13-15 Feb 2017 in Macau-Hong Kong ด้วยงบไม่เกิน 10,000

สวัสดีค้าบบบบบบบบ
เนื่องด้วยเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปเที่ยวมาเก๊า และ ฮ่องกงมาครับ เลยอยากจะมาแบ่งปันข้อมูลเล็กๆน้อยๆให้ได้รับชมรับฟังกันครับ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค้าบบบบ

**ฝากเพจใหม่ของผมด้วยครับ พึ่งสร้างเลยครับ
https://www.facebook.com/TheBackpackersOfAnOrdinaryMan/
ขอบคุณมากครับ

**สรุปค่าใช้จ่ายให้ด้านล่างนะครับ

...ไปกันเลย...
...13 Feb 2017...


เราเดินทางกันด้วยสายการบินหางแดง จองตั๋วโปร กรุงเทพฯ-มาเก๊า ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ในราคาเที่ยวละ 7xx บาท


...นั่งหลับๆ ตื่นๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงสนามบินนานาชาติมาเก๊ากันแล้ว เวลาท้องถิ่นประมาณ 17.30

...เมื่อมาถึงก็เดินผ่าน ตม. และมีเจ้าหน้าที่พาไปกรอกข้อมูลไว้นิดหน่อย ก็ผ่านมาได้ด้วยดี


หลังจากออกจากสนามบิน เราจะไปเช็คอิน เก็บของเข้าที่พักกันก่อน โดยเราได้จองที่พักชื่อ Ole london Hotel ผ่าน Agoda มาเรียบร้อยแล้ว

ที่พักเราจะอยู่ฝั่งมาเก๊าใกล้กับเซนาโด้ ซึ่งถ้านั่งแท็กซี่ก็แพงเอาเรื่องอยู่ สายประหยัดอย่างเรา รถฟรีสิครัช...

วิธีการเดินทาง เมื่อออกจากสนามบินจะมีแท็กซี่จอดอยู่ เราไม่ขึ้น เราจะไปขึ้น Shutter Bus ฟรีกัน ให้เลี้ยวขวาเดินริมถนนมาเรื่อยๆ จะเจอที่จอดรถ Shutter Bus อยู่ทางขวา ให้เราเลือกขึ้นได้เลย บริการฟรีทุกคัน

เราเลือกขึ้นของ Venetian เนื่องจากเราจะต้องต่อจาก Venetian ไปท่าเรือ Macau Ferry

...บนรถมี Free Wifi บริการด้วยครับ

นั่งรถประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงจุดจอดรถ Main Lobby ของ Venetian กันแล้ว


เมื่อเดินเข้าไปภายใน Venetian ก็จะพบกับความยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมาก มีร้านสินค้าแบรนด์เนมมากมาย

...แต่เรามีเวลาไม่มาก เลยไม่ได้เดินครบทั้งหมด เพราะเวลาก็ 6 โมงกว่าแล้ว ไปเช็คอิน เก็บกระเป๋าก่อนดีกว่า...

จากนั้นเราต้องเดินกันไปที่ West Lobby เพื่อต่อรถ Shutter Bus จาก Venetian ไปท่าเรือ Macau Ferry กัน


การเดินมา West Lobby ให้เดินตรงทะลุ Casio มาเลย แต่ทางเข้า Casio จะมีการ์ดตรวจ Passport ก็ยื่นให้เขาดู แล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ จะมาโผล่ที่ West Lobby เลย และให้หาป้าย Macau Ferry จะเจอคนต่อคิวรอขึ้นรถอยู่

นั่งรถจาก Venetian ประมาณ 20 นาที ก็มาถึงท่าเรือมาเก๊ากันแล้ว


จากนั้นเราต่อรถบริการฟรีของโรงแรม Sofitel macau at Ponte 16

ประมาณ 15 นาทีก็ถึงโรงแรม Sofitel macau at Ponte 16 อาศัยนั่งรถเขา โปรโมทให้เขาหน่อย ^^



เราเดินต่อไปอีกประมาณ 400 เมตร ก็ถึงที่พัก Ole london Hotel ของเรา


บรรยากาศภายในห้องพักถือว่าโอเคเลยครับ มีไดร์เป่าผม กาน้ำร้อน มาให้ด้วยครับ ถือว่าคุ้มมากๆ


...เมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาออกตะลอนกัน...


