สวัสดีค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวมือใหม่หัดรีวิวด้วยนะคะ 🙏🙏 พอดีเรามีโอกาสไปท่องเที่ยวแบบชุมชนมาแล้วรู้สึกประทับใจมาก เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวในครั้งนี้ให้อ่านกัน
ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อนที่เข้าร่วมชิงโชคกับกิจกรรมของรายการหลงรักยิ้ม "โครงการเที่ยวชุมชนไปกับคนอพท.2560" ขอบคุณรายการหลงรักยิ้มและอพท.ที่จัดกิจกรรมดีๆครั้งนี้ขึ้นมา
ท่องเที่ยวแบบชุมชนคืออะไร คือ การให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมตามวิถีชุมชนร่วมกับชาวบ้าน เป็นการสนับสนุนให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมและมีส่วนร่วมในการช่วยดูแลทรัพยากรในท้องที่
👋👋บ๊าย...บาย....กรุงเทพ
ขึ้นรถปุ๊บเหมือนเปิดว๊าป เพราะลืมตาขึ้นมาอีกทีถึงเพชรบูรณ์แล้วจ้า เราถึงที่หมายแรก "ร้านขนมจีนลูกทุ่ง" ประมาณ 10โมง ซึ่งผิดคาดเพราะตอนแรกคิดว่าน่าจะถึงประมาณ11โมง บอกเลยว่าเราทำเวลากันดีมากจริงๆ
อาหารเค้าเด็ดทุกเมนูเลยจริงๆ โดยเฉพาะเส้นขนมจีนที่ทำสดๆมีความเหนียวนุ่มดึ๋งๆกำลังอร่อย น้ำยาก็มีให้เลือกหลายรสชาติ ทั้งน้ำยากะทิ น้ำยาป่า น้ำพริก แกงเขียวหวานและแกงปลาดุก แซ่บทุกอย่าง แต่ที่แปลกสุดไม่เคยเจอคือน้ำยาปลาร้าต้มสมุนไพร รสชาติคล้ายๆน้ำยาป่า แต่เป็นน้ำใสๆและหอมสมุนไพรมากๆ ดี๊ดี....
เมนูที่อยากแนะนำอีกอย่าง คือ ขนมแป้งขนมจีนมะพร้าวอ่อน
ตอนแรกเห็นหน้าตาแล้วคิดถึงขนมจากเลย แต่พอชิมแล้ว เฮ้ยๆๆๆ อร่อยอ่ะ รสชาติจะละมุนและแป้งนิ่มๆหนึบๆไม่แข็งเหมือนขนมจากและหอมมะพร้าวสุดๆ ถ้าผ่านไปต้องไปลองนะเด็ดจริง อิ่มแล้วไปต่อกันเลยดีกว่า เนื่องจากเราทำเวลากันดีเกินไป จึงเป็นความโชคดีของพวกเราที่จะได้แวะเที่ยวอีก 1 ที่ก่อนจะเข้าชุมชนแรก ที่ที่เราไปคือ
"พระธาตุศรีสองรัก" ประวัติที่ทีมงานเล่าให้ฟังคือพระธาตุนี้สร้างขึ้นสมัยที่มีการรบแย่งชิงดินแดน ซึ่งไทยกับลาวเหมือนเป็นพี่น้องกัน จึงจับมือเป็นพันธมิตรสัญญาว่าจะไม่ทำสงครามกัน และได้สร้างพระธาตุนี้ขึ้นเพื่อยืนยัน เราคิดว่าคล้ายๆลงนามในสัญญาประมานนั้น แต่ลงนามในกระดาษมันธรรมดาเกินไป สร้างพระธาตุเลยดีกว่ายิ่งใหญ่และมั่นคงดี
ตรงบันไดทางขึ้นจะมีข้อห้ามบางอย่างติดไว้ คือ ห้ามสวมหมวก ห้ามกางร่ม ห้ามสวมรองเท้า ห้ามนำอาหารขึ้นไป และข้อห้ามที่สำคัญที่สุดของที่นี่ คือ ห้ามสวมใส่หรือนำสิ่งของอะไรก็ตามที่มีสีแดงเข้าไป เพราะพระธาตุศรีสองรักสร้างขึ้นเพื่อความสมัครสมานสามัคคี แต่สีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง เพราะฉะนั้นห้ามสีแดงนะคะด้านบนจะมีข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าไปในบางจุดด้วย แต่อันนี้เราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ใครรู้บอกด้วยนะ
ด้านบนขึ้นมาจะมีจุดให้ไหว้พระขอพรอยู่ด้านหน้าเลย หลังจากไหว้พระเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปสักการะพระธาตุด้านในต่อ
เมื่อเดินเข้ามาก็พบสิ่งที่น่าสนใจอย่างนึงคือเจ้าพีระมิดสีเหลืองๆที่วางรอบๆองค์พระธาตุ ทีมงานบอกว่าเจ้าสิ่งนี้เค้าเรียกกันว่าต้นผึ้ง ซึ่งทำมาจากไม้ไผ่และประดับด้วยดอกผึ้งสีเหลืองๆที่ทำจากขี้ผึ้งแท้ๆ คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่จะสักการะพระธาตุด้วยต้นผึ้ง บ้างก็นำมาแก้บน เพราะชาวบ้านเชื่อกันว่าใครที่มาขอพรที่พระธาตุแล้วบนด้วยต้นผึ้งมักจะสมหวัง
มีศิลาจารึกสมัยโบราณด้วย
หลังจากไหว้พระขอพรสักการะองค์พระธาตุและถ่ายรูปกันเรียบร้อย ก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายตามโปรแกรมกันต่อเลย.....
