เจอกับ HM TOUR TH กระทู้ที่สองกันคร๊าบบบบ
ฝากกระทู้แรกไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยครับ
เวียงจันทร์ - วังเวียง - หลวงพระบาง กับเงินหนึ่งล้านกีบ l HM TOUR THAILAND
https://pantip.com/topic/35408197
เช่นเคยครับ รีวิวละเอียดยิบพร้อมค่าเสียหาย เน้นให้ภาพถ่ายบอกอารมณ์
" เที่ยวตรัง นอนเกาะรอก ฉบับคนมีตังค์ (น้อย) "
14-18 FEB 2017
ส่วนตัวแล้วถ้าเรื่องใต้น้ำ ผมยกให้ หลีเป๊ะ เป็นที่หนึ่งในใจไปเลย
ส่วนหาดทรายขาวๆ นุ่มๆ ชายหาดยาวๆ ก็คงหนีไม่พ้นเกาะตาชัย เกาะไม้ท่อนเป็นแน่
แต่มีอีกหนึ่งเกาะที่ผมอยากมามากถึงมากที่สุด นั่นก็คือ เกาะรอก ครับ
เพราะอ่านรีวิวของหลายๆคนแล้วรู้สึกอยากมาเห็นกับตา ว่า "ของจริง" มันเป็นยังงายยยยยยยย
ทริปนี้เราได้แผนการเดินทางจากอ่านรีวิวมาอย่างหนักหน่วงครับ จนในที่สุดก็ได้ไปที่ที่อยากไป ในวันเวลาที่กำหนด เอาจริงๆ ผมว่าเรื่องการวางแผนเป็นอะไรที่ยากที่สุดแล้วสำหรับทริปๆนึง (แต่เรื่องเงินสำคัญกว่าครับ 55555)
วันแรก : ดอนเมือง - ตรัง (นอนเมืองตรัง)
วันที่สอง : เกาะรอก (ดำน้ำ, นอนเกาะรอก)
วันที่สาม : ดำน้ำ 4 เกาะ (นอนเมืองตรัง)
วันที่สี่ : เที่ยวเมืองตรัง
วันที่ห้า : ตรัง - ดอนเมือง
**คำเตือน : ทริปนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ชมที่ไม่ชอบดำน้ำ เมาคลื่น เมาเรือ เพราะเกือบครึ่งของทริปนี้มีแต่ดำน้ำ ดำน้ำ แล้วก็ดำน้ำ 555555
ทริปนี้มีเรื่องตื่นเต้นตั้งแต่ขาไปเลยครับ ก็แฟนตัวดีของผมดันลืมทั้งบัตรประชาชนทั้งใบขับขี่ไว้ที่เพื่อนของคุณเธอ งานเข้าสิครับ !! วิ่งวุ่นไปถามเค้าเตอร์หางแดงที ถาม AOT ที กว่าจะยอมอ้อนขอเค้าได้ ไม่ใช่ขี้ๆเลยครับ ในที่สุดคุณเธอเค้าก็ใช้บัตรประจำตัวนิสิตที่มีรูปยืนยันตัวอยู๋ใบเดียวที่มี แทนยื่นแทนได้ เกือบได้นั่งรถไฟไปแล้วมั้ยล่ะ !!!!
