Ep.1 ล่องเรือแม่น้ำโขงไปหลวงพระบาง

การเดินทางไปเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาวนั้นสามารถไปได้หลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น ไปโดยรถโดยสารระหว่างประเทศเดี๋ยวนี้ก็มีให้เลือกกันมาก หรือจะบินตรงไปกันเลยก็ง่ายดี แต่การเดินทางยังไปเมืองหลวงพระบางก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่นักท่องเที่ยวสไตล์ Backpacker นิยมกันมากนั่นก็คือการเดินทางโดยเรือช้า (Slow boat) ผมกับเพื่อนเลือกเดินทางด้วยวิธีนี้เพราะว่าอยากจะเดินทางกันแบบสโลว์ไลฟ์ แบบไปเรื่อยๆชิลล์ๆ เรือช้านี่ช้าจริงๆนะ ใช้เวลาเดินทาง 2วัน 1คืน ถึงหลวงพระบาง ได้สัมผัสกับบรรยากาศและวิถีชีวิตสองข้างทางอย่างเต็มที่แน่นอน


การเดินทางของเราเริ่มจากการขึ้นรถทัวร์ กรุงเทพฯ – เชียงของ ที่จองตั๋วไว้กับสมบัติทัวร์ รอบ 19.40 น. โดยจะถึง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ในเวลา 8 โมงเศษๆ

รถสมับัติทัวร์ที่ท่าวิภาวดี แบบ Star เป็นรถ2ชั้น ราคาคนละ 592 บาท ก่อนขึ้นก็บอกพี่ๆคนขับหรือพี่พนักงานต้อนรับบนรถด้วยนะครับว่าจะลงที่ด่านเชียงของ เนื่องจากรถจะผ่านตรงปากทางเข้าด่าน ซึ่งเราจะเดินทางข้ามฝั่งไปยัง สปป.ลาว กันที่ด่านนี้นั่นเองครับ


หลังจากลงจากรถทัวร์กันแล้วก็จะเจอกับพี่ๆรถสามล้อ นั่งสามล้อเข้าไปที่ด่าน คนละ 50 บาท ช่วงที่ผมไปปลายเดือนธันวาคม ที่ อ.เชียงของ ตอนเช้าๆอากาศค่อนข้างหนาว

ถึงด่านพรมแดนเชียงของ ( สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ) ก็เข้าไปกรอกเอกสารผ่านแดนขาออกกันเลยยย


ตรวจเอกสารเรียบร้อยก็มาซื้อตั๋วรถ shuttle bus ในราคา 25 บาท เพื่อข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ไปยังฝั่ง สปป.ลาว พร้อมกับแลกเงินบาทเป็นเงินกีบกันตรงนี้เลยครับ เรตตอนนั้น 229 ผมแลกไป 3,000 บาท ได้มา 687,000 กีบ แลกเงินกีบแล้วดูรวยขึ้นกันเลยทีเดียว


แล้วก็ขึ้น shuttle bus คันนี้ ข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ไปยังประเทศลาว ผู้โดยสารส่วนมากจะเป็นชาวต่างช่าติครับ ฝรั่งเต็มรถเลย


พอถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่ง สปป.ลาว ก็กรอกข้อมูลใบผ่านแดนขาเข้า แล้วชำระเงินค่าธรรมเนียม 40 บาท (ยังใช้เงินไทยได้) ถ้าเป็นวันปกติไม่ใช่วันหยุดคาดว่าจะถูกกว่านี้
เดินออกมาด้านหน้าด่านก็จะเจอพี่ๆรถรับจ้างที่จะพาเราไปยังท่าเรือกันครับระยะทางประมาณ 11 กม. คนละ 100 บาท แอบแพงไปนิด
ถึงท่าเรือแล้วก็รีบไปซื้อตั๋วเรือช้า ในราคา 210,000 กีบ (~915บาท) กว่าเรือจะออกก็ประมาณ 11.30 น. เราขึ้นไปจองที่บนเรือแล้วก็ลงไปเดินเล่นแถวๆท่าเรือกันก่อน


เมื่อถึงเวลา เรือก็ออกจากท่าเรือที่ห้วยทราย แล่นไปตามแม่น้ำโขง ฝั่งซ้ายเป็น สปป.ลาว ส่วนฝั่งขวา คือประเทศไทยของเรา
บรรยากาศบนเรือ มีทั้งฝรั่ง คนลาว และคนไทยที่พบมีเพียงแค่ผมกับเพื่อนเท่านั้น เห็นได้ว่าเส้นทางนี้ไม่เป็นที่นิยมสำหรับคนไทยเลยจริงๆ เบาะนั่งบนเรือนี่ก็เป็นแบบเบาะรถตู้บ้านเราเลยครับ


ชื่นชมกับธรรมชาติและวิวทิวทัศน์สองข้างทางไปเรื่อยๆ เราจะรู้สึกเพลิดเพลินมากใน 1 ชั่วโมงแรก 55555 และยังต้องนั่งดูไป 2 วัน
หลังจากเขาข้างหน้านี้ไปก็จะเข้าสู่เขตของประเทศลาวเป็นเต็มตัวแล้ว


ระหว่างที่เรือหยุดรับส่งผู้โดยสารระหว่างทาง


นอกจากเรือช้าไปหลวงพระบางแล้วเรือเร็วก็มีนะ อันนี้เร็วจริงวันเดียวถึง มีหมวกกันน็อคให้ผู้โดยสารใส่ด้วย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะปลอดภัยไหม 55555 แต่คงจะใช้กันแดดกันลมได้ดี


