ม่อนทูเล ทุลักทุเลสมชื่อ ( 26-28 มค 60)


ข้อมูลทั่วไป


ดอยทูเล หรือม่อนทูเล หรือ “ทูเลโค๊ะ" เป็นชื่อที่ชาวปกาเกอะญอเรียกขานกัน มีความหมายคือ “ภูเขาสีทอง" ดอยทูเล เป็นภูเขาที่มีระดับความสูง 1,350 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ทอดตัวขนานกับแม่น้ำเมย เส้นกันพรมแดนระหว่างไทยกับพม่า ตั้งอยู่ในเขตบ้านแม่จวาง ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก



แผน – การเดินทาง – เสบียง


ทริปนี้มีเพิ่มร่วมอุดมการทั้งหมด 4 คน คือ พี่แบง(ตากล้อง) ป๊ำ(พ่อครัว) ออฟ(เสือ) และผม โดยกำหนดวันเดินทางไว้วันที่ 26-28 มค 60 เพราะอยากจะได้บรรยากาศเงียบๆส่วนตัวๆบนเขา

ส่วนการเดินทางเพื่อให้ได้ฟิลแบบสุดๆเราจึงเลือกใช้บริการ รถ.บขส 999 สาย กทม – แม่สอด แล้วค่อยไปหาต่อรถสองแถวจากแม่สอดไปท่าสองยางกัน

สำหรับเสบียง ยกให้พ่อครัวเป็นคนจัดเตรียมครับ ซ฿งมันก็จัดมาแบบง่ายๆไม่ยากมากมาย มาม่า ปลากระป๋อง โจ๊ก หนมปัง แยม ไข่ต้ม และไก่รวนเค็ม

#เพื่อความสนุกของทริปนี้พวกเราเลือกที่จะอ่านรีวิวให้นอน เลือกอ่านเฉพาะเรื่องการเดินทางที่เหลือไปลุ้นเอาหน้าง่านครับ

ออกเดินทาง


คืนวันที่ 25 มค 60


นัดเจอกันที่ หมอชิต2 เวลา 21.00น. (รถออก 21.30น.) (ขอบคุณเพื่อนมาย ที่มาส่ง)

รอบนี้เดินทางไกล เลยเลือกจองรถแบบ vip กะนอนยาวๆ สบายๆ ตื่นอีกทีที่แม่สอดเลย (Vip : ที่นั่งสบาย มีห้องน้ำ ยืดขาได้ มีผ้าห่ม น้ำดื่ม ขนม และก็คูปองทานอาหารตรงจุดพักรถให้)

ปล.บนรถมีไฟให้อ่านหนังสือนะ แต่ไฟแบบรี่มาก จะรี่ไปไหน

รถออก 21.30น. ถึงแม่สอด ประมาณ 05.30น.


***เนื่องจากช่วงที่มา อากาศที่ กทม เริ่มจะไม่หนาวแล้ว เลยไม่เอาพวกเสื้อกันหนาวติดมา แน่นอนครับงานงอก บนรถว่าหนาวแล้ว ลงไปสถานีขนส่งที่แม่สอดหนาวกว่า รู้อนาคตเลยบนเขา ตายแน่

หลังจากถึงสถานีขนส่งแม่สอด ก็จัดการล้างหน้าแปรงฟันเตรียมลุยต่อ ตอนแรกว่าจะกินข้าวที่ขนส่งเลยแต่ร้านยังไม่เปิด พอดีมีคุณลุงคนขับรถเดินมาถามว่าจะไปไหน ก็บอกไปว่าจะไปท่าสองยาง แกก็เลยชวนขึ้นรถสองแถวแก ในใจก็ยังลังเล เพราะดูรีวิวมา ไหนบอกรถเที่ยวแรกออก 7.00น. ไง?? แต่ก็ไปนะ ต่อค่ารถได้ 10 ก็โยนกระเป๋าขึ้นหลังรถเลย (พอขึ้นมาปุ๊บ!! ลุงก็บอกว่าเดี๋ยวต้องไปต่อรถนะที่แม่ต้าน ก็โอเคร๊ ขึ้นมาแล้วนินา 555


นั่งรถออกมาไม่ทันไร เพื่อนออฟก็หลับไป แต่อีก 3 คนยังไงก็หลับไม่ลง เพราะมันหนาวเหลือเกิน อากาศก็เย็นลมก็ตี โอโห จากที่คิดว่าจะฟิน เล่นเอาแทบแย่ …… ประมาณ 8.30น. เราก็มาถึงจุดต่อรถครับ คุณลุงพาไปส่งแถววงเวียน(สีม่วงๆ) ให้หาของกิน โดยก่อนลงจากรถเพื่อนๆรู้สึกอยากกินโจ๊ก ข้าวต้ม ไรงี้ พี่คนแถวนั้นก็ใจดี ชี้ทางสว่างบอกให้เดินไปตลาดใกล้ๆ


.

