zianv4x2fiw3

ทุกครั้งที่ผมอยากจะหนีความวุ่นวาย ผมมักจะหาสถานที่เงียบ ๆ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ไม่ต้องทำอะไรแข่งกับเวลา แล้ว ‘อุทัยธานี’ นี่แหล่ะ ที่จะแว๊บขึ้นมาในหัวผมอยู่เสมอ และก็ไม่ผิดหวังเลย ไปอุทัยฯ ทีไร สุขใจกลับไปทุกที

ถึงแม้ว่าอุทัยธานีจะเป็นจังหวัดที่หลายคนมองข้าม แต่ถ้าได้ทำความรู้จักกับอุทัยธานีอย่างลึกซึ้งแล้ว บอกเลยว่า อุทัยธานี ไม่ธรรมดานะครับ อุทัยธานีเป็นเมืองเก่าที่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว อุทัยธานีมีประเพณีตักบาตรเทโวที่โด่งดังไปทั่วประเทศ อุทัยธานีเป็นที่ตั้งของหมุดโลก 1 ใน 3 ของเอเชียหมุดสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อใช้คำนวณและแบ่งเขตแนวในการลงพิกัดแผนที่โลกครับ

ผมมาเปิดทริปที่วัดจันทาราม หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดท่าซุง ครับ (พิกัด : https://maps.app.goo.gl/AxL3bcrE8jygPNeZ7 )

วัดท่าซุง เดิมเป็นวัดโบราณที่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยา มีเพียงโบสถ์ขนาดเล็ก ต่อมาในสมัยพระราชพรหมยาน หรือที่รู้จักกันดีในนาม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้มีการพัฒนาขึ้นมากมาย ทำให้วัดท่าซุงเป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วประเทศครับ

zomjqdleebme
3g7yeav6mu3m

จุดเที่ยวชมวัดท่าซุงหลัก ๆ จะมี 2 จุดที่ห้ามพลาดนะครับ จุดแรกคือวิหารแก้ว 100 เมตร ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมในวิหาร วันละ 2 รอบ คือ รอบเช้า ตั้งแต่เวลา 09.00 – 11.45 น. และรอบบ่าย เวลา 14.00 – 16.00 น. ครับ

v2pjxa18nf85
yb74urnjk77j

วิหารแก้ว 100 เมตร เป็นวิหารที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำสร้างไว้ก่อนมรณภาพ ภายในวิหาร 100 เมตร ประดับด้วยกระจกใสเกือบทั้งหลัง ปัจจุบันใช้เป็นที่รักษาสังขารร่างของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ไม่เน่าไม่เปื่อยในโลงแก้ว

zilne7okjyk4
lei6mj6zgw1t
96zmycf3wufy
b0aao0mqnpph

ภายในวิหารมีการสร้างเสาที่ประดับด้วยโมเสกสีขาวดูระยิบระยับ ยามต้องแสงไฟยิ่งส่องเป็นประกายงดงามยิ่ง ด้านบนเพดานประดับด้วยช่อไฟระย้าทั้งเล็กและใหญ่กว่า 119 ช่อ นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน (ทรงพุทธชินราช) ด้วยครับ

5uav6psixlts
v8zqkb2mc42u
egfshkgw53cu

อีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดชมนั่นคือ ปราสาททองคำ (ปราสาทกาญจนาภิเษก) สร้างขึ้นในวโรกาสที่รัชกาลที่ 9 ครองสิริราชสมบัติเป็นปีที่ 50 เมื่อปี พ.ศ.2539 ก่อสร้างด้วยการก่ออิฐฉาบปูน มี 3 ชั้นครับ

oueqj0imbjdg
wlpm5pnvc9lz
enyinoj2sd6a
4173i9erg3kk

ลวดลายที่ปรากฏอยู่บนประตู ผนังวิหาร วิจิตรบรรจงมาก

v0y8nvzyjlgf

สำหรับชั้น 2 ตกแต่งเป็นตู้กระจก ใช้เป็นสถานที่เก็บพระพุทธรูปที่ญาติโยมนำมาถวาย มีทั้งพระพุทธรูปเก่าและใหม่ หลายปางเลยครับ

zky0g0eohpxy
4yezbbdheckw
otzajsf3qhxz

มุมนี้งดงามมาก ทั้งพระพุทธรูปจริงและภาพพระพุทธรูปที่สะท้อนกระจก ดูแล้วละลานตาเลยครับ

