Similan Islands Phangnga
ถ้าพูดถึงทะเลฝั่งอันดามัน ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงคุ้นชื่อเกาะสิมิลันแน่นอน พูดถึงความสวยงามของเกาะสิมิลัน ในความคิดผม น่าจะสวยเป็นลำดับต้นๆของทะเลไทยฝั่งอันดามันเลยก็ว่าได้ เกาะนี้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอย่างมากมายทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และเป็นเกาะนึงที่คนชอบทะเลอย่างผมใฝ่ฝันว่าสักวันจะต้องพาตัวเองไปสัมผัสบรรกาศและความสวยงามบนเกาะแห่งนี้ให้ได้ แล้ววันนึงผมก็ได้ข่าวว่าเกาะตาชัย เกาะที่ผมอยากไปมากที่สุดต้องถูกสั่งปิดลงเนื่องจากธรรมชาติถูกทำลายไปมาก ปิดแบบไม่มีกำหนดเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟู ผมเลยคิดว่าคงรอไม่ได้อีกแล้วถ้าสิมิลันโดนสั่งปิดจะอดมาเห็นความสวยงามบนเกาะแห่งนี้ ผมเลยจัดการหาข้อมูล หาตั๋วเครื่องบิน กำหนดวัน ลางานแล้วไปลุยกันเลยยยยย
มาเริ่มกันที่การเดินทางของเรา ผมจองตั๋วเครื่องบินของAir Asia ดอนเมือง-ภูเก็ตไว้ในช่วงโปรราคา 390 บาทถือว่าถูกเลยทีเดียวแต่อาจจะมีถูกกว่านี้ โปรแบบนี้มีออกมาบ่อย เอาล่ะมาถึงวันเดินทาง มาถึงสนามบินเที่ยงๆ เราก็มาจัดการเช็คอิน ขึ้นเครื่องประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ถามว่าสิมิลันอยู่พังงานิแล้วทำไมไปพักภูเก็ตคือเราอยากเที่ยวภูเก็ตด้วย แล้วทัวร์ daytrip ที่จองไว้สามารถพักที่ภูเก็ตได้ เสียค่ารถไปกลับ 300 บาท
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงหน่อยๆ เราก็มาถึงกันแล้วสนามบินนานาชาติภูเก็ต วิวก่อนลงตรงนี้ผมชอบมากเลย เป็นครั้งแรกของผมด้วยที่มาภูเก็ต ตื่นเต้นเหมือนกัน อิอิ
มาถึงสนามบิน เราต้องหารถไปที่พักกัน ผมจองที่พักไว้ที่ The Frutta boutique อยู่แถวๆหาดป่าตอง เท่าที่ทราบมาเราสามารถนั่ง Ariport bus ไปลงแถวๆป่าตองได้ ผมก็ไม่รอช้าเดินตามลูกศรไปขึ้น Ariport bus กัน ง่ายๆครับพอลงเครื่องให้เดินไปทางซ้ายตามลูกศรชี้เลยครับแล้วเดินไปตามทางก็จะเจอเลยมีป้ายบอกทางอยู่เป็นระยะ ถามว่ามีวิธีอื่นไหมที่จะไปยังในเมืองภูเก็ตหรือหาดป่าตอง มีครับแต่ก็รู้กันอยู่ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องของแทกซี่อยู่แล้วว่าแพงมาก ไม่ได้แอ้มตังผมหรอก 555 ว่าแล้วก็ไปจัดการซื้อตั๋วบอกจุดลงรถแล้วขึ้นรถกันเลย หรือถ้าใครจะเช่ารถขับที่สนามบินก็มีนะครับ มีให้เลือกหลายยี่ห้อลองสอบถามกันดู
ค่ารถ 150 บาท ราคาอาจจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับว่าลงตรงไหน รถที่เราขึ้นจะเป็นรถตู้นะครับ บางช่วงถ้าคนเยอะจะเป็นรถบัส จะไปส่งตามจุดต่างๆ ที่รถผ่าน ส่วนผมเลือกลงหน้าห้างจังซีลอนตรงข้ามกับPatong beach ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็มาถึง จากนั้นจัดการเปิดแผนที่ปรากฎว่าตรงนี้อยู่ห่างจากที่พักประมาณ 2 โล เอาล่ะว่ะมี 2 วิธีคือเหมารถสามล้อกับเดิน ตัดสินใจว่าเอาล่ะแค่ 2 กิโลไม่น่าจะไกลมาก น่าจะเดินพอไหว เดินก็เดิน ตอนก่อนเดินก็ว่าจิ๊บๆแค่นี้เอง เดินไปเดินมาหลงบ้างอะไรบ้าง กว่าจะถึงหอบเหมือนหมา เหงื่อท่วมโถ่ เอาชีวิตมาเสี่ยงแท้ๆ ไอ้นี่ก็เวอร์อีก 5555
