สวัสดีครับ^^ มาเจอกันอีกแล้ว จากกระทู้ก่อนผมพาไปเที่ยวน้ำตกเหวอีอ่ำ ให้ชุ่มฉ่ำหัวใจกันไปแล้ว คราวนี้ผมก็จะพาไปชุ่มฉ่ำกันต่อ ที่น้ำตกโกรกอีดก น้ำตกชื่อแปลกอีกแล้วครับท่าน แปลกๆ แบบนี้และครับ คนเที่ยวน้อยดี แต่อีกหน่อย หลังจากได้รับการเผยแพร่มากขึ้นเชื่อว่าผู้คนคงหลั่งไหลไปอีกมากแน่นอน แต่ไม่ต้องกลัวครับ เพราะที่นี้มีการจำกัดเรื่องนักท่องเที่ยว ฉะนั้นบนน้ำตกคนไม่เยอะแน่นอนไว้ใจได้เลย
ติดตามการเดินทางของพวกเราได้ที่
Traveltogether/คนเดินทาง
https://www.facebook.com/traveltogether.kondentang?ref=bookmarks
เรามารู้จักน้ำตกโกรกอีดก แบบคร่าวๆ กันหน่อยแล้วกันนะ เที่ยวทั้งที่ต้องมีความรู้ติดตัวไปบ้างนะ จะได้ดูเป็นผู้มีภูมิ ^^
น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในความดูแลของ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.18 (เจ็ตคต) จังหวัดสระบุรี เป็น น้ำตกที่ได้รับการยอมรับว่า เป็น 1 ใน 10 น้ำตกที่สูงที่สุดในภาคกลาง ด้วยความสูง ราว 350 เมตร ประกอบด้วยน้ำตกทั้งหมด 8 ชั้น แต่เอาเข้าจริงๆ เราสามารถไปได้แค่ ชั้น 7 เท่านั้น ซึ่งก็เป็นชั้นที่สวยที่สุดแล้วละครับ ส่วนชั้น 8 ไม่สามารถขึ้นไปได้ เพราะทางชันมาก ต้องใช้ความสามารถในการปีนเขา เจ้าหน้าที่จึงไม่อนุญาตให้ขึ้นไป และความตื่นต้นร้าใจไม่ได้อยู่แค่ที่ตัวน้ำตกอย่างเดียว ระหว่างทางเดินไปนั้นก็มีสิ่งมหัศจรรย์ให้ได้เห็น นั้นก็คือ “เห็ดแชมปีญอง" หรือ “เห็ดแชมเปญ" ถ้าเปรียบน้ำตกคือพระเอกแล้วละก็ เห็นแชมเปญก็คือนางเอก แห่งเส้นทางน้ำตกโกรกอีดกนั้นเองครับ ตลอดระยะทางเดินเท้า 4 กิโลเมตร พิชิตน้ำตกฯ เราจะได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก(พืชชั้นต่ำ) เช่น มอสส์ เฟิร์น ตะไคร่น้ำ ไลเคน เห็ด รา ฯลฯ เยอะแยะมากมายให้เราได้สัมผัส แต่ต้องสัมผัสด้วยแค่สายตาเราเท่านั้นนะครับ อย่าไปเด็ด ไปทำลายมันเด็ดขาด อย่าลืมเด็ดขาดว่าเราเข้ามาในธรรมชาติ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ไม่ใช่เรียนรู้ที่จะทำลาย ^^
การเที่ยวน้ำตกโกรกอีดกมีด้วยกัน 2 รูปแบบ แล้วแต่ความสะดวก คือ
- 1. แบบไปเช้า-เย็นกลับ คือ เดินขึ้นไปเล่นน้ำตกในช่วงเช้า แบบนี้ต้องพกข้าวเที่ยงขึ้น น้ำ ไปกินบริเวณน้ำตกด้วยครับ แล้วบ่ายๆ ก็ออกจากน้ำตกแล้วไปเที่ยวที่อื่นต่อ หรือจะไปนอนที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติน้ำตกเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า แล้วแต่ความสะดวก แบบนี้จะสามารถนำรถส่วนตัวเข้าไปจอดที่จุดเดินเท้าได้เลย ไม่ต้องเช่ารถเจ้าหน้าที่เข้าไปด้านใน
- 2. แบบค้างแรมในเส้นทางเดินน้ำตก ต้องใช้เวลา 2 วัน 1 คืน วันแรกเดินขึ้นไปเล่นน้ำตก จะมีเวลาเล่นน้ำตกค่อนข้างมาก แล้วกลับลงมายังจุดค้างแรม วันต่อมาจึงเดินลง แบบนี้อาจจะต้องจ้างลูกหาบในการช่วยแบกสัมภาระ อุปกรณ์การค้างแรมเรื่องราคาลูกหาบผมไม่แน่ใจครับ ต้องเช็คกับทางเจ้าหน้าที่อีกที แบบที่สองนี้จะไม่สามารถนำรถส่วนตัวเข้าไปจอดที่จุดเดินเท้าได้เพราะถ้าเอารถไปจอดทิ้งไว้ยังจุเดินเท้าเวลากลางคืนจะไม่มีมีเจ้าหน้าที่เฝ้า ต้องจอดไว้ที่ ขญ.11 เท่านั้น แล้วนั่งรถที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ตรงนี้ต้องเสียค่าบริการด้วย เท่าไหร่นั้นผมไม่แน่ใจเหมือนกัน น่าจะ 500 บาท เช็คทางเจ้าหน้าที่อีกทีนะครับ
