สวัสดีครับเพื่อนๆ รีวิวนี้เป็นรีวิวเก่าที่ผมเคยเขียนลงในเวบพันทิพย์ เมื่อปี พ.ศ.2557 จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ร่วม 3 ปี แล้วครับ พอได้มารู้จักเวบ readme เลยอยากจะขอนำข้อมูลที่เคยเขียนไว้มาลงในเวบนี้บ้าง เพราะยังไม่ค่อยมีคนรู้จักสถานที่แห่งนี้ ยังดิบๆอยู่ ข้อมูลที่ลงในกระทู้นี้อาจจะยังไม่ทันสมัยเท่าไหร่ แต่ก็อยากให้ได้ลองไปสัมผัสกันดูครับ
ที่นี่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น้อยคนจะรู้จัก ชื่อเสียงไม่ได้โด่งดังเหมือนภูชี้ฟ้า หรือ ผาตั้งแม้คนในจังหวัดเอง พอพูดชื่อไปก็ยัง งงๆ ไม่รู้จัก แต่ที่นี่ก็ยังมีความสวยงามอยู่ในตัวของสถานที่เอง ตามมาชมบรรยากาศกันครับ
ปล.นี่ไม่ใช่กระทู้รีวิวแบบละเอียด ผมขอเล่าไปเรื่อยๆ เก็บเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝากแทนนะครับ
Link กระทู้เก่า
- http://pantip.com/topic/31128875
การเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายเราใช้เวลาเดินทางด้วยเวลาประมาณ 2 - 3 ชม ครับ จากตัวเมืองเชียงราย ---> อ.แม่สรวย เลี้ยวขวาตรงทางแยกเดียวกันกับทางขึ้นดอยช้างพอเข้าซอยมาเราจะผ่านหมู่บ้านเล็กๆน้อย แล้วจะผ่านป้ายเขื่อนแม่สรวยด้านซ้ายมือ เราไม่ได้แวะให้ขับตรงขึ้นไปเลย
ตอนที่เราออกเดินทาง เมื่อวันที่ 4 พ.ย.57 ที่ผ่านมา มีมรสุมเข้าภาคเหนือพอดี เราก็เดินทางกันด้วยใจตุ๊มๆต่อมๆ แม้ว่าช่วงที่เรากำลังเดินทางฝนยังไม่ตกก็ตาม ระหว่างทางเราก็จะเห็นวิวสวยๆข้างทางแบบนี้ครับ
(((เห็นแดดแล้วก็ชื่นใจหน่อย)))
ช่วงระหว่างที่เรากำลังไต่ขึ้นดอยไปทางดอยช้าง ด้านซ้ายมือของเราจะสามารถมองเห็นเขื่อนแม่สรวยมุมสูงได้ครับ
เห็นแบบนี้ทุกคนก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกัน "จอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !"
เวลานั้น ตอนที่เราจอดรถเพื่อถ่ายภาพเขื่อนมุมสูงกันอยู่ ตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 4 โมงครึ่งแล้วครับ แล้วดูจากท่าทีแล้ว เหมือนเราต้องเจอฝนแน่ๆ แต่วินาทีนั้นไม่สนแล้วว่าทางข้างหน้าเราจะเจอฝนหรือเปล่า ก็สวยแบบนี้จะหยุดเราไม่ให้ถ่ายภาพได้ไง
จะโทษว่าฝนเป็นอะไรที่เลวร้ายของช่างภาพหรือเปล่า ? ผมว่าก็ไม่จริงเสมอไปนะครับธรรมชาติล้วนมีความงามแฝงอยู่จริงๆ ขอให้เราหาให้พบ
แวะถ่ายภาพกันจนอิ่มหนำ เมฆฝนดำๆก็ใกล้เข้ามา โชเฟอร์ของเราก็ใส่เกียร์ผี ขับอย่างไวผ่านทิวทิศน์ต่างๆมากมาย (แต่ไม่ได้จอดแล้ว) ช่วงระหว่างทางเราจะเจอทางแยกไปดอยช้างด้านขวามือ ส่วนซ้ายมือคือทางไปดอยวาวี (ประมาณ 40 กิโลฯ) ให้เลี้ยวซ้ายลงไปขับรถไปเรื่อยๆ ผ่านหมู่บ้านต่างๆจนกระทั่งถึงดอยวาวี (ไม่ได้จอดตามเคย เพราะฝนเริ่มลงเม็ด) จากดอยวาวี เราจะเห็นป้ายไปดอยกาดผี ประมาณ 12 กิโลฯ ให้ไปต่อเลยครับ เลยดอยวาวีมานิดนึง ด้านซ้ายมือเราจะเห็นวิวแบบนี้ (โล่งจนเหมือนเชิญชวนให้เราจอด)แต่เรามาถึงช้าไปหน่อย ลืมไปว่าช่วงนี้พระอาทิตย์ตกดินเร็ว แถมวันนี้มีฝน แสงหมดเสียแล้ว
