สวัสดีครับกลับมาอีกหนึ่งรีวิวสำหรับตอนที่ 2 ของทริป
	
-No Plan- สะพายเป้ลุยเดี่ยวเที่ยว .."ฮอกไกโด".. [ในวันที่ใบไม้เปลี่ยนสี] 
	
	
ในส่วนของตอนแรกสามารถเข้าไปดูตามลิ้งด้านล่างนี้เลย
	
	
	
-No Plan- สะพายเป้ลุยเดี่ยวเที่ยว .."ฮอกไกโด".. [ในวันที่ใบไม้เปลี่ยนสี] 9 วันไปไหนได้บ้างกับเงินที่เหลือ (xxxx) ตอนที่1
	
...
	
..
	
สำหรับในตอนที่ 2 นี้ ผมขอไม่ลงรายละเอียดลึกในการเดินทางมากเท่าไหร่
	
เพราะได้เขียนไว้ในตอนแรกแล้วเกี่ยวกับการเดินทาในครั้งนี้ โดยการสะพายเป้เดินทางคนเดียว โดยไม่มีแผนการเดินทาง 
	
ไม่มีโปรแกรมกำหนดการล่วงหน้า มาดูกันว่าผมเที่ยวยังไงในฮอกไกโด โดยที่ภาษาไม่ได้เลย
	
	
	 
	
	
=== ข้ามมาวันที่ 5 ของการเดินทาง ===
	
	
วันนี้โชคดีผมได้รับคำเชิญจากแอทมินเพจ ฮอกไกโดแฟนคลับ ชวนไปนั่งรถเที่ยวด้วยกัน
	
ผมไม่รอช้าตอบรับคำเชิญทันที โดยเรานัดกันที่สถานีรถไฟ.........เวลา 8 โมงเช้า
	
โดยมีพิกัดเป้าหมายอยู่ที่ทะเลสาบ Shikotsu โดยถ้ามีสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางที่น่าสนใจ
	
ก็จะแวะเข้าไปเที่ยวเช่นกัน (ก็ยังไม่รู้ว่ามันมีอะไรบ้าง)
	
	
	 
	ออกเดินทางจากสถานีรถไฟมาไม่นาน เราก็ขับผ่านหมู่บ้านไอนุ เหลือบไปเห็นใบไม้เปลี่ยนสี
	
เลยตัดสินใจกันขับแวะเข้าไปดูสักหน่อย แล้วก็ทำให้ไม่ผิดหวังครับ
	
ถึงแม้จะเป็นสถานที่เล็กๆ แต่ก้ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชม ว่าแล้วก็ถ่ายรูปอัพเดจลงเพจกันเลย
	
	
	 
	 
	 
	หมู่บ้านไอนุที่นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นหมุ่บ้านจำลองที่สร้างขึ้นมาใหม่ และก็คงไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
	
เพราะจากวันที่ผมเข้ามา ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยสักคนเมื่อเปรียบเทียบจากที่อื่น
	
อีกอย่างคงจะเป็นเสียงที่ไม่พึงประสงค์ด้วย เนื่องจากบริเวณนี้มีการระเบิดหินภูเขาอยู่ตลอดเวลา
	
แค่ตอนในช่วงที่ผมถ่ายรูปไม่ถึงชั่วโมง ก็มีการระเบิดหินกว่า 20 ครั้งได้
	
	
	 
	 
	 
	ถัดออกมาจากบ้านไอนุ เราขับรถออกมาไม่ไกล ก็จะมีจุดจอดให้ชมวิวสันเขื่อน
	
แต่ไม่รู้ว่าเขื่อนอะไร ไม่มีภาษาอังกฤษเขียนบอก แต่ก็สังเกตุได้ไม่ยาก
	
	
	 
	 
	ผมว่าตามถนนที่มุ่งหน้าไปยังทะเลสาบ Shikotsu ดูจากแผนที่ท่องเที่ยวแล้ว
	
มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก เที่ยว 3 วัน 2 คืน ก็คงไม่หมด
	