ชุมชนที่เราจะไปคือ "ชุมชนกกสะทอน" สถานที่แรกในชุมชนที่เราไปคือ อุทยานเทิดพระเกียรติบ้านหมากแข้ง ซึ่งเมื่อก่อนจะเรียกที่นี่ว่าเป็นพื้นที่สีแดง เพราะมีการสู้รบกับกองกำลังทหารคอมมิวนิสต์อยู่ตลอดเวลา และด้วยพระมหาการุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 ทรงเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน พระองค์และพระราชินีจึงเสด็จลงพื้นที่ด้วยพระองค์เองเพื่อมาเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเหล่าทหารและชาวบ้านในพื้นที่ และยิ่งกว่านั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10 ยังเสด็จมาประทับ ณ สถานที่นี้เพื่อร่วมต่อสู้ร่วมกับเหล่าทหารอีกด้วย ทางอุทยานได้มีการจำลองพื้นที่ให้เหมือนกับสมัยก่อนและมีการจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์สิ่งของและอาวุธที่ใช้ในสมัยนั้นอีกด้วย
ตอนที่วิทยากรเล่าประวัติให้ฟังเรารู้สึกทราบซึ้งมากขนาดในสถานการณ์ที่ไม่สงบและมีอันตรายพระมหากษัติย์ของเราไม่เคยนิ่งดูดายเลย เราดีใจและภูมิใจจริงๆที่ได้เกิดมาในประเทศไทยที่มีสถาบันพระมหากษัติย์ปกครอง เราคิดว่าชาวบ้านที่นี่และคนไทยทุกคนก็คิดเหมือนๆกัน
เมื่อรู้ประวัติความเป็นมาของพื้นที่แล้วเราก็ไปดูชีวิตควาทเป็นอยู่ของคนในชุมชนต่อ ชุมชนแห่งนี้มีพืชเศรษฐกิจคือขิง กิจกรรมต่อไปของเราวันนี้จึงเป็นเรื่องของขิง..... ถนนที่เราจะไปต่อจากนี้จะขรุขระนิดหน่อย จึงต้องเปลี่ยนจากการนั่งรถตู้สบายๆ ไปเป็น......
นี่แหละคือพาหนะที่เราใช้เดินทางกัน มีความโล่ง รับลม รับแดด และรับฝุ่นได้ดี 😁😁 แนะนำว่าคนที่จะไป ให้พกผ้าหรือหน้ากาก หมวก และแว่นกันแดดไปด้วยได้ใช้แน่ๆ
พร้อมละค่าาา ไปกันเลยยยย
รับลมรับฝุ่นกันมาซักพักก็ถึงละ เหล่าพี่ๆชาวบ้านไม่รอช้าสอนวิธีขุดขิงและสาธิตการขุดให้ดูพร้อมทั้งยังอธิบายขั้นตอนการปลูกอย่างละเอียดยิบแบบกลับมาบ้านปลูกขิงกินเองได้เลย ขิงที่ขุดได้ในวันนี้พวกเราจะนำไปแปรรูปเป็นขิงผงกันในวันถัดไป (ติดตามได้ใน ep.2)
ขุดไปขุดมา ดันไปเจอ rare item
โฟกัสที่ขิงนะคะพี่คนข้างหลังไม่ใช่นะ 😏😏 Rare item นี้ที่จริงก็คือขิงกลายพันธุ์ ซึ่งแปลงๆนึงจะเจอน้อยมากบางแปลงก็ไม่มีเลย รสชาตินางจะเผ็ดกว่าขิงปกติมากแต่แง่งเล็กสุดๆ พี่เค้าบอกว่าถ้าเจอก็ทิ้งหมด ใช้ไม่ได้ แต่เราแอบเสียดายนิดๆ มันน่าจะเอาไปทำไรได้บ้างนะของหายากแบบนี้
ขุดขิงเสร็จก็ได้เวลาเข้าที่พักแล้ว คืนนี้เราพักกันที่ "ปางสุขกมล" ที่พักมีทั้งแบบที่เป็นห้องพักและมีที่สำหรับกางเต็นท์ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังมีมุมให้ถ่ายรูปด้วย
กระโจมชนเผ่ากับพร๊อพก็มา ไม่ได้เตรียมมาเองนะทางรีสอร์ทมีเตรียมไว้ให้ เลิศ....
ผีตาโขน ของดังเมืองเลยก็มีนะ
ต่อมาก็เป็นห้องพัก แต่ละห้องจะมีธีมของตัวเองไม่เหมือนกันเลย ห้องนี้เป็นของเพื่อนร่วมทริป มาในธีมไทยๆ
ส่วนนี่ห้องเราเอง ธีมอินเดียน
ใครอยากรู้ว่ามีแบบไหนอีกก็ลองไปพักดูนะคะ พี่เจ้าของน่ารัก เป็นกันเองและดูแลดีมากๆ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ถึงเวลาหม่ำๆ มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารพื้นบ้าน แต่ขอบอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง
โดยเฉพาะจานนี้ "ผัดผักกูด" มาทีหลังแต่หมดก่อนและเบิ้ล 2 จานด้วย
นอกจากนี้ยังมีการแสดงจากน้องๆชนเผ่าม้งให้ชมอีกด้วย ขอจบทริปวันนี้ด้วยรูปของน้องๆเผ่าม้งที่น่ารัก แล้วเจอกันใหม่ใน เที่ยวเลย....สบาย สไตล์ชุมชน ep.2 นะคะ
ขอบคุณรูปสวยๆจากพี่ปืนและปลาด้วยนะคะ
Yuiyui Yookyik
วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 00.11 น.