**เบอร์ติดต่อเจ้าหน้าที่ : คุณสามารถ 091-752-9737 โทรไปติดต่อสอบถามถึงข้อมูล ปริมาณน้ำในช่วงที่เราจะไปได้เลย จะจองทริปก็เค้านี้แหละครับ ถามทุกเรื่องที่อยากรู้ในการเที่ยวน้ำตกโกรกอีดกได้เลยครับ
เส้นทาง : มาได้ 2 เส้นทางครับ
- เส้นทางแรก : กทม.-สระบุรี-น้ำตกโกรกอีดก ตามแผนที่เลยครับ
เส้นทางนี้ ไม่ต้องเลี้ยวเข้าศูนย์ศึกษาฯเจ็ตคต-โป่งก้อนส้า นะครับ ให้ขับเลยไป แล้วเลี้ยวซ้ายตรงสี่แยก จากนั้นก็ตรงไปจนสุดถนนดำ จะเจอหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ขญ.18 (เจ็ตคต) ลงไปติดต่อเจ้าหน้าที่ตรงนั้นเลย
- เส้นทางทีสอง : กทม.-นครนายก-น้ำตกโกรกอีกดก แต่เส้นทางนี้ผมไม่เคยไป ^^
ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ว่าเสียค่าอะไรบ้าง
- ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 500 บาท/วัน ผมไปเช้าเย็นกลับ จ่ายแค่ 500 บาท
- ค่าน้ำมันรถ 900 บาท เต็มถัง ได้ทั้งไปและกลับ
- ค่าอาหารเช้า เที่ยง เย็น(สุกี้) และเช้า เที่ยง เย็น ของอีกวัน + อาหารว่าง
- ค่ากางเตนท์นอนที่หน่วย ขญ.11 ฟรี และไม่เสียค่าเข้าครับ ^^
***ทุกอย่างหารแปด ออกมาแล้วก็ตกคนละ 800 บาท ถูกเว่อร์***
เช็คความพร้อม
สมาชิก 8 คน : พี่บอย พี่กล้วย พี่แอ้ม พี่ปัท พี่ฝ้าย ไก่ แซม น้องดรีม (พร้อมน้องเด๋อด๋า)
อุปกรณ์ค้างแรม : เตนท์ เปล ไฟล์ชีท เชือก ถุงนอน
อุปกรณ์ประกอบอาหาร : กระทะไฟฟ้า มีด เนื้อหมู เนื้อไก่ ไส้กรอก ผัก น้ำจิ้มสุกี้ ตะเกียบ จาน ช้อน ซ่อม อุปกรณ์ล้างจาน
รถยนต์ : TOYOTA Avanza บรรจุคนทั้งหมด 8 คน และสัมภาระทั้งหมดในทริปนี้ ไปหลายคนเอารถไปคันเดียวประหยัดโคตร
การแต่งตัว : การไปเที่ยวน้ำตกโกรกอีดก ไม่เหมือนการไปเที่ยวน้ำตกอื่นๆ ที่พวกเราคุ้นชินกันนะครับ เพราะเราต้องผจญภัย ทั้งเดินลุยน้ำ ปีนหิน มุดซุ้มไผ่ เดินข้ามขอนไม้ ลุยพงหญ้า มากมายหลายรูปแบบ ฉะนั้นต้องแต่งตัวให้รัดกุม กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว/ปลอกแขน และที่สำคัญต้องเป็นรองเท้าหุ้มส้นเพื่อความคล่องแคล้วในการเดินป่า ถ้าจะให้ดี ควรจะเป็นรองเท้า สตั๊ดดอย ที่เจ้าหน้าที่และลูกหาบนิยมใส รับรองไม่ลื่นแน่นอน
ข้อสุดท้าย เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม ที่จะไปผจญภัยในผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ไปสูดอากาศเอาออกซิเจนที่แสนบริสุทธิ์ เข้าปอดให้เต็มที่ ลืมเรื่องราวต่างๆ ที่วุ้นวายเอาไว้ข้างหลัง ปลดปล่อยมันออกไป ทำที่วางในตัวเราให้มากพอ เพื่อไปเติมเต็มสิ่งที่เราต้องการให้เต็มที่ ^^
พร้อมแล้ว
...ออกไปลุยกันเลยครับเจ้านายยยยยยย...
