เวลาทำงานช่างเดินช้าเหลือเกินอาทิตย์นี้ ทำไมถึงรู้สึกเหนื่อยจังเลย..........สงสัยร่างกายต้องการทะเลอีกแล้วซิ ^_^ ไปไหนดีนะ หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว หาข้อมูลแป๋บ สุดท้ายมาลงเอยที่เกาะสีชัง มีรีวิวว่าดอกลีลาวดีกำลังบาน จัดการยกหูโทรศัพท์โทรหาเหล่ามิตรสหาย ไปเที่ยวกับแฟน ไปดูหนัง ติดธุระ เฮ้อชีวิตเราทำไมช่างเดียวดายขนาดนี้......เศร้าแป๋บ กริ้งกริ้งกริ้งมีเสียงโทรศัพท์เข้ามา พรุ่งนี้ไปเที่ยวด้วยนะ 5555555 สุดท้ายก็มีเสียงสวรรค์โทรมาโปรด มีเพื่อนไปด้วยและ ไม่เหงาอย่างที่คิด 6 โมงเช้าเจอกันนะเพื่อน Zzzzzzzzzz


เช้าวันเดินทาง 6.30 น. เพื่อนยังไม่มา ผ่านไป 7 โมงเช้า.........สงสัยไม่มาและ

เอาไงเอากันใช่จะไม่เคยเที่ยวคนเดียวสักหน่อย .....ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า

เรานั่งรถตู้มาลงหน้าโรบินสันศรีราชา มองหารถเข้าไปเกาะลอย .

สุดท้ายนั่งรถตุ๊กตุ๊ก ราคา 60 บาท สนุกดีเหมือนกันไม่ได้นั่งนานแล้ว


มาถึงเกาะลอย 2 โมงเช้า ซึ่งเรือกำลังออก รีบวิ่งไปซื้อตั๋ว


เราได้ไปเรือของนาวาประทีปคะ ราคา 50บาท


ไม่ได้ถ่ายรูประหว่างทะเลมาเลยคะ พอดีที่เรานั่งน้ำกระเด็นตลอดเวลา แต่วันนี้อากาสร้อนแต่เช้าเลย มีนกบินมากินปลาเล็กๆด้วย น่ารักดี ระหว่างทางมีเรือขนส่งสินค้าลำใหญ่ๆจอดอยู่หลายลำ คลืนแรงเหมือนกัน กินลมชมวิวมาประมาณ 40 นาที เรือก็จอดส่งผู้โดยสารที่เกาะขามคะ ส่วนมากจะเป็นนักตกปลา
ท่าเรือเกาะขาม

เกาะขามกับเกาะสีชังอยู่ไม่ไกลกันคะ เราก็เตรียมตัวจะลงแล้วคะ.............เย้เย้ ถึงแล้วเกาะสีชัง

มองเห็นประภาคารอยู่ไม่ไกล......กายพร้อมใจพร้อมลุย


เราขึ้นจากเรือ ประมาณ 9.15น.


ไปทางไหนต่อดี เดินตามเขาไปก่อนแล้วกัน เดินมาได้หน่อยเดียวก็เจอกับผู้ประกอบการรถเช่า เช่ามอไซร์ไหมคร๊าบ เหมารถโดยสารไหมครับ มีนั่งสามล้อด้วย เอาไงดีหล่ะเรามาคนเดียวซะด้วย สุดท้าย ตัดสินใจเช่ามอไซร์ดีว่า จัดไป 250 บาท

ภาหนะคู่ชีพของวันนี้ เจ้าคันสีชมพูแสนหวาน แถมด้วยแผ่นที่ 1 แผ่น วิ่งตามแผ่นที่เลยแล้วกัน


ที่แรกที่ไปคือ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เราต้องไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ก่อน

กราบพระขอพร เติมน้ำมันตะเกียง รู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิด


เดี๋ยวเราไปดูวิวด้านนอกกันคะ

วิวด้านบนของศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ มองเห็นวิวทะเลได้สวยจริงๆ^_^ใช้เวลาดื่มด่ำกับวิวสวยๆอยู่สักพัก ก็ออกเดินทางกันต่อคะ


ที่ต่อไปคือ รอยพระพุทธบาท ทางขึ้นเขาหฤโหดมาก ขอบอก


บรรยากาศร้อนๆ กับวิวสวยๆ เฮ้อมีความสุขจังนั่งมองท้องฟ้า กับท้องทะเลแบบเหงาๆ อยู่คนเดียว .......ก็ได้เวลาเดินทางไปต่อ สงสัยต้องไปหาข้าวกินก่อน 11.00น.แล้ว ข้าวเช้ายังไม่ได้ทานเลย แว๊นมอไซร์ไวมาก...เราจะไปหาข้าวทานกันที่ ช่องอิศริยาภรณื ( ช่องเขาขาด )


