"ออกไปคุยกับท้องฟ้า

ออกไปสบตากับนก

ออกไปเล่าเรื่องตลกให้สายหมอกฟัง

ออกไปเล่าคะแนนสอบที่พังให้เชียงคานได้รู้"



คำแนะนำ สำหรับท่านที่ยาวขี้เกียจอ่านให้เลื่อนลงไปท้ายทริป จะมีสรุปทริป , งบประมาณ , เบอร์คุณลุงสามล้อ


ติดตามหรือสอบถามข้อมูลเพื่อมเติม IG : nompracharot หรือ IG : onlypraeww

กล้องที่ใช้ : nikon5300 เลนส์ : kit 18-55



ขอเชิญพบกับรีวิวฉบับกากๆ......



#Measamaleeinchiangkhantrip


23 -25 Oct.2015



สวัสดี๋...สวัสดี จะไม่ท้าวความไปไกลให้ยุ่งยากทริปนี้เกิดจากที่บรรดาเพื่อนๆร่วมคลาสต่างแชร์กระทู้เที่ยวของพันทิปกันอย่างเมามันส่งผลต่อต่อมความอยากเที่ยว โดยมีเพื่อนร่วมทริปอีกหนึ่งคนผู้ซึ่งแชร์กระทู้เที่ยวบ่อยสุด นามว่า "เมษา" ทริปนี้ไม่คิดอะไรมากทุกอย่างหวังไปตายดาบหน้าโดยเฉพาะรอบรถออกและที่หลับนอน(เนื่องจากที่พักเต็มหมด) คืนก่อนเดินทางเราตกลงกันว่าตื่นตีห้า ขึ้นรถหกโมงเช้า แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนสถานการณ์พลิกผันตื่นสายกันทั้งคู่ เจ็ดโมงกว่าออกจากหออาศัยคุณลุงสามล้อแว้นไปส่งที่ บขส.ค่าโดยสารคนละ 20 บาท 8.00 น. ขึ้นรถ นครพนม - อุดรธานี พยายามต่อค่ารถแทบตายแต่สุดท้ายก็ได้เต็มราคา 195 บาท




8.15 น. ล้อหมุน รถออกปุ๊บเราสองคนหลับปั๊บ 4 ชั่วโมง ยาวๆไปไม่แน่ใจว่านี่หลับหรือซ้อมตาย ด้วยระยะเวลาอันยาวนานเจ้าหญิงนิทราก็ถูกปลุกด้วยจุมพิตของเจ้าชาย(เดี๋ยว ๆ ไม่ใช่ล่ะ) ที่ บขส.อุดรในเวลา 12.15 น. พอเท้าแตะพื้นยังตั้งตัวไม่ทันได้ดีพี่วินมอไซด์พี่วินสามล้อนี่เข้าชาร์จตัวกันใหญ่ นู๋ขอนั่งพักตั้งสติแปร๊บ! เผอิญ...ว่าเป็นเด็กน่ารักและอัธยาศัยดีจึงตีซี๊ถามคุณลุงขายตั๋วว่าไป จ.เลย ต้องทำไง เพราะ ที่เห็นๆไม่มีรถไป จ.เลยซักคัน ได้ความว่าต้องไปขึ้นที่ บขส.ใหม่ เพราะนี่คือ บขส.เก่า จากนี่ขันสามล้อไปคนละ 40 บาท (โหยยยยย แพงงะคุณลุง)มีถูกกว่านั้นคือสองแถวสาย 7 เราต้องเดินออกมาขึ้นหน้า 7 - 11 รอซักพักสองแถวสาย 7 ที่เรารอคอยก็มาส่งถึงที่ด้วยราคาค่ารถเพียง 10 บาท



ด้วยความงบน้อย อุดรไปเลย ก็ต่อค่าตั๋วรถเช่นกัน และได้รับการปฏิเสธมาเช่นเคย >>>คือดีงาม ด้วยค่าโดยสาร 91 บาท รถออกประมาณบ่ายหนึ่งบ่ายสองซักบ่ายนี่แหละค่ะ