13dv5m4fbhhz
j4m4q1y4vtkv
sdj2ci3gkhsj

ชั้น 3 ก็เช่นกัน เป็นที่เก็บรักษาพระพุทธรูปที่ญาติโยมนำมาถวาย

ปราสาททองคำเปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. ครับ

จากวัดท่าซุง ไปกันต่อที่วัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์) อีกหนึ่งวัดสำคัญของอุทัยธานีครับ

82bcuife25qa
va946ew30vvd

เพื่อน ๆ ที่จะไปเยี่ยมชมวัดอุโปสถาราม ผมแนะนำให้ปักพิกัด GPS ไปที่ ลานสะแกกรัง (พิกัด : https://maps.app.goo.gl/NBRXsgJNhoeHZDq96 ) จอดรถไว้แล้วเดินข้ามสะพานวัดโบสถ์ ข้ามแม่น้ำสะแกกรังไป จะสะดวกที่สุด เพราะหากเราตั้งพิกัดไปที่วัดอุโปสถาราม GPS จะพาเราขับรถอ้อมไปยังเกาะเทโพ ซึ่งจะเสียเวลาขับรถอ้อมเป็นอย่างมากครับ

z6xtp60fyxqs
0sqlzryao7pp

วิวที่มองออกไปจากสะพานวัดโบสถ์ จะเห็นเรือนแพที่อยู่ในลำน้ำสะแกกรัง อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของจังหวัดอุทัยธานีครับ

fxaj4uc4g1ay
mnr7oywqop5t

วัดอุโปสถารามเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองอุทัยธานีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ตั้งอยู่บนเกาะเทโพ ริมแม่น้ำสะแกกรัง เดิมชื่อวัดโบสถ์มโนรมย์ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า ‘วัดโบสถ์’ เคยเป็นสถานที่รับเสด็จรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือในปี พ.ศ.2449 ด้วยครับ

สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดมี 4 จุดหลัก ๆ คือ มณฑปแปดเหลี่ยม ที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมผสมแบบตะวันตก มีลายปูนปั้นคล้ายไม้เลื้อยที่กรอบหน้าต่างและมีพระพุทธรูปปูนสลักนูนสูงอยู่ด้านนอกอาคาร สร้างขึ้นราวปี พ.ศ.2442 โดยมณฑปแปดเหลี่ยมตั้งเคียงคู่กับเจดีย์สามสมัย เจดีย์ที่มีรูปแบบที่แตกต่างกันทั้งสามองค์ ตั้งเรียงรายอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน ได้แก่ เจดีย์ทรงระฆังศิลปะแบบอยุธยา เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ และเจดีย์ทรงระฆังเหลี่ยมศิลปะแบบผสมผสานระหว่างอยุธยาและรัตนโกสินทร์ สันนิษฐานว่าเจดีย์ทั้งสามองค์ถูกสร้างขึ้นพร้อมกันในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นครับ

4k0o7ulyw5wh

จุดที่ 3 วิหารซึ่งอยู่ด้านซ้าย และจุดที่ 4 อุโบสถซึ่งอยู่ด้านขวา ตั้งอยู่เคียงคู่กัน

n7fqwrptj8zc

ตัววิหารก่อด้วยอิฐถือปูน ด้านหน้ามีจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพถวายพระเพลิงและวิถีชีวิตชาวบ้านสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ผมไม่เคยเห็นการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนไว้ด้านนอกอาคารแบบนี้มาก่อนเลยครับ