แต่ด้วยทริปนี้เรามาแบบ One Day Trip ก็คงทำได้เพียงเที่ยวตามสถานที่ข้างทาง
	
แต่แค่สถานที่ข้างทางก็เพียงพอและสวยประทับใจแล้วครับ สำหรับคนที่ชื่นชอบใบไม้เปลี่ยนสี
	
และนี้ก็เป้นอีก 1 สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ริมทาง และเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
	
นั้นก็คือน้ำตก Rarumanai น้ำตกเล็กๆที่ไม่ควรปล่อยผ่าน เพราะนอกจากน้ำตกแล้ว 
	
ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ก็สวยไม่เบา
	
	
	 
	 
	 
	 
	 
	ออกจากน้ำตก เราก็มาถึงทะเลสาบชิโกะสึ ที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะออกไกโด 
	
จัดเป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นอันดับสองในญี่ปุ่น ถ้ามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี รอบๆตามถนนบริเวณทะเลสาบ
	
สองข้างทางก็จะได้เจอใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี
	
นอกจากนี้แล้วทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นแหล่งออนเซนที่ขึ้นชื่อของญี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่
	
	
	 
	 
	 
	 
แผนที่เส้นทางรอบๆทะเลสาบ ถ้ามีเวลาเหมาะกับการนำจักรยานมาปั่นเที่ยวมาก
	
	
	 
	ที่นี่ยังมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะครับ มาถึงเที่ยวนิดหน่อยพอหิวก็หาอะไรรองท้องไปก่อน
	
ออ..ที่นี่ยังมีศูนย์แสดงสัตว์น้ำด้วยนะครับ รวมไปถึงออนเซน ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกัน
	
	
	 
	 
	เจอป้ายอะไรข้างทางดูเหมือนจะเป็นที่ท่องเที่ยว มีเวลาก็หันหัวรถเข้าไปดู
	
เจอทางตันบ้าง หลงบ้างก็เป็นเสน่ห์ของการเดินทาง
	
	
	 
	 
	 
	เวลาหนึ่งวันที่ฮอกไกโดช่างผ่านไปเร็วมาก อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าที่ฮอกไกโด 
	
บ่าย 4 โมงเย็นที่นี่ก็มืดแล้ว ใช้เวลาเที่ยวต่อวันไม่มากนัก แต่ก็ถือว่าคุ้ม 
	
...
	
..
	
บ่ายแก่ๆ ก็ได้เวลากลับที่พัก (ซับโปโร) ก็จะขอเอ่ยถึงที่พักสักหน่อย เพราะตอนแรกยังไม่ได้กล่าวถึงเท่าไหร่นัก
	
ที่พักของผมที่ซับโปโร เป็นที่พักแบบโฮสเทล (ห้องรวม) หนึ่งห้องจะมี 4 เตียง
	
โดยที่ก่อนเดินทางผมได้จองล่วงหน้ามาแล้วจากเวป expedia   (
	https://www.expedia.co.th/)
โดยการจองร่วมกับตั๋วเครื่องบิน เพราะจะทำให้ได้ส่วนลด หรือสามารถเข้าไปดูโปรโมชั่นจองที่พัก Expedia ได้ที่ 
	http://bit.ly/ExpJPatbg4
	
โดยส่วนตัวแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ผมนอนโฮสเทล ต้องบอกว่าติดใจ และคงต้องหาโอกาศนอนแบบนี้เรื่อยๆ
	
ด้วยราคาที่ไม่แพง (500 กว่าบาท) แถมยังอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ขนส่งสาธารณะทุกอย่าง
	
ลืมบอกไปที่พักที่ผมจองชื่อ Khaosan Sapporo Hostel" มีรูปมาให้ชมด้วยครับ
	
	...
	
..
	
เริ่มจากห้องนั่งเล่น ห้องนี้ถือว่าเป็นห้องหลักเลยก็ได้ ที่สมาชิกที่เข้าพักใช้ในการนั่งทำงาน เล่นเน็ต ดูทีวี เล่นเกมส์
	
พูดปะสังสรรค์กัน หรือแม้ใช้เป็นโต๊ะกินข้าว ผมว่าผมใช้เวลาที่ห้องนี้มากกว่าห้องนอนเสียอีกด้วยซ้ำ
	
แถมที่นี่ยังมีคอมพิวเตอร์ และไวไฟให้เล่นฟรีด้วย
	
	
	 
	 
	...
	
