:: ถ้าจะให้ผมจัดอับดับทางเดินสู่ยอดเขาในประเทศไทยที่สวยงามและเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นมากที่สุด


ผมคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นที่นี่ “เขาช้างเผือก" อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีครับ



reviewed by : https://www.facebook.com/PalapiliiThailand

ผลงานที่ผ่านมา



:: Backpack หลวงพระบาง - วังเวียง - เวียงจันทร์ ด้วยเงิน 5,000 บาท


http://pantip.com/topic/31480606


:: Backpack นครวัด - นครธม ด้วยเงิน 2,500 บาท


http://pantip.com/topic/32255585


:: Backpack วังเวียง ด้วยเงิน 2,500 บาท


http://pantip.com/topic/32303037


:: Backpack ทีลอซู - ปริโต๊ะลอซู ด้วยเงิน 3,000 บาท


http://pantip.com/topic/32131519


:: Backpack ปากเซ - ดานัง - ฮอยอัน ด้วยเงิน 6,000 บาท


http://pantip.com/topic/32495990


:: 30 ข้อควรรู้ ก่อน Backpack ไปสิงคโปร์


http://pantip.com/topic/32411379


:: Backpack ภูชี้ฟ้า - ดอยแม่สลอง - ไร่ชาฉุยฟง ด้วยเงิน 3,000 บาท


http://pantip.com/topic/32673881


:: Backpack สิมิลัน - ตาชัย - หมู่เกาะสุรินทร์ - เขาตาปู - ภูเก็ต ด้วยเงิน 10,000 บาท


http://pantip.com/topic/32775329


:: 10 ข้อควรรู้ ก่อน Backpack ไปเขาช้างเผือก


http://pantip.com/topic/32877394



สารบัญ



ถนนเส้นนี้


http://pantip.com/topic/32878781/comment4


บ้านปิล๊อค


http://pantip.com/topic/32878781/comment5


เขาช้างเผือก


http://pantip.com/topic/32878781/comment7


หลังช้าง


http://pantip.com/topic/32878781/comment9


การเดินทางครั้งนี้


http://pantip.com/topic/32878781/comment11


10 ข้อควรรู้ก่อนไปเขาช้างเผือก


http://pantip.com/topic/32878781/comment12

ถนนเส้นนี้

:: จริงๆ แล้วการเดินทางไปเขาช้างเผือก มีหลายวิธีมากๆ เลยนะครับ แต่ถ้าจะให้ผมแนะนำ


คือการขับรถมาเองแล้วพาเพื่อนๆ ขึ้นรถมาด้วยซักสามสี่คนจะดีไม่ใช่น้อย

เพราะพวกเค้าคือคนที่จะมาช่วยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายตั้งแต่ต้นจนจบทริปให้เรานั่นเอง ๕๕๕

แต่ถ้าจะให้ work สุดๆ โบกรถเลย ถูกแน่นอน ถูกถีบอะ!

หลอกๆ โบกเลยครับ คนไทยน้ำใจงามจัดตายยยย 55555



:: ระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงหมู่บ้านปิล๊อค (จุด Start การเดินเท้า) มีระยะทางเกือบ 400 กิโลเมตร เ


พื่อนๆ สามารถ search หาข้อมูลการเดินทางได้ทั่วไป ผลัดกันขับกับเพื่อนๆ ก็ได้

ใช้เวลาราวๆ 5 – 6 ชั่วโมงก็ถึงอย่างสบายๆ แต่ถ้าใครขาโหด 4 ชั่วโมงก็ได้ ไม่ว่ากัน

อย่างไรก็ตาม ขอให้อยู่ในความไม่ประมาทด้วย



:: หนทางจากกรุงเทพฯ จนถึง อ.ทองผาภูมิสบายมากครับ ลาดยางมาชิลๆ ใครเติมแก็ส ก็ให้เติมตุนไว้ที่นี่เลย