4rki9i91l8jx
ruo3xsmk9kie
u4hvvqu1ht4f
gnsz43tdchq6

ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ ขนาบซ้ายขวาด้วยพระพุทธรูปฝั่งละหนึ่งองค์ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงเรื่องราวของพระมาลัย พระอสีติมหาสาวก และพระอสุภกรรมฐาน 10 ด้านบนเป็นภาพชุมนุมพระสงฆ์สาวกสลับพัดยศลายต่าง ๆ ครับ

mq93mi4v6poq
aslbvpmhrpac
mnqqlnc5j146
joukyy5h439q

ในส่วนของอุโบสถนั้น ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยปางมารวิชัย มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างหลวงเขียนในตอนปลายของสมัยรัชกาลที่ 3 บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติเริ่มตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานครับ

qw8x2afj8sr7
m8ut93tyozxr

ฝั่งตรงข้ามกับวัดอุโปสถาราม ตรงจุดที่ผมแนะนำให้จอดรถ นั่นคือลานสะแกกรัง จุดนี้หากสังเกตดี ๆ จะเห็นตัวอาคารถูกทาด้วยสีม่วง สีประจำพระองค์ของสมเด็จพระเทพฯ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ 60 พรรษา ดูสวยงามเลยทีเดียวครับ

of1xwjzjirsi

ไม่ไกลจากลานสะแกกรังมากนักเป็นที่ตั้งของตรอกโรงยา เดิมที่นี่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวจีนและเป็นแหล่งสูบฝิ่นที่ถูกต้องตามกฎหมาย บรรยากาศภายในตรอกโรงยาจะเป็นบ้านไม้โบราณเรียงรายกว่า 150 เมตร ที่ยังคงสภาพเดิมไว้ทุกอย่าง ปัจจุบันทางจังหวัดอุทัยธานีได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ในวันเสาร์ ช่วงเวลา 16.00 – 20.00 น. ให้ตรอกโรงยาเป็นถนนคนเดินกลางเมืองครับ ใครที่อยากจะมาเดินเล่นหาของกินของฝากเมืองอุทัยธานีก็ลองวางแผนการเดินทางกันให้ดี ๆ แต่ถ้าหากใครต้องการจะมาชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชุมชนตรอกโรงยาแบบดั้งเดิม ก็เลือกมาในช่วงเวลาที่ไม่มีการจัดถนนคนเดินดูครับ จะได้ชมกันแบบ 2 บรรยากาศเลย

จากวัดอุโปสถารามผมมุ่งหน้าไปยังวัดสังกัสรัตนคีรี (พิกัด : https://maps.app.goo.gl/DjbDzFAwmNkWvgvt5 )

b4e81okm6rkh

วัดสังกัสรัตนคีรีตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาสะแกกรัง ภายในวิหารประดิษฐาน ‘พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์’ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี ว่ากันว่าภายในพระเศียรของพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุครับ

amj8qiazdmm0

เมื่อเดินออกจากวิหาร เราจะได้เห็นบรรยากาศที่คุ้นตาตามสื่อออนไลน์ต่าง ๆ กับภาพพระสงฆ์ราว 500 รูป พากันเดินลงมาจากยอดเขาสะแกกรังเพื่อมารับบิณฑบาตในประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะนั่นเอง ซึ่งบันไดทั้ง 449 ขั้นนั้น จะพาเราขึ้นไปยังยอดเขาสะแกกรัง ซึ่งด้านบนเป็นที่ตั้งของมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองครับ แต่.. ถ้าใครคิดว่าสังขารตัวเองไม่ไหวแน่ ให้ขึ้นรถแล้วปักพิกัด GPS ไปที่ https://maps.app.goo.gl/DT1Q9Zn5e9ahVaUVA ครับ

rwwa76m7qlg7
0gqmnsafb0t6
kb28npfo2t58

ใครใคร่เดินขึ้นบันได เดิน ส่วนใครที่เดินไม่ไหวก็ขึ้นรถไป ท้ายสุดจุดหมายปลายทางก็อยู่ที่เดียวกันนั่นคือ มณฑปสิริมหามายากุฎาคาร มณฑปทรงไทย ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ.2448 ภายในเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง 4 รอย ที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานตั้งอยู่สี่ทิศ ซึ่งเปรียบให้เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปเทศนาแสดงธรรมโปรดพระพุทธมารดาบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วจึงเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์

