มากกว่าการทำค่ายคือการได้รู้จักเพื่อนใหม่ มากกว่าการได้เพื่อนใหม่ คือ "ได้มิตรภาพที่ดี.."
มากกว่าการให้คือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน


เมื่อวันที่ 9-12 ธันวาคมที่ผ่านมา ผมกับเพื่อนๆได้มีโอกาสไปทำกิจกรรมออกค่ายอาสากันมา


ที่ ณ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านโขะทะ อ.อุ้มผาง จ.ตาก

โดยเรารวมตัวเพื่อที่จะออกเดินทางกันที่ ปตท.สนามเป้า เวลา 18.00 น. กว่าจะมากันครบ

กว่ารถจะได้ออกก็ปาเข้าไป 21.30 น. ฮ่าาาา สมาชิกเดินทางไปด้วยกันทั้งหมด 70 ชีวิตด้วยกัน

เราเลือกเดินทางโดยรถตู้ VIP 10 ที่นั่งจำนวน 8 คัน 7 คันสำหรับสมาชิก และอีก 1 คันสำหรับของบริจาค


การรวมตัวของเราอาสา มาจากต่างสถานที่ ต่างอายุ และต่างอาชีพ แต่จุดประสงค์และอุดมการณ์ของเราคือสิ่งเดียวกัน นั่นก็คือ "การให้"

เราเดินทางมาจนถึง อ.อุ้มผาง ก็เกือบ ๆ 10 โมงเช้า ของวันที่ 10 แต่การเดินทางนั้นหาใช่ถึงจุดหมายไม่


เราต้องเปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถ 4WD เพื่อเข้าไปในหมู่บ้าน ซึ่งเส้นทางไม่ต้องพูดถึง ได้สีผมใหม่กันทุกคนครับ

.


"ส่วนรถ 4WD กับการทำเรื่องเข้าไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ต้องยื่นเรื่องเข้าไปก่อน ถึงจะสามารถเข้าไปได้"

"และ ที่อำเภอ อุ้มผาง มีสหกรณ์ เดินรถไว้บริการเข้าไป ราคาสามารถตกลงได้ที่ สหกรณ์เดินรถ อำเภอ อุ้มผางโดยตรง"

"

ผมเกริ่นมาก็ยืดยาว เดี๋ยวผมจะพาไปชมภาพบรรยากาศโดยรวมของการไปทำค่ายครั้งนี้ของเราด้วยวีดีโอกันก่อนครับ

และนี่คือสภาพหลังจากเดินลงจากรถครับ เป็นพระเอกเลยทีเดียว ฮ่าาาา TT

ระยะทางจากทางเข้าอุทยานไปถึงหมู่บ้าน เพียง 28 กิโลเมตร แต่ต้องใช้ระยะเวลาเดินทางถึง 3 ชั่วโมง


เส้นทางคดเคี้ยว เป็นหลุมเป็นบ่อ และความชัน ขึ้น-ลงภูเขา ไต่ระดับเขาเรื่อยๆ ที่ต้องใช้ความชำนาญในการขับพอสมควร

เหล่าอาสาคลุกฝุ่นกันเต็มไปหมด รถคันแรกที่นำขบวนก็โชคดีหน่อย ไม่ต้องกินฝุ่นจากคันข้างหน้า แต่คันหลังๆลงมานี่ใส่แมสก็เอาไม่อยู่ เรียกได้ว่ายังไม่ถึงค่ายก็สะบักสะบอมกันพอสมควร

ก่อนจะถึงทางแยกเข้าไปหมู่บ้านก็แวะเข้าชมน้ำตกทีลอซูกันก่อน ให้ร่างกายได้พักผ่อนซักนิดก็ยังดี ก่อนเดินทางต่อไปยังหมู่บ้าน

อีกราวๆ 7 กิโลเมตร ....

