มนต์เสน่ห์...เมืองตรัง สวรรค์ของนักท่องเที่ยว ..ตรังจังหวัดเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางด้วยวัฒนธรรม ประเพณีและงานเทศกาลต่างๆ
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทะเล ความงามของท้องทะเลตรังก็สวยไม่แพ้ที่อื่นแน่นอน

เมื่อเยือนเมืองตรังนอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามแล้ว เอกลักษณ์ในวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นยังเป็นจุดขายสำคัญที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยที่เดียว โดยเฉพาะอาหารการกิน ว่ากันว่าไปซอกซอยไหนในเมืองตรังก็จะพบอาหารที่มีให้กินกันได้ทั้งวัน จนเป็นเอกลักษณ์ที่โดนเด่นของเมืองนี้ไปเลย ส่วนอาหารที่ขึ้นชื่อนั้นหลายๆคนคงจะทราบกันดี ชนิดที่ว่าใครที่ไปเยือนแล้วได้ลิ้มลอง เป็นต้องหลงเสนห์ทุกรายไป....


....................................



อีกหนึ่งพื้นที่การเดินทางของผมติดตามได้ที่แฟนเพจสะพายเป้ เท่ทั่วไทย https://www.facebook.com/saphipae


กลับมาอีกครั้งสำหรับการเดินทางของ "นายเตร็ดเตร่" ทริปนี้ผมจะพาไปเที่ยว "ตรัง" จังหวัดทางภาคใต้ฝั่งตะวันตกติดกับทะเลอันดามัน ที่ครอบคลุมพื้นที่เกาะกว่า 46 เกาะ (โอ้โห้...เยอะเหมือนกันนะ) แต่จะให้ครบทุกเกาะก็คงจะอ่านกันยาวไปหน่อย ทริปนี้เราขอยกให้พระเอกประจำทริปนั้นคือ "เกาะเหลาเหลียง" เกาะนี้จะเป็นยังไงค่อยมาว่ากันในกระทู้ต่อๆไป
และก่อนอื่นจะต้องขอบคุณทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ให้ เกียรติผมร่วมเดินทางในครั้งนี้ครับ เห็นโปรแกรมแล้วบอกได้เลยปฏิเสธไม่ได้จริง "ยุทธจักรความอร่อย" โอ้โห้..!! เห็นแค่ชื่อก็อิ่มแล้วครับ แต่เสียดายที่ปกติผมไปเที่ยวที่ไหนจะไม่ค่อยเน้นเรื่องกินสักเท่าไหร่
แต่เพราะเห็นว่าไป "เกาะเหลาเหลียง"ด้วย ก็ต้องรีบตอบตกลงกันเลย เพราะเป็นอีกเกาะของจังหวัดตรังที่ผมยังไม่เคยสัมผัส
การเดินทางครั้งนี้เราใช้บริการของสายการบิน "นกแอร์" Flight DD7400 ตอน 7:20 ซึ่งต้องแหกขี้ตาตื่นกันตั้งแต่เช้าเลยทีเดียว


ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงจังหวัดตรัง พิกัดแรกของเราในเช้าวันนี้คงเป็นอะไรไปไม่ได้ ในเมื่อเรามาถึงเมืองที่มีเอกลักษณ์ของอาหารการกิน โดยเฉพาะ "ร้านติ่มซำ"


เช้าวันแรกนี้เรามาฝากท้องกันที่ร้าน "เลตรัง 2" พิกัดร้านอยู่ที่ถนนไทรงาม ข้างโรงพยาบาลราชดำเนิน ร้านนี้ตกแต่งดูหรูนิดๆ แตกต่างจากร้านติ่มซำ ปกติทั่วไป ภายในร้านเป็นห้องแอร์บรรยากาศเย็นสบาย มีเมนูติ่มซำให้เลือกกว่า 40 ชนิด ส่วนผมเลือกไม่ถูกครับก็เลยตามสมาชิก ใครเลือกอันไหนก็ขอแจมด้วย จริงๆปกติมื้อเช้าไม่ค่อยจะกินอะไรอยู่แล้ว (ตื่นสาย 55555)


เลือกเสร็จทางร้านก็นำมานึ่งกันใหม่ๆสดๆ เสิร์ฟร้อนๆพอให้ปากพอง แต่ระหว่างรอก็อย่างลืมสั่งเครื่องดื่มไว้เลยนะครับ ที่นี่ก็มีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายชนิด ตามความชอบของแต่ละคน ส่วนผมโอวัลตินแก้วเดียวก็อยู่ท้องแล้วครับ ^ ^