ด้านหน้ามณฑปมีระฆังโบราณใบใหญ่ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2443 ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระปลัดใจและชาวอุทัยธานี ถือกันว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าเสียงระฆังนั้นจะดังกังวานไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทำการใดก็จะเป็นที่รู้จักและสำเร็จ

x8577y2i8sgh

ติดกับมณฑปเป็นที่ตั้งของวิหารพุทธรัตนมุนี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2446 ลักษณะสถาปัตยกรรมจีน ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานปูนปั้นนามว่า ‘พระพุทธรัตนมุนี’ ภายในบรรจุพระแก้วมรกตที่นำมาจากเมืองจีน และยังมีพระพุทธรูปอื่น ๆ อีก 6 องค์ รวมเป็น 7 องค์ ด้านหน้าองค์พระเป็นเจดีย์หล่อด้วยทองเหลือง หรือที่เรียกว่า ‘จุฬามณีจำลอง’ อีก 5 องค์ ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ นับว่าเป็นวิหารที่มีคุณค่ายิ่ง

fj1vn3mqg62g
oqazmkz5aghx

ด้านบน สามารถชมวิวเมืองอุทัยธานีได้แบบสุดลูกหูลูกตาเลยครับ

1z93woqayzpa

ติดกับลานจอดรถจะเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกจักรี ซึ่งพระองค์เป็นชาวอุทัยธานี เดิมชื่อ ‘ทองดี’ เป็นพระราชบิดาของรัชกาลที่ 1 โดยรูปหล่อจะตั้งอยู่ภายในพลับพลาจัตุรมุข ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาสะแกกรัง หน้าพระพักตร์หันไปทางเข้าเมือง เปรียบเสมือนพระองค์ท่านคอยปกปักษ์รักษาเมืองจากสิ่งไม่ดี ชาวเมืองอุทัยธานีมีความเคารพเป็นอย่างยิ่ง สังเกตได้จากตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดอุทัยธานีจะเป็นภาพสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกจักรี ประทับอยู่ในพลับพลาจตุรมุขแห่งนี้ รวมถึงคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “เมืองพระชนกจักรี” ครับ

92glrtlvig31
iu34jx0giwa1

จริง ๆ แล้วบนยอดเขาสะแกกรังยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญนั่นคือ หมุดโลก 1 ใน 3 ของเอเชีย โดยหมุดโลกทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ จุด 1 จุดศูนย์กำเนิด หลักหมุดที่ 90 อยู่ที่เขากาเรียนเปอร์ ประเทศอินเดีย จุดที่ 2 หลักหมุดที่ 91 อยู่ที่เขาสะแกกรัง จ.อุทัยธานี และจุดที่ 3 หลักหมุดที่ 92 อยู่ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งเราต้องเดินเท้าจากพลับพลาจัตุรมุขที่ประดิษฐานรูปหล่อของพระปฐมบรมมหาชนกจักรีไปอีกประมาณ 400 เมตร แต่เนื่องจากผมมีเวลาไม่พอ จึงไม่ได้เดินขึ้นไปชมหมุดหลักฐานดังกล่าวครับ

จากยอดเขาสะแกกรัง ผมย้อนกลับเข้ามาในตัวเมืองอุทัยธานีอีกครั้งและมุ่งหน้าสู่ศาลหลักเมืองอุทัยธานีครับ (พิกัด : https://maps.app.goo.gl/yqCFFyRLDPLtrZgWA )

orwjahqkm6nx
vbg5ero9qfbj

ศาลหลักเมืองอุทัยธานีตั้งอยู่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี เป็นศาลาจัตุรมุขทรงไทย มีประตูเข้าออกทั้ง 4 ด้าน หลังคาเป็นยอดปรางค์ และได้มีการสร้างเสาหลักเมืองใหม่ขึ้นมา โดยแกะสลักจากไม้ชัยพฤกษ์ซึ่งเป็นไม้มงคล ยอดเสาแกะเป็นรูปบัวแก้ว พอสร้างเสาหลักเมืองเสร็จก็ประกอบพิธียกตัวเสาหลักเมืองมาไว้ในศาลหลักเมือง ในวันที่ 23 สิงหาคม 2521 ครับ ด้านข้างศาลหลักเมืองจะมีเสาหลักเมืองโบราณตั้งอยู่ด้วยครับ