ครั้งแรกมาถึงก็คิดว่าจะได้นั่งพักผ่อนเอาแรง แต่ก็ต้องเดินเท้าเข้าไปในน้ำตกอีก ระยะทางกว่า 1,500 เมตร กว่าจะได้ยลโฉมน้ำตก .."ทีลอซู" ที่แปลว่า น้ำตกดำในภาษากระเหรี่ยง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กำหนดให้ทีลอซู เป็น 1 ใน 9 ตะวัน ตามโครงการ มหัศจรรย์เมืองไทย 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน โดยมีจุดเด่นคือ “มหัศจรรย์รุ้งกินน้ำที่ทีลอซู"



แม้จะเดินกันเข้ามาจนเหนื่อยล้า แต่พอได้เห็นน้ำตก ความเหนื่อยนั้นก็เหมือนหายไปเป็นปลิดทิ้ง

หลังจากเราได้แวะชมความงามของน้ำตกเรียบร้อยก็เดินทางต่อเข้าไปยังหมู่บ้านโขะทะ


ระหว่างทางหมู่บ้านสองข้างทางจะสามารถมองเห็นลำธารที่ไหล ลงมาจากน้ำตกทีลอซู มองแล้วรู้สึกถึงความอุดมสมบูรณ์

ของธรรมชาติที่ยังคงอยู่ สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้ลืมความเหนื่อยล้าได้เปราะหนึ่ง

กว่าเราจะเดินทางเข้ามาถึงหมู่บ้าน ก็ปาเข้าไป 5 โมงกว่าๆ แต่แสงแดดในหน้าหนาวแบบนี้แทบไม่มีแล้ว


ความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุมเต็มพื้นที่ ความสว่างหายไปมีเพียงความหนาวเข้ามาแทน

ทุกคนต่างพากันเก็บของเข้าที่พัก เรามีอาคารเรียนสำหรับการค้างคืนที่นี่ 2 คืน ที่นี่มีไฟฟ้าใช้อย่างจำกัด

ส่วนโรงครัวที่พวกเราใช้ประกอบอาหารไม่มีไฟฟ้า เราต้องอาศัยแสงสว่างจากไฟฉายและแสงเทียนในการทำอาหารสำหรับมือค่ำในวันนี้

เราจะได้ทำเพียงกับข้าว ส่วนข้าวสวยนั้นชาวบ้านแต่ละครอบครัวจะหุงคนละหม้อและนำข้าวมาให้พวกเรา


ซึ่งชาวบ้านบอกว่า เป็นข้าวที่ชาวบ้านปลูกเอง และผ่านกระบวนการสีข้าวเอง โดยใช้วิธีการตำข้าวเหมือนสมัยโบราณ

ข้าวจึงมีสารอาหารครบถ้วนมากกว่าข้าวทั่วไป

จะบอกว่าเกลี้ยงทุกมื้อจริงๆ อาหารธรรมดาๆถ้าเทียบกับในเมือง


แต่เมื่ออยู่ที่นี่เป็นกับข้าวมื้อพิเศษสำหรับทุกคน ต้องขอขอบคุณทีมงานแม่ครัว ที่สละเวลาในการตื่นเช้าตั้งแต่ตี 5 ทุกวัน

เพื่อเข้าครัวเตรียมอาหาร เพราะทีมแม่ครัวจะต้องสแตนบายรอในครัวเกือบจะตลอดทั้งวัน ยังไงก็ขอบคุณมากๆครับ

.

ในตอนกลางคืนเราก็มีกิจกรรมรอบกองไฟ แนะนำตัวอาสาสมัครอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง


และชี้แจงรายละเอียดกิจกรรมในตอนเช้าว่าเราจะทำอะไรบ้าง ในบรรยากาศยามค่ำคืนในฤดูหนาวแบบนี้

มีเพียงกองไฟที่ให้แสงสว่างและความอบอุ่น เสียงดนตรีจากกีต้าร์บรรเลง สลับกับเสียงธรรมชาติ ทำให้เพลินไปอีกแบบ...

และเรายังมีข้าวโพดและมันเผาที่เผาจนลืมว่าเผาไว้ เพราะมัวแต่ร้องเพลง บางอันกลายเป็นถ่าน ฮ่า กินได้บ้างไม่ได้บ้าง

เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างดี กับการเขี่ยหามันเผาแต่เจอแค่ถ่าน TT มันเผาหายไป ?

มาดูกิจกรรมที่เราไปทำร่วมกับเด็กๆที่นี่กันดีกว่าครับ ในตอนเช้าบรรดาแม่ครัวก็ลงครัวเช่นเดิม


อาสาสมัครต่างก็พากันตื่นเช้าเพื่อมาดูทะเลหมอกที่ล้อมรอบโรงเรียนหมอกลงหนาจัด และยังลงเป็นเม็ดใหญ่ๆราวกับหิมะตกยังไงอย่างนั้น

บางคนก็ตื่นมานั่งผิงไฟที่ยังไม่ดับตั้งแต่เมื่อคืนนั่งกินกาแฟ โอวัลติน ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

