เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู



ฤดูหนาว ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว
บางพื้นที่อาจจะร้อนแล้ว หรือ ร้อนๆ หนาวๆ
สำหรับคนชอบอากาศหนาว คงไม่มีอะไรดีไปกว่า การขึ้นภู ขึ้นดอย ไปสัมผัสอากาศเย็นๆ กันนะคะ
ทริปนี้ส้มเลยจะมาชวนเที่ยวภู เที่ยวเขากัน
เพราะอากาศข้างบนมันช่างดีกว่าอากาศที่บ้าน
ดีต่อสายตาที่ได้มองเห็นวิวดีๆ ดีต่อหัวใจที่ใครบางคนอาจเหนื่อยกับงาน
เหนื่อยกับชีวิต การได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง
คงช่วยให้พลังกายและใจดีขึ้น



ทริปนี้เดินทางกัน 3 วัน 2 คืนค่ะ สมาชิก 3 คน
เริ่มจากโคราช - เลย นอนเชียงคาน 1 คืน
(สองผัวเมีย เกสท์เฮ้าส์ ได้ Voucher ฟรี 1 คืน 1 ห้อง และ จองเพิ่ม จ่ายเอง อีก 1 ห้อง )
จากเชียงคาน - เขาค้อ นอนเขาค้อ 1 คืน
(ร่มการเวก เขาค้อ จ่ายเอง 1 ห้อง + เสริมเตียง )
เดินทาง 1-3 กุมภา 60 ค่ะ
ออกเดินทางจาก โคราช ประมาณ ตี 2 ค่ะ
ส้มเอาแผนการเดินทาง คร่าวๆ ให้ดูค่ะ
บางอันทำได้ บางอันทำไม่ได้ ปรับตามสถานการณ์ค่ะ





โคราช - ภูป่าเปาะ 312 กม.
ภูป่าเปาะ - สวนหินผางาม 8.5 กม.
สวนหินผางาม - อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง 81.3 กม.
อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง - แก่งคุดคู้ 70.6 กม.
แก่งคุดคู้ - สวนดอกไม้ Grandma's Garden 1.9 กม.
สวนดอกไม้ - สองผัวเมียเกสท์เฮ้าส์ 3.9 กม.

สองผัวเมีย - ภูทอก 9.3 กม.
ภูทอก - สองผัวเมีย 9.3 กม.
สองผัวเมีย - วัดผาซ่อนแก้ว 199 กม.
วัดผาซ่อนแก้ว - Le Bonheur 3.1 กม.
ทุ่งกังหันลม - ร่มการเวก 10.7 กม.
ร่มการเวก - ครัวโม่งเม่ง 4 กม.

ร่มการเวก - วัดกองเนียม 5.6 กม.
วัดกองเนียม - ร่มการเวก 5.6 กม.
ร่มการเวก - พุทธอุทยานเพชรบุระ 43.8 กม.
พุทธอุทยานเพชรบุระ - โคราช 290 กม.





จากแผนด้านบน ส้มถึงที่ภูป่าเปาะ ประมาณ 7 โมงเช้าค่ะ
อากาศเย็นเจี๊ยบ หนาวจนพูดทีมีไอออกจากปากเลย



ภูป่าเปาะ
ตั้งอยู่ที่บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลย
พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเลย ที่น่าสนใจค่ะ
ด้วยทัศนียภาพสวยงาม มองเห็นภูได้หลายภู
และที่สำคัญคือ ภูหอ ที่ตั้งตระหง่านมองเห็นได้ชัดเจน สวยงาม
ตอนส้มหาข้อมูล เห็นภาพที่มีทะเลหมอก สวยมากเลยค่ะ
แต่วันที่ไป ไม่มีทะเลหมอกนะคะ แต่ก็สวยในสายตาส้มอยู่ดี
ที่ภูป่าเปาะ ไม่อนุญาตให้นำรถขึ้นนะคะ ต้องจอดไว้ตรงที่ทำการศูนย์ท่องเที่ยว
ภูป่าเปาะ ค่ะ จะมีรถของชาวบ้านพาขึ้นค่ะ ไป - กลับ คนละ 60 บาทค่ะ