ขับรถมาประมาณ 10 นาที เห็นนักท่องเที่ยวเดินขึ้นบรรได ไป2 กลุ่มใหญ่ๆ จะช้าอยู่ไย จอดครับจอด....อารมณ์ประมาณว่าไทยมุง

เดินขึ้นมาเหงื่อท่วมตัว เป็นจุดชมวิวนี่เอง ที่นี่มีต้นดอกลีลาวดีบานเต็มไปหมดเลย


ที่นี่บรรยากาศดี มีครอบครัวมานั่งทานข้าว หนุ่มสาวมานั่งจับมือคุยกัน

T__Tแอบบอิจฉาเล็ก

เดินลงมาจากจุดชมวิว เดินไปนิดเดียวเห็นแล้วช่องเขาขาด ลุย

.......มองเห็นร้านกาแฟ ดีใจสุดๆๆๆ ข้าขาดเจ้าไม่ได้เลยกาแฟสุดที่รัก เจ้าอยู่ที่นี่เองรึ แวะครับแวะ นี่ขนาดหิวข้าวมากมาย จัดไป คาปูปั่น ราคา 70 บาท แอบแพงไปนิด ชิวชิวกับกาแฟปั่นประมาณ ครึ่งชั่วโมง

ร้านน่ารักดีคะ


เดี๋ยวมารีวิวต่อนะคะ ....ทำงานแป๊บคะ ^____________^ออกจากร้านกาแฟเราก็เดินเรื่อยๆ ไปหาข้าวทานคะ สุดท้ายก็แวะทานข้าวเช้า+เที่ยง ที่ร้านชมตะวันคะ

จัดไปคะกะเพรารวมมิตรทะเล


ทานช้าวประมาณครึ่งชั่งโมง ก็ได้เวลาเดินสำรวจช่องเขาขาดกันแล้ว เขาบอกว่า ถ้าจะดูพระอาทิตย์ตก ต้องดูที่นี่ เสียดายเรามาแค่วันเดียว อยากดูพระอาทิตย์ตกจัง เก็บความเสียดายไว้ ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอน


เดินเก็บภาพความประทับใจ ท่ามกลางแสงแดดตอนเที่ยงวัน ฟินกันไป แบบเหงื่อท่วมตัว...เราใช้เวลาที่ช่องเขาขาดประมาณ 1 ชม. จุดหมายต่อไปคือ พระเหลือง ถ่ำจักรพงษ์


ขับรถที่นี่ไม่หลงแน่นอนคะ ขับง่าย และค่อนข้างปลอดภัยพอสมคร


ขับรถมาประมาณ 5 นาที ก็ถึงพระเหลืองแล้วคะ กราบขอพรเสร็จแล้วก็มาเดินสำรวจกันคะ


เดินขึ้นเขามานิด จะได้เห็นวิวนี้เลยคะ


เก็บภาพประทับใจ จนหน่ำใจแล้วก็ลงไปสำรวจถ้ำจักรพงษ์ กันต่อคะ


ภายในถ้ำอากาศเย็นนิดๆคะ เราเข้าไปแล้วก็รีบออกมา คือว่ารู้สึกกลัวนิดๆ มีเราอยู่คนเดียวคะ อิอิ


เราใช้เวลาที่นี่ ประมาณ 1 ชม. คะ จุดหมายต่อไปคิอ สะพานอัษฏางค์ขับรถกินลมชมวิว มาสักพัก ก็เห็นสะพานอัษฎางค์อยู่ไกลๆแล้ว เราขับมอไซร์เข้าไปไม่ได้คะ ต้องเดินเข้าไป

จอดมอไซร์ปุ๊บก็ไปขอแผ่นที่จุดบริการมา1 แผ่นคะ ลุยเลย ต้องใช้2 ขา กับใจล้วนๆ ตั้งใจจะมาสำรวจให้หมดทุกซอกทุกมุมเลย

ระหว่างทางมีต้นดอกลีลาวดี ตลอดทาง มีเก้าอี้ไว้ให้นักท่องเที่ยวนั่งพักเหนื่อยตลอดทางเลย บรรยากาศดีจังเลยคะ


วันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะมาก ทุกคนดูมีความสุข........เราเห็นรอยยิ้มของทุกคนก็รู้สึกดีจัง


