สวัสดิ์
การเดินทางครั้งนี้เราได้วางแผนไว้มานานมากอยากไปตั้งนานแล้ว ก็ไม่รู้ทำไมถึงอยากไปและจนได้มาอ่านประวัติของการสร้างเขื่อนจนทำให้ยิ่งอยากไปมากขึ้น และแล้วจึงเอยปากชวนเพื่อนไปกว่าจะสรุป กว่าจะลงตัวครึ่งปี 555 โครตนาน พอลงตั๋วก็ทำการจองตั๋วเครื่องบิน และก็จองแพโดยตรงกับสายชล เรียบร้อยรอเดินทาง ระหว่างรอเดินทางเข้าศึกษา ดูแหล่งท่องเที่ยว จนเจอเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้กลัวมากแต่พูดคำเดียวว่าช่างแม่ง ความกลัวคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นและบวกกับเหตุการณ์ที่ภาคใต้เจอน้ำท่วม แม่งเอ้ยในใจคิดกูจะต้องเลื่อนทริปออกไปอีกหรอวะ แต่ด้วยความที่อยากไปมากโทรหาแพเลยครับ พี่สถานะการณ์เป็นยังไง เจ้าของแพบอกน้องอากาศปลอดโปร่ง เรียบร้อยเลยครับเก็บกระเป๋าเลย พอถึงวันกำหนดเดินทางขึ้นเครื่องเรียบร้อยรอรถตู้มารับไปเขื่อน แวะซื้อของขาดไม่ได้เลยเครื่องดื่มบำรุงกำลัง อิอิ พอถึงท่าเรือโห่แม่เจ้าน้ำขึ้นมาจนท่วมท่าเรือ
อย่างที่เห็นนะ สักพักเรือส่วนตัวก็มารับครับ ดูแลจนจบทริปเลยนามเค้าชื่อ พี่ปูด
ระหว่างนั่งเรือก็ถ่ายรูปไป ปากเคี้ยวข้าวเหนียวไก่ทอดไปทั้ง 3 คนพร้อมกับบรรยากาศที่แม่งโครตฟินไม่เสียแรงที่ตั้งใจมาขนาดนี้ แล้วน้ำเนี่ยจะใส่ไปไหน
สักพักเราก็มาถึงที่พักครับ
ลูกพี่ปูดบอกว่าเดียวบ่ายผมพาทัวร์ รอไรครับแกะเครื่องดื่ม ชมบรรยากาศ บอกเลยอาร์มตอนนั้นนี้คือรีสอร์ทส่วนตัวเลยครับเพราะมีผมกะเพื่อนทั้งหมด 3 คนที่มาถึงโครตฟิน ได้เวลาก็ไปกินข้าวเที่ยงถือเบียร์คนละกระป๋องไปด้วยแล้วก็ไปทัวร์
พี่เค้าพามาดูถ้าประกาลัง
และแล้วเราก็กับมาที่พัก ก็ยังเหมือนเดิมครับไม่มีคน 555 โอ้ยกูชอบวะ โครตส่วนตัวแล้วพวกเราก็บรรเลงเต็มที่ เปิดเพลง greasy cafe โครตได้ฟิวเลยขอบอก
วันที่ 2 ของการพักผ่อน
ตื่นเช้ามาฟินกว่าเดิมอีก เจอหมอกอากาศนี้โครตดีนอน 2 ทุ่ม ตืน 6โมงเช้าร่างกายนี้แม่งโครตฟิตเลย พี่เค้าพาไปส่องสัตว์ ล้างหน้าแปลงฟันเรียบร้อยครับ เพื่อนบอก เห้ย!! อย่าช้าไปเอาเสบียงมา หะ!!คือมึงแต่เช้าเลย
ออกไปชมบรรยากาศเรียบร้อยส่องสัตว์แล้ว กับมากินมื้อเช้า เอาแล้วครับท่านนักท่องเที่ยวเริ่มมาทั้งจีน รัสเซีย เหอะบรรเทิงครับงานนี้ แต่ก็มีสีสันไไปอีกแบบ พี่ปูดบอกเดียวบ่ายไปเที่ยวต่อ บ่ายไปเที่ยวและเวลาที่เหลือละดื่มสิครับ