และถ้าจะให้พูดถึงเมนูขึ้นชื่อของจ.ตรัง ชนิดที่เรียกได้ว่าถ้ามาเยือน แล้วไม่กินถือว่าผิด ก็คงหนีไม่พ้น "หมูย่างเมืองตรัง" เมนูต้องห้ามพลาดที่ใครๆก็ต้องหาชิมให้ได้ . . . เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเที่ยวผมขอข้ามช่วงกินไปเลยนะครับ 555555 เรายังมีสถานที่เที่ยวรออยู่


เมื่อเหล่าจอมยุทธ ตลุยยุทธจักรความอร่อย กันแบบพุงกางแล้ว
เราก็มุ่งหน้าไปยัง "สถานีรถไฟกันตัง" ซึ่งเป็นสถานีรถไฟ เพียงแค่ 20 กิโลเมตรจากตัวเมืองตรัง ก็จะถึง สุดทางรถไฟสายใต้ฝั่งทะเลอันดามัน ตั้งอยู่บนถนนหน้าค่ายตำบลกันตัง อำเภอกันตัง โดยแต่ละวันจะมีรถไฟจากหัวลำโพงมาถึงที่นี่เพียงแค่ 1 ขบวนต่อวันเท่านั้น (พลาดแล้วพลาดเลยนะครับ) ใครที่ชอบการท่องเที่ยวแบบไม่เร่งรีบ ชมวิวระหว่างทาง รถไฟก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของการเดินทาง


ตัวสถานีรถไฟกันตังเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยา ทาสีเหลืองสลับน้ำตาล มีการตกแต่งประดับมุมเสาด้วยลวดลายไม้ฉลุที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เดินทางมาโดยรถไฟ แต่สถานีรถไฟแห่งนี้ก็ควรจะมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก เก๋ๆ เท่ๆ ในการมาเยือน


"กันตัง วันละขบวน"
จาก กทม. ถึงกันตัง 11.20 น.
จาก กันตัง ถึง กทม. 05.35 น.
(.....โดยประมาณ....)


ที่นี่สถานีรัก "love station" ร้านกาแฟ ชิค ๆ บรรยากาศชิว ๆ ณ สถานีรถไฟกันตัง ภายในร้านตกแต่งด้วยของโบราณ ให้บรรยากาศย้อนยุค เข้ากับตัวสถานีรถไฟได้อย่างลงตัว เป็นอีกเสน่ห์ของสถานีรถไฟกันตัง
แต่ใช่ว่าร้านจะดูเก๋ๆ เท่ๆ อย่างเดียวนะ สถานีรักยังมีเมนูอร่อยให้เราได้ลิ้มลองหลายเมนู โดยเฉพาะ "มะม่วงเบาปั่น" เป็นเมนูซิกเนเจอร์ ของทางร้าน เสียดายวันนั้นมัวแต่ถ่ายรูปเพลิน มะม่วงหมดก่อนทำให้อดกินตามเคย 555555 .... แต่ทางร้านก็ยังมีเมนูอื่นๆ ให้ลือกอร่อยๆ อีกเยอะเลย


ดื่มกาแฟ ชาเย็น ที่ "love station" พอหายร้อน หายเหนื่อย ก็ไปต่ออีกไม่ใกลที่ “บ้านพระยารัษฎานุประดิษฐ์" อดีตเจ้าเมืองตรัง ตั้งอยู่หลังเทศบาลเมืองกันตัง (จวนเก่าเจ้าเมืองตรัง) เป็นที่ตัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งของท่าน พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) รวมไปถึงภาพถ่ายครอบครัวของท่าน และเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญให้ได้ศึกษษประวัติศาสตร์ของเมืองตรัง


อ้าวเฮ้ย..!!! เผลอแป๊บเดียวเที่ยงแล้ว ได้เวลาเหล่าจอมยุทธตะลุยยุทธจักรความอร่อยอีกแล้ว สมาชิกบางท่านติ่มซำยังติดคออยู่เลย @_@ ไหนๆก็ได้เวลาแล้วก็จัดซิครับ มัวรออะไร เที่ยงวันนี้เรามาที่ "ครัวลำพู" ร้านอาหารซีฟู๊ด (มาใต้ก็ต้องจัดทะเลแบบจัดจ้านกันบ้าง) ร้านนี้ก็หาไม่ยากครับ จากตัวเมืองกันตัง ใช้ถนนตรัง-กันตัง จากนั้นให้กลับรถใต้สะพานลอยข้ามทางรถไฟ เลี้ยวเข้าซอยที่จะไปวัดย่านซื่อ จะเห็น...ร้านครัวลำพู อยู่ฝั่งซ้ายมือบริเวณเชิงสะพานรัษฎา ริมแม่น้ำตรัง (ที่เห็นนี่คือถ่ายรูปทันนะครับ อีกหลายเมนูไม่ทันเหล่าจอมยุทธ)