ส้มไปถึงแต่เช้ามาก ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ ภูป่าเปาะ มี 4 ชั้นค่ะ รถจะพาขึ้นไป 3 ชั้น


ส่วนชั้นสุดท้าย อาศัยแรงของเราเองเดินขึ้นไปค่ะ จะมองเห็นวิวได้ 360 องศาเลย

แต่ส้มไม่ได้ขึ้นค่ะ 3 ชั้นก็เพียงพอ



ส้มพาไปชมวิวสวยๆ ของภูป่าเปาะกันค่ะ
ส้มกับสมาชิกค่อนข้างชอบที่นี่ เพราะดูสงบดี มีความเป็นชุมชน
พี่ที่พาเราขึ้นไป เล่าถึงความเป็นมาของที่นี่และการพัฒนาท้องถิ่น
ร่วมมือร่วมใจของชุมชน รวมถึงการปลูกฝังเด็กๆ ให้รักในชุมชน



ลงจากภูป่าเปาะ หน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
จะมีไร่สตรอเบอร์รี่ค่ะ ให้เข้าไปตัดเองได้เลย ขีดละ 40 บาทค่ะ
ลูกใหญ่ดี เดินเก็บจนเพลินเลยค่ะ เก็บเท่าไหร่ จ่ายเงินเท่านั้นนะคะ



ออกจากภูป่าเปาะ ตามแผนคือไปสวนหินผางามค่ะ
ที่สวนหินผางาม จะเป็นภูเขาหินปูน สลับซ้อนกันไปมา
ตรงจุดนี้ห่างจากภูป่าเปาะไม่ไกลเลยค่ะ
ภูป่าเปาะจะไปลึกกว่า เราแค่ย้อนออกมาทางเดิม
แต่จากที่หาข้อมูลมา เป็นการพาขึ้นชมด้วยรถชาวบ้านเหมือนกันค่ะ
เลยลงความเห็นกันว่า ไม่ขึ้นค่ะ เดินชมอยู่ข้างล่าง
ถ่ายรูปนิดหน่อย ก็ออกเดินทางต่อค่ะ เพราะสมาชิกหิวกันแล้ว
ระยะทางจากจุดนี้ไปถึงจุดที่เราคิดไว้ว่าจะไปกินข้าวกัน
ก็ประมาณ 80 กิโลเลย กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ
ถ้าปล่อยท้องหิว คงเที่ยวไม่สนุกแน่ๆ

กว่าจะเดินทางถึง อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง
ตอนนั้นก็ประมาณ 11 โมงแล้วค่ะ
ทางลงชันอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรค่ะ
มีสติทุกครั้งที่ขับขี่ ปลอดภัยหายห่วงค่ะ
จะผ่านจุดชมวิวอ่างเก็บน้ำก่อน แต่เราไม่แวะค่ะ
บอกแล้วว่าหิวมาก นาทีนี้ต้องกินเท่านั้นค่ะ
ส้มเลือกแวะที่ร้านแพไผ่งามค่ะ เป็นแพแรกๆ ของอ่างเก็บน้ำเลย
มีรถส้มกับรถอีกคัน ค่อยหายกังวล ว่าคนคงไม่เยอะ ไม่รอนาน
ที่นี่จะแพให้นั่ง จะมีเรือลากเราไปกลางน้ำค่ะ
มีแพหลายขนาด เลือกตามอัธยาศัยค่ะ
ทางร้านจะให้สั่งอาหารและเครื่องดื่มก่อนค่ะ
เมนูก็จะเป็นปลา เป็นไก่ ทั่วไปค่ะ ราคาประมาณ 100-200 บาท
หลังจากสั่งอาหารแล้ว ก็จะให้เราไปนั่งรอบนแพก่อน
แพที่เลือกเป็นแพขนาดเล็ก แต่ส้มว่าไม่เล็กนะคะ ราคา 300 บาทค่ะ
ทางร้านจะเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก่อน นั่งรออยู่ประมาณ 20 นาที
อาหารก็ทยอยมาค่ะ เมื่ออาหารมาครบแล้ว จะมีเรือพาแพเราไปกลางน้ำค่ะ
อากาศดีมากๆ คนน้อย มีแพอยู่ไม่เยอะที่ลอยๆ อยู่
เงียบ สงบ อาหารรสชาติโอเคค่ะ
แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนนะคะ
หากต้องการกลับหรือเข้าห้องน้ำ โทรเรียกหรือชักธงขึ้นค่ะ
เรือจะมารับเรากลับเข้าฝั่งค่ะ มื้อนี้จ่ายไป 800 กว่าบาทค่ะ