..
	
ถัดจากห้องนั่งเล่นก็จะเป็นห้องครัว จากที่เคยเล่าไว้ในตอนแรกว่าผมทำเงินหล่นหายไปเยอะพอสมควร
	
ต้องทำให้ปรับเปลี่ยนแผนการกินใหม่หมด เจ้าห้องครัวจึงเป็นพระเอกสำหรับผม 
	
เพราะผมต้องพึ่งมันทำกับข้าวกินเองทุกวัน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
	
	 
	 
	ทีนี้ก็ขึ้นไปดูห้องนอนกัน ห้องของผมพักอยู่ชั้นที่ 4 โดยไม่ต้องขึ้นบันไดให้เหนื่อย เพราะเขามีลิฟท์บริการ
	
ห้องของผมจะเป็นเตียง 2 ชั้น นอนได้ 4 ท่าน โดยแต่ละวันก็จะเปลี่ยนคนมาเรื่อยๆ ได้เจอคนใหม่ๆ เรื่อยๆ
	
เพราะผมพักที่นี่ทุกคืน โดยเฉพาะบางคืนก็มีสาวๆมานอนด้วยนะ ...อิอิอิอิ  (ผมชอบตรงนี้แหละ)
	
	 
	 
	..
	
..
	
	 
	 
	เช้าวันที่ 6 วันนี้ตื่นแต่เช้าไปยังสถานีรถไฟซับโปโร เพื่อเดินทางไปยังเมืองโซอุนเคียว
	
โดยนั่งรถไฟ JR ไปยังสถานีอาซาฮิคาวา แล้วต่อรถบัสไปยังเมืองโซอุนเคียว ทำให้เดินทางหลายต่อ
	
เลยต้องออกแต่เช้ามืด จากนั้นไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าโซอุนเคียวไปยังเขาคุโรดาเคะ ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1984 ม.  
	
และที่ดูข้อมูลจากเมื่อคืนมา ที่นี่ใบไม้เปลียนสีสวยไม่แพ้ที่ใด โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างขึ้นกระเช้า
	
และเส้นเดินเท้าสู่ยอดเขา คุโรดาเคะ
	
	 
	วันนี้เนื่องจากเดินทางไกล ต้องเปลี่ยนมานั่งรถไฟ JR แทนที่จะนั่งรถไฟท้องถิ่นเหมือนที่ผ่านๆมา
	
แต่ราคาตั๋วก็แพงใช้ได้ เลยซื้อแบบไปกลับ จะได้ส่วนลดมานิดหน่อย
	
ผมลองคิดคำนวณจากการเดินทางดูแล้ว ถ้าซื้อตั๋วแบบนักท่องเที่ยวตามในเน็ตหรือหนังสือแนะนำ 
	
แบบ  7 วัน หรือ 5 วัน อะไรก็ตามแต่ ผมคิดดูแล้วว่าไม่คุ้ม เพราะผมเที่ยวฮอกไกโดเมืองเดียว
	
ไม่ได้ข้ามไปภูมิภาคอื่น ใช้รถไท้องถิ่นก็ได้ประหยัดกว่าเยอะ นอกจากว่าจะไปไกลอย่างวันนี้
	
	 
	 
	แต่ๆๆๆๆ....สภาพอากาศไม่เป็นใจ หลังจากนั่งรถไฟมาถึงเมืองอาซาอิคาวา ก็เดินออามาต่อรถบัสที่สถานี
	
ออกจากสถานีรถไฟก็เจอเลย สะดวกมาก ดูตามป้ายก็งงอยู่พักใหญ่ ใช้ภาษาใบ้ก็พอจับใจความได้ว่า
	
ถ้าจะไปโซอุนเคียวต้องนั่งสาย 7 ไป แต่อากาศวันนี้มันช่างแย่เหลือเกิน หนาวกว่าทุกวันที่ผ่านมา
	