จากการได้อ่านหลายๆกระทู้แล้ว รถ อุดร - เลย ของแท้แน่นอนต้องมีคุณป้าขึ้นมาขายซาลาเปาบนรถ อันนี้จริงบอกเลยถ้าไม่มีแสดงว่าขึ้นผิดคัน หรือไม่ก็รถก็อปนะคะ 5555+ มันต้องลอง



3 ชั่วโมงกว่า....ถึงแล้ว"เมืองเลย" 17.33 น. ตั้งใจไว้แล้วว่าทริปนี้ต้องโบกรถไปเชียงคานแต่หากโบกไม่ได้แผนสำรองเรายังมีด้วยการสอบถามไว้แล้วว่าสองแถวไปเชียงคานรอบสุดท้ายหนึ่งทุ่ม งั้นรออัลไรคะ?เวลายังเหลือเยอะไปโบกสิ มุ่งตรงออกจากคิวรถสองแถวไปยังตลาดที่อยู่ใกล้เคียงด้วยคิดว่าคนที่เชียงคานน่าจะมาซื้อของที่ตลาดและนำกลับไปขาย เอ้า....โบก โบก โบก ขยับแขนโบก ซ้ายโบก ขวาโบก...



เด็กน้อยสองคนได้แต่ร้องตะโกนด้วยความมุ่งหวังว่าจะมีสักคันที่จอดรับ "เชียงคานมั้ยคร้าา" "เชียงคานมั้ยคร้า" "พี่คะ? ไปเชียงคานมั้ยคะ" ผ่านมาก็ผ่านไปบางคันขับไวเฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว ก่อนจะถึงขั้นถอดใจเด็กน้อยสองคนนั้นได้เดินข้ามมาอีกฟากของคิวรถเธอปลุกกำลังใจให้ตัวเองและเพื่อนอย่าอายไป...ไม่มีใครรู้จักเราหรอก จากนั้นก้โบกต่อด้วยความมุ่งมั่น มีชายใจดีคนหนึ่งอายุเรียกน้าได้ ปั่นจักรยานเข้ามาสอบถามและบอกว่าถ้าจะโบกรถต้องไปโบกแถวถนนใหญ่มากและมากๆ ส่วนตรงนี้จะมีแค่รถชาวบ้านที่อยู่หมู่บ้านใกล้ๆและถัดกันออกไป "เปรี๊ยงงงงง!" เสียงหน้าแตกเด็กน้อยสองคนเพื่อนเเกลอจึงยกเลิกแผนการและเดินไปขึ้นสองแถวที่จอดรออย่างเงียบๆ เด็กน้อยผู้นั้นคือ เมษาและมาลี (กรูเอง) ต้องขอบคุณ คุณน้าใจดีที่มาบอกนะคะ คนเมืองเลยเขาน้ำใจงามจริงๆ ขอบคุณค่ะ



คนละ 30 บาท นั่นคือค่ารถสองแถวจาก เลยไปเชียงคาน รถออก 19.10 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง ณ.จุดๆนั้นข้าวยังไม่ได้ตกถึงท้องตั้งแต่เช้าเราทั้งสองร่วมปฏิญาณตนกันว่าพอถึงเชียงคาน/ถนนคนเดินจะกินให้ตัวแตกไปเลย 55555 สะใจดี20.40 น. สองแถวถึงเชียงคาน...ลงรถมาเจอคุณลุงสามล้อรอรับส่งผู้โดยสารอยู่ กะจะไม่ขึ้นแล้วเชียวไม่อยากเสียตังค์ แต่ในเมื่อที่พักยังไม่มียืนลังเลอยู่สักพัก"คือต้องขึ้นแล้วแหละ" ขึ้นมาแล้วใครจะรู้ว่าคุณลุงสามล้อใจดี พอขึ้นปุ๊ปลุงแกก็ยื่นนามบัตรใส่มือให้เลยยย เห้ยแกรรรสามล้อทุกคันที่นี่มีนามบัตรแจกนะจ้ะ เมืองท่องเที่ยวจีๆ ตามที่เราศึกษาข้อมูลในกระทู้ต่างๆมาเลยรู้ว่า ตชด.246 เชียงคาน สามารถไปกางเต้นท์นอนฟรีได้ แถวน้ำไฟครบด้วยยย เพราะงั้นเราสองคนนี่ตั้งใจแรงกล้ามากว่าจะไม่เสียค่าที่พัก เต้นท์ไม่มีค่ะ ไปตายเอาดาบหน้าดิเว้ยยย บอกคุณลุงสามล้อเลยยค่ะ "ไปตชด.ค่ะคุณลุง" go go goooooooooo !!



จุดหมายของเราคือกองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 246 ด้วยความที่ ที่พักเต็มหมดไงไปนอนกางเต็นท์สัมผัสลมหนาวของเชียงคานยามค่ำคืนก้ได้วะ แหม่...พีคสุด ชิคๆคูลๆ



แต่นั่น! เชียงคานมีงานออกพรรษาพอดีเลยอะแกร มาถูกจังหวะจริงๆเอฟเวอรี่ติงกิงกาเบล แปร๊บถึงแล้ว"กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 246 (ไม่แปร๊บเท่าไหร่) ทางเข้านี่แอบมืดนะ เริ่มมองหน้าสบตาปริ๊งๆกับเพื่อนล่ะ คือแบบ! จะพักได้มั้ยน้าาาา ปล.ภาพถ่ายบนสามล้อเบลอหนักมาก



เข้ามาถึงด้านในเจอคนเยอะเชียว นั่นๆ แถวสนามหญ้ามีเต้นท์หลายหลังกางอยู่ "มาถูกทางแล้วเรา เมษา " คุณลุงสามล้อเดินไปถามเป็นเพื่อนด้วยแหละแกบอกว่าถ้าเกิดพักไม่ได้จริงจะพาไปหาที่พัก เต้นท์เราก็ไม่ได้เอามากะจะมาเช่าที่นี่แต่ยังไม่ถึงช่วงหนาวมากๆทางคุณตำรวจจึงยังไม่ได้เตรียมไว้ คุณตำรวจใจดีม๊าก ถามข้อมูลนิดหน่อย มาสองคนหรอ มาอะไรกันเนี่ย เต็นท์ไม่มีนะ คือบอกเต็นทืไม่มีนะเนี่ยหน้าเศร้าสลดกันเลยทีเดียว เมษาบอกพร้อมกับเสียงเศร้า'คือนู่อยู่ง่ายนอนง่ายค่ะ นอนไหนก็ได้ค่ะตอนนี้ จะให้นอนเฝ้าหน้ากองร้อยก็เอาค่ะ' มาลีเสริมทัพต่อ ' ใช่ๆ นอนไหนก็ได้ค่ะ หมอนไม่ต้องค่ะ ผ้าห่มไม่มีไม่เป็นไร ' ด้วยความที่คุณตำรวจสามสี่ท่านสงสารหรือรำคาญไอ้เด็กสองคนนี้ก็ไม่ทราบได้ คุณตำรวจท่านหนึ่งพูดว่า เข้ามาในนี้ยังไงก็มีที่นอน ไม่ปล่อยให้ออกไปข้างนอกหรอกมันอันตรายนี่ก็ดึกแล้ว ไหนจะมีงานอีก ก็จริงค่ะ ข้างรั้วนี่มันคอนเสิร์ตชัดๆเสียงกระหึ่มมาก หลังจากนั้นก็จ่ายค่ารถคุณลุงสามล้อคนละ 30 บาท คุณตำรวจบอกให้ยืนรอสักครู่เดี๋ยวจัดการหาเต้นท์ให้ จากนั้นก็แว้นมอไซด์ออกไปและกลับเข้ามาพร้อมกับเต้นท์ของคุณตำรวจอีกท่านนึง



