หากย้อนไปเมื่อหลายปี ไม่ว่าเปิดไปที่แพลตฟอร์มไหนเราต่างก็จะเห็นภาพสะพานมือสุดอลังการ นั่นถือเป็นจุดที่ดึดดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ไปเยือนที่ “บานาฮิลล์ (Ba Na Hill)” เพื่อได้ภาพสวย ๆ บนสะพานมือสีทองสักครั้ง
แต่สำหรับเราสิ่งที่เรียกใจและกายให้ไปที่นี่คือบรรยากาศปราสาทที่สวยงามราวกับหลุดออกมาจากหนังสือนิทานที่อ่านตอนเด็ก บรรยากาศของธรรมชาติที่ห้อมล้อมไปด้วยทิวเขาของประเทศเวียดนาม สิ่งเหล่านี้ต่างชวนให้ตัวเรานั้นนั่งจินตนาการว่าจะเป็นยังไงหากได้ไปที่นี่สักครั้ง ซึ่งในปี 2025 นี้ฝันที่วาดไว้ก็กลายเป็นจริง และมันสวยสะจนไม่อยากเก็บรูปและเรื่องราวการเดินทางในครั้งนี้ไว้ดูคนเดียว ใครที่มีแพลนที่จะไปบานาฮิลล์ (Ba Na Hill) เวียดนาม เราบอกเลยว่าคุณคิดถูกแล้วที่จะเลือกไปเที่ยวที่นี่
แต่…การจะได้ใช้เวลาที่ดี ณ ภูเขาแห่งนี้ การเลือกวันและเวลาเดินทางเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะด้วยความสูง 1,487 เมตร จากระดับน้ำทะเล ไม่ได้มาพร้อมแค่อากาศที่เย็นสบายตลอดปี แต่ยังมาพร้อมกับฝน ลมแรง และหมอกหนา หากเลือกวันผิดชีวิตอาจเปลี่ยนเป็นผู้ประสบภัยแทน
ในส่วนของเรานั้นเลือกเดินทางไปในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2025 (แม้จะเข้าช่วงหน้าฝนแล้วแต่ตอนที่เราไปฟ้าเปิดมาก อากาศดี ไม่ร้อน ไม่มีหมอกมาบังวิวสวย ๆ นี้เลย)

การเดินทางมาบานาฮิลล์ (Ba Na Hill) ด้วยตัวเอง
เราเลือกมาเที่ยวที่นี่กับเพื่อนทั้งหมด 4 คน เป็นการเดินทางด้วยตัวเอง ซึ่งการมาที่นี่ก็ง่ายมา พอลงเครื่องที่ดานัง เดินออกมาจะเจอป้ายสำหรับรอรถ Taxi และ Grab
ซึ่งตอนแรกเราเลือกที่จะเรียก Grab เพราะกลัวจะโดนโกงราคา แต่ว่ามีพี่คนขับรถคนหนึ่งเดินเข้ามาคุย ตอนแรกก็แอบหวั่น ๆ ไม่อยากไปเพราะกลัวจะโดนบิดราคา แต่พี่เขาก็พยายามที่จะคุยด้วยซึ่งไม่มีทีท่าน่ากลัวอะไรเลย มีความเป็นมิตรแบบชัดเจน เราเลยลองเปิดใจคุยกับเขาดู สรุปคือพี่เขาเรียกราคาเท่ากับในแอพเลย แต่ไม่ได้จำกัดเรื่องจำนวนกระเป๋าเดินทาง เราเห็นว่าราคามันโอเคเลยตัดสินใจลองไปกับพี่ท่านนี้ (ราคาที่จ่ายไปประมาณ 200 - 300 บาทจากสนามบินดานังไปบานาฮิลล์)
การขับรถของคนที่นี่จะช้ามาก แบบฟิลกินลมชมวิว พี่คนขับชวนคุยเก่งมากดูแกจะชอบประเทศไทย ถามนั่นนี่ตลอดทางเลยไม่เหงา ที่สำคัญคือคุณพี่คนนี้ไม่บีบแตรเลยอันนี้คืองง ผิดจากภาพในหัวไปเยอะจริง ๆ
สรุปคือถ้าใครมาเที่ยวบานาฮิลล์ (Ba Na Hill) จากสนามบินดานังแบบเราก็แนะนำให้เรียก Grab หรือจะดีลกับคนขับตรงหน้าสนามบินก็ได้ ซึ่งอันนี้เราไม่สามารถยืนยันได้ว่าทุกเคสจะได้คนขับน่ารักแบบเราไหม อาจจะต้องเลือกดี ๆ บวกพกแต้มบุญไปด้วย
นั่งกระเช้าขึ้นไปข้างบนบานาฮิลล์กันต่อ
สำหรับการนั่งกระเช้าขึ้นไปบนบานาฮิลล์ จะมี 2 ทาง คือ
- ทางสำหรับคนที่นอนค้าง
- ทางสำหรับคนที่ไปเที่ยวอย่างเดียว
ซึ่งเราได้เลือกแบบนอนค้าง 1 คืนที่ Mercure Danang French Village Bana Hills
มาถึงก็ไปรับตั๋วที่เคาเตอร์ให้เรียบร้อย ในจุดนี้จะมีตั๋วเบียร์มาให้ด้วยแล้วแต่ว่าช่วงที่ไปจะมีโปรอะไรบ้าง อาจได้ไม่เหมือนกัน