แถมฝนก็ดันมาตกอีกด้วย แต่ก็เอาเถอ นั่งรถมาไกลขนาดนี้แล้ว อย่าให้เสียเที่ยว ..ไปลุยกันเลย
	
	
	 
	 
	 
	นั่งรถบัสมาประมาณชั่วโมงครึ่งก็มาถึงจุดหมายปลายทาง โดยรถจะมาจอดส่งที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 
	
คือจุดขึ้นกระเช้านั้นเอง โดยเดินไปตึกด้านหลังไม่ใกล แต่ว่าฝนยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
	
ทำเอาไม่อยากจะเอากล้องออกมาจากกระเป๋าเลย
	
	 
..
	
	.
	
	เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ก็จัดการซื้อตั๋วเพื่อต่อกระเช้าไปบนเขา โดยจะต้องขึ้น 2 ต่อ แต่ถ้าจะไปให้ถึงยอด
	
ก็ต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปอีก ไอ้เราก็ชอบขึ้นเขาลงเขาอยู่แล้ว ฝนแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก..มาถึงแล้วนี่
	
การซื้อตั๋วก็ไม่ยาก ก็แค่ยอดเงินให้ครบตามราคาตั๋ว
	
	 
	 
	 
	"แต่แล้ว..ใจมันก็สลายลงในพริบตา" ภาพที่คิดไว้ว่าเส้นทางขึ้นกระเช้าจะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม
	
และอาจจะสวยกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมา ก็พังลงดั่งภาพ  "ทิ้งใบร่วงหมดแล้ว"
	
	
	 
	 
	 
	..
	
.
	
	แค่นั้นยังไม่พอ...รับโชคไปสองชั้น เนื่องจากกระเช้าต่อที่ 2 ปิดปรับปรุง งดบริการ ห้ามขึ้น ..บร่าๆๆๆๆๆ
	
แอบโกรธเจ้าหน้าที่พอสมควร ว่าปิดไม่ให้ขึ้น จะให้เสียตังจ่ายค่าตั๋วกระเช้าต่อแรกมาทำไมตั้งแพง มาถึงก็ไปไหนต่อไม่ได้
	
	
	
	 
	แต่ความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่เล็กน้อย 
	
กับครั้งแรกในชีวิตที่ได้มาเจอหิมะ และเป็นหิมะแรกของฤดูนี้หลังจากฝนตกได้ไม่นาน
	
ก็เลยถือโอกาศถ่ายรูปตัวเองไว้เป็นที่ระลึกซะเลย 
	
	
	
	 
	อีกสักภาพก่อนจะเก็บกล้องใส่กระเป๋า แล้วเดินทางกลับ ด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
	
นั่งรถมาตั้งไกล แต่ก็เป็นกำไรชีวิตที่ได้มาเจอหิมะ (เชยมาก) นี่แหละชีวิตและรสชาติของการเดินทาง
	
ผิดหวังบ้าง สมหวังบ้างปะปนกันไป พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
	
	 
=== สวัสดีตอนสายของการเดินทางในวันที่ 7 ====
	
	
น่าจะเกิดจากสาเหตุเมื่อวานที่ลุยฝน ทั้งตัวเปียก และยังดันไปเจอหิมะ อากาศค่อนข้างหนาวมาก
	
แถมการเดินทางที่ใช้เวลานาน จึงทำให้ร้างกายเพลียนิดหน่อย วันนี้เลยตื่นสาย
	
ก็เลยคิดว่าช่วงเช้าจะนั่งทำงานนิดหน่อย แล้วค่อยออกไปเดินเล่นในเมืองซับโปโลชิวๆ 
	
	
	
	 
=== สวนสาธารณะโอโดริ(Odori Park) ===
	
	..
	
.
	