อันนี้คาดว่าน่าจะเป็นซากเรือขุดแร่

วิวสองข้างทาง


หลังจากเดินทางมา 1วันเต็มๆ เราก็มาถึงเมืองปากแบง เรือจะจอดพักที่นี่ 1 คืน ลงจากเรือแล้วก็จะเจอกับพี่ๆเจ้าของที่พักต่างๆมายืนเสนอราคาห้องพักกับนักท่องเที่ยวที่เพิ่งมาถึง มีให้เลือกเยอะครับถูกใจอันไหนก็เลือกได้เลย ผมกับเพื่อนได้ในราคาคืนละ 120 บาท ต่อคน เราก็พยายามจะใช้เงินกีบในการใช้จ่ายเพราะไหนๆก็แลกมาแล้ว แต่ถ้าใช้เงินไทยจ่ายจะได้ในราคาที่ถูกกว่าเงินกีบนิดหน่อย ดูเหมือนว่าเงินบาทจะเป็นที่ต้องการมากกว่า


และนี่เป็นที่พักของพวกเรา ผมหาดูหลังจากกลับมามีชื่อว่า Phomephithak Guesthouse
เรื่องอาหารการกินก็มีร้านให้เลือกหลายร้านในปากแบง เพราะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาหยุดพักที่นี่ในทุกๆวัน ราคาที่เห็นส่วนมากก็เริ่มต้นที่ 15,000 กีบ (65บาท) ก็ถือว่าราคาสูงอยู่เหมือนกัน จะซื้ออะไรแต่ละอย่างนี่ต้องคิดกันดีๆเลย


ตอนกลางคืนกับตอนเช้าอากาศหนาวมาก พัดลมในห้องไม่ต้องใช้กันเลย
บรรยากาศตอนเช้าๆที่ท่าเรือ


ตื่นแต่เช้าเพื่อมาจองที่นั่งบนเรือ 7 โมง เพราะเท่าที่อ่านมาที่นั่งจะเต็ม พอใกล้เวลาออกก็เต็มจริงๆครับ ถึงกับต้องมีเก้าอี้เสริมกันเลยทีเดียว เรือออกเกือบ 10 โมง ในรูปเป็นเรือที่เรานั่งมาเมื่อวานครับ วันนี้เปลี่ยนเป็นอีกลำเพื่อไปหลวงพระบาง


บรรยากาศบนเรือวันนี้


ทิวทัศน์สองข้างทางวันนี้ยังคงเป็นภูเขา โขดหิน หาดทราย มีการเลี้ยงสัตว์ เหมือนกับที่ผ่านๆมา แต่ก็มีวิวที่แปลกตาทำให้ตื่นเต้นได้บ้างเล็กน้อย


สัตว์เลี้ยงของชาวบ้านริมแม่น้ำโขง

การทำเกษตรกรรมริมแม่น้ำโขง


ใกล้จะถึงหลวงพระบางแล้ววว


ถึงหลวงพระบางสักที หลังจากที่นั่งเรือรอนแรมมานาน 2 วัน 1 คืนนน


เดินออกจากท่าเรือหลวงพระบาง ก็จะเจอกับพี่ๆรถรับจ้างที่จะพาเราเข้าเมืองครับ เพราะท่าเรือนี้อยู่นอกตัวเมืองออกมา พี่ๆรถรับจ้างบอกกับพวกเราว่าเข้าเมือง 10 กม. ค่าโดยสารถ้าจำไม่ผิดน่าจะ 20,000 กีบ (85 บาท) เวลาตอนนั้นเกือบจะ 5 โมงเย็น พวกเราคิดว่าจะเดินเข้าเมืองกันจะได้ประหยัดเงินและเดินดูวิวข้างทางไปด้วย

ทางเข้าเมือง จากท่าเรือ


ตอนแรกก็สนุกดีนะ เดินดูข้างทางไปเรื่อยดูวิถีชีวิตของผู้คนในหลวงพระบางที่เขาอยู่กันจริงๆ เพราะแถวนั้นค่อนข้างอยู่นอกเขตของการท่องเที่ยว


เจอปั๊มน้ำมัน ปตท. และเป็นปั๊ม ปตท. เพียงแห่งเดียวที่เราเจอ มีร้าน Jiffy อยู่ในปั๊ม เราก็ได้เข้าไปสำรวจดู เป็นสินค้าจากไทยเป็นส่วนมากหรือเกือบทั้งหมดเลย 55555 รู้สึกเหมือนอยู่แถวบ้าน ราคาก็แพงขึ้นกว่าที่ไทยประมาณ 2-5 บาท แต่ถ้าเทียบรับร้านค้าทั่วไปก็ถือว่าถูกกว่าตามร้านนะ

เดินไปเรื่อยๆ ผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง ยังไม่ถึงครับ เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใกล้อย่างที่คิดละ 55555 ร่างกายแต่ละคนเริ่มอ่อนล้า ฟ้าก็เริ่มมืดลง บางช่วงมีการทำถนนเดินลำบากมาก หลังจากนี้ก็ไม่ได้ถ่ายรูปแล้วครับ เพราะต้องพาตัวเองให้รอดไปจากตรงนี้กันก่อน 55555


#จบ ep.1

Saharat Chada

 วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 05.33 น.

ความคิดเห็น