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงจังหวัดตรังกันแล้วครับ ขอบอกว่าสนามบินที่นี่เล็กมาก แต่คนก็เยอะมากเช่นกัน
ลงเครื่องมาปุ๊บ สิ่งแรกที่เ่ราต้องทำก็คือการซื้อตั๋วขึ้นรถไปในเมือง เค้าเตอร์ขายตั๋วจะอยู่ตรงประตูทางออกเลยครับ ยื่นเงินให้ไปเลย 90 บาท/คน
แอบกระซิบว่าเราจองผ่าน travelogo ทำให้ราคาถูกว่า walk in หน่อยนึงครับ ซึ่งราคาปกติก็ถูกอยู่แล้ว
หลังจากท้องอิ่มแล้ว เก็บของเรียบร้อยแล้ว เมืองตรังนี้ก็ตกเป็นของเราาาาาาาาา เดินเที่ยวซิครับรออะไร
พี่แกเลยบอกมาว่า หน้าโรงแรมไงแต่เป็นตลาดเล็กๆนะ แต่ถ้าอยากไปเดินตลาดใหญ่ๆ ต้องเดินไปไกลหน่อ่ยนะ เป็นกิโล ชื่อ "ตลาดชินตา" ลองเดินไปดู ของกินเยอะดี
ถ้าใครไม่ใช่สายเดิน โปรดเช่ามอเตอร์ไซด์ 555555
ถ่ายรูปเล่นซะเลย
แต่ลืมอะไรไปรึเปล่า พรุ่งนี้เรามีแพลนไปเกาะรอกนะ เกาะรอกนะเว้ยยยยยยย รีบนอนเร็ววววว
และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง รีบเก็บกระเป๋ารอรอมารับดิครับ เกาะรอกจ๋ารอพี่ก่อนนน
โดนส่วนตัวผมว่ามันคุ้มมากกกกกกก เพราะตลอด2วัน1คืน เราได้ไปแบบส่วนตัวโดยไกด์ท้องถิ่น เหมือนเราเหมาเรือหางยาวพาเราเที่ยวดีๆนี่เอง
นั่งรอซักพักก็มีผู้ชายตัวเล็กผิวเข้มเดินเข้ามาหาเราแล้วพูดว่า your bag your bag เราก็งงสิ พูดภาษาอังกฤษใส่ตรูทำไมฟระ
เราเลยสวนกลับด้วยภาษาไทยไปเลยว่า สวัสดีครับ พี่แกเลยทำท่าเขินอายเล็กน้อย แล้วพูดว่า นึกว่าคนฝรั่ง (สำเนียงใต้)
ได้เวลาที่เรือเล็กควรออกจากฝั่งแล้วครับ มุ่งหน้าไปยังเกาะรอกกันเลยยยยย
เรือแล่นผ่านหมู่บ้านชาวประมง ผ่านป่าชายเลนไปซักพัก ก็มองเห็นทะเลสีฟ้าครามอยู่ข้างหน้า
ได้แต่แอบลุ้นในใจว่า พรุ่งนี้แดดต้องมา แล้วแดดก็มาตามนัดจนได้
บอกแล้วครับว่าทริปนี้ไม่เหมาะกับคนเมาเรือเป็นอย่างมาก แต่ก็คุ้มที่จะเสี่ยง ถ้าไม่เชื่อรอดูภาพต่อไป
บอกได้คำเดียวว่าตาชัยก็ตาชัยเหอะ ไม้ท่อนก็ไม้ท่อนเหอะ เจอหาดทรายขาวๆนุ่มๆตัดกับสีของน้ำทะเลสีฟ้าขนาดนี้ เป็นใครใครก็ต้องยอมครับ
อย่างที่บอกครับ เรือนี้เป็นของเรา เราสามารถเปลี่ยนแผนได้ตลอดทั้งทริป ซึ่งอันนี้คือข้อดีของการเหมาเรือมานั่นเอง
บ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของเกาะรอกนี้มาก อย่างว่าแหล่ะครับ เพราะเกาะรอกตั้งอยู่บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ทำให้มีการเข้มงวดเรื่องการเข้าพัก โดยมีกฏเลยว่า ต้องนำขยะกลับคืนสู่ฝั่ง ห้ามทิ้งไว้ที่เกาะรอกแม้แต่ชิ้นเดียว ซึ่งได้รับการดูแลจากพี่ๆเจ้าหน้าที่ของที่นี่