วันเสาร์ ที่ 15 สิงหาคม 2558 : กทม.-สระบุรี-น้ำตกโกรกอีดก
วันนี้เป็นวันเดินทาง ที่เราต้องตื่นเช้ามาก ๆๆ ตี 4 นัดเจอกัน แน่ใจนะครับ ว่านี้เราจะไปพักผ่อนกัน โธ่ว ตื่นเช้ากว่าวันทำงานอีก
วันทำงาน นาฬิกาปลุก ก็กดเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนไปทำงานสาย ก็แหงแหละครับ
เพราะพลังแห่งธรรมชาติมันรุนแรงกว่า พลังแห่งการทำงานนี้ครับ ไม่ต้องเรียกหา เดี๋ยวผมไปหาเอง ^^
ตี 4 ตรงเป๊ะ ขับรถวนรับสมาชิกแวะรับรายทางเจอก็จับโยนขึ้นรถๆ กว่าจะเต็มรถก็ จะตีห้า แล้ว ก็ได้เวลามุ่งหน้าไปจังหวัดสระบุรีแล้วครับ เรามีกฎอยู่ว่า ขณะนั่งรถห้ามหลับโดยเด็ดขาดต้องนั่งเป็นเพื่อนคนขับ นั้นก็คือผมเอง ใครหลับ โดนถ่ายรูปแบล็คเมล์ แน่นอน เอาซี้ใครอยากหลับก็เชิญ...แต่ก็มิวายมีคนหลับ ไม่หลับธรรมดากรนด้วย เก่งจริงๆ ก็จัดไปสัก 10 ชัตเตอร์ 5555 ได้ภาพเอาไว้กลับไปเล่นที่ กทม. แล้วละ ผมขับมาเรื่อยๆครับ ไม่ได้เร่งรีบอะไร แวะปั๊มที่สระบุรี เข้าห้องน้ำ กินข้าวเช้า และซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเป็นอาหารเที่ยงกันที่ปั๊ม ตอนนี้ก็หกโมงกว่าๆ นัดกับเจ้าหน้าที่ไว้ 8 โมง จากนี้ไปก็ไม่ไกลแล้วครับ ยังมีเวลาเหลือเฟือเลย
เมื่อสมาชิกพร้อมแล้วก็เดินทางกันต่อครับ จากสระบุรี เราวิ่งตรงไปยังถนน มิตรภาพ แล้วยูเทินหน้าสวนมิ่งมงคลครับ จากนั้นก็สังเกตป้ายศูนย์ศึกษาธรรมชาติ น้ำตกเจ็ตคต-โป่งก้อนเส้าทางซ้ายมือ แล้วก็เลี้ยวตามป้ายไปเล๊ยย
ถนนเส้นที่วิ่งเข้าไปยังหน่วย เป็นเส้นที่สวยเหมือนกันนะ มีต้นไม้ปกคลุมดูมีเสน่ห์แห่งถนนสายธรรมชาติจริงๆ บรรยากาศที่ได้สัมผัส ได้สูดอากาศยามเช้ามันดีจริงๆ อยู่ต่างจังหวัดเหมือนเราได้พลังทั้งหมดกลับคืนมา แต่พออยู่ใน กทม. ทำไมรู้สึกห่อเหี่ยวยังไงไม่รู้ เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หน่วยที่เราติดต่ออยู่ตรงไหน เพิ่งเคยขับมาเองครั้งแรก แล้วทั้งคันก็ไม่มีใครรู้จัก
เพื่อความชัวร์และปลอดภัย ก็ต้องถามชาวบ้านแถวๆ นั้นเอาครับ
“ป้าๆ ขญ.18 ไปทางไหนครับ " ป้าทำหน้างงใส่อีก ???
“จะไปน้ำตกโกรกอีกดกอะครับ" อ่อ น้ำตกใช่มั้ย ไปทางนี้เลยลูก
“ขอบคุณครับ " ขับตรงเข้าไปในถนนแดงเลย ขับไปขับมาชักจะนาน มีแต่ถนนแดง ขอถามอีกรอบนะ ช่วงนั้นพอดีสัญญาณโทรสับไม่ค่อยมี โทรหาพี่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ ต้องถามชาวบ้านชาวช่องเอา
"พี่ครับๆ ขญ.18 ที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่ไปน้ำตกโกรกอีดกไปทางไหนครับ" ทำหน้างงใส่ผมอีก แล้วก็ทำท่านึกออกว่า อ่อ ตรงไปเรื่อยๆ เลยนะ จนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายตรงไป
“ขอบคุณครับ " ไปขับไปต่อ จนแล้วจนลอดก็ไม่เจอสักที พวกเราวนอยู่เส้นทางเดิม 3 รอบ จนไปเจอที่ที่มีสัญญาณ โทรหาเจ้าหน้าที่ทันที กว่าจะมาถูกได้ เล่นเอาเชียวชาญเส้นทางแถวนั้นไปเลยครับ
สรุปไม่น่าถามป้าคนนั้นเลย แค่ตรงไปเส้นถนนดำก็ถึงนานแล้ว ห่ะๆๆๆ ทั้งๆ ร้านป้าคนนั้นก็อยู่หน้า ขญ.18 แท้ๆ ตลกจริง
ถึงที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ก็ลงทะเบียนนักท่องเที่ยว ชำระค่าเจ้าหน้าที่นำทาง ตรวจสอบการแต่งกาย
อ่อ ลืมบอกไปครับ วันนี้พวกเรามากันใน คอนเซ็ป สีสันแห่งน้ำตก Colorful of waterfall ที่ทุกคนต้องแต่งตัวอย่างมีสีสัน ดูสีสันของแต่ละคนสิครับ แล้วดูของผม มันช่างต่างกันเหลือเกิน 55555