ออกจากสะพานอัษฏางค์ ก็เดินออกมาดูต้นลีลาวดีที่ออกดอกเต็มพื้นที่ไปหมดเลย

ต้องหาที่งีบสักหน่อยแล้ว

นั่งๆนอนๆมองดอกลีลาวดีอยู่ เกือบ 2 ชั่วโมง ก็ได้เวาลาสำรวจแล้วว่าที่นี่มีอะไรบ้าง เสียดายขับรถเข้ามาไม่ได้ เลยต้องใข้ 2 ขาเดินกันต่อไปจุดหมายต่อไปคือเรือนไม้ริมทะเล


ระหว่างทางก็มีดอกไม้ให้เก็บภาพด้วย.....ชอบชอบ


เราเดินออกจากเรือนไม้ริมทะเล ผ่านอุโมงค์ต้นลีลาวดี เพื่อขึ้นไปกราบพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕


ทำมันวันนี้อากาศร้อนได้ขนาดนี้ ตัวเปี้ยกเป็นน้ำเลย ไม่มีนักท่องเที่ยวเดินขึ้นมาเลย


มีเราเดินอยู่คนเดียว ประมาณว่าสาวน้อยในป่าใหญ่ อิอิอิ

ถึงจะเดินอยู่คนเดียวก็ไม่กลัวคะไปกันต่อเลย ที่ต่อไปคือ เรือนผ่องศรี

ออกจากเรือนผ่องศรี ก็เดินผ่านต้นลีลาวดีที่เรียงเป็นทิวออกดอกสวยงาม ต่อไปเรือนอภิรมย์


เหงานิดๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย............T_T



ตอนนี้เราเดินจนเท้าเริ่มพองแล้ว ขนาดใส่รองเท้าผ้าใบมานะนี่ พักก่อนเริ่มเดินไม่ไหว ดูแผนที่ก่อน ที่ต่อไปคือ พระเจดีย์อุโบสถวัดอัษฎาางคนิมิตร จัดการใสรองเท้า ดมยาดมอีกนิด สู้สู้

น้ำตาจะไหลเห็นยอดพระอุโบสถแล้ว


เดินเข้าไปเจอเจ้าหน้าที่นั่งอยู่ 1 คน เฮ้!!!!! ดีใจจัง ตั้งแต่เดินมาไม่เจอใครเลย


จุดหมายต่อไปคือ จุดชมวิวเนินเขาน้อย

เส้นทางอันยาวไกล ตอนนี้รู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ มีเราเดินอยู่คนเดียว ข้างทางก็เป็นป่า ......แต่ก็ยังอุ่นใจนิ๊ดๆยังไงเราก็มีหน้าตาเป็นอาวุธ


5555 ปลอบใจตัวเอง แต่ก็ยังเดินหน้าต่อไป

อากาศร้อนมากไม่มีเมฆเลย


ระหว่างทางเหลือบไปเห็น ดอกอะไรสีแดงๆ มองซ้ายมองขวา จะเข้าไปดีไหมผู้หญิงคนเดียวด้วยถ้าเกิดอะไรขึ้นไม่ใครเห็น แถมไม่มีใครเดินผ่านมาเลย เอาไงดี......ตัดสินใจลุยลุย มองทางแล้ว แวะก่อนก็ได้อยากเห็น (ตอนนั้นคิดว่าตัวคนเดียวกลัวไร)


ฝ่าดงหญ้า ปีนก้อนหิน หลบต้นกระบองเพ็ชร .....หินคมมาก บาดรองเท้าขาดเลย


ถ่ายรูปเสร็จรีบวิ่ง 4x4ออกมาเลย


ถึงซะทีจุดชมวิวแซะรูปมา 1 ใบ


เดินเลยมาหน่อยนึงจะเป็นอาคารบริการคะ


สุดท้ายก็เดินมาถึงบนสุด 55555 ภูมิใจนิดๆ

.....แต่ตอนกลับนี่สิ เดินขึ้นว่าไกลแล้ว เดินกลับนี่ไกลสุดๆ

ระหว่างทางเดินกลับแวะถ่ายรูป ระฆังหิน

เจดีย์เหลี่ยม....เดินมาเรื่อยๆ เหมือนเราอยู่คนเดียวในโลกเลย ก็ก็รู้สึกมีความสุข ได้ยินเสียงนกร้องตลอดทางเลย มองหาที่มาของเสียงก่อน

เจ้าตัวนี้นี่เอง เสียงเพราะเชียว


เดินมาสักพักก็ต้องนั่งหยุดพักที่ต้นดอกลีลาวดี หลบแสงแดดสักหน่อย พักเท้าด้วย เจ็บระบมไปหมดเลย 55555 ลุยจริงเลยเรา