จะมีตั๋วนี้ให้มาเอาไปใช้แลกเบียร์ได้ฟรี
เอาล่ะได้เวลานั่งหนึ่งในกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก
สำหรับการนั่งกระเช้าจะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีแบบไม่มีแวะพัก โดยมีระยะทางราว ๆ 5 กิโลเมตร ใครที่กลัวความสูงเราบอกเลยว่ามีสั่น ส่วนตัวกรี๊ดเป็นบางช่วง บางจังหวะลมแรงมาก ต้องพกยาดมไปด้วยอันนี้สำคัญมาก
แต่ภาพที่ได้และวิวที่เห็นคือคุ้มมาก เห็นวิวทั้งเมืองดานังไม่เกินจริง รู้สึกเหมือนได้ออกจาก comfort zone ของตัวเอง



มาถึงก็ไปเช็กอินโรงแรมกันก่อน
คนเยอะมากจริง ๆ ที่เราเลือกนอนค้างก็เพราะอยากได้รูปสวย ๆ แบบไม่ติดคน ได้มีเวลาเดินเล่นแบบไม่ต้องเบียดกับใคร

บรรยากาศ บานาฮิลล์ (Ba Na Hill) ในวันฟ้าใส
ช่วงกลางวันคนเยอะมาก ใครชอบดูโชว์ช่วงกลางวันมีให้ดูตลอดเลย


แวะกินมื้อเช้าที่ร้านอาหารบุฟเฟต์ญี่ปุ่น ณ เวียดนาม

ท้องอิ่มแล้วก็ไปเดินเล่นกันต่อ มื้อนี้เราหมดไปประมาณ 300 นิด ๆ
จริง ๆ กินเยอะกว่าในรูปแต่ถ่ายมาไม่หมด

ไปเดินเล่นกันต่อ ตรงไหนก็สวยไปหมด

เราซื้อตั๋ว Debay Wine Cellar เอาไว้
เป็นการไปแวะจิบไวน์ที่เพลินไปอีกแบบ


ใครชอบดื่มไวน์ก็ลองแวะกันไปได้
แต่ทางเดินไปที่นี่ชันใช้ได้เลย

สำหรับจุดนี้แนะนำให้ซื้อตั๋วใน Klook จากไทยมาก่อน
ราคาจะถูกกว่าซื้อข้างหน้า เราเลือกแบบ platinum ราคา 300 กว่าบาท
จะได้เครื่องดื่มคนละแก้ว ซึ่งไวน์ที่ให้เลือกจะต่างกันไปตามแพ็กเกจที่เลือก ส่วนตัวชอบเลย
รู้สึกได้พักขามีไวน์ดี ๆ ให้จิบ ชมวิวดอกไม้ข้างหน้าไปด้วย

