สวัสดีค้าบบบ
เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 4-6 พ.ย.59 ที่ผ่านมาเราได้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์กันมา เลยอยากมารีวิวให้เพื่อนได้รับชมและเป็นข้อมูลเผื่อใครที่กำลังจะไปท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ถ้าหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

**ฝากเพจของผมด้วยนะครับ https://www.facebook.com/TheBackpackersOfAnOrdinaryMan/ พึ่งสร้างใหม่ยังไม่ได้โปรโมทเลย ขอบคุณมากครับ

ทริปนี้มีสมาชิกด้วยกัน 6 คน เราจะไปกัน 3 วัน 2 คืน โดยนั่งรถทัวร์ตอนกลางคืนที่กรุงเทพฯ ไปถึงเช้าที่เชียงใหม่ และวันกลับก็กลับตอนกลางคืนที่เชียงใหม่มาถึงเช้ากรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้เที่ยวให้คุ้มที่สุด ฮ่าๆ
คืนแรกเราจะไปกางเต็นท์กันที่ดอยอินทนนท์และคืนที่สองจะกลับมาพักในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยเราจะแว๊นซ์มอไซค์ตลอดทริปเพื่อที่จะได้ซึมซับกับบรรยากาศแบบเต็มๆกันไปเลย

ก่อนจะไปฝากกระทู้เชียงใหม่หน้าฝนด้วยครับ
http://pantip.com/topic/35428599

โม้มานานและ เอาล่ะไปกันเลยดีกว่า....

3.11.59
First night of the trip | คืนแรกของการเดินทาง

เราได้ทำการจองตั๋วรถทัวร์ของบริษัท สมบัติทัวร์ รอบ 20.10 น. ไว้เรียบร้อยแล้ว ราคาค่าตั๋วคนละ 569 บาท


เมื่อมาถึงหมอชิต ด้วยความที่พวกเราหิวโหยกันอย่างแรง เลยพุ่งตรงไปที่เซเว่นกันทันที


ขนมาขนาดนี้นี่จะย้ายไปอยู่เชียงใหม่กันเลยรึป่าว *-*


หลังจากที่อิ่มกันเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปรอรถที่ชานชาลา เตรียมตัวออกเดินทางสู่เชียงใหม่....



พอขึ้นรถปุ๊บต่างคนก็ต่างเข้าสู่โหมด private กันที

.....ไว้เจอกันพรุ่งนี้เช้าที่เชียงใหม่ครับ......

4.11.59


First day in Chiang mai | วันแรกที่เชียงใหม่
...เรามาถึงเชียงใหม่กันประมาณ 6 โมงครึ่ง เมื่อลงจากรถทัวร์ เราก็สัมผัสได้ถึงอากาศเย็นๆกำลังดี รู้สึกสดชื่นมาก ไม่ว่าจะมากี่ครั้งก็ยังรู้สึกมีความสุขทุกครั้ง หลังจากที่ยืนสูดอากาศกันซักพัก เราก็ได้แยกย้ายกันไปเอาความสกปรกในร่างกายออกกันก่อน

หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินไปเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ที่ร้าน Bikky ซึ่งอยู่ใกล้ๆ อาเขตนี่เอง


จากอาเขตมองมาจะเห็นป้ายเหลืองๆนี่เลยครับ เจ้าของร้านและพนักงานที่นี่บริการดีมากๆครับ


...เราเช่า Honda click I 125 ราคาวันละ 300 บท จำนวน 3 วัน แต่ถ้าเป็นสมาชิกทางร้านลดให้วันละ 25 บาท สรุปจ่ายไป 825 บาทครับ


เมื่อรับรถแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลยยย Let's Go !!!


ที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ (ร้านของกิน) ไม่ไหว หิวแล้ววววว เราเลยพุ่งตรงไปที่ร้าน โจ๊กต้นพยอม ทันที ร้านนี้จะอยู่ถนนสุเทพใกล้กับตลาดต้นพยอม เมนูที่ร้านมีทั้งโจ๊กหลากหลายชนิดให้เลือก ข้าวมันไก่ก็มีนะครับ


มาแล้วโจ๊กหมูไข่ร้อนๆ รสชาดอร่อยใช้ได้เลยครับ ราคาก็ชามละ 40 บาทครับ..