.

โจ๊กบ้าโจ๊กบออะไร มีแต่ของสด หัวหมูงี้ ปลางี้ ผักงี้ ไม่มีหลอกนะ ไอ้โจ๊กอะไรนั่นน่ะ แต่บริเวณตลาดนี้ ช่วยให้ ป๊ำและออฟ ได้กางเกงวอมกันหนาวไปคนละตัว ตัวละ 80บาท

ป้าคนขายถามว่า “จะไปไหนกัน"

ออฟ “จะไปทูเลครับ"

ป้าคนขาย “หูยยยยยยยยยยย"

ออฟ “ทำไมหรอครับ"

ป้าคนขาย “หนาวมากๆ ป้าเคยไป"

……………

พวกเราก็ได้แต่มองหน้ากันตาปริบๆ (ป้าอยู่ที่นี่มาตลอดยังบ่นหนาว แล้วเราล่ะ หึหึ #แต่ก็ดื้อนะไม่ซื้อเกงวอม เราอดทน)

สุดท้ายก็ได้ข้าวราดแกงประทังชีวิต แล้วก็ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไว้กินระหว่างเดินขึ้นทูเล


ประมาณ 9.00น. รถที่เรารอก็มาถึง รถคันนี้จะพาเราไปส่งยังจุดหมาย นั่นคือ อบต.ท่าสองยาง

11.00น. ถึงแล้ว อบต.ท่าสองยาง (เวลานี้ถือว่าสายมากแล้วสำหรับการเดินขึ้นเขา) หลังจากชำระค่าบำรุงสถานที่ เรียบร้อย ลุงพัน ผู้ที่จะเป็นคนขับรถพาเราไปส่งที่จุดเริ่มเดิน ก็มารับเราที่ อบต. ก่อนจะมุ่งหน้า ก็แวะร้านขายของชำให้ซื้อของครั้งสุดท้าย ซึ่งถามลุงพันแล้วว่า ข้างบนมีจุดที่สามารถกรอกน้ำได้ไหม “มี!!" ลุงตอบเสียงดังฟังชัด ผมก็โอเค งั้นเอาน้ำขวดใหญ่ไป 6 ขวดพอ ที่เหลือไปกรอกข้างบน ….. พร้อมแล้ว พวกเรา ลุย!!!!!!!

อุปสรรค


เรียกได้ว่า งานเข้าตั้งแต่ออกสตาร์ท เพราะลูกหาบที่เราขอไว้ 1 คน ยังไม่มี ก็เอะใจแล้ว ว่าทำไมตอนลุงพันมารับพวกเรา ถึงไม่มีลูกหาบมาด้วย (ลุงให้เหตุผลว่า แค่คนเดียวเดี๋ยวไปหาในหมู่บ้านก่อนจะขึ้นเขา ยังไงก็มี) แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ขับรถวนรอบหมู่บ้านครบ 1 รอบก็ยังไม่ได้ลูกหาบ (ในใจก็คิด ทำไมลุงไม่นัดไว้ก่อน อยุ่ๆมาขับรถบีบแตเรียกเขา “ไปไหมมมมมมม ใครจะขึ้นบ้าง ของ1คน" (ลุงพูดเป็นภาษากระเหรี่ยงนะ แต่ผมเดาว่าความหมายหน้าจะประมาณนี้)

ยังไงก็ไม่มีคนขึ้น จนต้องบอกลุงพันว่า “ถ้าเขากลัวเหงา ก็เอาลูกหาบ 2 คนก็ได้ครับ" (ที่เขาไม่อยากขึ้นคงเพราะ 1.สายแล้วเดินขึ้นตอนนี้ร้อน 2.ลูกหาบบางคนพูดภาษาไทยได้คล่องก็ไม่อยากไปคนเดียว)