หลังจากนั้นอาสาเข้าแถวเคารพธรงชาติในตอน 8 โมง และเตรียมตัวทำกิจกรรมในช่วงเช้า

. กิจกรรมในช่วงเช้าเราจะเป็นการตรวจสุขภาพพื้นฐานให้กับเด็กๆในหมู่บ้าน โดยทีมงานฝ่ายสุขภาพ


ซึ่งเป็นหน่วยแพทย์+พยาบาลที่อาสาเดินทางมากับเรา เด็กๆในหมู่บ้านทยอยกันมาจนครบทั้งหมดก็เริ่มทำกิจกรรม

โดยพี่ๆอาสาให้เด็กแยกเป็นระดับชั้น และตรวจทีละชั้น ชั้นในยังไม่ได้ตรวจก็แยกออกไปทำกิจกรรมสันทนาการ

และเล่นกีฬา ออกกำลังกายในตอนเช้า


ทีมแพทย์อาสาแจ้งผมว่ามีเด็กที่กำลังเป็นอีสุกอีใส อยู่ในระยะแพร่เชื้อราวๆ 6 คน อาจจะให้เด็กๆกลับบ้านไปก่อน
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เด็กๆยังอยากเล่นกับพี่ๆ อยากเล่นกับเพื่อนๆ พี่ๆอาสาไม่มีทีท่าว่าจะกลัวการเป็นอีสุกอีใสแม้แต่น้อย


สมาชิกจำนวน 70 คนรู้ไหมครับใครเจอแจ๊คพอต หลังจากกลับจากค่ายอาสาในครั้งนี้ ผมเองที่ได้รับเชื้อนั้นมาเต็มๆ


ที่มือผมเริ่มมีตุ่มใสๆฐานสีแดงขึ้นมา ผมรีบไปหาหมอทันที และก็เป็นจริงอย่างที่คิด “ผมเป็นอีสุกอีใส" ผมควรจะรู้สึกยังไงดี

[/cente

ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทีมแพทย์+พยาบาลด้วยนะครับสำหรับกิจกรรมตรวจสุขภาพเด็กๆ และเก็บใบรายงานผลตรวจสุขภาพไว้ที่โรงเรียน


เผื่อมีกลุ่มอาสาอื่นๆเข้าไปจะได้ใช้ต่อ จะบอกว่าการตรวจสุขภาพนี้มันยากก็ตรงถามชื่อเด็กๆนี่แหละ เพราะเด็กจะมีชื่อป็นภาษาปากะญอ

ต้องอาศัยเด็กที่โตหน่อยเป็นล่ามแปลชื่อเป็นภาษาไทยให้

.


มาดูกิจกรรมสันทนาการโดยรวมกันเถอะ ไม่น่าเชื่อว่าอาสาของเราจะมีสายสันทนาการเยอะมาก

ดูพี่ๆสนุกสนานแบบคลุกฝุ่นไปกับเด็กๆแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มมันเหมือนเป็นสิ่งตอบแทนที่ได้รับที่คุ้มค่าจริงๆ

ส่วนกิจกรรมในตอนบ่ายของเราเป็นการสอนอาชีพให้เด็กๆและชาวบ้าน โดยการสอนทำน้ำยาล้างจานและสบู่


เด็กๆดูตั้งใจกันมาก แม้แต่อาสาสมัครเองยังดูให้ความสนใจกับกิจกรรมนี้

ขอบคุณพี่กิฟ ครูอาสาที่มาช่วยเป็นวิทยากรในการให้ความรู้กับเด็กๆและชาวบ้านด้วยครับ

.


ประมาณบ่ายสามโมงกว่าๆก็เป็นกิจจกรมการเดินป่า ซึ่งเราจะเดินไปน้ำตกหลังหมู่บ้าน เรียกได้ว่าพอไปถึงนี่ถึงกับอึ้งไปตามๆกัน

น้ำตกขนาดกลาง น้ำใสมากจนกลายเป็นสีเขียวมรกต ทำให้นึกถึงละครนาคี ฮ่า ๆๆๆ ไม่น่าเชื่อในหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้จะมีความงามของธรรมชาติซ่อนอยู่ ผมมีความรู้สึกว่าอยากให้มันคงอยู่แบบนั้นต่อไป ไม่อยากให้มันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

น้ำตกหลังหมู่บ้านนี้ยังเป็นแหล่งที่สามารถจับปลาได้ในโขดหิน และนำมาประกอบอาหารของชาวบ้านได้

.บรรดาอาสาและเด็กๆต่างก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน และกลับมาที่โรงเรียนก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดินเพราะไม่อย่างงั้นจะมืดมาก


สำหรับค่ำคืนนี้ก็เป็นกิจกรรมรอบกองไฟเช่นเคย

.