เที่ยวกันจนหมดแรง วันนี้ผมคงต้องเข้าที่พักแล้ว คืนนี้ผมเลือกเข้าพักที่ TJ Boutique Hotel ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศาลหลักเมืองครับ

fncry5jpd53l
g35pqjwajubj
nhgfli1gvln8
4yuytwt3dke3
yu0m02i0b9ou

TJ Boutique Hotel ให้บริการห้องพักทั้งแบบรายวันและรายเดือนครับ ห้องพักสะอาดสะอ้าน ห้องอาจจะเล็กไปสักนิด แต่ก็ไม่ได้อึดอัดอะไร มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งตู้เย็น กาต้มน้ำร้อน ไมโครเวฟ ไดร์เป่าผม นอกจากนี้ยังมี Welcome fruit ที่มาแบบจริงจัง ทั้งสาลี่ แอปเปิลลูกโต ๆ แถมยังมีส้มหวาน ๆ ให้อีก 1 ลูก

am1oezlqhu93

ราคาห้องพักจะรวมอาหารเช้าแล้ว อาหารเช้าจะมีให้เลือก 4 เมนู คือ ข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มหมู ไข่กระทะ และ ขนมปัง+ไส้กรอก+ไข่ดาว ให้เลือกได้ห้องละ 2 เมนู นอกจากนี้ยังมีขนมเปียกปูนและขนมเค้กไต้หวันให้อีกรวมห้องละ 2 ชิ้น เสริมด้วยกาแฟและน้ำดื่มด้วย โดยเราจะต้องแจ้งเวลาที่เราจะทานมื้อเช้ากับเจ้าหน้าที่ตอนเช็คอิน เนื่องจากพื้นที่ทานอาหารเช้ามีจำกัด เลยจะต้องจัดคิวของลูกค้าให้ไม่ชนกันครับ แล้วอีกหนึ่งสิ่งที่ประทับใจผมคือ ทางโรงแรมจะมอบของที่ระลึกเป็นที่รองแก้วแบบไม้ให้อีก 2 ชิ้นครับ ที่พักโดยรวมถือว่าดีงามเลยทีเดียว พนักงานน่ารัก ที่พักอยู่ในตัวเมือง ห่างจากลานสะแกกรังราว ๆ 2 กม. ครับ

หากพักในตัวเมืองอุทัยธานีแล้ว ผมไม่อยากให้พลาดการไปเดินชมวิถีชีวิตยามเช้าของชาวอุทัยธานีที่ตลาดเช้า ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าจะมาเปิดแผงขายของบริเวณลานสะแกกรังกันนะครับ

b1rhxs3su3c4
17l93vc3rhws
j4gyv0cfuwwz

ผมไปถึงตลาดเช้าตั้งแต่ 6 โมงเช้า พ่อค้าแม่ค้าตั้งร้านกันแล้ว ผู้คนเริ่มพลุกพล่าน ผิดกับเมื่อเย็นวานที่ค่อนข้างเงียบสงบเลยทีเดียว

gfnndu8c9kyd

ผมมองข้ามฟากแม่น้ำสะแกกรังเห็นหลวงพ่อกำลังพายเรือออกมารับบิณฑบาตแล้ว ผมมีโอกาสมาพักค้างคืนอยู่ริมแม่น้ำสะแกกรังครั้งหนึ่ง จำได้ว่าตอนเช้าท่านจะพายเรือมารับบิณฑบาตตามแพที่พักด้วย แต่ปัจจุบันท่านบอกว่าพายไม่ไหวแล้ว เลยพายมาแค่ฝั่งตรงข้าม บริเวณท่าน้ำที่ติดกับลานสะแกกรังครับ