จะบอกเหตุผลที่คิดคอนเซ็ปนี้ก่อน ก็เพราะว่ามาเดินป่า เราจึงต้องเลือกเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสเพื่อง่ายต่อการสังเกตกับเพื่อนร่วมทาง แล้วอีกอยากเวลาถ่ายรูปเราจะได้รูปที่มีความสดใส ตัดกับสีธรรมชาติ ทำให้ธรรมชาติมีสันมากขึ้น ^^
เรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางกันต่อครับ จากหน่วย ขญ.18 เราต้องขับรถเราไปยังจุดเดินเท้า ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่นำทางนั่งไปด้วยกับเรา 1 คน (แล้วอย่าลืมเตรียมอาหารเที่ยงไปเผื่อเจ้าหน้าที่นำทางด้วยนะครับ^^ เป็นน้ำใจเพื่อนร่วมทาง) ใช้เวลาไม่นานครับ น่าจะไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง ก็ถึงจุดจอดรถแล้วเส้นทางดี มีขรุขระบ้างช่วงผ่านสวนผลไม้ ระหว่างทางก็มีร้านค้า ร้านของชำ ให้เราซื้อเสบียงเพิ่มเติมระหว่างทาง เครื่องดื่มอะไร ก็หิ้วๆ ไปครับ เอาไปฟินกันบนน้ำตก
ได้เวลาแห่งการ เทรคกิ้งไปน้ำตกแล้วครับ ระยะทางขาไป 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินราวๆ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ... ด่านแรกที่เราเจอก็ข้ามคลองสะแล้ว ช่วงแรกๆ ก็ทำเป็นกลัวน้ำ กลัวเปียก ยังเขิลน้ำกันอยู่ 5555 ระวังเปียกกันทุกคนเลย
ข้ามคลองแรกไป ก็เข้าสู้โซนป่าแล้ว เส้นทางจะค่อนข้างรก และมีต้นไม้ขึ้นคลุมตลอดเวลา ธรรมขาติสมบูรณ์มากๆ
ระหว่างทางมีจุดบันทึกภาพประทับใจหลายจุดเลยครับ ช่วงนี้มีแรงเดินยังไม่เหนื่อยมาก ก็รีบๆ เก็บภาพไปให้เยอะๆ เชื่อผม
จุดตรงนี้ไม่รู้ว่ามีชื่อเรียกว่าอะไร ผมขอตั้งให้เเล้วกัน : ซุ้งแต่งงาน ใครที่มาลอดใต้ซุ้มนี้จะได้แต่งงานแน่นอน (ไปแต่งตำนานเพิ่มอีก คริๆ)
มุมนี้ก็สวยนะครับ ^^ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถ่ายคนออกมาได้สวยขนาดนี้ ถถถถถ ^^
เห็ดแชมเปญ นางเอกของเราในเส้นทางนี้ ช่วงผมไปรู้สึกว่า ยังบานไม่เยอะเท่าที่ควร น่าจะเยอะกว่านี้ได้อีกกก อย่าเพลิดเพลินจนเผลอเด็ดขึ้นชมและเก็บกลับโดยเด็ดขาด ดูแต่ตาสัมผัสด้วยความรู้สึก เดี๋ยวคนอื่นที่มาหลังหลังจะไม่มีโอกาศได้เห็น ใจเขาใจเราครับ ^^
นอกจากเห็นแชมเปญสีชมพูน่ารักแล้ว ยังมีเห็นขนสีสมผมว่าน่ารักกว่าอีก ผมชอบอันนี้
อย่าถ่ายรูปจนเพลินจนลืมเป้าหมายของเราในวันนี้นะครับ น้ำตกรอเราอยู่ข้างหน้า ถ้าไม่รีบเดินเราจะมีเวลาเล่นน้ำนะจ๊ะ เดินต่อได้แล้ว หลังจากนี้เราก็จะเดินลัดเลาะขึ้นไปตามตัวน้ำตกแล้วครับ เริ่มตั้งแต่ ชั้นที่ 1 2 3 4 5 6 และชั้นที่ 7 แต่ละชั้นจะมีความสวยงาม และมีมุมแปลกๆ แตกต่างกันไป ซึ่งช่วงที่เราเดินผ่านตัวน้ำตกต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะว่าหินลื่นมากๆ ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวกันแล้วครับงานนี้
น้ำตกชั้นที่ 1
น้ำตกชั้นที่ 2
น้ำตกชั้นที่ 3
ถึงแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ผมว่าผมชอบนะ มันดูลึกลับ น่าค้นหาดีครับ มองแล้วไม่เบื่อเลย เป็นน้ำตกที่ต้องมองผ่านช่องแคบเข้าไปถึงจะสวย เดินขึ้นไปดูด้านบน ก็ไม่มีเสน่ห์เท่ามองผ่านช่องแคบ^^ น้ำตกทุกชั้นสามารถเล่นได้หมดทุกชั้น แล้วแต่สะดวกเลย
สถานที่สวยขนาดนี้ ก็อดไม่ได้นะครับ ที่ต้องถ่ายรูปเดี่ยวของพวกเราเก็บไว้เป็นที่ระลึก แล้วผมก็ขอเอามาอวดในนี้ด้วย อย่าเพิ่งตกใจในความสวย/หล่อของพวกเราระครับ ^^ ต้องขอบคุณกล้องจากพี่บอยงามเลย
ผู้เข้าประกวดหมายเลข 1 : ป้ากล้วย ชอบแบกกล้วยเข้าป่า???