ช่วงรีวิวห้องแบบเร็ว ๆ เราจองห้องสำหรับ 4 คนมา

ห้องใหญ่ มีระเบียง ฟิลได้บรรยากาศแบบฝรั่งเศสสุด ๆ ทั้งที่อยู่เวียดนาม ส่วนตัวพอใจกับห้องพักมาก ๆ เพราะพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าที่คิด แถมวิวตรงห้องคือจึ้ง!

ห้องอาจดูยุ่ง ๆ เพราะคน 4 คนทิ้งตัวกันจนเป็นสภาพนี้
ในห้องมีเตียงเดียว 1 และเตียง 2 ชั้น สิ่งอำนวยความสะดวกครบทั้งของใช้ส่วนตัว เตารีด ไดรฟ์เปาผม ทีวี โซฟามีครบหมด ถือว่าเป็นโรงแรมที่ดีควรมา

ไปต่อกันที่ช่วงเย็น-ค่ำ ตอนนี้คนที่มาเที่ยวก็เริ่มลงกันไป ตอนนี้แหละที่ความสวยของ บานาฮิลล์ (Ba Na Hill) เผยร่างทองให้เราได้ชมแบบเต็มตา


ที่นี่นอกจากวิวสวย ๆ ก็มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ทั้งเครื่องเล่นในร่ม กลางแจ้ง สระว่ายน้ำ สปา และสื่อบันเทิงต่าง ๆ เยอะจนเก็บไม่หมด เพราะมัวแต่เดินดูวิวก็กินเวลาไปทั้งวัน

เครื่องนี้คือสนุกมากต้องเล่น จะบอกว่าเครื่องเล่นพวกนี้ฟรีนะจะเล่นกี่รอบก็ได้เลยถ้าไหว


ตอนกลางคืนคือที่สุด อากาศเย็นมาก เขาจัดไฟสวยมากแค่ได้เดินมองนั่นนี่ไปเรื่อย ๆ ก็อิ่มใจแล้ว


มื้อเช้าของโรงแรมก็จะประมาณนี้ อาหารมีให้เลือกเยอะ รสชาติดี

แต่ด้วยความหิวทางเราถ่ายมาแค่นี้ เพราะลืม!

ไปต่อกันที่สะพานมือในตำนาน
เรามาช่วงรอบ 8 โมงคือดีเลย ถ่ายรูปสวย ฟ้าเปิด
ยังไม่มีคนจากข้างล่างขึ้นมาเท่าไหร่

ยังมีเวลาเหลือก่อนเช็กเอาท์
แนะนำให้ไปลองนั่งรถไฟสีแดงที่จะมุ่งหน้าไปปราสาทจันทรา (Lunar Castle)



ปิดท้ายกันก่อนไปเอากระเป๋าด้วยน้องไอติมกุหลาบอร่อยมากก

สรุปที่นี่คือสวยแบบหลุดออกมาจากนิยาย เราคืออยากอยู่ต่ออีกคืนมาก ๆ เพื่อน ๆ ที่ไปด้วยก็คือชอบที่นี่กันสุด ๆ คิดว่ายังไงก็จะต้องมาซ้ำอย่างแน่นอน เพราะยังมีอีกหลายโซนที่เรายังไม่ได้ไป เพราะมันมีโซนเยอะไปหมด และกำลังสร้างโซนใหม่ ๆ ตลอดเวลา ใครที่แพลนจะไปเที่ยวต่างประเทศเราว่าที่นี่ดีมาก ๆ ที่จะลองไปเที่ยวด้วยตัวเอง เพราะไปง่าย ราคาดี พนักงานน่ารัก ได้รูปสวย ๆ และประสบการณ์ดี ๆ กลับมากันแน่นอน
One Trip at a Time
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 13.14 น.