43h2toavz6iy

กลางแม่น้ำสะแกกรังบริเวณด้านหน้าวัดอุโปสถารามจะพบเห็นแพโบสถ์น้ำ อีกหนึ่งจุดสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือในปี พ.ศ.2449 เดิมเป็นแพแฝด 2 หลัง มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันมีป้ายวงกลมจารึกภาษาบาลี “สุ อาคต เต มหาราช” แปลว่า มหาราชเสด็จฯ มา ต่อมาในปี พ.ศ.2519 ได้ซ่อมแซมบูรณะใหม่เป็นหลังเดียวยกพื้น 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา และย้ายป้ายวงกลมมาไว้ที่หน้าจั่วตรงกลางแทนครับ

8ozmr6vy9uze

ท่านจะมารอรับบิณฑบาตอยู่บริเวณท่าน้ำตั้งแต่เวลา 06.00-07.00 น. โดยประมาณครับ เพื่อน ๆ สามารถมาใส่บาตรทางน้ำหรือจะเลือกใส่บาตรกับพระที่เดินบิณฑบาตบริเวณลานสะแกกรังก็ได้นะครับ

0hyiasnwjhka
j559i1bfez0k
6z1xkaaf3fqa
o361vhhbki9v
wxxu90vc6iu5
6n5ntfrmejpn
3fngp7m30c53
6vkbg5ss1ex1
wygy3c4xy55m
q34jm7kbwgo9

ผมว่าการได้มาเดินตลาดเช้าแบบนี้เป็นการได้มาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านแบบใกล้ชิด มาดูว่าเขากินอยู่กันอย่างไร ผมแทบจะไม่ได้เห็นบรรยากาศของตลาดเช้าแบบนี้จากที่ไหนแล้ว ที่ที่พ่อค้าแม่ค้าจะมานั่งบนเก้าอี้เตี้ย ๆ วางแผงขายของกันบนลานกว้าง ที่ที่สินค้าราคาเริ่มต้นไม่ถึงสิบบาท ที่ที่หาของกินของอร่อยได้แบบราคาถูกมาก ๆ แอบนึกในใจว่าตั้งราคาขายแบบนี้ เขาจะได้กำไรกันเหรอ คือแบบว่าเราซื้อของจับจ่ายกันได้อย่างสบายกระเป๋ากันเลยครับ

509pgntqupci
r7vvuq5kx6e2

ก่อนจะออกจากตลาดเช้า ผมแวะสักการะเจ้าพ่อหลักเมือง (ปุงเถ่ากง) ที่ตั้งอยู่ตรงปากทางเข้าตลาดเช้า เดิมศาลแห่งนี้เป็นศาลไม้ สร้างแบบไทยมาก่อน สันนิษฐานว่ามีอายุนับร้อยปี เรียกกันว่าศาลเจ้าพ่อท่าช้าง เนื่องจากมีท่าน้ำของช้างริมแม่น้ำสะแกกรัง ต่อมาในปี พ.ศ.2477 จึงได้สร้างศาลเจ้าปุงเถ่ากงขึ้นมาแทนหลังเดิม

mmx2h7jpnpxw
u15vbhmed6w3
65gvkv31tp7g

ด้านในมีรูปเคารพเทพองค์ประธานของศาลเจ้า ที่มีความแตกต่างเพราะมีลักษณะเป็นเจว็ดหรือแผ่นไม้สักสลักรูปคล้ายเทวดาทรงเครื่อง นุ่งโจงกระเบน ทรงชฎา มือถือดอกบัว มีกระบี่ แสดงถึงการผสมผสานศิลปกรรมไทยจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ลวดลายจะผันเปลี่ยนไปตามฝีมือช่างยุคหลัง จนหลังน้ำท่วมในปี พ.ศ.2554 พบว่าปลวกได้ไปกินองค์เจ้าพ่อ จึงเกิดการซ่อมแซมด้วยการลอกองค์ไปจนถึงชั้นในสุด เผยให้เห็นถึงงานฝีมือของช่างจีนโบราณครับ

d0e0c9wakmvq

มีร่องรอยของภาพวาดเรื่องปรัมปราอยู่ภายในศาลเจ้า

qazq37hce65c
aaggloz9ghkx
dt05aay31y9j

มีภาพเขียนสีอยู่โดยรอบนอกของศาลเจ้าด้วยเช่นกันครับ

k04wokbthw0l

บรรยากาศแถว ๆ ตลาดเช้า ดูคลาสิกมากเลย เหมือนเราได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปเลย

จากอำเภอเมืองผมมุ่งหน้าสู่อำเภอลานสัก เพื่อแวะเที่ยวที่หุบป่าตาดครับ (พิกัด : https://maps.app.goo.gl/2XaHi8zVMXLEzhYb7 )

mpb8ykaowx15
1907q5eplkac

หุบป่าตาดอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน การเข้าชมหุบป่าตาดมีค่าธรรมเนียมในการเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท เด็กคนละ 10 บาทครับ จากจุดเก็บค่าธรรมเนียมเราจะต้องเดินขึ้นบันไดไปตามทางลาดชัน เรียกเสียงหอบได้พอสมควร ระยะทางไปกลับราว 700 - 800 เมตร ครับ

7dxtiqlpswx3
gjmvk6f5k6h7

จากนั้นเราจะต้องเดินผ่านอุโมงค์แห่งกาลเวลาที่ภายในมืดสนิท ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินย้อนเวลากลับไปหาอดีต จนเมื่อถึงปลายอุโมงค์เราจะค่อย ๆ เห็นแสงสว่างเผยภาพอันน่ามหัศจรรย์ของป่าตาดครับ

ptj6f2gbyqqr
a4975sbqujog
iff4jbwda9kd
owgnyy0g2flx

หุบป่าตาดมีลักษณะเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกหินย้อยและมีผืนป่าอันน่าพิศวง เหมือนได้ย้อนกลับไปยังโลกยุคดึกดำบรรพ์เลยครับ ลักษณะของป่าคล้ายป่าดงดิบ มีความชุ่มชื้นสูง หากมาในช่วงกลางวันจะมีแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องลงมากลางหุบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูนสูงชัน ยิ่งทำให้บรรยากาศภายในป่าตาดน่าตื่นเต้นเข้าไปอีก

gm5xuf1uypj2
t08b6bwn3dsg
ads27ol20er6
bajyzvi4ak98
mmzpg6ovzfr3

ภายในหุบป่าตาดมีสภาพภูมิศาสตร์ที่แปลกตาด้วยพันธุ์ไม้หายากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นต้นตาด เต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก ขนุนดิน และถ้าหากใครโชคดีจะได้พบกับสัตว์หายากอย่างกิ้งกือสีชมพู ซึ่งในประเทศไทยพบกิ้งกือสีชมพูได้ที่หุบป่าตาดแห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้น เสียดายที่รอบนี้กิ้งกือสีชมพูไม่ปรากฏกายให้ผมได้เห็นครับ

จากหุบป่าตาดไปต่อที่ถนนใต้ดินบ้านนาตาโพ ในเขตอำเภอบ้านไร่ครับ (พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Ay9gBQ2NESeR9eUb6 )

4hv91x79e9lv
q6uw4fqyc5fj
snr1nq5skbg1

ถนนใต้ดินบ้านนาตาโพ ถนนสายเดียวที่ไม่เหมือนใคร เพราะเป็นได้ทั้งคลองและถนน (ใต้ดิน) อีกด้วย จากถนนที่อยู่ในระนาบเดียวกัน แต่พอเราขับรถไปเรื่อย ๆ เอ๊ะ ทำไมเหมือนมีกำแพงอยู่สองข้างทางซะอย่างนั้น ยิ่งขับเข้าไป กำแพงสองข้างทางก็ยิ่งสูงขึ้นจนระดับสูงกว่าหลังคารถไปซะแล้ว ถนนใต้ดินบ้านนาตาโพมีความยาวประมาณ 2 กม. เป็นเส้นทางที่ชาวบ้านที่อาศัยในละแวกนั้นใช้ลำเลียงผลผลิตทางการเกษตรออกมาจากไร่ แต่พอถึงช่วงฤดูน้ำหลาก น้ำก็จะไหลมาตามถนนสายนี้กลายเป็นคลองโดยอัตโนมัติ