แพไผ่งาม อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง



ออกจากแพแล้วเราก็กลับทางเดิมค่ะ
จะผ่านจุดชมวิวเมื่อกี้นี้ มองจากตรงนี้คือสวยค่ะ
เห็นวิวอ่างเก็บน้ำ มีแพลอยอยู่
แต่แดดไม่อำนวยเรา ร้อนมากๆๆ
รีบขึ้นรถ เดินทางต่อไปยังที่พักของเราคืนนี้กันดีกว่าค่ะ

Let's go เชียงคาน



จากอ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง
เราว่าจะแวะไปดูดอกไม้และไปเที่ยวแก่งคุดคู้ก่อนค่ะ
แต่ map หาสวนดอกไม้ไม่เจอ
ไปเจอแต่สวนดอกไม้ตรงวัด
ดอกไม้เหี่ยวแห้งหมดแล้วค่ะ
และไม่ดูเป็นสวนดอกไม้ที่มีการจัดงาน
ก็เลยผ่านจุดนี้ไปค่ะ จะแวะไปแก่งคุดคู้ ก็เหนื่อยแล้ว
เพราะคนขับรถยิงยาวมาตั้งแต่เมื่อคืน
ตอนนี้เวลาก็บ่าย 2 แล้ว เลยสรุปกันได้ว่าเข้าที่พักดีกว่า
อย่างที่บอกไปแล้วว่าคืนนี้เราพักกันที่
สองผัวเมีย เกสท์เฮ้าส์ เชียงคานค่ะ
ได้ Voucher มาฟรี สำหรับ 1 ห้องค่ะ
แต่มีสมาชิกเพิ่ม เราก็เลยซื้อเพิ่มเองอีก 1 ห้องค่ะ
ที่สองผัวเมีย มีห้องไม่เยอะนะคะ
ส้มจองล่วงหน้า 1 เดือน
มีห้องที่มีห้องน้ำในตัวแค่ 1 ห้องค่ะ นอกนั้นห้องน้ำรวมค่ะ



สองผัวเมีย เกสท์เฮ้าส์ เชียงคาน



ห้องที่ส้มจองสำหรับ Voucher คือ 900 บาทนะคะ
ส่วนนี้ส้มไม่เสีย และห้องที่จองและจ่ายเงินเองคือ ห้องแอร์ ห้องน้ำรวมค่ะ ราคา 800
แต่จองล่วงหน้าได้ส่วนลด เหลือ 760 บาทค่ะ
ในภาพคือห้องที่ส้มกับคุณสามีนอนนะคะ ห้องนี้คือราคา 900 บาท
มีห้องน้ำในตัว มีเตียง ราวแขวนผ้า แอร์ พัดลม ห้องน้ำมีน้ำอุ่น มีสายชำระค่ะ



เกสท์เฮ้าส์ที่เชียงคาน ส่วนมากไม่มีที่จอดรถค่ะ
ต้องเอาไปจอดที่วัดแถวนั้น ส้มจอดที่วัดศรีคุณเมืองค่ะ
เดินจากที่พักไม่ไกล แค่ 180 เมตร
มีรถจอดเยอะค่ะ ล็อครถให้ดี ไม่น่ามีปัญหาค่ะ
อย่างที่บอกว่าส้มมาถึงเชียงคาน บ่าย 2 กว่าแล้ว
ก็เข้าที่พักได้เลยค่ะ ในส่วนที่พักจะมีมุมนั่งเล่นเยอะเลยค่ะ
ถ้ามากันเป็นกลุ่มเพื่อน ก็น่าสนุกดี
ที่นี่จะมีตู้เย็นอยู่ข้างนอกห้องพักนะคะ
มีน้ำดื่มเป็นน้ำเปล่า ให้ฟรีตลอดค่ะ หยิบได้เลย
และมีมุมชา กาแฟให้ ฟรีตลอดเหมือนกันค่ะ