ช่วงระหว่างเส้นทางนี้จะมีรีสอร์ทอยู่แห่งหนึ่งอยู่ตรงหมู่บ้านเลาลี ชื่อ เลาลีรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทแห่งเดียวที่ใกล้ดอยกาดผีมากที่สุด ใครอยากนอนสบายๆก็แวะนอนที่นี่ได้นะครับ (ราคาไม่ทราบเหมือนกัน) และเราก็ถึงตีนดอยกาดผี จะมีป้ายบอกทางด้านขวามือตามปกติเราสามารถนำรถกระบะ หรือมอเตอร์ไซต์ขึ้นได้สบายๆ แต่เนื่องจากว่าก่อนที่พวกผมจะเดินทางมา ที่นี่ฝนตกหนักมากเป็นเวลาเกือบ 3 วัน ! ทำให้พวกเราไม่สามารถนำรถขึ้นได้ (ปาเจโร่) เพราะถนนลื่นมากๆ ทำอย่างไรก็ขึ้นไม่ได้ล้อฟรีไปหมด ซึ่งตามแผนแรกเรากะจะนำรถขึ้นไปจอดแล้วนอนในตัวอุทยานบนยอดดอยเลย (มีห้องน้ำครบครัน แต่ไม่มีไฟฟ้า) แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผน โดยเราถามเอาจากร้านค้าข้างทางก่อนจะถึงทางขึ้นดอยว่ามีเต๊นท์ให้เช่าไหม เขาก็ติดต่อ จนท.อุทยานให้ครับดีมากเลย และ จนท.ก็ขี่รถจากบ้านมาหาเรา และเดินขึ้นดอยพร้อมกันเพราะรถเราขึ้นไม่ได้ต้องจอดไว้ด้านล่าง จากป้ายบอกทางขึ้นดอยกาดผี - ยอด ประมาณ 1 กิโลฯ (แม้ว)
ช่วงที่กว่าเราจะเดินขึ้นดอย (ลืมบอกไปว่าแวะกินข้าวที่ร้านค้าข้างทางก่อนขึ้น) และกว่า จนท.จะมาหาเราเพื่อพาไปเอาเต๊นท์ก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าๆแล้ว มืดหมดแต่ว่าวันนี้พระจันทร์เต็มดวงสว่างมากๆ เราเดินขึ้นมาถึงยอดพร้อม จนท. ซึ่ง จนท.ก็ดีมาก เป็นคนท้องถิ่น จัดเตรียมเต๊นท์ กางเต๊นท์ให้เราเสร็จสรรพ พอเราถามว่ามีค่าใช้จ่ายเช่าเต๊นท์เท่าไหร่ พี่เขาก็บอกว่าไม่มีราคา เพราะเป็นของอุทยานเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวพอเขากางเต๊นท์เสร็จเราเลยช่วยเงินไปจำนวนหนึ่งถือเป็นสินน้ำใจของพี่เขาไปครับ และเหมือนกับนัดกันไว้อย่างไงอย่างนั้น พอเต๊นท์พร้อม พระจันทร์ดวงกลมๆก็ทรงกลดอยู่เบื้องบนสวยงามมากจริงๆ
เมื่อปีก่อนที่ทำให้ผมประทับใจกับการเดินทางมาดอยกาดผีมากๆก็คือ ผมได้ถ่ายภาพทางช้างเผือกครั้งแรกบนนี้ ถึงจะไม่สวย แต่มันทำให้ผมประทับใจไม่รู้ลืมเลยครับว่าโลกเรามีสิ่งสวยงามถึงเพียงนี้ ผมได้แต่เฝ้าคิดว่าคนเราถ้าไม่ออกไปนอกบ้าน ไม่ออกไปดูโลกจะได้เห็นสิ่งสวยงามจากธรรมชาติแบบนี้หรอ ? และคืนนี้ก็เช่นกัน แม้ผมจะไม่สามารถถ่ายทางช้างเผือกได้เพราะหมดฤดูกาลถ่าย และพระจันทร์สว่างมากกลบดาวหมด แต่คืนนี้ผมก็ได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง ณ จุดๆเดิม สวยงามและประทับใจมากๆครับ
เนื่องจากคืนนี้พระจันทร์ขึ้นเต็ม ดาวหายไปหมด ตามโปรแกรมเรากะจะถ่ายดาวหมุนกันช่วงกลางคืน แต่ก็ถ่ายไม่ได้ เราก็เลยนั่งคุย นั่งเมาท์กันจนดึกเกือบๆเที่ยงคืน (บนดอยไม่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเลย) แล้วตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 4 เพื่อมาดูท้องฟ้ากัน และก็สมใจอย่างหนึ่งตรงที่ว่า มืดสนิท พระจันทร์หายไปแล้วหมู่ดาวจึงปรากฎออกมาแทน
โรงแรม 5 ดาว เราไม่มีปัญญานอน แต่คืนนี้เรานอนกันที่โรงแรมพันล้านดาว ^^