เพราะข้างบนไม่มีปั้มแก๊สแล้ว หลังจากนี้ถนนจะเต็มไปด้วยความทรหดคดโค้ง

ผมไปมาล่าสุดทางนิเหี้_มากๆ ถนนขรุขระโคตรๆ บางช่วงถนนแตกข้างทาง หล่นลงไปคือเหวกับเหว

ถนนจะลื่นซะส่วนใหญ่เพราะป่ายังดูดมสมบูรณ์จนต้นไม้ใบหญ้าข้างทางล้ำถนนเข้ามาเกินงามเลยหล่ะ

เอาเป็นว่า ระยะทางจาก อ.ทองผาภูมิไปหมู่บ้านปิล๊อคแค่ 60 กิโลเมตร

แต่จะต้องใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงหรือถ้าใครรักรถคงจะสองชั่วโมงอย่างแน่นอน



:: ก่อนเข้าหมู่บ้านจะต้องจอดที่ อช.ทองผาภูมิก่อน เพื่อไปรับรู้เงื่อนไขและจ่ายค่าผ่านทางต่างๆ


(เราจะต้องจองมาก่อนล่วงหน้า 7 วันตามที่อุทยานกำหนด) ไม่ว่าจะเป็นค่าขึ้นเขา ค่าเข้าอุทยาน

ค่ากางเต็นท์ข้างบน รวมไปถึงค่านำทางอีกด้วย โดยค่าใช้จ่ายหลักๆ ก็จะมีราคาประมาณนี้



1.ค่าเข้าอุทยาน 30 บาท
2.ค่าเอารถเข้าอุทยาน 40 บาท
3.ค่ากางเต็นท์ 30 บาท
4.ค่านำทาง 1,200 บาท (นำได้ 10 คน)
5.ค่าลูกหาบคนละ 1,100 บาท (2 วัน 1 คืน)



สำหรับผมผมตัดค่าลูกหาบทิ้งไปเลย เพราะการขึ้นเขาช้างเผือก

มันไม่ได้ยากเยนอะไรขนาดที่จะต้องให้ใครมาแบกของให้เรา แบกขึ้นไปเองภูมิใจกว่าเยอะ



:: เมื่อเห็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นแล้ว เพื่อนๆ คิดว่าควรมาคนเดียวหรือลากเพื่อนขึ้นรถมาด้วยหละครับ


ผมจะลองคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ก่อนที่จะขึ้นไปพิชิตเขาช้างเผือกให้เพื่อนๆ

ได้เห็นงบประมาณโดยคิดเงื่อนไขที่ 10 คน ตามที่อุทยานได้กำหนดมาให้



1.ค่าแก๊สรถยนต์ (LPG) ไปกลับเฉลี่ยน 700 กิโลเมตร (คิดที่ 2.5 กิโลลิตร)
ราคาจะอยู่ที่ 1,750 บาท ตีให้เลย 2,000 บาท ขับไปเองไปกันคันละ 5 คน ก็ตกคนละ 400 บาท (ต้องมีรถยนต์ส่วนตัว)
2.ค่าขึ้นเขา 30 บาท/คน
3.ค่ากางเต็นท์นอนบนเขา 30 บาท/คน
4.ค่านำรถเข้าอุทยานฯ 40 บาท/คัน หารกัน 5 คน ตกคนละ 8 บาท (แต่ไม่ต้องหารก็ได้มั้ง)
5.ค่านำทางของเจ้าหน้าที่ 1,200 บาท/10 คน เมื่อหารกันจะตกคนละ 120 บาท
6.ค่าเสบียงอาหารเฉลี่ยวันละ 100 บาท (คิดที่ 2 วัน) จะตกที่ 200 บาท
7.ค่าอื่นๆ คนละ 200 บาท



เมื่อเอาแต่ละรายการมารวมกัน เราก็จะเห็นตัวเลขสำหรับทริปสั้นๆ ทริปนี้

เอาหละ มาบวกให้เห็นกันไปเลยดีกว่าว่างบสำหรับการขึ้นเขาช้างเผือกจะมีราคาเท่าไหร่กัน



:: 400 + 30 + 30 + 8 + 120 + 200 + 200 ::

----- รวมเป็นเงิน 888 บาทถ้วน (แปดร้อยแปดสิบแปดบ้านถ้วน) -----



หึหึ เป็นไงหล่ะ อึ้งกันไปเลยหละสิ!!