ด้านล่างเป็นร้านกาแฟนะคะ
ส้มลองลาเต้วันกลับ อร่อยดีค่ะ
ถูกปากคือไม่หวานจ๋อย



จัดแจงเช็คอิน ขนของเรียบร้อยแล้ว
ก็ได้เวลาพักของคนขับรถค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนมา ส้มหาข้อมูลมาว่า
มีร้านขนมปังสังขยาแถวนี้ ที่ว่าอร่อย
แอบเห็นแล้วตั้งแต่ก่อนถึงที่พัก เดินไปไม่ไกล
ร้านอยู่ ซ.9 เดินจากที่พักไปได้ใกล้มาก
คนขับรถที่ตั้งท่าจะนอน ก็เลยโดนดึงไปซื้อขนมก่อนค่ะ



ร้านสังขยาคุณแม่
เป็นร้านขนมในเชียงคานที่ส้มอ่านมาว่าอร่อย
ที่นี่เปิดร้านตั้งแต่ 8.00 จนกว่าของจะหมดค่ะ
ไม่มีที่นั่งให้ทานในร้านนะคะ ซื้อกลับบ้านเท่านั้นค่ะ
สังขยาอร่อยค่ะ ไม่หวาน กำลังพอดีเลย
และที่ติดใจมาก คือ ชามะนาวเย็น
ส้มชอบมาก มีความละมุน รสชาติดีเลยค่ะ
เป็นอะไรที่ต้องอาศัยฝีมือเหมือนกัน เพราะสั่งมาหลายร้าน
บางร้านก็เปรี้ยวไป จืดไป
เคยซื้อแก้วร้อยกว่าบาท ก็ไม่อร่อยแบบนี้เลยค่ะ



แดดร่มลมตก
เราออกมาเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินเชียงคานค่ะ
ของยังตั้งไม่เยอะ นักท่องเที่ยวไม่มาก
เที่ยววันธรรมดา มันดีแบบนี้ค่ะ ถ้าเลือกได้
ส้มไม่เคยเดินทางวันหยุดหรือเทศกาลเลย
โชคดีที่งานของส้มกับสามี ไม่ได้หยุดเหมือนคนอื่น ก็เลยสบายไปค่ะ
เดินเล่นริมโขงสักพัก ก็มาเดินหาของกินที่ถนนคนเดินค่ะ
ส้มไม่ได้ถ่ายภาพมามากนะคะ เพราะที่นี่รีวิวมีเยอะอยู่แล้ว



ภูทอก

ภูทอก คือเป้าหมายหลักของทริปนี้
ที่เราหวังว่าจะได้เจอทะเลหมอกค่ะ
ก่อนมาเที่ยวประมาณอาทิตย์นึง
มีเพจท่องเที่ยวหลายๆ เพจที่ส้มตามอยู่
โพสต์รูปทะเลหมอกแบบแน่นมากๆ ที่ภูทอก
ทำให้เรามีความหวังขึ้นมาว่า เราจะได้เจอแบบเค้าบ้าง
เพราะเราไม่เคยเห็นทะเลหมอกค่ะ พลาดจากดอยเสมอดาวมา
วันที่เราไปไม่มี แต่อีกวันที่เรากลับ หมอกตรึม
จะว่าไป มันก็เป็นเสน่ห์ของการท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างนึง
ที่เราคาดหวังกับมันได้ประมาณนึง
การลุ้นว่าจะได้พบเจออะไรในแต่ละวัน มันก็น่าสนุกดี
ส้มตื่นแต่เช้า นัดกันไว้ว่าจะออกจากที่พักประมาณ ตี 5 ครึ่ง
เพื่อเดินทางไปภูทอก จากที่พักประมาณ 10 กิโลค่ะ
อากาศเย็นทีเดียว ขับไปถึงแล้วจะมีจุดรับฝากรถ
แล้วแต่เราว่าจะจอดตรงไหนค่ะ มีค่ารับฝาก 20 นะคะ
จากจุดที่จอดรถ เราก็เดินไปไม่ไกล
จะถึงจุดซื้อบัตรขึ้น- ลง ภูทอกนะคะ คนละ 25 บาทค่ะ
ตอนที่ส้มไปถึง คนไม่เยอะ ซื้อแล้วก็ขึ้นรถได้เลย