กางเต็นท์ให้ด้วย หาหมอนและผ้าห่มให้อีกคนละสองผืน



โลเคชั่นกางเต็นท์ที่คุณตำรวจเลือกให้คือหน้าเสาธง ใกล้เวทีคอนเสิร์ตเสียนี่กระไรหืมมมมม กระซิกๆคือปลื้มปริ่ม คือน้ำตาจะไหล ใจดีกว่าคุณตำรวจกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 246 ไม่มีอีกแล้ว เก็บของเสร็จสรรพพร้อมเปลี่ยนชุดเรียบร้อยได้เวลาออกล่าของกิน โดยมีคุณตำรวจที่น่าร๊ากกกกกกก แนะนำเส้นทาง เดินผ่านงานออกพรรษาและเวทีคอนเสิร์ตไป 400 เมตร จะเจอถนนคนเดิน ระหว่างทางใครเล่าจะรู้ว่าข่มใจแค่ไหนไม่ให้แวะร้านของกินเพราะตั้งปณิธานไว้แล้วว่าต้องไปกินและชิม ชิล ที่ ถนนคนเดินถึงจะได้อารมณ์และคู่ควรกับการนั่งรถมานานแสนนาน



และแล้วความอดทนก็เป็นผล ถึงถนนคนเดินแว้ววววแต่ด้วยเวลาห้าทุ่มร้านต่างๆเก็บกันเกือบหมด เหลือบางร้านเพียงน้อยนิด ดั้นด้นมาแล้วอย่าให้เสียความตั้งใจมีแค่ไหนกินแค่นั้น



ต่อด้วยข้าวจี่ ไม้ละ 10 บาท 2 ไม้อร่อยมากกกกกกร้อนเชียว เดินกินไปสักพักอาการกระหายน้ำเริ่มมาเดินผ่านร้านน้ำมะพร้าวนั่นไงล่ะได้ติดมือมาคนละถุง



เดินๆ จนร้านทยอยปิดกันเกือบหมด ว้าาาาาาา งั้นกลับไปช็อปต่อพี่งานออกพรรษาแล้วกันเนอะ ก็ไอ้ถนนที่เดินผ่านมานั่นแหละ5555


นับว่าเป็นโชคดีของเราที่มาตอนเทศการออกพรรษาพอดีเลยทำให้มีของกินเพรียบ โอ๊ยสวรรค์มีความสุขชิปหาย ซาวด์เพลง New Thang ของ DJ โซดาที่แว่วมานี่ทำให้อยากจะดิ้นกระแหน่วกระแหน่วตามจีๆ เดินตามเพลงมาเลยคร้าเจอร้านไข่ปลาหมึกทอดของพ่อค้าใจดี จัดไปค่ะ 30 บาท บอกให้แถมเยอะๆ พ่อค้าก็จัดกลับมาเช่นกัน 55555 สนุกๆ



เจอโค้กก็ซื้อ 20 บาท มันใหญ่ม๊วกกกก...เจอหมึกย่างก็ซื้อ 30 บาท มันแซ่บมาก....ตบท้ายด้วยลูกชิ้นปิ้ง 20 บาท



-ของกินพร้อมอาวุธครบมือมุ่งหน้าสู่เต้นท์น้อยคอยรักของเรากันเตอะ



เนี่ย ! ถึงละ ตชด ของเรา ^^



"เมษามาลี"ดินเนอร์กันใต้แสงจันทร์ พร้อมกับน้ำหมอกน้ำค้างน้อยๆที่หน้าเต็นท์ ฟินโลกลืมมมมม เห็นแสงคอนฯนั่นมั้ย เพลงน่าดิ้น บรรยากาศดี อาหารอร่อย เครื่องดื่มก็งี๊ อร๊ายยยย'อิจฉาตัวเองจังเลยอะแกร ' ระหว่างที่เรากินไปเสพบรรยากาศไปแพลนในวันพรุ่งนี้ก็ติ๊งขึ้นมา พรุ่งนี้จะไปภูทอกกัน...เอาล่ะสิ! ไปไงกันดีน้าให้ประหยัดที่สุด