อันดับแรกไปหาของกินกันก่อนดีกว่า หิวแล้วววว...



...เรามากินเกี๊ยวน้ำที่ร้าน Fong Seng Chu Kei (珠記麵家) ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก

เราสั่งเมนู Wonton is soup หรือเกี๊ยวน้ำนั่นเองพร้อมกับโค๊กอีก 1 ขวด ราคา 33 MOP

อิ่มแล้วก็ไปเดินชมแสง สี ยามค่ำคืนที่มาเก๊ากันดีกว่า...



ออกจากร้าน Fong Seng Chu Kei เดินมานิดเดียวก็จะเจอกับ ถนนแห่งความสุข (Rua da Felicidade)

เป็นถนนสั้นๆ อาคารจะทาสีแดงสด ซึ่งได้รับการอนุรักษ์เป็นถนนสายวัฒนธรรม เดินถนนแห่งนี้เป็นถนนราตรีของชาวมาเก๊าครับ

เดินมาอีกหน่อยก็จะเจอกับ Senado Square เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของมาเก๊าเลยก็ว่าได้ครับ


โบสถ์เซนต์ ดอมินิค (St.Dominic"s Church) เป็นโบสถ์ที่ได้รับยกย่องว่ามีศิลปกรรมทางศาสนาที่งดงามที่สุด


ระหว่างทางไป Ruins of St. Paul's ของกินเต็มสองข้างทาง


เดินต่อมาอีกหน่อยก็จะถึงซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul's) กลางคืนก็สวยไปอีกแบบ


เดินกันต่อ เดินมาเรื่อยๆ หลงบ้างไรบ้าง ได้เปิดมุมมองอะไรใหม่ๆ มากมาย


เดินกันจนเกือบเที่ยงคืน กี่กิโลก็ไม่ได้นับเหมือนกัน ก็ได้เวลากลับเข้าที่พักพักผ่อน เก็บแรงไว้พรุ่งนี้บ้าง...


สวัสดีเช้าวันแห่งความรัก
..14 Feb 2017..

เราเดินไปทานเมื่อเช้ากันที่ Café Nam Ping (敍雅屏南)


ระหว่างทางอากาศเย็นสบายมากๆ

เมื่อมาถึงร้าน เราสั่งเมนู Omelet and Pork Sandwich มาทาน


อร่อยมากกกก แนะนำเลยครับเมนูนี้

ขนมปังเหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา


หน้ามันจะกรุบๆ หวานๆ แต่เนื้อข้างในนุ่มมาก

ชานม..


ค่าเสียหายรวมทั้ง 3 อย่าง 52 MOP

...ตะลอนกันต่อ...


จุดหมายต่อไปของเราคือ วัดอาม่า (A-Ma Temple) โดยเราจะนั่งรถเมล์ไปกัน

จากร้าน Café Nam Ping เราเดินมาขึ้นรถเมล์กันที่ป้าย Pak Kong Public Car Park รอรถเมล์สาย 1 ไปยัง A-Ma Temple ค่ารถเมล์ 3.2 MOP เตรียมเงินให้พอดี โดยจะไม่มีเงินทอนนะครับ การขึ้นรถเมล์ก็ไม่ยากครับก็ขึ้นที่ประตูด้านหน้าหยอดเหรียญลงในกล่อง ตอนลงก็ให้ลงที่ประตูด้านหลังครับ

...นี่เป็นหน้าตาป้ายรถเมล์ของมาเก๊าครับ รอแปปเดียวรถก็มาแล้วครับ...

...ไม่ถึง 10 นาที ก็มาถึงวัดอาม่ากันแล้ว


ลงรถเมล์แล้วเดินมาทางซ้ายเลยครับ วัดอยู่ทางซ้ายมือ


...สงสัยยังเช้าอยู่ คนยังไม่เยอะเท่าไหร่

วัดเจ้าแม่อาม่า (A-Ma Temple) บางทีก็เรียกกันว่า ศาลเจ้าแม่ทับทิม บริเวณหน้าวัดมีรูปปั้นสิงโตหินอยู่ 2 ตัว เชื่อกันว่าหากใครได้หมุนลูกแก้ว ที่อยู่ในปากสิงโตไปทางขวา 3 ครั้ง พร้อมตั้งจิตอธิษฐาน แล้วจะสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา

วัดแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันครับ ตั้งแต่เวลา 7.00 - 18.00 น.