พอกินข้าวเสร็จ เราก็ได้เวลาออกตามล่าหาปลานีโม่กันแล้วครับ
ไปต่อกันยาวๆเลยกับจุดดำน้ำบริเวณรอบๆ เกาะรอกทั้งหมด 4 จุด ปล่อยให้ภาพเล่าเรื่องแล้วกันครับ
ภาพใต้น้ำทั้งหมดมาจากกล้อง sj wifi4000 ตัวถึกของผม
แต่สภาพหลังจากนั้นคงไม่ต้องบอก เหนื่อยแทบตายยยยยย 55555
แต่จุดที่เหลือตื้นอยู่ครับ ถ่ายภาพมาฝากเพื่อนๆได้สบายยย
จริงครับ ถึงบังไม่บอก ผมก็จะขอกลับเข้าฝั่งแล้ว เพราะจากที่เรือนิ่งๆ กลายเป็นเรือโคลงเคลง เกือบทำให้ข้าวเที่ยงของผมได้ออกมาทักทายประชาชีกันซะแล้ว เราเลยได้กลับเข้าฝั่งเร็วกว่าปกติประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ
พอถึงฝั่ง แฟนตัวดีของผมไม่พูดเพร่าทำเพลอะไรเลยครับ รีบตรงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนใครพวก
เพราะเกาะที่เมื่อตอนเที่ยงคึกครื้นเพราะมีหลายทัวร์มาจอดแวะพักกินข้าวเที่ยง ตอนนี้เงียบสงบ มีชาวต่างชาติไม่กี่กลุ่มที่มานอนค้างบนเกาะรอกเหมือนอย่างผม
ไม่น่าเชื่อว่าเวลา2-3 ชั่วโมงที่ผมถ่ายรูปเล่นกันมันผ่านไปไวมาก
ไม่เบื่อเลยครับ ที่จะเฝ้าดูจนตะวันลับขอบฟ้าไป
เหมือนท้องของผมมันจะรู้เวลา พระอาทิตย์ตกปุ๊บ ท้องร้องปั๊บ
บนอุทยานมีร้านค้าสวัสดิการนะครับ ไม่ต้องกลัวอด แต่จะมีเวลาเปิดปิดเป็นช่วงเวลานะครับ ไม่ได้เปิดตลอด
ไว้พรุ่งนี้เรามีนัดกับบังละเพื่อไปตลุย 4 เกาะตรัง ดำนำยาวปายยยยยยยยยย
เช้านี้ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้หกโมงครึ่งเพื่อตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น เพราะเห็นเค้าบอกว่าเป็นไฮไลต์ของเกาะรอกอีกอย่างนึงเลย
แต่ความขี้เกียจได้ครอบงำตัวผมไว้ อดดูสิครับ
แต่แฟนผมไม่แคร์เลยว่าผมจะตื่นมั้ย นางถือกล้องออกจากเต้นท์แล้วไปนั่งรอจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น แล้วตาผมก็ปิดอีกครั้ง zZZ
ทำไมหน่ะหรอ ก็ผมดันไปกดฟอร์แมตกล้องเพราะคิดว่าลงรูปหมดแล้ว แต่ลืมคิดไปว่าเมื่อเช้านี้แฟนผมตื่นเต้นและใจจดใจจ่อกับการนั่งรอถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นขนาดไหน แม้แต่รูปในกล้องมือถือก็ไม่มีครับ ผมผิดไปแล้ววววว T T
เพราะบังละจะมารับเราที่หน้าเกาะตอนแปดโมงเช้า เพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะกระดาน แห่งท้องทะเลตรัง