ก่อนพระอาทิตย์จะตกดินในวันนี้ เราก็ทำการมอบของบริจาคให้กับทางโรงเรียนและเด็กๆ ซึ่งสิ่งของบริจาคเป็นการร่วมบริจาคมาจากทั่วประเทศ

ที่ส่งเข้ามาและเราเป็นตัวกลางในการขนขึ้นมาเพื่อบริจาคให้เด็กๆและชาวบ้าน ขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านนะครับ ของบริจาคทุกท่านส่งถึงมือเด็กๆแล้ว อาจจะไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ทั้งหมด แต่ก็ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ

ตอนเช้าอาสาต่างก็รีบตื่นมาเพื่อดูทะเลหมอกและเดินสำรวจรอบหมู่บ้าน เก็บของสัมภาระเพื่อเตรียมตัวกลับ กทม.


โดยรอออฟโรดกลับเข้ามารับพวกเราตอน 10 โมง ระหว่างนี้เราก็เดินเล่นสำรวจรอบหมู่บ้านไปก่อน

ต่อไปนี้จะเป็นการแชร์ประสบการณ์ของอาสาที่มาร่วมค่ายครับ

อุ้มรัก ณ อุ้มผาง .


ลำบากมากถึงมากแต่ยิ้มตลอดทางกลับมาและพูดวนกับตัวเองว่าดีใจนะที่ตัดสินใจมา

มาด้วยตัวเองโดยไม่โลเลด้วยเหตุผลว่าไม่มีเพื่อนเหมือนที่ผ่านมา

(ความจริงต้องขอบคุณหัวข้อทีสิสที่มีส่วน แต่พักมันไว้ก่อนเนาะน้องเหนื่อย)

' เป็นทริปที่ไม่สมบูรณ์แต่ทำให้ใจเราสมบูรณ์มาก อุปสรรคบวกลบกับสิ่งดีๆที่ได้พบแล้วแพ้ราบคาบ '

มิ ต ร ภ า พ ต่างอายุต่างอาชีพ ในภาคเฮฮาเฮฮาสุด

พอภาคลงสนามกับเด็กๆเรายอมแพ้ความมืออาชีพอย่างสุดใจ

ทุกคนทำสิ่งที่ตนเองถนัดด้วยใจครู พยาบาล สันทนาการ ฯลฯ รู้สึกตัวเล็กลงไปมากดูเด็กเล่นไปเลย

เราไม่เจอครูที่รักการเป็นครูได้อย่างแม่เท่าไหร่ แต่มาที่นี่..เราเจออีกเป็นสิบๆคน (-:

เรารายล้อมไปด้วยผู้คนศิลปะทั้งชีวิต สวยอาร์ต สายอีโมชันนอล สายฟรีแลนซ์ล้วนๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่รายล้อมด้วยผู้คนต่างสาย(มากกก)แต่กลับดี..ดีมาก ได้เปิดหัวใจกว้างกว่าเดิม

ใส่แนวคิดดีๆกลับบ้านเต็มกระบุง ความจริง คือ พรหมลิขิต เราเชื่อในสิ่งนี้เสมอ

โลกไม่ได้ใหญ่เกินไป..จึงมักพัดคนที่มีใจคล้ายกัน มา พบ กัน



เ ด็ ก เ ด็ ก

เรื่องความอินคงไม่ต้องพูดถึงเพื่อนต่างรู้ในความหลงดี

วันนี้ยิ่งยืนยันในความบริสุทธิ์ของพวกเขาในทุกสภาวะจริง ๆ . .' หาใช่ผู้ให้ เราแลกเปลี่ยนหัวใจ

รับความรักจากกันและกัน '



โดย : น้อง ลอมฟาง ลอมฟาง (1 ในอาสาสมัคร)

_________________________________________________

อย่ากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ


สิ่งที่ต้องกลัวอย่างเดียวคือการหยุดนิ่ง ภาพที่เห็นไม่สามารถความรู้สึกของการเดินทางนั้นได้ทั้งหมด