เดินไปต่อกันที่ โบสถ์เพนญ่า ทางเดินขึ้นได้เหนื่อยอยู่เหมือนกันครับ


วิวจากโบสถ์เพนญ่าจะมองเห็น Macau Tower


เดินกันต่อ...


เดินกลับมาที่ถนน Rua da Felicidade มาชมบรรยากาศช่วงเช้ากันบ้าง


เดินต่อไปที่ Senado Square กลางวันนี่ครึกครื้นจริงๆ


ที่นี่ถือว่าเป็นใจกลางเมืองมาเก๊าเลยครับ รายล้อมไปด้วยตึกรามบ้านช่องและโบสถ์สไตล์ยุโรปซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส มีร้านค้าเปิดกันอยู่ทั้งสองข้างทาง ขาช็อปไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง


ร้านของกินก็เยอะไม่แพ้กัน...


มาชม Ruins of St. Paul's กลางวันกันบ้าง คนเยอะพอสมควรเลย


แวะชิม Fish ball ราคาไม้ละ 15 MOP ซื้อ 2 แถม 1 อร่อยเลยครับ หรือหิว ???


...จากนั้นเราก็ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรมเพื่อที่วันนี้เราจะข้ามไปฮ่องกงกัน...


ก่อนที่จะข้ามไปฮ่องกง แวะไปชิมทาร์ตไข่กันก่อนที่ร้าน Margaret's Café e Nata ร้านทาร์ตไข่เจ้าดังในมาเก๊า ห่างจาก Senado Square ประมาณ 300 เมตรครับ
ไหนสั่งมาชิมซักชิ้นซิ สนนราคาอยู่ที่ชิ้นละ 10 MOP

"หน้าไหม้ ไข่ตึง" ถือว่าอร่อยใช้ได้เลย
...ไปต่อกันดีกว่า

จุดหมายต่อไปคือ ท่าเรือ Macau Ferry เพื่อที่จะนั่งเรือข้ามไปฮ่องกงกัน

จากร้าน Margaret's Café e Nata เราเดินออกมาที่ป้ายรถเมล์ Avenida Do Infante D. Henrique เพื่อต่อรถเมล์สาย 3 ไปท่าเรือ
เมื่อถึงท่าเรือเราก็ไปซื้อตั๋วของ Turbo Jet ได้เที่ยวเที่ยง 5 นาที ในราคา 153 $HK

**ถ้าใครจะซื้อตั๋วล่วงหน้าก็สามารถจองผ่านเว็บมาได้เหมือนกันนะครับ อย่างขากลับมามาเก๊าผมจะซื้อของ cotai jet แต่ดันตั๋วหมดซะงั้น เลยได้ของ Turbo jet รอบเกือบ 1 ทุ่ม ทำให้ผิดแพลนไปเลยครับ แนะนำว่าจองล่วงหน้าก็ชัวร์ดีครับ
...บนเรือก็มี Free Wifi อีกเช่นเคยครับ

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงฮ่องกงแล้วครับ

จากนั้นเราเดินกันไปที่พัก ห่างจากท่าเรือประมาณ 800 เมตรครับ

ที่พักชื่อ Pearl Premium Guesthouse อยู่ตึก Mirador Mansion ย่านจิมซาโจ่ย

ไม่ได้ถ่ายรูปมาห้องพักมาเลย ตึกภายนอกดูเก่า แต่พอเข้าโซนที่พักก็ถือว่าสะอาด มีน้ำให้เติม มีไมโครเวฟส่วนกลาง มีตู้เย็นให้ ห้องเล็กตามสไตล์ห้องพักในฮ่องกง แต่ข้างล่างตึกก็จะมีพวกแขกดำยืนอยู่ตามจุดต่างๆ เยอะอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ก็ไม่มีไรครับ โดยรวมถือว่าโอเคครับ คุ้มค่ากับราคา...



หลังจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ไปหาไรกินกันเถอะ
...เราเดินกันมาที่ร้าน Hung lee ร้านโจ๊กที่เค้าว่าอร่อยที่สุดในย่านจิมซาโจ่ย
โจ๊กนุ่มละมุนลิ้นมาก ปาท่องโก๋กรอกบนอกนุ่มใน

จานนี้จำชื่อเมนูไม่ได้แล้ว แต่รู้อร่อยมาก


หลังจากกินอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาตะลอนกันต่อ


...โดยเราจะไปกันที่ The Peak กัน

การเดินทาง เราซื้อบัตร Octopus ที่สถานีจิมซาโจ่ย วิธีการใช้บัตรก็มีคนรีวิวไว้มากมายก่ายกองแล้ว ขอข้ามไปเลยละกัน โดยเราจะไปลงที่สถานี Central ทางออก A จากนั้นให้ข้ามสะพานไปฝั่งตึก Exchange Square และลงไปด้านล่างจะเป็นจุดจอดรถบัสหลายสาย แต่เราจะนั่งสาย 15 เพื่อขึ้นไป The Peak กันครับ



...ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็มาถึง The Peak

อากาศบนนี้หนาวมาก ลมแรงด้วยครับ ชุดกันหนาวไม่ค่อยพร้อมเเลยยยย

ข้างบนนี้ก็จะมีให้ขึ้นจุดชมวิว Sky Terrace 428 ด้วยครับ ราคาไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่สำหรับผมชมฟรีตรงชมวิวก็พอแล้วครับ



...ไปชมจุดชมวิวบน The Peak กันดีกว่า...

"เมืองแห่งแสงสี"


พอเริ่มมืด เราก็นั่งรถบัสสาย 15 กลับลงมาเหมือนเดิม แต่ขากลับรถจะมาจอดที่ท่าเรือครับ



ระหว่างทางเดินไปขึ้น MTR ที่สถานี Central ก็เห็นตึกแสดง แสง สี ในธีมวันวาเลนไทน์

The observation wheel hong kong หรือชิงช้าสวรรค์ฮ่องกง นั่นเอง


จุดหมายต่อไปคือย่าน Mongkok แหล่งรวมวัยรุ่นฮ่องกง


โดยขึ้น MTR จากสถานี Central ไปลงสถานี Mongkok

...คนเยอะมาก

จากนั้นเราตามรอยลุงเด้ง กับป้าไก่ จาก hongkongfanclub ไปชิม Food Street กัน


ร้านนี้จะอยู่หัวมุมระหว่างถนน Dundas กับถนน Sai yeung choi ข้างๆร้าน Hot Star

ปลาหมึกอร่อยมาก น้ำจิ้มหวานๆ


ไปต่อกันที่ร้านข้างๆ นั่นคือร้าน Hot-Star Large Fried Chicken


ร้านไก่ทอดจากไต้หวันที่วัยรุ่นฮ่องกงนิยม ต่อแถวกันยาวมาก

...ไก่ชิ้นใหญ่มาก โรยด้วยพริก ปาริก้า

พักของกินไว้แค่นี้ก่อน ไปชมบรรยากาศกันบ้าง


...เดินกันจนเกือบเที่ยงคืน ก็ได้เวลากลับที่พัก ตะลอนกันมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า กลับไปพักเอาแรงไว้ลุยพรุ่งนี้กันต่อ...


วันสุดท้ายที่ฮ่องกง
...15 Feb 2017...

...เช้าวันนี้ จุดหมายแรกเราไปกันที่วัดหวังต้าเซียน (Wong tai sin temple)


การเดินทาง ขึ้น MTR จากสถานีจิมซาโจ่ยไปที่สถานี Prince Edward เพื่อเปลี่ยนไปสายสีเขียว และไปลงที่สถานี Wong Tai Sin ได้เลยครับ

เขาว่ากันว่าเซียมซีที่นี่แม่นมาก แต่ผมก็ไม่ได้ลองเหมือนกัน


ไปต่อกันที่วัดกังหัน หรือ วัดแชกงหมิว (Che Kung Temple)


การเดินทาง ขึ้น MTR ไปลงที่สถานี Tai Wai Exit B ก่อนออกนอกตัวอาคารจะเป็นท่ารถเมล์ให้เดินออกทางซ้าย เดินตามทางไปเรื่อยๆ จะข้ามสี่แยกเล็กๆ แล้วเดินลง Subway เพื่อข้ามไปอีกฝั่งก็จะถึงวัดครับ