จนแล้วจนรอดก็ได้ลูกหาบมา เป็นน้องวัยรุ่น 2 คนครับ อายุ 16-17 ปี

ทุกอย่างลงตัว ออกเดิน ประมาณ 12.00น.ครับ


**ที่นี่จะมีจุดหลักๆอยู่ 3 จุดนะครับ คือ ม่อนทูลเล – คลุยหลวง – ม่อนคลุย ซึ่งการเดินสามารถขึ้นได้จากทั้ง 2 ทางครับ ทั้งจาก ม่อนทูเล ไปลงที่ ม่อนคลุย รึจะ ขึ้นจากม่อนคลุย ไปลงฝั่งม่อนทูเล อันไหนก็ได้ แต่พอดีแอบเห็นใน รีวิว บอกว่าขึ้นทางม่อนทูเล มันโหดดี หึหึ ชอบครับ ท้าทาย จัดไป ขึ้นทูเล ……….


ที่รูปน้อยไม่ใช่อะไรนะครับ เหนื่อยจะขาดใจ ทรมานเหลือเกิน พกน้ำกันมา 2 ขวดใหญ่ ครึ่งทางก็หมดไปแล้ว 1 ขวด เรามาถึงครึ่งทาง ก็ปาไปบ่ายสามแล้วครับ อีกไกลไหมก็ไม่รู้ จะกินน้ำให้หมดก็ไม่กล้า แต่แล้วก็ได้ยินเสียงสวรรค์ จากน้องลูกหาบ บอกว่าอีกไม่ไกลครับจะถึงแล้ว เลยตัดสินใจกับเพื่อนออฟ ทุบหม้อข้าว ดื่มน้ำให้หมด กินอีกทีตอนถึงยอดครับ
“กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง" ขณะเวลา 16.30น.แล้ว ยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าจุดหมายเลย โถไอ้น้อง ไหนบอกใกล้ถึงแล้วไง น้ำหมดแล้วนะเฟ้ย แต่จะทำอย่างไรได้ ได้แต่กัดฟันเดินต่อไปให้ถึง …… แล้วเวลาก็ผ่านพ้นไป 17.30น.โดยประมาณ เราถึงจุดพักแรมกันแล้วครับ


พอขึ้นมาถึงนี่บอกเลยขนลุกมาก ไม่ใช้อะไรครับ น้ำไม่มี
จะเอาไงล่ะทีนี้ น้องลูกหาบก็สภาพย่ำแย่เหมือนกัน น้องบอกว่า มีอีกจุดให้ลุ้น คือต้องเดินย้อนต้นน้ำขึ้นไปหน่อย น่าจะพอมีน้ำสะอาดให้ดื่มให้ใช้กัน ….. สรุปว่ามีครับ ฟ้ายังมีตา ให้เราได้ไปต่อ

หมดกังวลเรื่องน้ำดื่มไปได้ ก็แบกร่างพังๆไปนั่งมองพระอาทิตย์ตกครับ สวยสุดยอด คุ้มค่าจริงๆ
ในรูป ไม่มีป๊ำ ไม่ใช่ว่าไปทำหน้าที่พ่อครัวเตรียมอาหารนะครับ ยังเดินขึ้นมาไม่ถึง 55555



ค่ำคืนอันเหน็บหนาว


พระอาทิตย์จากเราไป ความมืดก็เข้ามาทักทาย ที่สำคัญไม่มาคนเดียวเอาความหนาวมาด้วย TT แงตายๆๆๆๆๆ หลังจากดูพระอาทิตย์ตกกันจนหนำใจบวกับพ่อครัวของเราก็ตามมาสมทบพอดี เลยจัดการแบ่งหน้าที่แยกย้ายกันไป หาฟืนก่อไฟ กลางเต้นท์ เตรียมอาหาร สนุกจริงๆ
คืนนี้อาหารเราง่ายๆครับ ข้าวเหนียวหมุปิ้ง ที่ไม่ได้กินกันตอนกลางวัน บวกกับ ขนมปังที่หยิบติดมาจากรถทัว แล้วก็ มาม่า ร้อนๆ ระหว่างกินอาหารกันอยู่นี่บอกเลย ท้องฟ้าสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก กอไก่ล้านตัว ดาวมากันตึม แต่เอาไว้ก่อน เรื่องปากท้องสำคัญกว่า

แต่ความสวยงามนั้นอยู๋กับเราเพียงไม่นาน เมฆดำก็มาเยือน รู้ตัวอีกที ก็ถ่ายดาวไม่ได้สะแล้ว TT
ทำไรไม่ได้ ได้แต่ยอมรับ แล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน

(มันช่างเปนค่ำคืนที่โหดร้ายสะเหลือเกิน เพราะทุกคนมีอุปกรณ์กันหนาว เหลือเพียงผม ที่ใส่กางเกงขาสั้นนอนหนาวอยู่คนเดียว



เดี๋ยวมาต่อนะครับ

ม่อนทูเล


“มีใครจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบ้าง" พี่แบงตื่นก่อน พร้อมปลุกทุกคน

ผมเงียบครับ หนาวขนาดนี้ ให้ตายก็ไม่ออกนอกเต้นท์เด็ดขาด ป๊ำก็บอกเหนื่อยขอนอนต่อ สนุก มีแค่ พี่แบงกับออฟ ออกไปดักรอพระอาทิตย์ ตัเงแต่ ตี 5 ครึ่ง

ผมหลับๆตื่นๆมารู้ตัวอีกทีเกือบๆ 7 โมง กั้นใจคิดว่า นานๆมาที ขอขึ้นไปถ่ายหน่อยแล้วกัน เลยกัดฟันแบกร่างตัวเองขึ้นไปท้าลมหนาวบนยอดดอยยยยยยยยยยย

ลืมเวลาไปเลย ร็ตัวอีกที่ ก็ 8 โมงแล้ว เหมือนเดิมครับ พ่อครัวของเราไม่ขึ้นมาด้วย ต้มน้ำ รอทำโจ๊กให้พวกเรากิน แหม่!!คนดีจริงๆ (ที่จริงคือมันขี้เกียจเดิน)



เก็บของ พร้อมออกเดินทางต่อ แต่ก่อนจะลาจากม่อนทูเล ก็ขอแวะไปเติมน้ำหน่อย


และนี่คือแหล่งน้ำประทังชีวิตของพวกเรา

คลุยหลวง


การเดินในวันนี้ เดินกันไม่ไกลครับ ระยะทางสั้นๆ แวะกินข้าวเติมน้ำกลางทางได้ ทางเดินก็ลงอย่างเดียว (ข้อมูลจากไอ้น้องลูกหาบที่เมื่อวานบอกเราว่าใกล้ถึงแล้ว)

แต่เรื่องจริงคือ ออกเดินปุ๊บ ก็ขึ้น ขึ้นนน ขึ้นนนนนนนนนนนน เล่นเอาแย่เหมือนกัน กว่าจะเจอเดินลง แต่พอบ่นจะลง พวกก็ลงอย่างเดียว หัวเข่าแทบพัง

ได้กินเหนียวไก่กันสักที ฟินจริงๆ เวลาเหนื่อยๆแล้วได้กินแบบเต็มที่ ที่สำคัญน้ำเราก็เติมอแบบไม่อั้นด้วย สบายจุง


(จุดนี้คือจุดสุดท้ายที่จะมีน้ำให้เติม เพราะหลังจากถึงหคุยหลวงแล้วก็จะไม่มีจุดเติมน้ำ จนกว่าจะกลับไปถึง อบต.เลยทีเดียว)

ทานอาหารเสร็จเดินกันต่ออีกหน่อยก็ถึง จุดกางเต้นท์ครับ ตอนที่ไปถึงเวลาก็ประมาณบ่ายสอง มีเวลาหาฟืน กลางเต้นท์ ต้มน้ำกินมาม่า กันอีกหนึ่งยก แถมด้วยการหลับอีก 1 ตื่น ก่อนจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันครับ

พักกันเต็มที่ 5 โมงกว่าๆ ก็ออกไปดูพระอาทิตย์ตกดินกัน วันนี้เดินไม่ไกล ชิลมากๆ


รอเวลาพระอาทิตย์ตก มีเวลาถ่ายรูปกันเอง ก็จัดสักหน่อย 5555


หุงข้าว


วันนี้ถึงคิวผมเป็นพ่อครัวครับ เมนูวันนี้ ก็เป็นพวก กะเพา กับ ไก่กะเทียม (สำเร็จรูป) แน่นอน จะให้อร่อยต้องกินกับข้าวสวยร้อนๆ ทั้งกลุ่มไม่มีใครเคยหุงมาก่อน แต่ผมเคยดู เนวิเกเตอร์มาแว๊บๆ เลยอาสาเป็นคนหุงให้เองงงงงงง

