สวัสดีเช้ามืด... วันนี้เรามีนัดกันตี 4 (อีกแล้ว!!!) เพื่อที่จะออกล่าช้างกัน (ถ่ายรูปทางช้างเผือก) เป้าหมายเราคือยอดภูลมโล เราเดินทางโดยรถกระบะคันเดิม เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นต้องเตรียมหน้ากาก หมวก และแว่นกันแดดไปด้วย พี่ๆทีมงานยังบอกอีกว่าด้านบนอากาศจะหนาวและลมแรงมาก อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์กันหนาวหนาๆด้วย ระหว่างทางขึ้นยอดภูจะเป็นถนนลูกรัง ดินแดง และทางขรุขระตลอดทาง นั่งรถหัวโยกเยกกันมา1ชั่วโมงก็ถึง พื้นที่ด้านบนโล่งและมืดสนิทมากๆ ทำให้เรามองเห็นดาวชัดเจน และสามารถมองเห็นทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่า... เป็นภาพที่สวยมากจริงๆ

Cr.ลุงไถ่ อสท.

Cr.muztongraphy

Cr.ลุงไถ่ อสท.

เป็นภาพที่คนเมืองอย่างเราๆคงไม่มีทางมองเห็น พี่ๆช่างภาพบอกว่า ทางช้างเผือกมีตลอดแหละ แต่เราจะเห็นได้ในวันที่ฟ้าเปิดและที่ที่มืดมากๆเท่านั้น อย่างกรุงเทพ มลพิษเยอะและมีไฟฟ้าสว่างตลอดเวลา ไม่เห็นหร๊อก... ฟังแล้วก็จี๊ดด...ในที่ที่เจริญมากๆ แต่ความสวยงามตามธรรมชาติกลับค่อยๆลดน้อยลง

ภาระกิจจับช้างก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่นานพระอาทิตย์ก็ค่อยๆขึ้นมาทักทาย

ความสว่างและความอบอุ่น เริ่มคลืบคลานเข้ามาแทนที่ ความมืดและความหนาว ท้องที่ว่างอยู่ก็เริ่มหิว เราจึงย้ายไปที่จุดชมวิวเพื่อที่จะไปทานข้าวเช้ากัน

ข้าวเหนียวหมูน้ำพริกเนี่ยแหละ เหมาะกับบรรยากาศแบบนี้ที่สู้ดดด... นอกจากนี้ทีมงานยังพกน้ำร้อนมาชงกาแฟ และโกโก้ให้อีกด้วย ดูแลกันดีขนาดนี้ ปลื้มจริงๆ

กินอิ่มแล้วก็ไปถ่ายรูปต่อ เดินเข้าไปเจอแต่ป้าย ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ถามว่าวิวสวยไหมต้องบอกเลยว่าสวยมากกก แต่ถูกบดบังด้วยป้ายต่างๆมากมายที่เราไม่เข้าใจว่าทำไว้ทำไม อาจจะด้วยค่านิยมหรืออะไรก็ตาม แต่เรารู้สึกว่ามันดูรกไปหน่อย

จุดนี้นอกจากจะมีที่ให้ถ่ายรูปแล้วยังมีห้องน้ำให้ด้วยนะ สะอาด ปลอดภัย แต่น้ำเย็นเจี๊ยบ....

เดินเล่นชมวิวมองไปมองมา เจอผักที่คล้ายๆผักกูดเต็มเลย เราคุยกับเพื่อนว่าน่าเก็บไปผัดเนาะ ยังติดใจเมนูผัดผักกูดเมื่อวานอยู่ ฝันสลายเมื่อเพื่อนคนนึงเดินมาบอกว่า "ผักเนี๊ยะ วัวควายยังไม่กินเลยเธอ" เอิ่ม.... เราได้แต่ตะลึงและเดินจากไป 555 เกือบไปแล้วตู 😅😅 แต่เราถามเพื่อนมาได้ความว่าผักที่เราเห็นจริงๆก็คือผักกูดแหละ แต่คนละสายพันธุ์กับที่เรากิน ที่เรากินคือผักกูดน้ำจะขึ้นใกล้ๆกับแหล่งน้ำ ส่วนอันนี้ที่เห็นคือผักกูดป่า กินไม่ได้....

จากจุดชมวิวเรานั่งรถย้อนกลับไปนิดนึง เพื่อไปถ่ายรูปเล่นกันที่ก้อนหินก้อนนึง ซึ่งจุดนี้ถ้าเราเลือกมุมถ่ายดีๆ รูปที่ออกมาจะเหมือนถ่ายอยู่บนหน้าผา แต่จริงๆแล้วก้อนหินก้อนนี้สูงจากพื้นดินไม่เกิน 2 เมตร เนียนๆกันไป


ถ่ายรูปกันจนหนำใจก็ถึงเวลาของไฮไลท์ในวันนี้ นั่นก็คือ.... ทุ่งดอกพญาเสือโคร่ง หรือหลายๆคนเรียกว่าซากุระเมืองไทย

พอถึงที่บอกเลยว่า เรามาช้าไป..... ดอกไม้เริ่มเหี่ยวและโรยแล้วววว ภาพสีชมพูที่เราเห็นในภาพ ไม่มี๊...ไม่มี...