ที่นี่จะมีกังหันสีทอง มีความเชื่อกันว่า ใครได้หมุนกังหันตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ จะได้นำพาสิ่งที่ดี โชคลาภเข้าหาตัว และ ช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีทั้งหลายออกไป

...จุดหมายต่อไป เราจะไปไหว้พระใหญ่ แห่งเกาะลันตากัน


การเดินทาง ขึ้น MTR สายสีส้มไปสุดสายที่สถานี Tung Chung

*เนื่องจากช่วงที่เราไป กระเช้านองปิงปิด เราเลยขึ้นรถเมล์สาย 23 ขึ้นไป

โดยท่ารถจอดอยู่ตรงทางขึ้นกระเช้านองปิงเลยครับ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็มาถึงแล้วครับ

เดินมาเรื่อยๆ เราก็จะเจอพระใหญ่ แห่งเกาะลันตา


วิวด้านบน


ไปต่อกันที่หมู่บ้านนองปิง

ข้างทางก็จะมีร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกให้เราเสียตังค์กัน

...ขากลับเราก็นั่งรถเมล์สาย 23 โดยเมื่อเราเดินเข้ามาในหมู่บ้านนองปิงจะมาทางออกไปทางซ้าย จะเป็นจุดจอดรถครับ รถก็จะมาส่งที่เดิมที่เราขึ้นครับ



...ขากลับเราก็แวะเดินเล่น Citygate Outlet สักพักก็เริ่มหิว...

จากนั้นเราก็ขึ้น MTR ไปสถานี Mongkok เพื่อจะไปกินที่ร้าน Sea view congee เป็นร้านโจ๊กชื่อดังย่านมงก๊กที่คนไทยมากินกันเยอะมาก

แต่เราไม่ได้มากินโจ๊ก เนื่องจากเมื่อวานกินโจ๊กไปแล้ว เราเลยสั่งบะหมี่น้ำมากิน พร้อมด้วยเครื่องดื่มโค๊ก+เลมอน

ค่าเสียหายทั้งหมด 81 $HK
ก่อนกลับไปแวะกันที่ร้าน วาฟเฟิล ร้านดังที่สุดในฮ่องกง ร้าน"Mammy Pancake" เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง มาฮ่องกงก็ต้องมากินวาฟเฟิลฮ่องกงสิ

ร้านนี้ติดทำเนียบ 1 ใน 23 Michelin Street Food In Hong Kong (2016)

รสชาดก็ใช้ได้เลย...
...จากนั้นก็ได้เวลากลับกันแล้ว เราต้องไปขึ้นเครื่องที่มาเก๊ารอบ 22.50 น.

เราเดินไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ China Ferry เพื่อข้ามไปมาเก๊า และเดินทางกลับกรุงเทพฯ

บ๊าย บาย มาเก๊า - ฮ่องกง แล้วเราจะกลับมาใหม่...


***สรุปค่าใช้จ่ายต่อคนโดยประมาณให้นะครับ***
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-มาเก๊า 1,700 บาท
ที่พักที่มาเก๊า 1 คืน 2,570/2 = 1285 บาท
ที่พักที่ฮ่องกง 1 คืน 1,270/2 = 635 บาท
ค่าอาหารการกิน 1,500 บาท
ค่าโดยสาร (รถเมล์, รถบัส, MTR) 930 บาท
ค่าเรือ Ferry ไป-กลับ มาเก๊า ฮ่องกง 1,600 บาท
ค่าอื่นๆ 500 บาท
**รวมทั้งหมดประมาณ 8,150 บาท (ไม่รวมของฝากนะครับ)

ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้นะครับ ยังไงก็ขอบคุณที่รับชมนะครับ ^^

หากใครมีข้อมูลอยากสอบถามเพิ่มเติมถามได้เลยนะครับ หรือใครอยากชมภาพเพิ่มเติมตามไปดูได้ใน Instragram ของผมด้านล่างนี้ได้นะครับ

https://www.instagram.com/im_jakapan/

Together Backpacker

 วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 21.00 น.

ความคิดเห็น