ความสวยงาม ความระทึก ความตื่นเต้น ความรู้สึกมากมายที่รุ้สึกขณะอยู่บนรถ

แต่สนุกสุดๆ เกร็งไปหมด อาบฝุ่นกันถ้วนหน้า ระยะทาง28กิโล ใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมง อธิบายไม่ถูก อยากรู้ต้องไปสัมผัสเอง

ขอบคุณ แอดมินเพจ 24.7 ที่พาเราไปเจอเพื่อนใหม่ ให้โอกาสได้ทำสิ่งที่อยากทำมานาน ค่ายนี้เป็นค่ายที่สอง แต่เป็นการเจอกันครั้งที่สาม

และหวังจะเราจะเจอกันในทุกๆค่าย

"

โดย : น้องจิมมี่ //ทีมพยาบาล

โครงการค่ายอาสาครั้งที่3 "อุ้มรัก ณ อุ้มผาง"


ณ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวง บ้านโข๊ะทะ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก

โดย "กลุ่มอาสายี่สิบสี่จุดเจ็ด"ขอบคุณสำหรับกิจกรรมและประสบการณ์ดีๆค่ะ น้องๆน่ารักมาก

หมู่บ้านอยู่เลยน้ำตกทีลอซูมาประมาณ7กิโลเมตรอยู่กลางหุบเขาไกลจากตัวอำเภอมาก

ถ้ามีโอกาสมาเยี่ยมเยียนและบริจาคสิ่งของให้น้องๆได้นะคะ อาจจะลำบากหน่อย แต่เห็นรอยยิ้มของน้องๆแล้วจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ



โดย : น้องเอ (คันที่ 1)



_________________________


เพียงแค่รอยยิ้ม นั่นก็คือ "คำขอบคุณ" แล้ว

..พวกเราต่างทิ้งความสะดวกสบาย ต่างมีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อช่วยเหลือ เพื่อแบ่งปัน เพื่อเป็นคนให้ แม้กระทั่งรอยยิ้ม..

"โขะทะ" หมู่บ้านที่พวกเราต้องนั่งรถถึง 3 ชั่วโมง ด้วยระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร กับเส้นทางขรุขระ ผ่านโค้ง

ผ่านหลุมบ่อของถนนลูกรัง ฝุ่นคลุ้ง เราก็ยินดีที่จะไปต่อ..

"ตราบใดที่ยังมีแรง ก็จะทำความดีเพื่อสังคม"

..นั่นคือ สิ่งที่อยู่ในใจเสมอมา..



โดย : แต๋ม (สาวน้อยลุ่มน้ำเข็ก) ทีมสตาฟและแม่ครัว



____________________________________

นั่งดูรูป ถ่ายรูปกับเด็กๆ เด็กๆวิ่งเข้ากล้อง อยากถ่ายรูปด้วย แต่ ถ่ายแล้ว ยังไงล่ะ เราได้เรียนรู้เรื่องราวของเด็กๆ


ได้เก็บภาพความประทับใจ เก็บเอาไว้ที่เรา นึกถึงเมื่อไหร่ก็เอามาดู มันง่ายมาก แล้วเด็กๆล่ะ..?

เราจะอยู่ในความทรงจำของเด็กๆกันรึเปล่า เรื่องราวดีดี โมเม้นต์ที่น่าจดจำ เราสามารถนำกลับไปให้เด็กๆได้ยิ้มกันรึเปล่า..ฤ ผ่านแล้ว ผ่านเลย

.

โดย : พี่อุ๊ (1 ในอาสาสมัคร)



________________________________

.


"พี่ครับผมเหนื่อยกับเพื่อนร่วมงานอยากหาที่สงบๆเงียบๆพักใจที่เหนื่อยดูบ้าง"

."พี่คะหนูอยากลองใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ แต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ไหม ? "

"ไม่เคยไปค่ายแบบนี้" "ครั้งแรกของการออกค่ายอาสา"

"ครั้งแรกของการเดินทางคนเดียว" และอื่นๆอีกมากมาย

.

สิ่งเหล่านี้คือคำพูดที่อาสาพูดกับผมก่อนออกค่ายอาสา ทุกคนมีความกลัวเป็นทุน กลัวว่าจะอยู่ไม่ได้

บางคนแอบกลัวความลำบากนิดๆ ผมพยายามบอกเสมอว่า .."ไม่ได้สบาายอย่างที่คิดนะ"

เราไม่ได้นอนโรงแรม ไม่มีสัญญาณ หรือแทบไม่มีไฟฟ้า เส้นทางที่ไปก้ไกล และลำบากมาก

เส้นทางเข้าหมู่บ้าน 28 กิโล เรายังใช้เวลา 3 ชั่วโมงเลย


ดีไม่ดีเราอาจะได้เดินเท้าเข้าไป หากถนนยังเละและแห้งไม่ทันจากฤดูฝนที่เพิ่งผ่านไป

...