หลังจากของคาวเสร็จแล้ว แน่นอนต้องมีของหวาน... เราก็ไปต่อด้วยกาแฟที่นี่เลย ร้าน Ristr8to


ร้านนี้หาไม่ยากครับ อยู่ถนนนิมมาน ซ.3 ตรงปากซอยเลยครับ

บรรยากาศภายในร้าน...


...เติมพลังเรียบร้อยแล้ว พร้อมออกเดินทางต่อ...


จุดมุ่งหมายแรกที่เราจะไปกันก็ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถนนนิมมานฯ นี่เองครับ

แต่ก่อนจะขึ้นไปวัดพระธาตุดอยสุเทพ เราจะไปแวะไหว้พระครูบาศรีวิชัย เพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อนครับ



ขับมาแปปเดียวก็มาถึง อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ แล้ว คนยังไม่ค่อยเยอะมาก สงสัยยังเช้าหรือ เอ๊ะ หรือเขาขึ้นไปดอยสุเทพกันแล้ว

หลังจากที่ไหว้พระขอพรกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ


แว๊นซ์ขึ้นดอยมาประมาณ 10 กว่าโล ก็มาถึง วัดพระธาตุดอยสุเทพ เรียบร้อย



...เราจะต้องเดินขึ้นบันไดทั้งหมด 306 ขั้น

แต่ถามว่าได้นับหรือเปล่า ตอบได้เลยว่า “ไม่"

ตอนเดินขึ้นไป แค่หายใจก็ลำบากแล้ว 555

และในที่สุดเราก็เดินขึ้นมาถึง...


เมื่อเข้าไปด้านในก็จะพบกับพระธาตุดอยสุเทพที่สง่างาม..


ทำไมรู้สึกว่ามาครั้งนี้พระธาตุดูงดงามกว่าครั้งก่อนๆ มาก เอ๊ะ หรือคิดไปเอง *--


ออกจากพระธาตุมา จะมีจุดชมวิว เมื่อมองลงไปจากจุดชมวิวบนดอยสุเทพ ก็จะเห็นเมืองเชียงใหม่..


หลังจากที่ไหว้พระขอพร และชมความงดงามของพระธาตุดอยสุเทพอยู่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็เริ่มหิวกัน (อีกแล้ว)


แต่ช่วงที่เราเดินมากำลังจะเอารถ เราได้เจอกับเจ้าถิ่นเข้าซะแล้ว...

จากนั้นเราก็ลงจากดอยมุ่งหน้าไป “ร้านข้าวซอยแม่สาย" แต่ถ้าคุณมาสายก็จะอดกินนะครับ


พอมาถึงเราก็สั่งข้าวมันไก่ เอ้ยยยไม่ใช่ ข้าวซอยไก่ แฮ่ *--


รอไม่ถึง 3 นาทีก็มาเสิร์ฟ ...

อ้าวทำไมข้าวซอยเปลี่ยนไป เดี๋ยวๆ นี่มันเครื่องเคียง (5 บาท 10 บาท ก็เล่นเนอะ)

มาจริงๆ และ ข้าวซอยไก่ หน้าตาหน้ากิน แถมรสชาดยังอร่อยเหมือนเดิม ชามนี้ราคา 40 บาทครับ ส่วนที่ตั้งร้านก็ถ้าลงจากดอยสุเทพมาร้านจะอยู่ซ้ายมือเข้ามาในซอยหน่อย ตรงข้ามกับปั๊มเชลล์ เกือบถึงเซ็นทรัล กาดสวนแก้ว นะครับ


หลังจากที่อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กันแล้ว


ดูระยะทางให้ชื่นใจก่อนออกเดินทาง ==

100 กว่าโล เอ๊งงงงงงงง

ขับจนเมื่อยก้น และแล้วเราก็มาถึงซักที ... จุดตรวจที่ 1


เราก็ไปชำระค่าเข้าอุทยานกันก่อนขึ้นดอย


นี่จะเป็นราคาค่าเข้าอุทยานนะครับ


เสร็จแล้วก็เดินทางกันต่อ ..