แล้วเจอกันใหม่นะเกาะรอก สัญญาว่าต้องมีครั้งที่สองอย่างแน่นอน
วันนี้ลมค่อนข้างแรงกว่าตอนขามาพอสมควรเลย ทำให้คลื่นแรง แต่ก็ไม่แรงมาก ความรู้สึกตอนอยู่บนเรือเหมือนกำลังเล่นเครื่องเล่นไปด้วย หวาดเสียวดีครับ
บังละบอกว่าจุดดำน้ำนี้มีกัลปังหาทะเลสีแดงอยู่ด้วย รออะไรล่ะครับ โดนตู๊มลงน้ำไปเลย
มีปลานีโมที่อยู่ลึก ซึ่งคนว่ายน้ำไม่เก่งอย่างผมไม่มีทางที่จะดำลงไปถ่ายได้ 5555
ไว้มีโอกาสไปให้เห็นกับตาตัวเองนะครับ ตอนลอยน้ำลอดถ่ำเข้าไปสนุกมาก ตื่นเต้นดีเพราะมืดมาก แต่ไม่น่ากลัวเพราะมีนักท่องเที่ยวต่างแข่งกันส่งเสียงตะโกนร้องด้วยความดีใจปนความตื่นเต้น
เราใช้เวลาอยู่ในถ้ำมรกตประมาณครึ่งชั่วโมง ท้องผมกันก็ร้องด้วยความหิวโหยอีกแล้ว
ได้เวลาสำหรับข้าวเที่ยงแล้วครับ มื้อนี้บังละขับเรือพาเราไปกินข้าวเที่ยงบนหาดแฮปปี้ เป็นหาดเล็กๆที่อยู่ใกล้กับเกาะมุก
แต่แฟนผมนี่สิ ยังดำผุดดำว่ายเหมือนว่าคลื่นทะเลทำอะไรเธอไม่ได้เลย
คืนนี้ผมไม่ได้นอนที่เดิมนะครับ ผมเปลี่ยนมานอนโรงแรม Hop inn ไม่รู้ทำไมถึงชอบโรงแรมนี้ ถ้าจังหวัดไหนมีโรงแรมนี้ ผมขอเลือกโรงแรมนี้ทดไว้ในใจเป็นอันดับหนึ่งเลยครับ
พอถึงโรงแรมเราก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปหาอะไรกินกันแถวๆโรงแรม
ณ จุดๆนี้ไม่เลือกมากแล้วครับ มีร้านตรงไหนก็กินตรงนั้น เพราะสิ่งที่คิดถึงมากที่สุดตอนนี้คือเตียงนอน 55555
ตัดภาพไปที่วันต่อไปเลยนะครับ
------------------------
17 FEB 2017
ผมนัด taxi ให้มารับที่โรงแรมเพื่อไปส่งที่สนามบินตอนแปดโมงครึ่ง ไฟล์ทบินกลับดอนเมืองของเราคือ 09.50 ครับ
ทริปนี้เหมือนจะผ่านไปด้วยดี แต่จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ครับ
" จำวันบินกลับผิด " ใช่ครับ ผมจำวันบินกลับผิด กว่าจะรู้ได้ก็ตอนติดแท๊คโหลดกระเป๋าว่า bording pass ของเราเป็นวันที่ 18 ไม่ใช่ 17
ผมกับแฟนได้แต่มองหน้ากันแล้วคิดในใจว่า ซวยแล้วตรู 555555555
ทำอะไรไม่ได้แล้วครับ โทรเคลียร์งานสิครับ อยู่เที่ยวเมืองตรังต่อสิครับรออะไร ดังนั้นทริปของเราจาก 4 วัน 3 คืน เลยกลายมาเป็น 5 วัน 4 คืนไปโดยปริยาย
คืนนี้ผมนอนที่นี่ครับ "ไมตรี เฮ้าส์" อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟและตัวเมืองตรัง เหตุผลที่ผมเลือกที่นี่เพราะว่าวันนี้ทั้งวันผมจะเช่ามอเตอร์ไซด์เพื่อเที่ยวในเมืองตรัง
ไหนๆก็ตื่นเช้าแล้ว ไหนๆก็ตกเครื่องแล้ว เอากระเป๋าไปเก็บในห้องแล้วเช่ามอเตอร์ไซด์เตรียมขี่รถรอบเมืองกันเลยครับ