(ต่อให้เปลี่ยนเป็นรถน้ำมันไม่ใช้แก็ส ราคาก็จะอยู่ที่บวกลบ 1,000 บาท ไม่หนีไปไหนแน่นอน)

บ้านปิล๊อค

:: จากตัวอุทยานมาถึงหมู่บ้านปิล๊อคก็ใช้เวลาไม่นานครับ เพราะระยะห่างกันเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น


ก่อนถึงหมู่บ้านราวๆ 2 – 3 กิโล จะมีจุดชมวิวสวยๆ อยู่ที่หนึ่งชื่อเนินช้างศึก ยั

งไงถ้ามีเวลาแวะก็อยากให้แวะกันครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย ถนนไม่โอเคเท่าไหร่ครับ

เพราะสมัยก่อนบริเวณนี้เป็นเหมืองหินมาก่อน ทางเลยมีแต่หินกับหิน หินที่ว่านิคือหินจริงๆ นะครับ

ยังไงไปเดี่ยวก็เห็น จากปากซอยจนไปถึงเนินช้างศึกราวๆ 3 กิโลเมตรครับ



:: รถผมคงเก่ามันขึ้นไปไม่ถึงครับ จะมีจุดๆ หนึ่งที่เป็นทางขึ้นดิ่งตรงยาวเลย


รถผมเก่าแล้วขึ้นไปไม่ไหวจริงๆ ต้องจอดไว้ข้างทางแล้วโบกรถคันอื่นขึ้นไปชมวิวข้างบน



:: วิวข้างบนจะเห็นตัวหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านครับ จะเห็นทิวเขาที่สลับซับซ้อนสวยงามมาก


สมัยก่อนตรงนี้เป็นป้อมปราการของทหารในช่วงที่ยังมีสงครามกันอยู่ ถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีมากๆ

ช่วงที่ผมไปหมอกหนาไปหน่อย เลยเห็นวิวไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่

แต่ก็คุ้มค่าครับ ถือเป็นวิวแรกที่สวยงามของการเดินทางครั้งนี้



:: เดินทางมาถึงหมู่บ้านปิล๊อคก็หาที่จอดรถซะนะครับ เพราะทางเข้าหมู่บ้านไม่เหมาะที่จะเอารถไปจอดเท่าไหร่


ผมแนะนำให้ขับเลยไปนิดหนึ่งแล้วไปจอดไว้หน้าโรงเรียน หรือถ้าไม่ซีเรียสก็จอดข้างทางไปเลยครับ

แล้วรีบเก็บข้าวของสัมภาระเตรียมพร้อมที่จะขึ้นหลังช้างกันได้แล้ว



:: ในหมู่บ้านปิล๊อคมีร้านเก่าแก่อยู่ไม่กี่ร้านหรอกครับที่นักท่องเที่ยวจะไปใช้บริการอาหารเช้าหรือกาแฟร้อนกันก่อนขึ้นเขา


ถ้าเป็นร้านอาหารก็ต้องเป็นร้านพี่หน่อย ถ้าเป็นร้านนั่งชิลก็ต้องเป้นร้านพี่แอ๊นท์ (Coffe in pilok)

ยังไงก็ลองไปชิมกันดู รับรองจะไม่เสียใจ



:: เมื่อเราใช้เวลาส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงคราวที่เราจะต้องเตรียมพร้อมลุยเขากันจริงๆ แล้วหล่ะครับ