ผู้เข้าประกวดหมายเลข 2 : พี่ฝ้าย ชอบเรื่องชาวบ้าน....^^
ผู้เข้าประกวดหมายเลข 3 : น้องแซม ชอบกินแหนมอันย่นๆ
ผู้เข้าประกวดหมายเลข 4 : ป้าแอ้ม หนูมีของแถมให้นะคะ
ผู้เข้าประกวดหมายเลข 5 : น้องไก่ ชอบขายไข่ให้คนข้างบ้าน
ผู้เข้าประกวดหมายเลข 6 : ป้าปัท ป้าอยากจัดสักสองดอก
ผู้เข้าประกวดหมายเลข 7 : ลุงบอย สาวเอาลอยไม่ปล่อยผ่าน
ผู้เข้าประกวดหมายเลข 8 : น้องดรีม ไปขี้ริมทางไม่มาถ่ายรูป ก็เลยต้องคัดตกรอบไป ^^
555 กระทู้นี้มีสาระล้วนๆ เลย ภาพวิวไม่ต้องดูหรอก มาดูภาพคนบ้าแทนดีกว่า
เลิกดูภาพคนบ้าๆ แล้วมาเดินป่ากันต่อดีกว่าครับ 5555
จุดนี้มีชื่อเรียกด้วย แต่ไม่แน่ใจครับว่า ชื่อ แอ่งนางคอย รึป่าว ?
เดินไปเดินมาเริ่มจำไม้ได้แล้วครับตัวเองเดินถึงน้ำตกชั้นที่เท่าไหร่แล้ว 555 ต้องขออภัยด้วย
ชั้นนี้ผมจำไม่ได้ว่าชั้นที่เท่าไหร่เหมือนกัน ^^
อย่างที่บอกไปครับว่า เราจะเดินเลาะไปตามน้ำตกเรื่อยๆ ผ่านน้ำตกทุกชั้นจนไปถึงชั้นที่ 7 ฉะนั้นต้องใช้ความระมัดระวังเยอะมาก สมาชิกที่ไปด้วยกันต้องคอยดูแลกันเป็นระยะๆ นะครับ อย่าเดินทิ้งห่างกัน มาด้วยกันต้องรอไปพร้อมๆ กัน ^^(สาระก็มา)
ชั้นนีน่าจะเป็นชั้นที่ 6 แล้วครับ หลังจากที่เราเดินขึ้นเขามานาน หลังจากนี้ทางจะเริ่มชันขึ้นกว่าเดิมไปอีกเท่าตัว ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น
ทางยิ่งชันเรายิ่งต้องพึงระวัง อย่ารีบ พักได้ก็พักครับ 5555 พักแต่ละครั้งก็กินเวลาการเดินทางมากพอสมควรเลย ห่ะๆๆๆ
ยิ่งเข้าใกล้น้ำตก เสียงน้ำตกก็ยิ่งดังสนั่นไหวไหว เร้าใจอย่างยวดยิ่ง หนทางก็ยิ่งชัน ยิ่งลำบาก บางช่วงถึงขั้นต้องมุดซุ้มไผ่ เข้าไป ย่อขาแต่ละทีนี้แทบทรุด เดินขึ้นมาโคตรจะเหนื่อย แล้วนี้ต้องออกแรงมุดซุ้มไผ่อีก แรงแทบหมด เจ้าหน้าที่นำทางบอกว่า เส้นทางแต่ละปีจะไม่เหมือนเดิม บางปีเป็นป่ากล้วย บางปีเป็นป่าไผ่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ฉะนั้นจึงต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางไม่เช่นนั้นหลงแน่นวล
ช่วงนี้แหละครับที่จะต้องมุดซุ้มไม้ไผ่กันมันส์เลยละครับ ^^ หนทางเริ่มทุรักทุเล
กว่าพวกเราจะฝ่าฟันอุปสรรคมาจนถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด เอ้ยยย ไม่ใช่ น้ำตกชั้น 7 เล่นเอายับพอสมควร 5555
นี้แหละครับ สวรรค์ชั้น 7 ที่พวกเราออกแรงตามหากัน มันช่างสวยสดงดงามยิ่ง คุ้มค่าแก่การตามหา หาได้เสียแรงเปล่าไม่
“This is the vacation time
เวลานี้ช่างมีความหมาย
หยุดชีวิตช้า ๆ และพักผ่อน
หยุดความจริงร้าย ๆ ทิ้งเอาไว้ก่อน
This is the vacation time"
ถึงน้ำตกแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือ กินข้าว ที่เราเตรียมมา ข้าวเหนียวหมูฝอย แล้วก็ปลาทูนึ่งที่เราเตรียมมา เมนูนี้ อร่อยมาก ณ ช่วงเวลานี้ อร่อยดิ้นฟินเว่อออออ
เรามีเวลาอยู่บนนี้จนถึงบ่าย 3 โมง ซึ่งถือว่าไม่นานเลย สำหรับการเสพสมกับธรรมชาติตรงนี้ แต่พวกเราก็ต้องใช้เวลาที่อยู่บนนี้ให้คุ้มค่าที่สุดอย่างไม่ต้องเร่งรีบ ใช้เวลาที่มีดื่มด่ำสิ่งที่อยู่รอบตัวให้มากที่สุด ไม่ต้องถ่ายรูปมาก พอเป็นพิธี แล้วใช้ชีวิ อยู่กับตรงนี้ให้ดีที่สุด (เหรอ ได้ข่าวว่ารูปเดี่ยวมาเต็ม 55555) นี่ไง