ตอนขึ้นนี่เย็นมากๆ เห็นหมอกบางๆ ยังแอบหวังว่าจะได้เจอ


ทางขึ้นก็ชันและคดเคี้ยวตามระเบียบค่ะ

ขึ้นไปแปบเดียวก็ถึงแล้วค่ะ คนไม่เยอะ เหมือนที่เคยเห็นจากบางรีวิว

ด้านบนมีหมอกบางๆค่ะ มองเห็นข้างล่างได้

รอเวลาสักพัก ความฝันของเราก็เป็นจริงค่ะ พระอาทิตย์เริ่มขึ้น ท้องฟ้าสีส้ม

และทะเลหมอกที่ค่อยๆ แน่นขึ้น มันดีมากสำหรับเราค่ะ ถือว่าภารกิจครั้งนี้ สำเร็จแล้ว



ไปดูทะเลหมอกที่ภูทอก เช้าวันที่ 2/2/60 กันค่ะ เวลาประมาณ 6-7 โมงเช้าค่ะ



ลงจากภูทอก เราก็กลับที่พักกันค่ะ
เมื่อคืนคุยกันไว้แล้ว ว่าจะมาจัดการมื้อเช้าแถวๆ ที่พัก



เราเดินจากที่พักมาที่ ร้านลุกโภชนาค่ะ อยู่ ซ.9
ส้มลืมบอกว่าที่พักที่สองผัวเมีย เกสท์เฮ้าส์ อยู่ระหว่าง ซ.8 และ ซ.9 นะคะ
เมนูอาหารเช้า ก็จะเป็นไข่กระทะ เกาเหลา ข้าวเปียกเส้น ขาหมู ประมาณนี้ค่ะ ที่ส้มจำได้
เช้าวันนั้น ส้มไม่หิวเท่าไหร่ จัดข้าวเปียกเส้นไป 2 ชามเอง
ก็อร่อยเนาะ หนาวๆด้วย ข้าวเปียกเส้นๆ ร้อน อะไรจะดีกว่านี้



จัดการมื้อเช้าแล้วก็จัดการเก็บข้าวของ เตรียมเช็คเอ้าท์ค่ะ
เพราะเป้าหมายต่อไป คือ เขาค้อ จากตรงนี้ไปก็ประมาณ 200 โล +- แล้วแต่เส้นทาง
ทางเป็นเขา เราไม่ขับเร็ว ปลอดภัยไว้ก่อน เผื่อเวลาให้ไปสบายๆ ดีที่สุดค่ะ
ส้มมาทางถนนหมายเลข 12 ค่ะ ถนนสวยดี รถไม่เยอะ ขับสบายๆค่ะ
เส้นที่มา จะผ่านภูเรือด้วย จากที่หาข้อมูลมาอีกเช่นกัน
จะผ่านวัดป่าภูห้วยลาด ส้มว่าสวยดี อยู่ติดถนนเลย ก็เลยแวะเข้าไปค่ะ
อากาศดีมากๆ คนไม่เยอะ ไหว้พระกันสักพัก ก็ออกเดินทางต่อค่ะ



เขาค้อ

จุดหมายที่เขาค้อ ของเราคือ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วค่ะ คนเยอะ มีแดด แต่โชคดีที่ไม่ร้อน
ที่นี่สวยมากจริงๆ วิวดี ลมเย็น เดินอยู่ได้นานเลย ในวัดจะมีประกาศและป้ายบอก เรื่องการงดใช้เสียง
เนื่องจากที่นี่เป็นที่ต้องการความสงบ แต่ก็ยังเห็นคนคุยเสียงดัง ตะโกนกันไปมาอยู่บ้าง บางครั้งการเคารพสถานที่
น่าจะดีกว่าในการไปในที่ส่วนรวมนะคะ ฝากไว้ค่ะ อ่อ ตอนที่ส้มขึ้นมา มีจุดจอดรถที่ไม่ใช่ของทางวัด มีค่าจอด 30 บาทนะคะ
ก็จอดๆไปค่ะ ไม่อยากไปหาข้างใน เผื่อไม่มี