ขอบคุณค่ะ ><Day 2



รูดซิปเต็นท์ออกมาหมอกนี่หนาจัดมากด้วยความที่เมื่อคืนหนักไปหน่อยลืมตาขึ้นมาเช้านี้ขอหยุเวลาไว้ที่ 6.30 น. อาบน้ำแต่ตัวเสร็จโทรให้คุณลุงสามล้อมารับไปภูทอกออกจาก ตชด.ปาเข้าไปเจ็ดโมงกว่ากว่าไปมากเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวทยอยกันลงมาบ้างแล้ว ไม่แปลกใจเลยแกรเขามากันตั้งแต่ตี4 ในขณะที่เวลานั้นเราสองคนหลับสบายอยู่ในเต็นท์



ถึงแล้ว ภูทอก...คนเยอะจัดและจัดว่าเยอะมาก จ่ายค่าสามล้อคุณลุงคนละ 100 บาท คุณลุงบอกจะรออยู่ด้านล่าง เพราะไอ้จ่ายไป 100 คือทั้งไปและกลับ



ก่อนขึ้นต้องไปจุดชมวิวต้องซื้อบัตรก่อนน้าาา 25 บาท แล้วไปต่อแถวรอรถลงมารับ บอกเลยพี่แกขับเฟี้ยวเงาะมาก ฟาส 8 เร็วแรงทะลุภูทอก หลังจากผ่านวิบากกรรมของฟาส8 มาได้ พร้อมกับวิวข้างทางอันสวยงามและชุ่มฉ่ำปอด นี่ไงถึงแล้วภูทอก...ทะเลหมอกเชียงคาน



ปุยหมอกนุ่มนิ่มขาวโพลนไปทั้งแถบ เดินชิลสัมผัสบรรยากาศตอนแรกหวังมารับแสงแสงของพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่แต่คงไม่ทันเพราะตะวันโด่งเฉิดฉายอยู่ปลายหัวมากพูดเลย



2 ชั่วโมงกับความสำราญเบิกบานใจบนภูทอก "อ้าวพับผ่าสิปั๊ดติโถ่ววว"แบตกล้องหมด! บ้ายบายจำใจจากลงสิคะรอเชี่ยอะไร ก่อนลงไหวพระกันหน่อย' ขอให้ทริปนี้เป็นไปอย่างราบรื่น สาธุ สาธุ'



คุณลุงสามล้อมาล่งที่ ตชด. เด็กน้อยสองคนเดินหงิมๆไปถามคุณต่ำรวจ 'เอิ่ม คือ แบบ...แบบว่า___แบตนู๋หมดอ่ะค่ะพอจะชาร์จที่ไหนได้บ่างคะ' คุณตำรวจผู้ใจดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วรีบจัดหาที่ชาร์แบตกล้องและโทรศัพท์มาให้ แฮร่>< เรียบร้อย


จากนั้นทนเสียงเรียกร้องของกระเพาะน้อยๆไม่ไหว เดินออกจาก ตชด.เพื่อหาอะไรสักอย่างมายัดท้อง และจบลงด้วยขนมจีนน้ำยาป่ากับก๋ยวเตี๋ยว 'แซ่บอิหลี' อร่อยโลกลืมมม



กินอิ่มมานั่งย่อยที่ริมโขงแต่อย่างว่าหนังท้องตึงหนังตาหย่อน เดินกลับไปนอนชาร์จแบตให้ตัวเองบ้างในเวลา 11.30 น. เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก 14.40 น. เมษากับมาลีตื่นขึ้นมาด้วยตัวที่เปียกโชก แดดกลางวันกำลังแผดเผาเต็นท์น้อยคอยรักที่เรานอนกันอยู่ แดดเมืองไทยนี่แรงสมคำร่ำลือจริงๆเลยทีเดียวเชียว ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความตื่นเต้นคุณตำรวจชวนไปกระโดดหอสูง 34 ฟุต เป็นอะไรที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นอย่างมากส่วนเราขอบาย เนื่องจากเมษาเพื่อนรักนางกลัวมากด้วยความที่มาลีชวนขึ้นแต่นางก็ไม่ขึ้น นี่ไงได้แต่ใส่ชุดแล้วถ่ายรูปโปรโมทให้คุณตำรวจไปแล้วกัน