ที่หมู่บ้านจะมีร้านค้าร้านใหญ่อยู่ร้านเดียว ร้านนั้นคือจุดรวมพลของนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่อุทยาน

รวมไปถึงเป็นสถานที่หาซื้อข้าวของ เสบียงอาหารก่อนขึ้นเขาอีกด้วย เมื่อทุกคนพร้อมก็ให้ไปหาเจ้าหน้าที่บริเวณนั้นเลย

พร้อมเอาบัตรที่ได้จากตัวอุทยานฯ มาโชว์ให้เจ้าหน้าที่ดู ว่าถูกต้องตามเรื่องราวที่เราคุยกันไว้รึป่าว

และเมื่อทุกอย่างพร้อม การเดินทางครั้งนี้ก็จะเริ่มขึ้น...



เขาช้างเผือก

:: หลังจากนี้จะเป็นบรรยากาศเส้นทางการเดินขึ้นเขาช้างเผือกที่ผ่านสายตาและเลนส์จากกล้องของผมนะครับ
ปล่อยให้ภาพบรรยายตัวของมันเองแล้วกัน...

หลังช้าง

:: เวลามาตรฐานของการขึ้นเขาช้างเผือกอยู่ที่ 4 ชั่วโมงสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป


ซึ่งมีระยะทางในช่วงแรกประมาณ 7 กิโลเมตร จุดแรกที่เราจะไปคือ Base Camp ครับ

พอเราขึ้นไปถึง Base Camp ก็รีบหาที่กางเต็นท์ หา Location เหมาะๆ เลยนะครับ

สำหรับผมผมแนะนำให้จองในที่ต่ำๆ เพราะตอนกลางคืนลมจะแรงมาก บางเดือนแรงจนกระทั่งไม่ต้องนอนกันเลยหละ

และก็ไม่ต้องกลัวว่าไปเขาช้างเผือกจะไม่เห็นหมอก 1,000 เปอร์เซ็นสำหรับการเห็นหมอกบนเขาช้างเผือกครับ



:: ระหว่างนี้เค้าจะไม่ให้เราขึ้นไปต่อครับ เราต้องนอนรอเจ้าหน้าที่จนกว่าจะได้เวลาที่สมควร


ซึ่งเวลานั่นคือ 4 โมงเย็น เป็นเวลาที่เจ้าหน้าที่จะพาเราขึ้นไปจุดหลักสำคัญอย่าง สันคมมีด หลังช้าง และยอดสุดของเขาช้างเผือก

ซึ่งจุดนี้จะเป็นช่วงที่สองของการเดินทาง ซึ่งเป็นระยะทาง 1.5 กิโลเมตรสั้นๆ ที่คุณจะไม่มีวันลืม...



" สั น ค ม มี ด "



https://www.facebook.com/video.php?v=774141719346276&set=vb.339207546173031&type=2&theater



" ห ลั ง ช้ า ง "



https://www.facebook.com/video.php?v=774777052616076&set=vb.339207546173031&type=2&theater



การเดินทางครั้งนี้

:: อยากให้เตรียมไฟฉายไปด้วยคนละกระบอก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่กลับจากช่วงที่สองช้ากว่าปกติ


ฟ้าอาจจะมืดจนทำให้มองไม่เห็นทางลง อย่างไรก็ตามอยากให้ทำเวลากันให้ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

พอเราลงมาจากช่วงที่สอง (ช่วงสันคมมีด หลังช้าง ยอดเขาช้างเผือก) บางกลุ่มก็มาทานอาหารที่ตัวเองทำเตรียมไว้

หรือไม่ก็ช่วยกันทำอาหารกันสดๆ ตรงนั้นเลย ตรงนี้ขอไม่แนะนำอะไรนะครับ ขึ้นอยู่กับความสามารถและแรงที่เหลือของแต่ละกลุ่ม

แต่เอาเป็นว่า ใช้เวลาข้างบนนั้นให้คุ้มค่าที่สุด ให้เหมือนกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต



:: ปกติแล้วเจ้าหน้าที่จะพาลงเขาตั้งแต่ช่วงเช้าครับ เจ็ดโมงเช้าเป็นเวลามาตรฐาน

นักท่องเที่ยวทั่วไปจะใช้เวลาลงเขาประมาณ 3 ชั่วโมง เดินกลับทางเดิมเลย

เมื่อเราเดินลงมาถึงหมู่บ้านปิล๊อค หากมีแรงเหลืออยากจะเที่ยวต่อ ย่อมมีครับ

และสถานที่เที่ยวสำคัญในเมืองแห่งนี้คงจะหนีไม่พ้น “เหมืองสมศักดิ์" และ “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น"

มาถึงตรงนี้แล้ว อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนเที่ยวกันอย่างมีความสุข อยู่ในความไม่ประมาท

และกลับบ้านกันอย่างปลอดภัยทุกคนนะครับ



ขอบคุณครับ

ภูวนาททานะ


10 ข้อควรรู้ ก่อนขึ้นเขาช้างเผือก

1. เขาช้างเผือกอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,249 เมตร และขึ้นได้เพียงวันละ 60 คนเท่านั้น

2. ระยะทางจากจุดเดินเท้าถึงยอดสุดเขาช้างเผือกมีระยะทาง 8.5 กโลเมตร

3. เป็นเขาที่เดินง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่หัดเดินป่าหรือเดินเขา ขอเพียงมีใจรักและความกล้า

4. ในหนึ่งปีควรไปเขาช้างเผือกสองครั้ง คือช่วงเปิดฤดูกาล เขาทั้งลูกจะเป็นสีเขียวขจี
และช่วงปิดฤดูกาล เขาทั้งลูกจะเป็นสีทองเหลืองอร่าม ทั้งนี้ระยะเวลาในกาลเปิดปิดฤดูขึ้นอยู่กับการประชุมของทางอุทยานในแต่ละปี
โดยในปี 2557 นี้ คือช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนมกราคม

5. เขาช้างเผือกไม่เหมาะสำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ

6. ลูกหาบหรือนักท่องเที่ยวที่แข็งแรงใช้เวลาขึ้นเขาช้างเผือกเพียงแค่ 3 ชั่วโมง และลงเขาอีก 2 ชั่วโมง
ซึ่งสามารถให้ไปเช้าเย็นกลับได้ แต่ทางอุทยานไม่อนุญาต
เรื่องนี้ถ้าจะบอกว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวก็คงจะไม่ถูกซะทีเดียว หากเกี่ยวกับการจัดการของทางอุทยานด้วยหรือเปล่า?

7. มีคนเคยแอบขึ้นเขาช้างเผือกโดยไม่ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ ไปเช้าเย็นกลับแล้วค่อยมาเสียค่าปรับข้างล่างทีเดียว 500 บาท

8. บริษัททัวร์จะจ้างชาวบ้านไปยื่นหนังสือขอขึ้นเขาช้างเผือกหน้าที่ทำการอุทยานตั้งแต่หกถึงเจ็ดโมงเช้าก่อน 7 วัน ที่จะขึ้นเขา
นั่นเป็นสาเหตุที่คนธรรมดาอย่างเรามักจะจองวันเสาร์อาทิตย์ไม่ค่อยได้

9. สัญญาณโทรศัพท์ของ AIS จะมีตลอดเส้นทาง DTAC มีเพียงบริเวณ Base Camp และ True Move จะมีเพียงบนยอดเขา

10. ต่างชาติไม่นิยมมาเที่ยวเขาช้างเผือกเพราะให้เหตุผลว่า ขึ้นมาแล้วไม่มีอะไรให้ทำต่อ



reviewed by : PhuwanartThana

( https://www.facebook.com/PalapiliiThailand )

Mi Palapilii

 วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 16.26 น.

ความคิดเห็น