ส้มพาไปชมความงดงามของ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว นะคะ



จากที่เดินดูด้านหลัง มีร้านอาหารนะคะ
เผื่อใครหิว เมนูเท่าที่เห็นก็มีขนมจีน อาหารตามสั่งค่ะ



หลังจากเดินอยู่สักพัก ดูเวลาก็บ่าย 2 กว่าแล้ว
ก็เลยเตรียมตัวออกจากวัด เพื่อไปเช็คอินค่ะ
จากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วิ่งถนนเส้น 2196
มาที่พักได้เลยค่ะ ห่างกันประมาณ 27 กิโล



มาถึงที่พักก็ทำการเช็คอินค่ะ
ส้มจอง บ้านไม้ 103 มาค่ะ
วิวดีสุดในจำนวนบ้านไม้ เพราะอยู่หน้าสุด
ราคาตอนที่จอง 2350 บาทค่ะ ส้มไป 3 คน
เสริมเตียง 1 เตียง 700 ค่ะ ที่พักมีอาหารเช้านะคะ
ที่ร่มการเวก ส้มตามดูในเพจมานานแล้ว
เพราะชอบที่นี่และอัพเดตทะเลหมอกให้ดูเกือบทุกวัน
แต่ช่วงที่เราจะมาพัก ทางเพจไม่ได้อัพภาพทะเลหมอก
ก็ยังคุยกันอยู่ว่า แห้วแน่ๆ เลย แต่ก็ไม่เป็นไร
เพราะส้มไปฟินที่ภูทอกมาแล้ว
ตอนที่เช็คอิน จะมีค่าประกัน 1000 บาทนะคะ
ข้อกำหนดต่างๆ ทางที่พักจะแจ้งให้ในเพจและตอนจองเลยค่ะ
ชอบที่นี่เพราะเน้นเรื่องการใช้เสียง เพราะเราต้องการมาพักผ่อน ใจเขาใจเรานะคะ



ห้องพัก 103 ที่ส้มจองไว้
จะมีระเบียงและโต๊ะให้นั่งเล่นชมวิวกว้างๆ ได้ค่ะ
ตอนไปถึงแดดกำลังร่มๆ อากาศดีทีเดียวค่ะ

ภายในห้องพัก มีแอร์ มีเตียงใหญ่ 1 เตียง
และมีที่นอนเสริมที่เตรียมรอไว้แล้ว ที่นอนเสริม คอนเฟิร์มมาว่านอนสบายดีค่ะ
ตู้เย็นมีน้ำเปล่าและน้ำอัดลมให้อย่างละ 3
มีขนม มาม่า กาแฟ ให้ฟรีเลยค่ะ
ห้องน้ำมีน้ำอุ่น มีสายชำระค่ะ



การไปเที่ยว มันดีตรงที่ระหว่างทาง
เราได้นั่งคุยกันมา เห็นข้างทาง เห็นท้องฟ้า
บางทีในวันปกติที่เราต่างมีหน้าที่
เราอาจไม่ค่อยได้พูดคุย ไม่ได้เล่าเรื่องราวกันมากนัก
แต่เวลาเดินทาง มันคือช่วงเวลาแห่งการเก็บเกี่ยว
กระชับความสัมพันธ์ได้ดีเลยนะคะ
ทริปที่เราเดินทางไปกับคนรู้ใจ
มันพิเศษในทุกๆ ทริปเลย
ใครยังไม่ลอง ส้มอยากให้ลองค่ะ มันดีจริงๆ