เริ่มเย็นมากเท่าไหร่ พี่ๆนักท่องเที่ยวยิ่งทยอยกันเข้ามากางเต็นท์มากขึ้นเรื่อยๆ



ดูเขากระโดดหอต่อไปสักพักก็กลับไปอาบน้ำแต่ที่พีคสุดและสุดพีคอยู่ตรงไอ้ที่ห้องน้ำที่คุณตำรวจให้เข้าเมื่อเช้านี้คือห้องน้ำส่วนตัวของผู้บังคับบัญชา หัวใจนี่ตกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม 5555 'เอิ่ม...ดูเด็กเส้นมั้ยล่ะแกร' (ถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าใครคือผู้บังคับบัญชา อาจเป็นคนนั้น อาจเป้นคนนี้ อาจเป็นคุณตำรวจท่านใดท่านหนึ่งที่เราคุยด้วย มั้ยนะ ? ) เสร็จสิ้นภารกิจเดินไปเอาแบตกล้องและโทรศัพท์ที่ชาร์จเอาไว้โต๊ะทำงานของคุณตำรวจ ภารกิจต่อไปสองเราคือแก้แค้น"ถนนคนเดิน" เพราะเมื่อคืนถึงดึกร้านปิดก่อน วันนี้ต้องให้ครบทุกร้าน



ป้ายแรกนี่เลย "ไอศกรีม" 10 บาทได้น้อยนิดซะเหลือเกินหายใจสองแป๊บ 'อ้าวหมด!'



เจอแล้วๆ ปาท่องโก๋ยัดใส้ในรีวิว 30 บาท รสชาติเหมือนปอเปี๊ยะ อาหย่อยเหาะ



เดินไปกินไป โอ๊ยยตอนนี้คือชีวิตดี๊ดี กินหมดยากสุดในคนเดินคือหาถังขยะถือจนมือเปียกกว่าจะได้ทิ้ง หาเจอสักทีสิน่าาาาา



ต่อด้วยกุ้งเสียบไม้ 'อูมามิ' แซ่บจริง นัวจริง ไม้ละ 10 บาท กินเยอะมีหวังได้ผมร่วงกันทั้งหัวนี่ก็ร่วงจนไม่รู้จะร่วงยังไงอยู่ละ



อันนี้ก็น่ากิน อันนั้นก็อร่อย บรรยากาศก็ดี๊ดี ยาวๆไปคืนนี้



5 ทุ่มได้เวลาฤกษ์งามยามดี ของกินครบมาจบที่หน้าเต็นท์นอนดูดาวสกราวใจพี่บิ๊กไบค์เต็นท์ข้างๆพึ่งมาใหม่ (บอกทำไม5555) เมษากับมาลีจิบเบาๆและคุยกันยาวๆ นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ต้องกลับ กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง รีบโทรนัดคุณลุงสามล้อให้มารับพรุ่งนี้เช้า ก่อนพากันไปล้างหน้าแปรงฟันแต่เดี๋ยวก่อนตอนนี้ต้องเปลี่ยนไปใช้ห้องน้ำหญิงสำหรับบริการนักท่องเที่ยวแทนแล้วนะ คือไม่กล้าใช้ที่เดิมล่ะสะอาดเหมือนกันสวยเหมือนกันแต่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นเหมือนห้องน้ำผู้บังคับบัญชา