ผมวางแผนไว้ว่า เราจะไปหาร้านชิค บรรยากาศดีๆ นั่งกินข้าว พักสติกันซักแป๊บ แล้วเราก็ไปจะสวนพฤกษศาสตร์ เพราะกลางวันร้อนขนาดนี้คงไปไหนไม่ได้ นอกจากไปเดินเล่นชมนกชมไม้ และที่สำคัญเห็นเค้าบอกว่า ที่นี่มีสะพานศึกษาเรือนยอดไม้ที่สูงมากๆอีกด้วย
ผมขี่รถมาเรื่อยๆ ตระเวณดูร้านโดยที่ไม่ได้ถามที่กู (google) เลยว่าร้านไหนเด็ด ร้านไหนดัง
วนไปวนมา เอ๊ะ! ทำไมมาที่เดิมอีกแล้ว 555555 จนในที่สุดก็เจอแล้ว ผ่านหน้าร้านปุ๊บ จอดปั๊บ นี่แหล่ะร้านที่ต้องการ
ที่นี่มีเมนูอาหารอย่างเดียวนะครับ ก็คือข้าวซอย ไม่พลาดที่จะสั่งมาลองครับ อร่อยครับ ให้สามผ่าน !
สถานีต่อไป สวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองไปประมาณ 13 กิโล โดยที่นี่จัดให้มีเส้นทางเพื่อเดินศึกษาธรรมชาติ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สำคัญ คือ เส้นทางสะพานศึกษาเรือนยอดไม้ ที่เค้าบอกว่าเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย โดยสะพานมีความยาว 175 เมตร ความสูง 3 ระดับ ตั้งแต่ 10 – 18 เมตร ต้องขอลองไปดูซะหน่อยว่าเป็นยังไง
ฟังแล้วได้ฟิลเหมือนอยู่ในป่าลึกจริงๆ แต่เอาจริงๆ ผมไม่ได้มองอะไรเลย มองแต่ทาง เพราะมันสูงครับ สูงมาก
คอเริ่มแห้ง ท้องเริ่มหิวอีกแล้ว แว๊นซ์กลับไปหาอะไรกินในเมืองดีกว่าครับ
โชคดีของเรามากที่อยู่อีกวัน เพราะวันนี้มีถนนคนเดินครับ อยู่หน้าโรงแรมเลย พี่ที่โรงแรมบอกว่าถนนคนเดินปกติแล้วจะมีทุกวัน พฤ-อาทิตย์ มีของกินเยอะมาก ไม่เชื่อครับ ต้องไปให้เห็นกับตา 55555
ของกินเยอะมาก แล้วที่สำคัญคือถูกมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
มีหลายรสให้เลือก แถมยังทอดตรงไหนสดๆเลย ขอชิมซัก 3 ชิ้นแล้วกัน
สองมือถือของกิน หนึ่งปากเคี้ยวขมุบขมิบ สองเท้าก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ เดินเล่นให้อาหารมันย่อยซะหน่อย ก่อนจะแว๊นซ์รถกินลมชมรอบเมือง สิ่งที่ผมสังเกตุได้หลังจากที่มาอยู่ที่นี่ก็คือ บ้านเมืองเค้าสะอาดมาก ทั้งๆที่ถังขยะก็ไม่ค่อยมี เป็นความประทับใจของผมอย่างหนึ่งของที่นี่ครับ
ถึงเวลาได้กลับไปนอนแล้วครับ พรุ่งนี้ต้องบินกลับกันแต่เช้า
5 วันที่อยู่ที่นี่ถือว่าคุ้มว่า เก็บทุกแลนด์มาร์ค ไปทุกที่ที่เราอยากไป และแต่ละที่ก็ทำให้เราประทับใจแบบสุดๆ
HMtourTH
วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 10.59 น.