ก่อนเข้าที่พักเราจะไปแวะถ่ายรูปที่น้ำตกวชิรธารกันก่อน

จากจุดตรวจที่ 1 ประมาณ 10 กว่าโล ก็มาถึงน้ำตกวชิรธารครับ

เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่พอสมควรครับ แต่น้ำไหลแรงมากครับ ถ้าไปใกล้ๆ ตรงป้ายนี่จะมีละอองน้ำจะสาดกระเซ็นมาถึงเรารู้สึกได้ถึงความเย็นและชุ่มชื้นมากๆ


ถ่ายรูปกันสักพักก็ออกเดินทางกันต่อ



โดยเราจะไปกางเต็นท์กันที่ลานกางเต็นท์ดงสนกันครับ ซึ่งเราได้ทำการจองเต็นท์ผ่านเว็บของกรมอุทยานฯ ไว้แล้ว

ราคาเต็นท์ละ 225 บาท นอนได้ 3 คน แล้วก็จะมีถุงนอน หมอน และก็ที่รองนอน 3 อย่างนี้ชุดละ 60 บาทครับ

....เมื่อขับมาถึงลานกางเต็นท์ดงสน เราก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ แต่....... เจ้าหน้าที่บอกว่า ต้องไปติดต่อรับเต็นท์และอุปกรณ์ที่ ที่ทำการอุทยาน ซึ่งจะต้องเลยจุดนี้ไปอีกประมาณ 1 กิโล (ไม่หาข้อมูลมาให้ดี) ขับวนไปจ้ะ

พอมาถึงที่ทำการอุทยานเราก็เข้าไปติดต่อรับเต็นท์และอุปกรณ์ ซึ่งเราจองไว้ 2 เต็นท์ ทีแรกคิดว่าเจ้าหน้าที่อุทยานจะเอาไปลานกางเต็นท์ให้ ปรากฎว่าต้องแบกไปเองทั้งหมดจ้า ....

ซึ่งตอนมาติดต่อตรงที่ทำการ มากันแค่ 2 คัน 4 คน (คิดในใจ นี่ตรูจะเอาไปยังไงหมดเนี่ย)

หลังจากที่จัดของขึ้นรถอยู่สักพัก พวกเราก็ทำได้ 555

แบกของทั้งหมดไปในรอบเดียว รู้สึกภูมิใจ (ตรงไหนวะ)

มาถึงลานกางเต็นท์โดยสวัสดิภาพ...

พอมาถึง...ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบกางเต็นท์กันอย่างมืออาชีพ หรอออออออออ


เถียงกันอยู่นาน “จะเริ่มตรงไหนก่อนดีว้า"

เอาน่า อย่างแรกเอาออกจากถุงก่อนละกัน 555

เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว...


... ในที่สุดก็เสร็จซักที แต่น แตน แต๊นนนนน ...


เหมือนเต็นท์จะไม่ได้ถูกชำระร่างกายมานานแรมปี..


แต่สายลุยอย่างเราอยู่ได้สบายบรื๋อออ ...

มาชมบรรยากาศรอบๆ เต็นท์กันบ้างดีกว่า


มีแต่ต้นสนเต็มไปหมด ก็ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วนี่หน่าว่า ดงสน --


ตรงนี้จะเป็นห้องน้ำครับ อยู่ใกล้ๆ เต็นท์นี่เอง


เดินทางมาไกล เพื่อนๆ เริ่มหิว ..