โปรแกรมถัดไปหันรถกลับเข้าเมืองตรังนั่งตุ๊กๆหัวกบ เยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอเมือง ซึ่งเป็นรถโดยสารสาธารณะแบบดั่งเดิมของจังหวัด ที่ผูกพันกับชีวิตชาวตรังมาเนิ่นนาน บอกได้เลยว่าเท่มาก ไปเมืองตรังทั้งทีต้องไม่พลาดนั่งรถตุ๊กตุ๊กหัวกบเที่ยวชมเมืองนะครับ



เส้นทางท่องเที่ยวทั่วไปในเมืองตรังกับรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ ก็คื โบสถ์คริสต์จักร , ตึกชิโนโปรตุกีส , สถานีรถไฟ , หอนาฬิกา , อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) , ศาลเจ้าทามกงเยี้ย , วัดมัชฌิมภูมิ (วัดหน้าเขา) , สวนสาธารณสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง



โบสถ์คริสตจักรตรัง


ตึกชิโนโปรตุกีส


วงเวียนหอนาฬิกา อีกหนึงแลนมาร์คของเมืองตรัง


หลังจากนั่งรถชิวๆรอบเมือง ผ่านสถานที่สำคัญมาหลายแห่ง บางแห่งก็ไม่ได้หยิบยกมาให้ได้ชม รถตุ๊กตุ๊กหัวกบมาส่งเราที่ ถนนคนเดินตรัง เป็นแหล่งชอปปิ้งอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจของจังหวัดตรัง สินค้าที่ขายส่วนมากจะเป็นของอาหารทั้งแบบท้องถิ่น อาหารใต้ อาหารทั่วไป ขนม ของกินเล่น สินค้าที่ระลึกมากมาย เดินกันเพลินๆ หาอะไรชิมอร่อยๆ รองท้องไปพลาง เพราะยังมีมื้อเย็นรออยู่



ย้ำอีกครั้งเที่ยวเมืองตรัง อยากจะเท่ อย่าลืมใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ


ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าวันนี้ขอข้ามมื้อเย็นปก่อนเพราะเต็มอิ่มจากถนนคนเดินเป็นที่เรียบร้อย ปล่อยให้เพื่อนๆจัดหนักกันที่ “บ้านสวนสุดาพร" ร้านบรรยากาศเงียบสงบ คราวหน้าไม่พลาดแน่นอน คืนนี้เราพักกันที่ "โรงแรมเรือรัษฎา" อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ใกล้ห้างโรบินสัน ออกแบบโดดเด่นคล้ายเรือสำราญ อีกหนึ่งโรงแรมชั้นนำของ จ.ตรัง


ผ่านไปอีกหนึ่งวันในตัวเมืองตรัง และ อ.กันตัง วันนี้ได้เวลาลงลงเรือมุ่งหน้าไปยังเกาะเหลาเหลียงที่ท่าเรือสะเต๊ะ เป็นอีกเกาะที่วางแผนจะมาหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาศได้มาสักที ผ่านไปผ่านมาก็หลายหน และการเดินทางก็ไม่ยาก จากตัวเมืองตรังใช้เส้นทาง ตรังปะเหลียน (ทางหลางหมายเลข 404) เลียวขวาสี่แยกบ้านนาประมาณ 18 กม. และเลี้ยวซ้ายประมาณ 7 กม. ถึงท่าเรือ ใช้เวลาเดินทางโดยเรือหางยาวประมาณ 45 นาที ถ้าไม่เข้าใจก็ GPS ในโทรศัพท์เลยนะจ๊ะ