เพลงอะไรที่เพื่อนๆ คิดว่าเข้ากับบรรยากาศน้ำตกมากที่สุด ผมว่าเปิดฟังไปพร้อมๆ กันจะฟินมากๆ ครับ สำหรับผม ไม่รู้เลยว่าเพลงอะไรจะเหมาะกับน้ำตกที่สุดเพราะไม่มีเวลาคิดถึงเพลงเลยครับ มัวแต่ถ่ายรูปอย่างเดียวเลย
วันนี้พวกเรายังพาน้องเด๋อด๋ามาเที่ยวด้วยครับ สมาชิกของแก๊งส์เรา ที่ต้องพกไปในทุกๆ ที่ทั่วเมืองไทย ซึ่งน้องเด่อแต่ละตัวก็จะเป็นตัวแทนของสมาชิกพวกเราแต่ละคน คนละบุคลิก คนละสไตล์กัน
บันทึกการเดินทางของเด๋อด๋าและผองเพื่อน
บนชั้น 7 สามารถเล่นน้ำได้นะครับ แต่เป็นแอ่งเล็กๆ ไม่กว้างมาก โดดน้ำไม่ได้ ทำได้แค่เอาตัวไปนั่งให้ติดหินแล้วให้สายน้ำแห่งธรรมชาติชโลมให้ทั่วตัว แล้วหันหน้าออกไปมองผืนป่าเบื้องล้างแบบสุดลูกหูลูกตา แค่นี้ก็สุดๆแล้วละครับ
และข้อควรระวังเป็นอย่างมากเมื่อมาถึงชั้นนี้ คือ
1.หินลื่น ต้องระวังอย่างมาก ถ้าลื่นตกไปนี้คือไหลลงไปด้านล่างเลยนะครับ ต้องค่อยๆ เดินอย่ารีบ ปลอดภัยไว้ก่อน
2.เรื่องผึ้ง ที่นี้เยอะมาก และเป็นผึ้งหลวง ที่ตัวใหญ่มากๆ อย่าไปตีมันนะครับ มันจะแค่ตอมเรา ให้มันตอมไป หรือ จะเดินหนีมันก็ได้ อย่าไปตีเด็ดขาดไม่งั้นอาจจะโดนเหล็กในมันทิ้มเอาได้ ถ้าจะให้ดี ใส่แขนยาว ขายาว หมวก แว่นตา ถุงมือไปเลยครับ 55555 (แบบนั้นมันก็เกินไป เอาเป็นว่าแต่งตัวพองาม แล้วเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้นพอละ)
หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ (เทเลทับบี้ก็มานะเออ) มาทางไหนก็กลับทางนั้น มุดอะไรมาก็ต้องมุดกลับไป ขากลับจะเร็วกว่าขามาเพราะลงเขาอย่างเดียว เดินกันอย่างจริงจังมากๆ กล้องไม่ได้หยิบมาถ่ายเลยครับ ดีนะที่ขาไปเราถ่ายภาพไปเยอะแล้ว ขากลับก็เลยไม่ต้องเสียเวลาถ่ายรูปยิ่ง งานนี้เลยจ้ำอ้าว ยาวๆ จนถึงที่จอดรถ แล้วก็ขับรถไปส่งเจ้าหน้าที่นำทางที่หน่วย ขญ.18
พวกเราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่ กางเตนท์ ผูกเปลนอนที่ แล้วก็กินข้าวเย็นกันที่นี่เลยยยยย เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถนอนที่นี่ได้เลย เดี๋ยวเค้าดูแลให้เอง ดีสิครับผม ไม่ต้องไปหาที่นอนที่ไหนไกลเลย เพราะตอนแรกกะว่าจะไปนอนกันที่ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติน้ำตกเจ็ดตค-โป่งก้อนเส้า งานนี้ก็สบายพวกเราเลยครับ เงียบด้วยไม่มีคนอื่นด้วย ริมลำธารด้วย
หลังจากเนรมิตที่นอนเสร็จ ก็ได้เวลาของอาหารเย็นครับ วันนี้เราทำสุกี้กินกัน ด้วยกระทะไฟฟ้าที่ขนมาจาก กทม. โชคดีมากๆ ที่ที่นี้มีไฟฟ้าให้ใช้ด้วย ยอดเยี่ยมมากๆ ^^ นี่แหละครับ สุกี้ของพวกเราในค่ำคืนนี้ และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการไปกับเพื่อนๆ คือ เบียร์ สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับพวกเรา ^^
ค่ำคืนนี้ก็จบลงด้วยเบียร์กระป๋องสุดท้ายประกอบกับเวลา 4 ทุ่มพอดี ตรงกับกำหนดของอุทยานพอดิบพอดี ที่มีกฎว่า ห้ามส่งเสียงอื้อฉาว หลังเวลา 22.00 น. ก็ถึงเวลานอนแล้วครับ
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2558 : หน่วย ขญ.18 – ร้านกาแฟชิวๆ ณดล วิลล่า – พัทยา(Parasailing)-กทม.