หลังจากที่เก็บของกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะไปสูดอากาศยามเย็นบนดอยกัน


โดยต้องขับรถขึ้นไปอีกประมาณ 10 กว่าโล

ขับออกจากที่พักมาได้นิดเดียว ก็เจอขบวนนักเรียนเลิกเรียนพอดี เป็นภาพที่น่ารักมากๆ

ก่อนจะขึ้นไปจุดชมวิวจะผ่านจุดตรวจที่ 2 ซึ่งเขาจะขอดูบัตรที่เราได้ซื้อในจุดตรวจแรกด้วยนะครับ


บรรยากาศระหว่างทาง หมอกลงเยอะจนเกือบมองทางไม่เห็น แต่อากาศเย็นสบายมากๆ..


...และแล้วเราก็มาถึงจุดชมวิว กม.41


มองลงไปจะเห็นทางที่เราพึ่งขึ้นมา

หมอกเริ่มลงเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่รู้สึกว่าอากาศเย็นสดชื่นมากๆ


ถ่ายรูปกันอย่างเมามันส์ จนเกือบจะมืด เลยต้องรีบแว๊นซ์ลงจากดอยกลับเข้าที่พัก


พอมาถึงที่พัก ก็เริ่มหิวกันแล้ว เลยไปจัดหมูกระทะกัน 2 ชุดเลย

หมูกระทะร้อนๆ + อากาศเย็นๆ เป็นอะไรที่ฟินมาก


หลังจากที่กินเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ พักผ่อน


...พรุ่งนี้เช้าเราจะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้ากิ่วแม่ปานกัน.....


05.11.59
The first light of the day at Doi Inthanon | แสงแรกที่ดอยอินทนนท์

...ตี 4 ครึ่ง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น...


เรารีบล้างหน้า แปรงฟัน กันอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปรอชมพระอาทิตย์ที่หน้ากิ่วแม่ปาน

ระหว่างทางที่ขับขึ้นมา อากาศหนาวมากขนาดใส่ถุงมือขับรถมือยังชาเลยทีเดียว...

เมื่อมาถึงคนก็เริ่มจับจองที่กันเยอะพอสมควร

หนาวมั้ย ดูจากภาพที่เบลอน่าจะบอกได้…

เริ่มมาแล้วววว


มาแล้ววววว


สวัสดีเช้าวันใหม่...

...ต่อไปเราจะเข้าไปเดินศึกษาธรรมชาติที่กิ่วแม่ปานกัน...


แต่ก่อนจะไปเดิน เราต้องไปหาไรกินกันก่อน ตรงจุดนี้จะมีร้านค้าและอาหารสำหรับบริการนักท่องเที่ยว

ส่วนราคาก็บวกเพิ่มนิดหน่อยครับ

นี่เป็นร้านข้าวต้มใส่ไข่ เราก็จัดกันคนละถ้วยเลย...


ราคา 40 บาท

อิ่มแล้วก็ไปลุยกันเลยยยยย..



เมื่อเดินเข้าไปก็จะมีเจ้าหน้าที่ให้ติดต่อสอบถามครับ

โดยเขาจะให้เราจับกลุ่ม 10 คน ในการจ้างไกด์นำทาง 1 คน ราคา 200 บาท ก็ตกคนละ 20 บาท แต่ไม่ถึง 10 คนก็ได้นะครับ แต่ก็ต้องจ่าย 200 บาท เท่าเดิม ..

นี่จะเป็นไกด์ของกรุ๊ปเราครับ เขาก็จะคอยแนะนำเราตลอดทางครับ


กิ่วแม่ปานเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น เป็นวงรอบระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทางช่วงแรกผ่านเข้าไปในป่าดิบเขาซึ่งมีบรรยากาศร่มครึ้ม จากนี้ทางเดินจะเลียบไปตามสันเขาที่มีดงต้นกุหลาบพันปี...


หลังจากแนะนำข้อมูลเบื้องต้นเสร็จ ก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้ว...


ช่วงแรกจะชันนิดนึง เดินไปสักพักก็หอบกันแล้ว 555 แต่เขาจะมีจุดพักให้เป็นระยะๆ ครับ


ทางเดินจะมีทั้งขึ้นลงสลับกันไปครับ..


เดินมาสักพักก็เจอกับน้ำตก ที่ใครมาก็ต้องแวะถ่าย..