ถนนใต้ดินเกิดจากการทรุดตัวของพื้นดินที่ทรุดตัวลงจากการกัดเซาะของน้ำที่ไหลผ่าน ตามเส้นทางน้ำไหลเป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง ทำให้ดินทรุดตัวลงตามลำดับ พื้นดินบริเวณที่ถูกน้ำกัดเซาะทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องจนต่ำกว่าระดับพื้นดินปกติ กลายเป็นช่องขนาดใหญ่ที่สามารถใช้สัญจรไปมาได้

จากถนนใต้ดินบ้านนาตาโพไปต่อที่ต้นไม้ยักษ์ ในอำเภอบ้านไร่ครับ (พิกัด : https://maps.app.goo.gl/69pdg6fHQS9ivVmq6 )

t303p1q00uok
hpjrywkzrlpy
mvzwnsmmj07x

ต้นไม้ยักษ์ที่ว่า คือต้นเซียง หรือต้นผึ้ง ที่มีอายุกว่า 400 ปี ตั้งตระหง่านท่ามกลางป่าหมาก ที่ล้อมรอบต้นไม้ยักษ์ให้ดูน่าเกรงขามมากขึ้น ต้นผึ้งเป็นไม้เนื้ออ่อน มีพูพอนไว้ค้ำยันลำต้นให้คงอยู่ จากการที่ใช้คนกางแขนโอบ เห็นว่าประมาณ 40 คนโอบเลยครับ แล้วถ้าหากแหงนหน้าขึ้นไปดูบนต้นผึ้ง จะพบเห็นผึ้งป่ามาทำรังอยู่บนต้นผึ้ง มีอยู่หลายรังเลยทีเดียว ใกล้ ๆ กับต้นผึ้ง ยังมีต้นไทรย้อยใบแหลมที่มีความใหญ่ไม่น้อยหน้าต้นผึ้งเลย ลำต้นดูสวยงามแตกต่างจากต้นผึ้งครับ

จากต้นไม้ยักษ์ผมมาปิดโปรแกรมที่วัดถ้ำเขาวงครับ (พิกัด : https://maps.app.goo.gl/fuiFsUDAh9zXpbtD8 )

2gg46w9998rs
wrcgw2gp6x9n
3t2luzz3sus0

วัดถ้ำเขาวงอยู่ติดริมเขา สร้างเป็นอาคารทรงเรือนไทย 4 ชั้น สร้างขึ้นด้วยไม้สัก ไม้มะค่า และไม้เก่าจากเรือนไทย ด้านหน้าวัดมีสระน้ำขนาดใหญ่และสะพานไม้ที่ประกอบขึ้นจากไม้ตามธรรมชาติที่ไม่ได้ผ่านการปรับแต่งรูปร่างแล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกัน ทอดยาวข้ามสระน้ำ ฉีกความเป็นวัดที่ผมเคยเห็นมาตลอดทั้งชีวิตอย่างสิ้นเชิง ในความคิดผม ตัววัดให้อารมณ์เหมือนรีสอร์ทเลยครับ

cj5ixqvgr5rr

ภายในอาคารเรือนไทย ชั้นที่ 1 เป็นลานอเนกประสงค์ รวมทั้งร้านขายของ ชั้นที่ 2 เป็นวิหาร ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ชั้นที่ 3 เป็นกุฏิ ชั้นที่ 4 เป็นโบสถ์ครับ

m2vjiu58onnr

บริเวณเชิงเขาเป็นที่ประดิษฐาน ‘พระพุทธอุทัยธรรมพินิต’ พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ ปางโปรดสุรินทราหู มีความยาว 21 เมตร ออกแบบโดยช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ที่มีพุทธลักษณะศิลปะแบบร่วมสมัยสุโขทัย ซึ่งตอนที่ผมไป ช่างกำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ครับ

หากร่างกายกำลังจะหมดไฟ ลองเลือก ‘อุทัยฯ’ เป็นที่ชาร์จพลัง สุขใจทุกครั้งที่ได้มา

ความคิดเห็น