ค่ำคืนแห่งความสุข มันผ่านไปเร็วจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเช้าได้เร็วขนาดนี้ อาหารเช้าวันนี้เราไม่กินครับ เพราะกะว่าจะออกไปหาข้าวกินข้างนอก แล้วไปกินกาแฟชิวๆ บรรยากาศชิคๆ .ที่ร้าน ณดล วิลล่า..
กิจกรรมเช้านี้ก็มีเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าที่นี่เล็กๆ น้อยๆ โดยพี่บอย ช่างกล้องประจำกลุ่ม แล้วอาบน้ำแต่งตัว เก็บเตนท์ เตรียมตัวไปหาข้าวเช้ากินแบบธรรมดาระหว่างทางที่ไปร้านกาแฟ
ณดล วิลล่า จริงๆ แล้วเป็นรีสอร์ท แต่มีโซนกาแฟ ที่เปิดให้คนนอกเข้าไปนั่งกินได้ บรรยากาศที่นี่ ชิวและชิค จริงๆ เลย เหน็ดเหนื่อยจากปีนเขาแล้วได้มานั่งพักชิวๆ ที่นี้มันจ๊าบจริงๆ นะ
งานนี้เลยเก็บภาพประทับใจกันไม่หยุดเลยครับ จัดภาพเดี๋ยวมาอวดกันทุกคนเลย เป็นที่แรกของทริปนี้ที่มีภาพเดี่ยวมุมเดียวกันครบทุกคน เรานั่งพักอยู่ที่นี้นานมากครับ กะว่าจะไม่ไปไหนกันแล้ววันนี้ ห่ะๆๆๆ แต่ผมว่ามันก็นานเกินไปนะ นานไปจนสมควรออกไปที่อื่นต่อดีกว่านะ
ทำยังกับว่า ทั้งรีสอร์ทนี้เป็นของเรา 555 นี้จัดฉากกันถ่ายรูปแแบไม่ได้เกรงใจเจ้าของที่เลยนะครับ
แผนต่อจากนี้ผมคิดว่าจะพาสมาชิกไปบีบนมวัวเล่นที่ ฟาร์มนมโคไทยเดนมาร์ก แต่โชคไม่เข้าข้างเพราะวันนี้มีแขกมาเที่ยวที่นี่เยอะ รถรางออกไปแล้ว ต้องรอรอบต่อไป แต่ก็ไม่ยืนยันว่า รอบต่อไปกี่โมง แล้วจะได้ไปมั้ย ก็เลยตัดใจ กลับ กทม.เถอะครับ จะได้พักผ่อนกัน แต่ถ้ากลับกันตอนนี้เราจะถึงบ้านกันกี่โมง เพราะว่าติดโครงการ Bike for Mom มีหวังต้องน่าเบื่อในรถแน่ๆ
แล้วก็มีใครสักคนในรถเนี่ยแหละครับ พูดออกมาว่า แล้ว Parasailing นี้มันสนุกมั้ย ไปมั้ย เนี่ยแค่พัทยาเอง เท่านั้นแหละครับ ตัดสินใจกันทันทีเลยว่าไปพัทยากัน ใช่สิครับ พวกท่านไม่ได้ขับรถนิ คนขับมันผม ระหว่างทางนี้ก็หลับกันทั้งคันเลย ปล่อยให้ผมขับรถคนเดียว อยากจะจอดรถแล้วถ่ายรูปตอนนอนกันให้หมดทุกคนเลยจริงๆเชียว
จากสระบุรี เราวิ่งเข้าเส้นกาญจนาภิเษก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามอเตอร์เวย์ ยิงยาวตรงไปถึงพัทยา รวดเร็วมาก 5 โมงเราถึงพัทยาแล้ว ตลกจริงๆ จากภูเขาอยู่ๆ มาโผล่ที่ทะเลเฉยเลย “จากภูผา...สู่มหานที"
เข้าไปลานจอดรถของพัทยา แล้วไปติดต่อเล่นได้เจ้าของที่นั่งริมชายหาดได้ทุกคนเลยครับ ราคาอยู่ที่ 500 บาท/รอบ รอบละ 5 นาที พวกเราไปหลายคนต่อเหลือ 400 บาท ไปกัน 8คน แต่เล่นกัน แค่ 5 คน ที่เหลืออีก 4 ไม่เล่น ก็ปล่อยให้นั่งเขี่ยทรายเล่นอยู่ริมทะเลไป
จากฝั่งเราต้องนั่งเรือไปยังแพกลางทะเล(ไม่รู้เรียกถูกมั้ยนะ 555) เรือนี้ก็แล้วแต่ครับ มีทั้ง เรือประมง เรือสปีตโบ๊ท เจ็ตสกี แล้วแต่ว่าอะไรว่าง พวกเราไปช่วงสปีตโบ๊ทมาพอดี ก็กะว่า งานนี้ได้นั่งสบายละ ถึงแพเร็วแน่นอน
พอได้ขึ้นเรือเท่านั้นแหละครับ คนขับไม่บอกเลยสักคำว่าจะซิ่ง เล่นยกหน้าเปิดฉากเลยครับ อยู่เฉยไม่ได้แล้ว ต้องหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ คว้าอะไรได้คว้าไว้ก่อนเลย พี่แกซิ่งไม่ยัง ไม่ถงไม่ถามสุขภาพพวกเราสักคำ ก่อนจะถึงแพ พี่แกก็พาเราดริฟ หมุนรอบตัวเอง 3 รอบบบบบบบ เอากับเค้าสิครับ ไม่เคยรู้มาก่อนว่า มาเล่นพาราเซลลิ่งแบบนี้จะมีบริการเสริมที่มันสุดเหวี่ยงได้ขนาดนี้ ผมว่าได้เล่นแค่นี้ก็คุ้มแล้ว พารงพาราไรไม่ต้องไปเล่นแล้ว 55555 ว่าแล้วคลิปก็ต้องมา^^
