท (15 บาท) จากนั้นก็เดินเอาครับ อาการปวดขาก็ทวีคูณขึ้น ... ขาลาก
ถึงแล้ว
หลังจากเดินไปเดินมาในพันธุ์ทิพย์สักพัก ก็คิดว่ากลับดีกว่า ก็ไม่ค่อยมีอะไร แต่ส่าร้านกล้อง ร้านคอม เยอะมาก นี่เรามาทำไม มาแบบไม่มีเป้าหมายเอาซะเลย
ระหว่างลากขากลับ หันไปเห็นรถเมล์ สายมีนบุรี-หัวลำโพง ผมนี่น้ำตาจะไหล ไม่ผิดสาย ไม่ผิดป้ายแน่ๆ รอด้วยยยยยยยย
เป็นอะไรที่ฟิน ได้นั่งพักขา ไปลงหัวลำโพงเลย
9 บาทเอง
ใช้เวลากี่นาทีไม่รู้ แต่เมื่อมาถึงหน้าหัวลำโพงแล้วก็เดินเข้าไปเซอเวย์ที่ชานชลาหน่อย
สถานีถัดไปบางกอก เน็กส์สะเต๊ชั่นบางกอก
คนเยอะแยะ แต่ก็มีที่นั่งว่างๆอยู่ เลยไปนั่งพักกายพักใจสักพักนึง ก่อนเที่ยวต่อ (ยังจะเที่ยวอีก)
หลังจากนั่งพักแล้ว ได้เวลาไปวัตรไตรมิตร ไปนมัสการหลวงพ่อทองคำกันแล้ว ไปเล๊ยยยย เดิน
ไม่เขียนอะไรมากแล้วนะครับ รับชมภาพยาวไป
เมื่อเดินขึ้นไปบนพระวิหารก็จะพบกับ พระพุทธรูปทองคำสุโขทัยไตรมิตร หรือ พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร นับเป็น “พระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก" งดงามมากครับ
คนค่อนข้างเยอะครับ
ภายในพระวิหารก็ประดับตกแต่งอย่างงดงาม
วิวภายนอก มองเห็นตึกมหานครอีกแล้ว สูงจริงๆ
หลังจากได้นมัสการหลงพ่อทองคำและได้ร่วมทำบุญเรียบร้อยแล้ว ก็เดินลงมาด้านล่างแล้วครับ จะไปเยาวราชแล้ว
แวะหามุมถ่ายรูปตอนเย็นนี้ครับ แต่คาดว่ามุมคงไม่ได้ค่อยหามุมอื่นแทน (ไม่กล้าขึ้นตึก)
ระหว่างเดินไปเยาวราชก็ได้แวะลองทานหมี่เย็น ดูยังไม่เคยกินเลย
หวาน เย็น ชื่นใจ
ฟินมาก
มีความสดชื่น
มีอีเวนท์ตลอด จากการที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลว่าที่กรุงเทพส่วนใหญ่ วันจันทร์จะไม่ค่อยมีของขาย ตอนแรกช่วงกลางวันจะไปจตุจักร แต่พอได้ทราบข้อมูลว่าวันจันทร์ไม่มีของขาย ก็เปลี่ยนแผน ที่เยาวราชก็เช่นกัน ของข้างถนนจะไม่ค่อยมีนะครับ มีแต่ที่เป็นร้านตึกแถวกับในซอยบางร้าน
ขอตัวไปซื้อของฝากติดไม้ติดมือก่อนครับ
มาถึงจุดนี้ เดินต่อไม่ไหวแล้วครับ เลยเดินกลับ
ได้ของฝากเต็มไม้เต็มมือ แอบนอยด์เมื่อได้รู้ว่าของบางอย่างที่สุราษฎร์ธานีก็มี ถูกกว่าด้วย
เงาสะท้อน
จากนั้นก้ไปรับกระเป๋าที่โรงแรมคืน แล้วก็เอาของฝากบางส่วนจุกเข้าไปในกระเป๋า เพื่อเป็นการประหยัดแรงหิ้ว ประหยัดที่ด้วย
นั่งพักอีกแล้ว รอเวลา...
ประมาณ 6 โมงเย็น จึงออกเดินไปที่วงเวียนโอเดียนอีกครั้ง เพื่อไปถ่ายรูปแสงเย็น ชมภาพที่ได้กันเลย
ตอนจะกลับผ่านวัดไตรมิตรอีกครั้ง เห็นฟ้ายังไม่มืดเลยแวะเข้าไปถ่ายครับ
กลับถึงหัวลำโพง โดยขากลับได้แวะซื้อข้าวกล่องแช่แข็งจาก 7-11 มาทานด้วย แอบมานั่งกินในศูนย์อาหาร 555+
นั่งพักยาวๆไป เวลาขึ้นเครื่องเอ้ยขึ้นรถไฟ ก็ 4 ทุ่ม 50 นี่ถ้ายังมีแรงก็ยังเที่ยวได้อีกตั้ง 3 ชั่วโมง ตอนนี้ลากขาไปไหนไม่ไหวแล้ว
ลาก่อนกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรไทย เมืองแห่งแสงสี
จบแล้วครับ
โตแล้ว จบแบบนี้ก็ได้ ไม่มีใครว่า
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ ไว้ค่อยมาคิดค่าใช้จ่ายทั้งหมดพรุ่งนี้นะครับสรุปค่าใช้จ่าย แบบละเอียด สรุปเป็นรายวันดังนี้
24 ธันวาคม 2559
ค่าเดินทาง = 145 บาท (42+21+16+25+25+16)
ของกิน = 56 บาท
ช็อปปิ้ง 1,490 บาท (ได้หูฟังมาเส้นเดียว)
ค่าโรงแรม คืนที่ 1 = 540 บาท
ค่ารถไฟกลับบ้าน = 608 บาท
รวม 2,839 บาท
25 ธันวาคม 2559
ค่าโรงแรม คืนที่ 2 = 850 บาท
ค่าบัตร MRT One Day Pass = 120 บาท (19+19+21+19+19+30+35 = 162 บาท คุ้ม)
ค่าบัตร BTS One Day Pass = 140 บาท (15+28+15+15 = 73 บาท ไม่คุ้ม)
รวมค่าเดินทางทั้งหมด = 409 บาท อิเป็นลม
ของกิน = 201 บาท
ทำบุญ = 140 บาท
รวม 1,600 บาท
26 ธันวาคม 2559
ค่าเดินทาง = 89 บาท (28+37+15+9)
ยาทาแก้ปวด = 80 บาท
ของกิน = 296 บาท
ของฝาก = 520 บาท
ทำบุญ = 25 บาท
อื่นๆ = 43 บาท
รวม 1,053 บาท
Grand Total 5,429 บาท (โดยประมาณ)
เพื่อหลายๆคนที่ยังไม่เคยเที่ยวกรุงเทพได้เข้ามาอ่านและใช้เป็นแนวทาง วางแผนค่าใช้จ่ายได้ครับ หลักๆ แนะนำฝึกขึ้นรถเมล์ดีกว่าครับ เห็นค่าเดินทางแล้วสะเทือนใจมาก
สำหรับทริปนี้ไว้แค่นี้ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน เช้ามาชมนะครับ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า เร็วๆนี้
M Anuwat
วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 14.36 น.