เรานั่งคุย นั่งเล่นกันสักพัก
ก็เตรียมพร้อมสำหรับมื้อเย็นค่ะ
ก่อนเข้าที่พัก ส้มถามที่พักว่ามีร้านอาหารใกล้ๆ มั้ย
เพราะเหนื่อยในการเดินทางแล้ว ไม่อยากไปไกลค่ะ
จากตอนแรกคิดว่าจะไปครัวโม่งเม่ง ก็เลยอยากหาที่ใกล้ๆ กว่านั้น
ทางที่พักแจ้งว่ามีร้านอาหารชื่อ พรสวรรค์ อยู่ติดกันเลย
เดินมาจากรีสอร์ทได้เลย ร้านอาหารอยู่ชั้นบน
มีคนมาทานก่อนเราแล้ว 1 โต๊ะ รออาหารไม่นานมากค่ะ อาหารก็มาเสิร์ฟ
อาหารอร่อยค่ะสำหรับเรา แต่ระหว่างนั่งทานนี่ลมแรงมากๆ ค่ะ
จนหนาวเลย รีบกิน รีบกลับก่อนจะหนาวไปกว่านี้

เมนูที่เราสั่งมื้อนี้ค่ะ



เดินกลับมาที่รีสอร์ท อากาศดีค่ะ
บ้านน่าจะบังได้พอสมควร ลมไม่แรงเหมือนที่ร้านอาหาร
คุยกันกับสมาชิกว่าเราจะได้เจอทะเลหมอกมั้ย
เพราะถ้ามี คงดีมากๆ เนื่องจากที่พักเราเป็นส่วนตัว
ได้ดูทะเลหมอกจากระเบียงเลย รีบเข้านอน กะว่าเช้ามาต้องได้เจอ
แต่ !!! เงียบค่ะ เงียบเลย
มีแค่อากาศเย็นๆ และพระอาทิตย์ ไม่มีหมอก
แต่วิวตอนเช้า กับ ข้าวต้มร้อนๆ นี่ก็ทดแทนทะเลหมอกได้นะคะ



นั่งทานอาหารเช้ากันสักพัก
ก็เตรียมเก็บข้าวของ เช็คเอ้าท์ค่ะ ไม่อยากถึงโคราชค่ำมาก
ออกจากที่พักก็ประมาณ 3-4 โมงเช้าค่ะ
ระหว่างทาง ไปเจอไร่สตรอเบอร์รี่ ค่อนข้างใหญ่เลย
มีป้ายให้ลงไปเก็บได้ มีหรือเราจะพลาด ลงสิคะ
หายไปกับแม่สามีนาน จนสามีคิดว่าเราตกเขาหรือเปล่า
ที่นี่ขีดละ 30 บาทค่ะ ลูกใหญ่เลย เก็บกันเพลินมาก
จนเต็มถัง ตอนคิดเงินก็นะ ตามนั้น



ขากลับ โคราช ส้มผ่านถนนเส้น 2258
กำลังขยายทาง น่าจะใช้เวลานานอยู่
ใครใช้เส้นทางนี้ ก็ระมัดระวังด้วยนะคะ



ทริปนี้ ส้มจ่ายค่าน้ำมันรถประมาณ 2,000 บาท นะคะ
จากโคราช - เชียงคาน - เขาค้อ - โคราช ค่ะ
ค่าที่พัก ส้มสรุปให้อีกครั้ง 2 คืน ราคา 3810 บาทค่ะ
ค่ารถพาขึ้น-ลง ภูป่าเปาะ คนละ 60 บาท
ค่ารถพาขึ้น-ลง ภูทอก คนละ 25 บาท
ค่าแพ (เฉพาะแพ) ที่แพไผ่งาม อ่างเก็บน่ำห้วยกระทิง 300 บาท
ค่าจอดรถที่ภูทอก 20 บาท
ค่าจอดรถที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว 30 บาท
ค่ากิน ส้มไม่ได้สรุปให้นะคะ เพราะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลค่ะ

หวังว่าทริปนี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ ที่สนใจเดินทางท่องเที่ยวทุกท่านนะคะ
ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ



จบภาพทริปนี้ ด้วยทะเลหมอกอีกครั้งนะคะ ประทับใจเรามากๆค่ะ



I am Kamon

 วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 23.23 น.

ความคิดเห็น