Day 3



4.30 น.ตื่นมาเก็บเต็นท์นอนเก็บกระเป๋าไม่อยากกบับเลยเนี่ย! ตอนมาใสๆ กลับออกไปเหมือนโจร ยังไงวะ?มานี่จะเล่าให้ฟัง คือออกไปไม่ได้ลาใครเลยเว้ยแม้กระทั่งคุณตำรวจเพราะเช้ามืดขนาดนี้ยังไม่มีใครสักคน เต็นท์ข้างๆนี่เงียบกันเลยทีเดียว คุณลุงสามล้อมาส่งที่ศาลารอรถ ร่ำลาคุณลุงพร้อมกับจ่ายตังค์คนละ 20 บาท ตอนนี้ถนนทั้งสายเป็นของเรา



รอไม่นานแกรรรร รถก็มา 5.30 น. ถึงเมืองเลย 6.30 น. รถเมืองเลย - อุดร ออก 7.00 น. ก่อนกลับกินแพร๊บบ ซาลาเปา 20 บาท ขนมจีบ 8 บาท



ถึงอุดร 10.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม. ขึ้นรถสองแถวสาย 15 ไป บขส. เก่า เขาจอดให้ 4 แยก แล้วเดินเข้าไป ไม่ไกลมากแต่ก็นิดนึง รถอุดร - นครพนม ออก 12.00 น.ค่ารถลดลงจากตอนมาคือคนละ 150 บาท รถจอดที่ บขส.สกลนคร 1 ชม. เนื่องจากรถขาดต้องรอรับผู้โดยสาร กลับมาถึงหอ อย่างปลอดภัยในเวลา 17.30 น.



ยัง......ยังไม่จบ !



สรุปทริป



ถึงคุณตำรวจ ขอบคุณ คุณตำรวจในกองร้อยตระเวนชานแดนที่ 246 ม๊วกมากนะคะ สำหรับการดูแลต้อนรับเป็นอย่างดี เราทั้งสองปลื้มปริ่มมากค่ะ แป๊บนะคะ...เช็ดน้ำตาก่อน ___ค่ะ ต่อค่ะ -ขอบคุณที่สามสี่ทุ่มยังออกไปหาเต็นท์กางนอนมาให้ -ขอบคุณสำหรับผ้าห่ม4ผืน หมอน 2 ใบ และผ้าปูอีก 2 ผืน


-ขอบคุณที่กางเต็น?ท์ให้นู๋ได้นอนอุ่น -ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ - ขอบคุณสำหรับที่ให้ชาร์จแบต - ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ - ขอบคุณสำหรับทุกอย่างค่ะ

ยังไม่ได้ลาเลย งั้นลาในนี้แล้วกันนะคะ ปล.เผื่อเข้ามาเจอ

#ทริปนี้ยกให้คุณตำรวจคืออัศวินของพวกเรา......



ถึงคุณลุงสามล้อ ขอบคุณ ที่ดึกดื่นยังตื่นมารับ - ขอบคุณสำหรับเสียงพูดคุยตลอดทาง - ขอบคุณค่ะ



เชียงคาน___ที่นี่>>คือความทรงจำ ที่นี่>>คือประสบการณ์ดีดี



สรุปค่าใช้จ่าย



Day 1 รถนครพนม - อุดร 195 บาท

สองแถวไป บขส.เก่า 10 บาท

รถอุดร - เมืองเลย 91 บาท

สองแถวเลย - เชียงคาน 30 บาท

สามล้อไป ตชด. 30 บาท



Day 2 สามล้อไปภูทอก 100 บาท

ค่าขึ้นภูทอก 25 บาท

อาหารเช้า 35 บาท



Day 3 สองแถวไปเลย 30 บาท

สามล้อไปจุดรอรถ 20 บาท

รถเมืองเลย - อุดร 91 บาท

สองแถวไป บขส.เก่า 10 บาท

รถอุดร - นครพนม 150 บาท


Note ค่ารถไปกลับ 817 บาท

ค่าอาหารเครื่องดื่ม 3 วัน 683 บาท

รวมทริป 1,500 บาท



บ๊ายบายค่ะ............



Nom Pracharot

 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 19.35 น.

ความคิดเห็น