มาถึงแพ เจ้าหน้าที่ก็ขอดูตั๋ว แล้วจับเราแต่งตัวเสริมอุปกรณ์อย่างรวดเร็ว เพราะเขาจะปิดหลัง 6 โมง งานนี้ก็เลยต้องเร่งกันแล้วครับ แล้วก็ไม่ต้องบรรยายมาก ไปเหาะกันเล๊ยยยยย
อยู่ข้างบนไม่ต้องกลับหล่น กลัวตก หรือขาดครับ เพราะอุปกรณ์เซฟตี้มากๆ ปล่อยแขน กางขา ตะโกน ถ่ายรูปได้แบบอิสระเหมือนนกที่โบยบินอยู่กลางเวลาที่กำลังมองหาเหยื่ออยู่กลางทะเล ช่วงเวลาที่อยู่บนนั้นมันมีความสุขมากๆ อยากให้ทุกคนได้ลองมาเล่น ได้มาสัมผัส แล้วจะรู้ว่าพัทยามีมากกว่าที่พวกเราเคยเห็น สนุกมากครับ
ขากลับก็ยังสมน้ำหน้าคุณเหมือนเดิม จัดหนักจัดเต็ม ตามคขอเลยครับ ^^
เป็นการปิดทริปได้อย่างสวยหรูมากๆ 555 แต่สำหรับคนที่เล่น พาราเซลลิ่ง ต้องบวกงบเพิ่มไปอีก 400 บาท จากงบน้ำตกเท่านั้นเอง ถูกและดีมาก
การเดินทางที่ดีคือการเดินทางที่แผนการเดินทางสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ไม่มีการยึดติดกับแผนการเดิมๆ แล้วคุณจะได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นจากการเดินทางที่บ้างครั้งอาจจะไปไม่ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ แต่ได้เจอสิ่งที่ดีกว่าจุดหมายที่เราตั้งไว้ก็เป็นได้
“ประสบการณ์หาไม่ได้จากห้องเรียน 4 เหลี่ยม แต่เกิดจากการเรียนรู้ด้วยห้องเรียนวงกลมที่เรียกว่าโลก"
เจอกันใหม่ในทริปต่อไปครับ ^^
คำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับนักท่องเที่ยวนะครับ
อุทยานแห่งชาติมิได้มีไว้เพื่อการนันทนาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีหน้าที่สำคัญ ในการคุ้มครองและรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ทั้งพืชพันธุ์ สัตว์ป่า และสภาพภูมิประเทศที่สวยงาม ดังนั้นนักท่องเที่ยวจึงต้องช่วยกันปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุทยานแห่งชาติอย่างเคร่งครัด โดยมีสิ่งที่พึงปฏิบัติดังนี้
1. ไม่ควรส่งเสียงดัง หรือสร้างคามเดือดร้อนรำคาญให้แก่สัตว์ป่าและนักท่องเที่ยว ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการแสวงหาความสงบสุขในอุทยานแห่งชาติ
2. โปรดอย่าขีดเขียนในที่ต่าง ๆ เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดทัศนอุจาดแล้ว ยังเป็นการประจานนิสัยของผู้เขียนได้อย่างดี
3. ห้ามเก็บพืช ดอกไม้ หิน จับสัตว์ และสิ่งต่าง ๆ ออกจากอุทยานแห่งชาติเพราะทั้งหมดล้วนประกอบกันขึ้นเป็นธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติซึ่งทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการชื่นชม
4. ทิ้งขยะในถังขยะที่ทางอุทยานแห่งชาติจัดเตรียมไว้ และจะดียิ่งขึ้นถ้าช่วยกันเก็บขยะที่พบเห็นตามสถานที่ หรือเส้นทางท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเท่าที่ทำได้
5. ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
6. ควรมีจิตสำนึกที่ดีต่อการท่องเที่ยวครับผม ^
^
ขอให้มีความสุขในการเดินทางท่องเที่ยวนะครับ
..........ขอบคุณเพื่อนร่วมทางทุกๆคนมากครับ ที่สร้างประสบการณ์การเดินทางที่แสนสุข สนุกสนานร่วมกัน.........
...........ขอบคุณเส้นทางที่มีไว้ให้เราได้ก้าวเดินไปข้างหน้า.........
...........ขอบคุณธรรมชาติที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับพวกเรา..........
...........ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น ขอบคุณทุกสิ่งอย่าง............
...ขอบคุณครับ...
DEKSAPAIPAE
วันพฤหัสที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.46 น.