พอเที่ยงเท่านั้นแหละ หน้าไหม้ครับเล่นน้ำ ดื่มเบียร์กันจนลืมทาครีม 555 และแล้วก็ถึงทีเด็ดเลย " กุ๋ยหลินเมืองไทย "
พอถึงจุดๆนี้บอกเลยความกลัวมันเข้ามาเลยครับ น้ำโครตใส เงียบมีแต่กลุ่มเรา นักท่องเที่ยวก็พอมีบ้างแต่น้อยครับ พี่ปูดบอกเล่นน้ำได้พี่เอาบันไดมาอ้าวมองหน้ากัน โดดดิพวก ลังเล เอาวะโดดก็โดด ใส่ชูชีพพร้อมไม่รีรอ
ขอบอกเลยโครตสวย น้ำโครตใส และเราก็รอไปดูพระอาทิตย์ตก แต่บอกเลยเราไม่สามารถกำหนดธรรมชาติได้ ฝนตกครับ อดดูแบตกล้องหมด จบข่าวได้แค่กล้องมือถือเท่านั้น
บรรยากาศยามเย็นหลังฝนหยุดตก
ถึงที่พักก็กินมื้อเย็น ดื่มเหมือนเคย แต่คืนนี้เสียงดังหน่อยนักท่องเที่ยวเยอะ แต่ก็หลับเพราะเหนื่อย หรือเมาก็ไม่รุ้555
วันที่ 3 ก่อนเดินทางกลับ
นั่งจิบชา สะพายกล้องถ่ายเรื่อยเปื่อย ซักพักเพื่อนเดินมาบอกว่า เห้ยกระเป๋าหายวะข้างในมีอะไรไหมวะ ไม่มีมีแต่พาสปอร์ต กะโทรศัพท์ฮีโร่ สาเหตุมาจากกระเป๋าเปียก ฝนตกสาดเข้ามาโดนในห้อง เลยต้องตากไว้นอกห้องแต่ทำไงได้มันหายไปแล้ว นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกก็กลับไปแล้วด้วย ต้องทำใจแล้วแหละ
แล้วเราก็เล่นน้ำพร้อมกับเบียร์เย็นๆ 2 ขวดเหมือนเดิมทิ้งทวนก่อนกลับ บอกเลยไม่เสียแรงเลยที่รอมาที่นี้ จนได้เวลาก็ต้องโบกมือบ้ายบาย อำลาถึงเวลาหมดสนุกแล้ว ระหว่างเดินทางกลับพี่ปูดก็พาดูนุ้นนี้นั้นและก็บ้านเดิมของแกก่อนที่จะถูกการทำเขื่อน
ถึงเวลาชักปลั๊กออก หมดเวลาของแพนโลมาน้อย 555
และเราก็มาถึงฝั่ง พร้อมเดินทางกลับสู่การทำงาน
สรุปยอดทริปนี้อาจจะแพงหน่อย รึป่าว
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ = 1000 กว่าบาทต่อคน
ค่าแพ = 14500 บาท
ค่ารถตู้ไป-กลับ = 350 บาทต่อคน
Accessories = 1000 บาทต่อคน
ตกคนละเกือบ 8000 บาท
แต่เงินที่เสียไปมันก็ได้มาหลายอย่างทั้งความงามของธรรมชาติ และสิ่งที่เราควรช่วยกันรักษาไว้ ที่สำคัญเลยผมไปเที่ยวกันไม่มีทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง ผมยังบอกให้คนจีนว่ายน้ำไปเก็บขยะด้วย555 ขอบคุณที่อย่างน้อยเค้าก็ไม่โกรธ ผมบอกไกด์เค้าว่าเราต้องช่วยกันรักษาความสะอาดนะพี่ ง่อวดูเป็นคนดี555
จบแค่นี้ดีกว่าขอบคุณทุกท่านครับที่เข้ามาอ่านกัน
หนุ่มพเนจร
วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 14.56 น.