นั่งอยู่ประมาณ 10 นาที เห็นพี่เจ้าหน้าที่ขับมอไซร์ผ่านมา จะช้าอยู่ใยโบกสิครับ จอดดดดดดดดดดด้วยค้า เทวดามาโปรดจริงๆ พี่เจ้าหน้าที่ก็ใจดี ขับไปส่งถึงที่จอดรถเลย ขอบคุณคะ

ขับมอไซร์หาน้ำทาน จำชื่อร้านไม่ได้ ต้องขออภัยด้วย แต่เจ้าของร้านใจดีมาก ให้ข้อมูล และแนะนำที่พักให้ด้วย

น้ำแข็งหมด เลยจัดแป๋บซี่ไป 1 ขวด นั่งชิวไปยาวๆๆๆๆๆ


ยังไม่จบทริปนะครับ ที่ต่อไปคือ หาดถ้ำพังคะ ลุยกันต่อไป

ถึงแล้วคะ หาดถ้ำพัง วิวสวยใช่ย่อย น้ำทะเลน่าเลยจัง


น้ำทะเลใสมากกกกกก....อยากกระโดดลงไปเลย อดใจไว้โอกาสหน้าไม่พลาดแน่นอน


นั่งกินลมชมวิว อยู่ประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็ไปต่อคะ ที่ต่อไปคือแหลมจักรพงษ์

ไปถึงมีมอไซร์จอดอยู่ 2 คัน ไม่กล้าเข้าไปคะ เลยถ่ายรูปอยู่ห่างๆ


เวลาเหลืออีกนิดไปไหนดี ดูแผนที่ก่อน ไปนี่ดีกว่า แหลมงู กับท่ายายหิน แว๊นไปประมาณ 15 นาที ทั้งสองที่ไม่มีอะไรให้ถ่ายภาพเท่าไหร่ แถมเปลี่ยวไปนิด เลยขับรถกลับคะ เฮ้อ!!!!!มีความสุขจัง เที่ยวไปตามตะวัน บุกบั่นไปตามลม สนุกสุขสม หัวใจหงายคว่ำ ชีพที่ยาวนาน หรือสั้นแต่เพียงคำ เอาตูดแช่น้ำแล้วเดินต่อไป เพื่อเสาะหา นภาคลุมครอบ สายลมคงรอบไว้ สายใจ ไหลลู่สู่ ... ร้องเพลงแข่งกับสายลมอยู่ดีๆ มีเสียงดังปุ๊ รถส่ายไปสายมา จอดดดดดดดดดเกิดไรขึ้น

เจ้าพาหนะคู่ชีพยางระเบิด ...........T____T ทำไงดี อีกตั้งไกลกว่าจะถึงตลาด ร้อนด้วยแดดก็แรง ไม่มีใครผ่านมาเลย อยากจะร้องงงงงดังงงงงง


ให้มันได้อย่างนี้ซิ โทรหาเจ้าของรถเช่า เขาบอกว่าไม่ไกลมีร้านเปลี่ยนยาง สู้สู้ ครึ่งชั่วโมงครับผม

ถึงร้านปะยางน้ำตาแทบไหล เจ้าของอู่บอกว่ายางระเบิดต้องเปลี่ยนใหม่ โทรหาเจ้าของรถเช่า เปลี่ยนเลยน้อง เดี๋ยวพี่ไปจ่ายเงินเอง 555555โล่งอกไปนิด อุปสรรคมีไว้ทดสอบความอดทนของเราจริงๆๆๆ เปลี่ยนยางเสร็จแวะไปถ่ายรูปที่ท่าเรือคะ ยังไม่หายซ่าาาาา

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา


ได้เวลาโบกมือลาเกาะสีชังแล้ว

เราซื้อตั๋วเรือเที่ย 4 โมงคะ


เรือแล่นออกจากท่า มองเห็นเกาะไกลออกไปเรื่อยๆ จบลงอีกทริป


มีความประทับใจมากมาย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ ที่ช่วยเหลือ ขอบคุณคุณป้าขายของที่ให้ข้อมูลดีๆพร้อมรอยยิ้ม ขอบคุณนักท่องเที่ยวทุกคนที่คอยช่วยเหลือกัน ขอบคุณที่ถ่ายรูปให้ ขอบคุณพี่หนึ่งที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเกาะสีชัง ^____^

เกาะสีชัง เกาะแห่งดอกลีลาวดี ที่นี่มีมนต์เสน่ห์ ผู้คนเป็นมิตร อาหารอร่อย

ขอบคุณที่ทำให้การเที่ยวคนเดี่ยวครั้งนี้ประทับใจไม่รู้ลืมคะ ^_____________^

เจอกันทริปหน้านะ

Sangjan Yok

 วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.44 น.

ความคิดเห็น