เดินทางกันต่อ เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล...


หลังจากที่เดินมาประมาณ 1 กิโล เราก็ออกจากป่ามา จะพบกับทุ่งหญ้า และวิวด้านหน้าสวยงามมากๆ


ช่วงนี้ทุ่งหญ้ายังเป็นสีเขียวอยู่ ไกด์บอกว่าถ้ามาช่วง ธ.ค. ทุ่งหญ้านี้จะเป็นสีทอง

วิวระหว่างทาง สวยมากๆ


ตรงข้างล่างนั้นจะเป็นจุดชมวิวแบบพาโนราม่าเลยครับ


เห็นวิวแบบนี้แล้วหายเหนื่อยเลย..


มีคนมาถ่ายรูปรับปริญญาบนนี้ด้วย


ถ่ายรูปตรงจุดชมวิวกันอยู่นาน ก็ได้เวลาเดินทางต่อ...


ประวัติกิ่วแม่ปาน


เจอแล้ว !! กุหลาบพันปี... แต่อยู่ไกลไปหน่อย


ตั้งแต่เดินมาเจอแค่ต้นเดียวเลยครับ ไกด์บอกว่าถ้าอยากเห็นเยอะๆ ต้องมาช่วง ธ.ค. ครับ

ไปกันต่อ เดินริมสันเขาไปเรื่อยๆ...


เดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาเจอกับจุดชมวิว เราจะมองเห็นพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ


หลังจากจุดนี้ก็จะเป็นทางกลับแล้วครับ แต่ไม่ได้กลับทางเดิมนะครับ จะมีทางแยกลงไป


ระหว่างทางกลับเจอไกด์ตัวน้อยด้วยครับ เก่งมาก


ในที่สุดก็เดินมาถึงจุดหมาย...


เซลฟี่กับไกด์ไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย เฮ้....

ออกจากกิ่วแม่ปาน เตรียมตัวขับมอไซค์ขึ้นไปจุดสูงสุดแดนสยามต่อ...



หลังจากที่ออกกิ่วแม่ปาน เราก็ขับมอไซค์ขึ้นไปที่ “จุดสูงสุดแดนสยาม" จุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย..
ระหว่างทางอากาศหนาวมาก หมอกก็ลงเยอะ...
ขับขึ้นมาประมาณ 5 กิโล ก็จะถึงจุดหมายของเรา

เดินตามป้ายเข้าไปเลยยยย


เดินมาถึงป้ายสูงสุดแดนสยาม คนต่อคิวกันถ่ายเยอะมาก เราเบียดเบียนเข้าไปถ่ายได้แค่นี้แหละ *--


คนเยอะมากกกก


ว่าแล้วทำไมเมื่อเช้าหนาวมาก


5 องศา !!

จุดหมายต่อไป เราจะไปกันที่ พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ 2 พระมหาธาตุเจดีย์ แห่งดอยอินทนนท์


ขับลงมาเลยกิ่วแม่ปานมานิดเดียวก็ถึงแล้ว... ค่าเข้าชมคนละ 40 บาทครับ

เนื่องจากหมอกลงเยอะมาก เลยไม่ค่อยได้ถ่ายภาพมาครับ


เดินได้แปปเดียวก็ดูเวลา...


เฮ้ยยยย... มันจะเที่ยงแล้ว เรายังไม่ได้เอาอุปกรณ์กลางเต็นท์ไปคืนเลย

เรารีบแว๊นซ์กลับลงไปที่พักอย่างรวดเร็ว

และเราก็ไปทันเวลาพอดีเป๊ะ....



คืนของเสร็จก็ได้เวลากลับเข้าเมืองเชียงใหม่แล้ว บ๊ายบาย ดอยอินทนนท์ แล้วเราจะกลับมา...

แต่ก่อนที่จะกลับเข้าเมืองเชียงใหม่ เพื่อนบอกว่าอยากไปถ่ายรูปฮิปๆ ที่แกรนด์แคนยอนก่อน


เราก็จัดปายยยยย



ถึงแล้ว... แกรนด์แคนยอน เชียงใหม่ ค่าเข้าคนละ 50 บาทนะครับ

ส่วนใหญ่มีแต่ชาวต่างชาติที่ลงไปเล่นน้ำ...