พี่ๆชาวบ้านบอกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกไม้คือสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม ไม่เป็นไรไว้รอบหน้ามาใหม่ก็ได้ แต่พวกเราก็ไม่ละความพยายามที่จะเก็บรูปภาพสวยๆมาให้ได้มากที่สุด

ไงล่ะความพยายามของพวกเรา แหงนคอกันจนเมื่อย.... แล้วนี่คือสิ่งที่เราได้

ถ่ายเป็นร้อยใช้ได้แค่นี้ 😭😭 แต่พี่ชาวบ้านที่ขับรถพาเราขึ้นมาน่ารักมากนะ เค้าได้ยินที่เรากับเพื่อนบ่น เค้าเลยไปหาต้นที่สวยๆให้ พอเค้าเจอก็เรียกเราไปดู ในใจนึกว่าใกล้เดินไปเรื่อยๆเริ่มหอบจ้า.. เพราะทางขึ้นเขาตลอดๆ พอไปถึงคือสีชมพูเต็มต้นเลยดอกสวยมาก แต่ต้นเดียวโดดๆ อ้ากกกก เดินมาไกลมากหมดแรง แม้แต่จะยกโทรศัพท์มาถ่ายรูปยังยกไม่ขึ้น ไอ้เรารึ อุตส่าห์ดั้นด้นขึ้นไปแต่รูปที่ถ่ายมาไม่ผ่านสักรูป 😭😭😭 ชมนกชมไม้เสร็จแล้ว ก็กลับไปอาบน้ำและเก็บสัมภาระที่ที่พักก่อน

จากนั้นก็ไปทำกิจกรรมกันต่อ จำได้ไหมขิงที่เราขุดได้จาก ep.1 เราจะนำมาแปรรูปกัน แต่ก่อนจะแปรรูปขิงเราต้องเติมพลังให้ตัวเองก่อน มื้อกลางวันวันนี้จัดที่เดียวกับที่เราจะมาทำกิจกรรมเลย

อาหารวันนี้เป็นอาหารพื้นบ้านและของขึ้นชื่อของชุมชนนี้เลย

ขอเริ่มด้วย ส้มตำน้ำหมักกกสะทอน หาทานได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น รสชาติจะออกเปรี้ยวๆ หวานๆ แทบไม่ต้องปรุงรสเลย น้ำหมักตัวเดียวจบ อร่อยเลย แล้วก็มียำหัวปลีเครื่องแน่นๆใครชอบรสชาติหวานๆมันๆต้องชอบจานนี้แน่ๆ แกงไก่ก็อร่อย รสชาติจะคล้ายๆอ่อม แต่น่าจะผ่านการเคี่ยวมาพักนึงเพราะเนื้อไก่เปื่อย ทานง่ายสุดๆ ที่ขาดไม่ได้คือแหนมหมูยอกับไข่เจียวที่มาช่วยชีวิตเราจากความเผ็ดแซ่บ ที่จริงมีของหวานด้วยเป็นมันต้มกะทิแต่ถ่ายไม่ทันหมดไวมาก มื้อนี้ให้10ผ่าน สุดยอด...

ท้องอิ่มเราก็มาลุยกิจกรรมกันต่อ อย่างที่เกริ่นไว้ก่อนทานข้าวว่าเราจะนำขิงมาแปรรูป โดยเปลี่ยนจากขิงสดๆ ให้กลายมาเป็นขิงผง

เริ่มจากการนำขิงมาล้างให้สะอาด ปลอกเปลือกหั่นเป็นท่อนๆและนำไปปั่นกับน้ำต้มสุกและกรองเอาเฉพาะน้ำ เมื่อได้น้ำขิงแล้วก็นำไปผสมกับน้ำตาลทราย ใส่ในกระทะและเคี่ยวไปเรื่อยๆจนน้ำขิงเปลี่ยนเป็นผง

กวนไปเรื่อยๆจนเริ่มข้น ขั้นตอนนี้ต้องใช้แรงและความชำนาญเยอะมาก ช้าไม่ได้เลย ไม่งั้นขิงจะไหม้ ถ้าไหม้คือต้องทิ้งทั้งกระทะ


เวลาผ่านไป 45 นาที ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จ ได้ขิงผงละจ้าาา แม่ๆบอกว่าได้แบบนี้แล้วยังต้องนำไปปั่นด้วยนะ จะได้อะเอียดเนียนน่าทาน

กว่าจะได้เป็นขิงผงให้เราชงดื่มกันเนี่ย ต้องใช้ความอดทน ความชำนาญและความพิถีพิถันมากๆเลย

ถึงเวลาต้องอำลาจากชุมชนกกสะทอนแล้ว ขอบคุณแม่ๆและพี่ๆในชุมชนกกสะทอนทุกๆคนที่ดูแลพวกเราอย่างดี ถ้ามีโอกาสต้องกลับไปเที่ยวอีกแน่ๆ

ขอบคุณรูปสวยๆจาก ลุงไถ่ อสท., ต้อง(muztongraphy), และพี่ปืนด้วยนะคะ

ep.3 เราจะพาไปเที่ยวอีกหนึ่งชุมชน ที่ ต้องห้าม...พลาด...


ความคิดเห็น