นั่งเรือกันมาเรื่อยๆไม่นานเราก็มาถึงเกาะเหลาเหลียง ประกอบด้วยเกาะ 2 เกาะด้วยกัน คือ เกาะเหลาเหลียงพี่ เกาะเหลาเหลียงน้อง บางคนเรียกว่าเกาะเหลาเหลียงใต้ (พี่) , และเกาะเหลาเหลียงเหนือ (น้อง) ที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ ที่ยังคงความเงียบสงบ เนื่องจากเป็นเกาะสัมประทานรังนกของเอกชล รองรับนักท่องเที่ยวได้ไม่เยอะ จึงทำให้เกาะยังคงความสวยงาม เป็นธรรมชาติ ทั้งหาดทรายขาว ทะเลใส และเป็นจุดดำน้ำดูปะการังอ่อน หลากสี สวยงามอีกแห่ง แต่เสียดายวันที่เราไปกระแสน้ำแรง ทำให้น้ำขุ่น ทำได้เพียงถ่ายรูปบนชายหาดและเล่นกิจกรรมปีนหน้าผา



เกาะเหลาเหลียงน้อง


อีกหนึกกิจกรรมที่เกาะเหลาเหลียงน้องที่อยากจะแนะนำ คือกิจกรรมปีนหน้าผาอีกหนึ่งสถานที่ขึ้นชื่อติดอันดับต้นๆของโลก ไหนๆก็มาแล้วก็ต้องจัดไปครับ สักครั้งต้องลอง สอบถามมาคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเส้นทางละ 200 บาทเท่านั้นเอง



และที่ไม่น่าพลาดก็คือดำน้ำดูปะการังอ่อน ปะการัง 7 สี แต่ก็พลาดจนได้เนื่องจากกระแสน้ำแรง ทำให้น้ำขุ่น ก็ได้แค่ว่ายน้ำกำเล่นไม่นาน เราจึงนั้งอรืต่อไปยังเกาะเหลาเหลียงพี่(ใต้) ที่อยู่ห่างจากเกาะเหลาเหลียงน้องไม่ใกลมากนัก ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 15 นาที หรือถ้าใครอยากออกกำลังกายก็สามารถพายเรือคายัคไปได้



พักก่อนเดี๋ยวจะมารีวิวต่อให้จบ


เกาะเหลาเพลียงพี่ยังมีอีกจุดที่น่าสนใจไม่ควรพลาดที่จะไปถ่ายรูป บริเวณถ้ำชมวิว(อันนี้ตั้งเอง) ลักษณะของถ้ำจะตั้งอยู่บนหน้าผาไม่สูงมากนัก เดินขึ้นไปชมวิวถ่ายภาพไม่ลำบาก แต่วันที่มาเป็นช่วงบ่าย ถ้ามาช่วงเช้าคงจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงปากถ้ำพอดี คงจะได้รูปสวยในอีกมุมมอง


ได้เวลาเดินทางกลับที่พักที่เกาะเหลาเหลียงน้อง เนื่องจากเกาะเหลาเหลียงพี่ไม่อนุญาติให้พักค้างแรม น่าจะยังมีการทำรังนกอยู่ คืนนี้เรานอนเต็นท์ แต่เต็นท์ของเราก็ไม่ธรรมดานะครับ ดูดีเชียว
ใครที่จะมาเที่ยวเกาะเหลาเหลียงต้องติดต่อจองที่พักล่วงหน้าก่อนนะครับ ไม่อนุญาติให้นำเต็นท์มากางเอง โดยจะมีเจ้าเดียวที่ให้บริการ รวมอาหารไปด้วยในแพคเกจ สามารถติดต่อได้ที่ https://www.facebook.com/laoliangbeach
ท้งนี้ทั้งนั้นถ้ามีเวลาน้อยก็มาเที่ยวแบบไปกลับได้ครับ ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือมาประมาณ 45 นาที


ชิวๆริมชายทะเลยามเย็น ที่เกาะเหลาเหลียงพระอาทิตย์จะลับเหลียมเขาอยู่ด้านหลัง ทำให้ไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดิน แต่ที่นี้จะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆหน้าหาดแทนครับ


พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็ได้เวลาของมื้อเย็น ที่นี่จะจัดอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ครับ ใครที่มาก็ต้องกินเหมือนกันหมด อยากกินอะไรพิเศษก็สามารถแจ้งลาวงหน้าได้ จ่ายเพิ่มต่างหาก วันนี้ก็จบด้วยเมนูมื้อค่ำ พรุ่งนี้เช้าเรามีนัดกับเจ้าพระอาทิตย์ดวงโตๆ



พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่เกาะเหลาเหลียง


ยังไม่จบนะครับ เดี๋ยวมีต่อ

สะพายเป้ เท่ทั่วไทย

 วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 16.58 น.

ความคิดเห็น