แต่กระนั้นก้ไม่ได้ทำให้อาสาของเราเปลี่ยนใจ ยังตัดสินใจขอร่วมเดินทางไปกับผม

เด็กๆไม่ถึงร้อยกับหมู่บ้านเล็กๆ เด็กผู้ชายใส่เสื้อผ้าผู้หญิงขาดๆเก่าๆ เด็กผู้หญิงก็ใส่เสื้อผ้าเก่าๆซ้ำไปซ้ำมา

ใครบริจาคแบบไหนมาก็ใส่ๆไป เพียงเพื่อประทังความหนาว

.

เด็กๆป่วยเกือบ 10 คนที่เป็นอีสุกอีใส แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะได้รับการรักษา

เหล่าบรรดาอาสาสนุกกับการเล่นกับเเด็กๆสนุกกับการทำกิจกรรมกับเด็กๆโดยไม่กลัวว่าจะได้รับเชื้อ

บางคนยอมรับกับผมว่า

"ครั้งหนึ่งผมต้องได้มาทีลอซู" เป็นประเด็นหลักที่เลือกมาค่ายนี้ แต่พอได้ลองมาทำอะไรง่ายๆ กับชาวบ้านและเด็กๆ


ทีลอซูกลายเป็นประเด็นที่ตกไป ไม่ได้ถูกพูดถึง หมู่บ้านที่ห่างไกลความเจริญ

ไม่ค่อยมีคนเข้าไปถึง หลังคายังมุงใบจากและใบลาน โรงเรียนเล็กๆที่มีเพียงอาคารเรียนเดียว

เด็กๆเป็นร้อย ต่างระดับชั้น ต่างอายุ ครุเพียงคนเดียว

.

ผมไม่รู้ว่าครูต้องมีอุดมการณ์มากแค่ไหนถึงอยู่แบบนั้นได้ ผมไม่รู้ว่า ถ้าผมต้องไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ แบบถาวรผมจะทนได้รึเปล่า

หากป่วยก็ต้องรักษาตามสภาพ เพราะไกลมือหมอ ไม่มีรถออกไป ก็ต้องทนอยู่แบบนั้น ^^

ผมไม่รู้ว่าอาสาได้อะไรกลับไปจากค่ายนี้บ้าง สำหรับผม เพียงแค่


"รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็เพียงพอสำหรับสิ่งตอบแทน"

.

เขาขาดเราเติม แม้ไม่ได้มากมาย แต่อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้กับคำว่า"ไม่มี"

เติมส่วนที่ขาดด้วยรอยยิ้มและกำลังใจ เติมส่วนที่หายไปด้วย..."ความรัก"

.

มากกว่าการทำค่าย คือการได้รู้จักเพื่อนใหม่


มากกว่าการได้เพื่อนใหม่ คือได้มิตรภาพที่ดี..

.

มากกว่าการให้ คือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ขอบคุณอาสาทุกท่าน : ) และภาพประกอบบางส่วนจากเพื่อนๆอาสาสมัคร


สำหรับค่าย #อุ้มรัก ณ อุ้มผาง



แอดมิน : ยี่สิบสี่จุดเจ็ด



______________________

เจอกันค่ายหน้าครับ


- ค่าย : เติมสี เติมรัก ณ สังขละบุรี ค่ายอาสา ครั้งที่ 5

สถานที่ : ศูนย์การศึกษาตามอัทธยาศัย ไทยภูเขา สำนักแม่ชีไทยพิมพ์ศิกาญจน์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

- “B4 Valentine สอนหนังสือ บอกรัก ณ อมก๋อย" ครั้งที่ 6

สถานที่ : โรงเรียนอูแจะ ต.สบโขง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

- สานฝัน ปันรัก ตามรอยพ่อหลวง ณ แม่ลาน้อย (ค่ายอาสา ครั้งที่ 7)

สถานที่ : โรงเรียนบ้านแม่อุมผาย อำเภอแม่ลายน้อย จ.แม่ฮ่องสอน

.

ติดตามกิจกกรมของพวกเราได้ที่

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/missyouaway/

24.7

 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.47 น.

ความคิดเห็น