กว่าจะตั้งตัว ตั้งหลักกันได้ (ง่วง) ก็ปาเข้าไป ตี 5 แล้ว ตามหาทิศเหนือเจอแล้วก็ตั้งกล้องถ่ายดาวหมุนกันครับ ถ่ายกันได้ไม่นาน ปรากฎว่ายังไม่ถึง 6 โมงเช้าดี ฟ้าเริ่มสว่าง Y_Y เลยได้ภาพมาประมาณ 45 ใบ แต่ใช้ได้จริงๆแค่ 22 ใบ มารวมทำภาพดาวหมุนให้ชมครับ ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
เผลอแปปๆฟ้าก็สว่าง มองเห็นทะเลหมอกด้านล่างแล้ว อู้วว
ฟ้าค่อยๆสว่าง เปิดภาพให้เราเห็นเบื้องหน้า ทะเลหมอกสุดลูกหูลูกตา ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ปีก่อนที่ผมมาหมอกสวยและเยอะกว่านี้มากครับ แต่แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับวันพักผ่อนของเรา
ถ้าพูดถึงในมุมมองของนักถ่ายภาพแล้ว ที่นี่ถือว่ามีมุมน้อยครับ ไม่ได้มากมายอะไร ด้วยพื้นที่ๆจำกัด ประกอบกับมีต้นไม้ขึ้นมาบังด้วยจำนวนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะยังไม่ใช่ยอดจริงๆของดอยกาดผี จนท.อุทยานบอกว่าต้องเดินไปต่ออีกประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆเพื่อไปยังยอดสูงสุด ซึ่งมีทะเลหมอก 360 องศา แต่ทาง จนท.ก็ไม่แนะนำ และบอกว่าตรงนี้สวยที่สุดแล้ว เพราะด้านบนสูงก็จริง แต่ต้นไม้ก็สูงตามด้วย วิวที่เราเห็นไม่ได้กว้างแบบนี้ ก็เลยเชื่อ จนท.ดีกว่าครับ (เชื่อคนง่าย) และอีกอย่างใครจะยอมเดินไปอีกตั้งโลกว่าๆ เพราะเบื้องหน้าเราตอนนี้ก็โคตรสวยแล้วครับ !
ใครที่มีเลนส์ Telephoto แนะนำให้พกติดไปด้วยนะครับ สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราต้องใช้เพื่อดึงความงามแต่ละจุดออกมาแม้มันจะหนักหน่อย แหะๆ
ช่วงที่เราถ่ายๆทะเลหมอกกันอยู่ พระอาทิตย์ก็กำลังค่อยๆขึ้นแต่ยังอยู่หลังเมฆ พอสักพักฟ้าก็พลันเปลี่ยนสี และ บู้มมมมมมมมม ! นี่สินะที่เค้าเรียกกันว่า ฟ้าระเบิด
ระเบิดคาตา งดงามมมมมมมมมมม
บริเวณลานที่เรากางเต๊นท์ จะเห็นว่ามีห้องน้ำ และชิดติดขอบหน้าผาเลยครับ แต่ไม่อันตรายเพราะไม่ได้ชันตัดลงไป มันค่อยๆสโลปลง 555+ (จะแนะนำทำไมเนี่ย ใครจะโดด)
รอลุ้นอยู่พักนึงว่าพระอาทิตย์จะเผยตัวให้เราได้เห็นกันไหม ... และก็สมใจอยาก จบทริปอย่างสมบูรณ์ล่ะครับ
ต้นดอกคริสต์มาสต์บานรับแสงเช้าวันใหม่ (ปีที่แล้วมาไม่มีเลย)
แต่ก็เหมือนเป็นตลกร้ายจากธรรมชาติ เพราะพระอาทิตย์เผยตัวให้เราถ่ายได้แปปเดียวประมาณ 10 นาที ก็ลับเข้าเมฆไป โธ่
ภาพนี้จึงเป็นภาพสุดท้ายที่ถ่ายได้ก่อนแสงจะหมดไป กลายเป็นฟ้าขาวๆครับ
ก็ขอจบกระทู้ดอยกาดผี 2014 แต่เพียงเท่านี้ครับ
ขอขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ตามใจผม และมาเที่ยวมาลำบากด้วยกันนะครับ สนุกกันไปอีกทริปนึง
เพื่อนๆในพันทิพย์คนไหนมีคำถาม อยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับดอยกาดผีถ้าผมพอจะช่วยได้จะตอบให้นะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ _/\_
Boy Anupong
วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 17.06 น.