สวนสาธารณะโอโดริ(Odori Park) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซัปโปโร ซึ่งแยกเมืองออกเป็นสองฝั่ง คือทางทิศเหนือและทิศใต้
	
ด้านทิศตะวันออกของสวนโอโดริ เป็นที่ตั้งของ ทีวีทาวเวอร์ซัปโปโร (Sapporo TV Tower) สูง 150 เมตร
	
ซึ่งด้านบนมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของสวนสาธารณะแห่งนี้และเมืองโดยรอบ
	
	 
	 
	 
	วิธีการเดินทางสวนสาธารณะโอโดริ ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Odori Subway Station 
	
เดินจาก JR Sapporo Station ไปไม่ไกล และอยู่ใกล้กับที่พักสามารถนั่งรถไฟไปได้ หรือเดินไปก็สะดวก
	
ส่วนตัวผมเลือกวิธีสุดท้าย เดินไปด้วยเก็บบรรยากาศไปด้วย วันนี้เน้นชิวๆ
	
	
	 
	 
=== ศาลาว่าการเมืองฮอกไกโดหลังเก่า (ทำเนียบอิฐแดง) ===
	
	
	
	 
	 
	 
	เดินเล่นลัดเลาะมาเรื่อยๆ ก็มาโผล่ที่ "มหาวิทยาลัยฮอกไกโด" ที่นี่เราได้เดินทางมาแล้วในวันแรก
	
วันนี้เดินหลงไปหลงมา ก็มาโผล่อีกครั้ง ไหนๆก็ผ่านมาแล้ว เลยขอเข้าไปเก็บภาพมุมเดิมสักหน่อย
	
เพราะผ่านมาหลายวัน ใบไม้น่าจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้ว ...
	
และก็อย่างที่เห็น ไม่ผิดหวังที่แวะเข้ามาอีกรอบ กับซุ้มถนนต้นแปะก๋วยภายในมหาวิทยาลัยฮอกไกโด
	
ส่วนการเดินทางกลับไปดูในตอนแรกที่เขียนไว้แล้วครับ
	
	
	 
	 
	ตกเย็นเดินเล่นถนนคนเดินทานูกิโคจิ แหล่งช้อปปิ้งเก่าแก่ที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคบุกเบิก 
	
เหมาะสำหรับจับจ่ายซื้อหาของฝากจากฮอกไกโด คงจะถูกใจขาช๊อปหลายคน ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวเมืองซับโปโร 
	
ส่วนผมต้องขอผ่าน ด้วยงบประมาณที่มีน้อย 
	
	
	
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	เข้าสู่การเดินทางของวันที่ 8 (Noboribatsu) 
	
	
การเดินทาง สามารถเดินทางจากสถานีรถไฟซับโบโร สายเจอาร์ ลงโนโบริเบซุ 
	
จากนั้นต่อรถบัสโนโบริเบซุ ซึ้งทั้งเมืองมีทั้งหมด 4 สาย ทุกสายจะผ่าน 
	
โนะโบะริเบะสึ เมืองที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาาติและขุนเขา สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมก็จะเป็น 
	
น้ำพุร้อนโนโบริเบทซึ , และการได้มาแช่น้ำแร่ , โดยเฉพาะใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ก็สวยไม่เป็นสองรองใคร
	
	
	
	
	 
	
การเดินทางเริ่มขึ้นจากที่เดิมเป็นประจำ
	
	 
	 
มาถึงก็เดินออกไปด้านหลังสถานี เพื่อต่อรถบัสไปยัง โนโบริเบซุออนเซ็น ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
	
	 
	
วันนี้ดูอาจจะเงียบเหงาเพราะมีเราลงมาจากรถไฟคนเดียว 
	
ยังอดสงสัยไม่หาย ไปมาหลายต่อหลายเมืองบนเกาะฮอกไกโด ทำไมดูเงียบมาก
	
	 
	 
	มาถึงแล้วรถบัสจะมาจอดให้เราที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เขาไปดูสักหน่อยเผื่อได้อะไรติดไม้ติดมือออกมา
	
สุดท้ายก็ได้แผนที่เดินทางเที่ยวภายใน โนโบริเบทซึ มาถือว่ามีประโยชน์พอสมควร
	
ถึงแม้จะอ่านไม่ออก แต่ก็ดูภาพพอที่จะเข้าใจ
	
	 
	 
	 
	 