ถ่ายรูปกันสักพักก็ออกเดินทางไปเช็คอินเข้าที่พัก


โดยเราจองที่พักผ่าน agoda มาเรียบร้อยแล้ว ชื่อที่พัก เลอ พลาโต อยู่นิมมาน ซ.17

ข้างล่างที่พักจะเป็นร้านกาแฟน่ารักๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา เนื่องจากมาถึงก็เหนื่อยกันมาก พอถึงที่พักก็สลบกันทันที



หลังจากที่พักผ่อน ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จก็เย็นพอดี...

เราก็ได้ไปเดินเล่นกันที่ถนนคนเดินวัวลาย เอ๊ะ เรียกว่าเดินตระเวรกินจะถูกกว่า กินกันแหลกเหลือเกิน 555

เราไม่เน้นช๊อป เราเน้นกิน 555 ชัดเจนใน concept มากๆ


ทาโกะยากิก่อนเลย...


ของกินที่นี่ อร่อยแทบทุกอย่างครับ


นี่เลย ของขึ้นชื่อของเขาเลยครับ ลูกชิ้นปั้นสด


แต่ส่วนตัวผมชอบหมูยอที่นี่มากๆ อร่อยมาก


ของกินเริ่มเยอะและ ไปชมศิลปะกันบ้างดีกว่า


วาดสวยมากๆ


จบทริปวันนี้ไว้แค่นี้


กลับที่พัก พักผ่อน พรุ่งนี้ลุยต่อ...




06.11.59
The last day in chiang mai | วันสุดท้ายที่เชียงใหม่

... เช้านี้เราหาข้อมูลของกินกันอยู่นาน สรุปไปจบกันที่ร้าน ไข่กระทะเลิศรส จะอยู่ตรงประตูเชียงใหม่


หลังจากที่กินอิ่มกันแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ...


วันนี้จุดหมายของเราคือ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่อำเภอแม่ริม

ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 20 กว่าโล

เอาล่ะไปกันเลย



ไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาถึงสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กันแล้ว..

ที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30-17.00 น. ค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่ 40 บาท นักเรียน นักศึกษา คนละ 20 บาท ผู้ใหญ่อายุเกิน 60 ภิกษุ สมาเณร เด็กอายุต่ำกว่า 12 ไม่เสียค่าเข้าชม รถยนต์ 4 ล้อ คันละ 100 บาท รถบัส คันละ 200 บาท

...เมื่อจ่ายค่าเข้าเสร็จเรียบร้อย เราก็ไป Canopy Walkway เป็นจุดแรก

Canopy walkway หรือแปลเป็นไทยว่า ทางเดินเหนือเรือนยอดไม้

ทางเดินสร้างด้วยเหล็ก พื้นเป็นตะแกรง ก็หวาดเสียวดี เหมือนชีวิตอยู่บนความเสี่ยง 555

จุดที่เราเดินเข้ามา


เราไปต่อกันที่โซนต่อไปดีกว่า นั่นคือ กลุ่มเรือนกระจก (Glasshouse Complex)


เหล่าฮิปเตอร์ทั้งหลายมาทางนี้เลย...


โซนเรือนกระจกพรรณไม้ในเขตทะเลทราย (ทนแล้ง)

โซนนี้ก็จะมีกระบองเพชร (Cactus) สวยๆ ให้เหล่าฮิปเตอร์ได้ถ่ายรูปมากมาย...


เดินได้แปปเดียว ก็ 11 โมงกว่าแล้ว...