น่าทานไม่เล่า คืนนั้นไม่รู้ว่าหิว หรือว่าอร่อย หุงไป 3 หม้อ หมดข้าวไปเกือบ กิโล 5555 แล้วก็เหมือนเดิมครับ เมฆมา บดบังท้องฟ้าและดวงดาวของเราไปอีกแล้ว (#นี่ข้าพเจ้าแบกขาตั้งกล้องมาเพื่ออะไรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร)



พระอาทิตย์ไม่ใช่ไฮไลท์


วันนี้ผมเต็มใจตื่นมากกว่าเมื่อวาน สงสัยคงเพราะได้กินแบบเต็มอิ่มมั้ง 5555 ตั้งใจจะไปถ่ายพระอาทิตย์ แต่ก็ต้องผิดหวังเล็กๆ เพราะไอ้มุมที่เลือกนั้น มันดันโดนภูเขามาบังสะได้ แต่ก็ไม่คิดมากครับ แค่ได้ตื่นมาสูดอากาศตอนเช้าที่แสนจะสดชื่น แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

หลังจากไปยืนตั้งแถวรอรับพระอาทิตย์เสร็จ ก็กลับมาที่เต้นท์เตรียมกินอาหารเช้า มื้อนี้จัดเต็มครับ เหลืออะไรก็กินให้หมด ลุย!!


อิ่มท้องก็เก็บของ เตรียมตัวเดินลงจ้า เดินลงวันนี้ก็ไม่มีอะไรมา ลงอย่างเดียว แต่วิวนี่คือแบบ สุดจริงๆ ของจริงคืออลังมากกกกกกกกกกกกก
ออกจากคลุยหลวง 9 โมงนิดๆ เที่ยงก็ถึงตีนเขา รอเวลาลุงพัน มารับครับ ขากลับลุงพันก็ไปแวะที่ม่อนคลุย ให้ถ่ายรูปเล่นสักพัก ก่อนจะตีรถกันยาวๆกลับ อบต.

กลับบ้าน


ที่อบต.ท่าสองยาง มีห้องน้ำไว้ให้บริการนะครับ เพราะตั้งแต่วันที่ออกจากหมอชิต จน ลงเขา ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย 5555 สกปรกเป็นอาจิน น้ำที่นี่ชื่นใจมากกกกกกก แถวที่ อบต.มี wifi ให้เราได้ใช้บริการด้วย อาบน้ำอาบท่าพักผ่อนจนพอใจ ก็ขึ้นสองแถวกลับแม่สอด แน่นอนครับระดับนี้ไม่มีเหมา ต่อรถเหมือนเดิม กว่าจะถึงแม่สอดก็ปาไป 6 โมงกว่า เป็นการนั่งรถที่ยาวนานจริงๆ (ตรงจุดเปลี่ยนรถ ที่บ้านต้าน พี่คนขับใจดีมาก คือเรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกัน แกก็จอดแวะ 7-11 ให้ด้วย อารมเหมือนเหมารถแกเลย 5555)

ถึงแม่สอดก็หาข้าวกิน รอเวลารถออก 21.15น. ถึงกทมตี 5 ครับ

ค่าใช้จ่ายและอื่นๆ


1.ค่ารถทัว ไปกลับ คนละ 1250 บาท

2.ค่าลูกหาบ คนละ 500 (ค่าลูกค่า 2 คน 2000/4)

3.ค่ารถสองแถว ไปกลับ คนละ 270 บาท

4.ค่าบำรุง(ที่อบต.) คนละ 50 บาท

5.ค่ารถลุงพัน คนละ 450 บาท (1800/4)

6.ค่าอาหารบนดอย คนละ 150 บาท (700/4)

รวมทั้งทริป ไม่เกิน 3000/คนจ้า

**กรณีเหมาสองแถวจากแม่สอดไป อบต.ท่าสองยาง ประมาณ 1800-2000 บาท/เที่ยว

***แม่สอดมีบริการแทกซี่ ถ้าเหมาไป ตกคันละ 1500 บาท (คนที่มากันน้อยๆลองใช้บริการดูนะครับ)

****เบอร์ติดต่อ อบต.085-7054459 ,089-2680116, 080-0294249 , 081-1815820



ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตอนจบ
หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด จขกท ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ

Haltenmoment

 วันพฤหัสที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 22.28 น.

ความคิดเห็น