	 
	หุบเขานรก หรือชื่อจริงว่า หุบเขาจิโคคุดานิ 
	
ตั้งอยู่ในเขา shikotsu-toyo national parkเป็นบ่อโคลนเดือดตามธรรมชาติ
	
อุดมไปด้วยแร่กำมะถันซึ่งเกิดจากความร้อนใต้พิภพ เป็นเนินเขา มีทางเดินไว้ให้เดินชมอย่างสะดวก
	
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
	 
เส้นทางศึกษาธรรมชาติ กับ Oyunumagawa Natural Foot Bath ที่เดินออกมาไม่ไกล
	
	
	 
	 
	 
	ตั้งใจไว้ว่าจะขึ้นกระเช้าไปดูทะเลสาบด้านบน ซึ้งเป็นปากปล่องภูเขาไฟ
	
ที่รายล้อมไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี แต่ก็อีกแล้วครับท่าน กระเช้าปิดปรับปรุง
	
ถือว่าซวยอีกครั้ง แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็คุ้มแล้วที่ได้มา
	
	
	
	 
	 
=== วันที่ 9 วันสุดท้าย และมื้อสุดท้ายที่ซับโปโร บนเกาะฮอกไกดด ประเทศญี่ปุ่น ===
	
	
	เนื่องจากวันนี้เป็นวันเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อความปลอดภัย เลยของดออกไปนอกเมืองหรือเดินทางไปไกล
	
เนื่องจากงบประมาณเหลือจำนวนจำกัด(เท่าที่เห็น) หากประมาณตกรถตกรา จะทำให้ตกเครื่องบินเอาได้
	
ก็เลยตัดสินใจนั่งเล่นอยู่ที่ที่พัก ถือโอกาศอำลาเพื่อนๆที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน อาจจะใช้ภาษามือ แต่ก็ถือว่าเข้าใจกันได้
	
และนี่คือมื้อสุดท้ายของผม
	
	
	 
	.......
	
...
	
.
	
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอบคุณทุกๆความเห็น ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามเดินทางสะพายเป้ของผม
	
ขอบคุณ expedia (
	https://www.expedia.co.th/) ในการจองตั๋วเดินทางในครั้งนี้
	
สำหรับรีวิวในตอนแรกสามารถเข้าไปชมได้ตามลิ้งนี้ครับ ..
	
และสามารถอัพเดทติดตามเรื่องราวการเดินทางของผม ได้ทาง Fanpage ด้านล่างได้เลยครับ 
	
	https://www.facebook.com/saphipae/
..
	
..
	
สุดท้ายและท้ายสุด กับการเดินทางมาเกาะฮอกไกโดในครั้งนี้ของผม ถือว่าประทับใจมาก
	
เป็นการสะพายเป้เดินทางที่ท้าทาย และตื่นเต้นอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไกลครั้งแรก โดยที่ภาษาไม่ได้
	
การเตรียมตัววางแผนเดินทางก็ไม่มี เงินก็ต้องมาหาย ต้องอาศัยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปหลายมื้อ 
	
ถือได้ว่าเที่ยวแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ และก็ไม่ยากอย่างที่คิดใครๆ ก็สามารถไปคนเดียวได้ ถ้าผมไปได้ 
	
ถ้ามีโอกาศคงต้องขอกลับไปอีกแน่นอน 
	
"ถ้าเรากล้าที่จะเดินทาง" 
	
..
	
แล้วเจอกันใหม่อีกครั้งในการเดินทางครั้งต่อไปเร็วๆนี้
	
	
	 
สะพายเป้ เท่ทั่วไทย
วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 16.33 น.

 Readme before you journey
Readme before you journey![cover -No Plan- สะพายเป้ลุยเดี่ยวเที่ยว .."ฮอกไกโด".. [ในวันที่ใบไม้เปลี่ยนสี]..ตอนที่ 2](https://asset.readme.me/files/7981/cover.jpg?v=5aa67883)
![cover -No Plan- สะพายเป้ลุยเดี่ยวเที่ยว .."ฮอกไกโด".. [ในวันที่ใบไม้เปลี่ยนสี]..ตอนที่ 2](https://asset.readme.me/files/7981/thumb.cover.jpg?v=5aa67883)