เรารีบแว๊นซ์มอไซค์กันอย่างไว เพื่อกลับไปเช็คเอ้าท์ให้ทันก่อนเที่ยง

...กลับมาถึงเที่ยงนิดๆ แต่พี่ที่ดูแลที่พักก็ไม่ว่าอะไร ใจดีมากๆ



หลังจากเช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก เราก็จะไปซื้อของฝากกันที่กาดหลวง (ตลาดวโรรส) กัน

เมื่อมาถึงกาดหลวง เราก็ตรงไปที่ร้านดังของที่นี่กันเลย นั่นคือร้าน ดำรงค์ นั่นแหละจ้า


ที่นี่มีของฝากให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แคปหมู ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม บลาๆๆ


มาที่เดียวจบแน่นอน

หลังจากที่ซื้อของฝากเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่อาเขต ค่าฝากใบละ 20 บาท ของฝากก็มัดรวมไปกับกระเป๋านั่นแหละครับ


แล้วก็ไปหาของกินกันนนนน....

เนื่องจากตอนนั้นเพื่อนๆ หิวกันมาก ไม่รู้จะกินอะไรดี เลยเลือกที่ใกล้ที่สุด เลยมาจบที่ร้านข้าวซอยเสมอใจ (ฟ้าฮ่าม)..

ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เลยสั่งแค่ ข้าวซอยไก่ กับ ขนมจีนน้ำเงี้ยว มา (นี่ไม่หิวหรออออออออออออ)

ราคาชามละ 40 บาท รสชาดก็เข้มข้นดีครับ


หลังจากที่กินอิ่ม ก็เริ่มง่วง (แน่ะ อย่าพึ่งสิ)


เราก็ได้ไปไหว้พระ ทำบุญ 9 วัดกัน แต่ถ่ายมาไม่ครบ 9 วัดนะครับ

หลังจากที่ไหว้พระ 9 วัด เสร็จ ก็ร้อนมาก เลยอยากหาอะไรเย็นๆ กินให้ชื่นใจ เลยตกลงจะไปกันที่ร้าน The Volcano หลัง มช.


เมื่อเข้าไปร้าน ให้เราหยิบแท่งตัวอักษรไปที่โต๊ะ แล้วสั่งอาหารได้เลย แล้วใส่ตัวอักษรนั้นลงในใบออเดอร์ของเราเลยครับ



มาแล้ว.... เมนูของเรา

เติมความหวานกันจนสดชื่นแล้ว จุดหมายสุดท้ายที่เราจะไปกันก็คือ ถนนคนเดินท่าแพ...


จะอยู่บริเวณประตูเมืองท่าแพต่อไปยังถนนราชดำเนิน

ถนนคนเดินที่นี่ใหญ่มากๆ เราเดินกันไม่หมด เนื่องจากต้องรีบไปขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ


เดินได้สักพักก็ต้องรีบเอารถมอเตอร์ไซค์ไปคืนร้าน และเตรียมตัวกลับกทม.



..ถึงเวลาต้องกลับกทม. แล้ว...

ถึงใจจะยังไม่อยากกลับ แต่เราก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของเรากันต่อไป...

สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป/คน

ค่ารถทัวร์ไปกลับ 569*2 1138 บาท

ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซค์ 3 วัน 825/2 412 บาท

ค่าเช่าเต็นท์และอุปกรณ์ คนละ 135 บาท

ค่าเข้าอุทยานและค่ารถ 60 บาท

ค่าเข้าสวนพฤกษศาสตร์ฯและค่ารถ 55 บาท

ค่าที่พักในตัวเมือง 1,378/3 459 บาท

ค่าเข้าแกรนด์แคนยอน 50 บาท

ค่าน้ำมัน 200 บาท

ค่าอาหารเครื่องดื่ม 1000 บาท

ค่าของฝาก 300 บาท

****รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อคน 3809 บาท



ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้นะครับ ยังไงก็ขอบคุณที่ทนอ่านมาถึงตรงนี้นะครับ ^^

หากใครมีข้อมูลอยากสอบถามเพิ่มเติมถามได้เลยนะครับ หรือใครอยากชมภาพเพิ่มเติมตามไปดูได้ใน Instragram ของผมด้านล่างนี้ได้นะครับ

https://www.instagram.com/im_jakapan/




Together Backpacker

 วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 12.32 น.

ความคิดเห็น