ในที่สุดก็เดินมาถึง นี่งายที่พักเรา The Frutta boutique พิกัดง่ายๆคืออยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนวัดสุวรรณคีรีวงศ์
ผมจองไว้ทางfacebook ในราคาคืนล่ะ 800 บาทไม่รวมอาหารเช้า นอนได้สองคนตกคนละ 400 บาทเท่านั่นถือว่าถูกมากๆ จริงๆที่นี่มีหลายราคาครับลองสอบถามกันได้ที่ https://web.facebook.com/The-Frutta-Boutique-Patong-Beach-Phuket-440354202712346/?fref=ts ตามลิ้งนี้เลยครับ แต่สำหรับเราเอาแบบถูกสุดก็พอ 555 เหตุผลที่ผมไม่เอาอาหารเช้าเพราะว่าเรากินอาหารเช้าไม่ทันแน่นอน เพราะรถที่จะมารับไปเกาะสิมิลันมารับเช้ามากๆ แนะนำคนที่อยากมาพักภูเก็ตแต่อยากเที่ยวสิมิลันไม่ว่าจะพักที่ไหนอาหารเช้านี่น่าจะตัดไปได้เลยจะได้ประหยัดตังลง เดี๋ยวเราไปดูห้องพักของเรากันว่าจะเป็นยังไง
เปิดประตู้เข้ามา ดีงามกว่าที่คิดไว้เยอะมากๆๆ ไม่คิดว่าห้องราคาแค่นี้จะได้แบบนี้เลย
นี่งายที่นอนเรา ห้องพักสะอาดแล้วก็ยังดูใหม่มากๆ
ดูกันหลายๆมุม บอกเลยเตียงนุ่มมาก
เป็นห้องแอร์ มีทีวี มีตู้เย็น มีไดร์เป่าผมสำหรับสาวๆ มีตู้saveด้วย มีกาน้ำร้อน มีกาแฟให้ ดีงามมมมไปอีก มองออกไปวิวก็ดีใช้ได้เบย
มาดูห้องน้ำกันบ้าง เป็นงาย ดีงามจริมๆ
หน้าห้องก็จะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งชิว
วิวหน้าห้องใช้ได้เลยนะเนี่ยยยย
วิวหลังห้อง มีระเบียง มีเก้าอี้ให้นั่งด้วย
มีสระว่ายน้ำด้วยน๊า แล้วก็มีที่ออกกำลังกายด้วย ดีงามไปอีก
ห้องรับประทานอาหาร อาจจะมีอีกลายมุมที่ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาเอาเป็นว่ารีวิวคร่าวๆ บอกเลยว่าที่พักนี้ดีจริงๆ คุณภาพเกินราคา พี่แหมมเจ้าของใจดีเป็นกันเองมาก พนักงานก็ดูแลอย่างดี
เก็บของเข้าที่พักเสร็จผมก็ไม่รอช้า หาเช่ามอเตอร์ไซด์ไปแว๊นกันซะหน่อย ไม่ต้องไปไกลเลยครับที่พักของเรามี วันล่ะ 250 บาท แต่ผมของต่อลองเพราะวันรุ่งขึ้นจะไปเดย์ทริปทั้งวันจะไม่ได้ใช้ขอเช่า2วันในราคานี้ พี่แหม่มแกใจดีมาก บอกได้เลย โอเคไปแว๊นกันเลย คือเวลามันเกือบจะหกโมงเย็นแล้วทีแรกตั้งใจจะไปถ่ายพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรหมเทพ ขับไปสักพักเจอหาดอะไรสักอย่างไม่แน่ใจว่าเป็นหาดกะรนหรือหาดกะตะ พระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้ว คิดว่ากว่าจะไปถึงแหลมพรหมเทพไม่ทันแน่ๆ และถ้าไปถึงขากลับคงมืดมีหลงทางแน่ๆ 555 เลยตัดสินใจดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่แล้วเก็บภาพตรงหาดนี้ละกัน วิวสวยใช้ได้ จริงๆถ่ายหลายรูปแต่ลืมไปนี่เรามารีวิวเกาะสิมิลันนิ ยังไม่มีรูปสิมิลันเลย 55555 พอๆ เอาเป็นว่าวันนี้กลับที่พักนอนเอาแรง พรุ่งนี้มีนัดกับ Loveandaman กับ daytrip เกาะสิมิลันจะสวยแค่ไหนไปดูกัน
มาพูดถึง daytrip กันหน่อย ผมเลือกใช้บริการของ Loveandaman จองในช่วงงานไทยเที่ยวไทยต้นเดือนพฤศจิกายน สามารถติดตามทางเพจfacebook ของ Loveandaman และLine @loveandaman กันได้เหมือนปีนึงจะมีประมาณ2-3ครั้งนะถ้าผมจำไม่ผิด แต่ทาง Loveandaman ก็จะมีโปรออกมาเรื่อยๆ ผมจองทางไลน์ในราคา 1899 บาท(ราคาปกติแพงกว่านี้) ตอนจองผมไม่ได้ระบุวันไป แต่วางเงินมัดจำไป 1000 บาท สามารถใช้วิธีได้แล้วก่อนวันไป14วัน เราจะระบุวันไปแล้วจ่ายเงินที่เหลือซึ่งผมใช้วิธีนี้ หรือถ้าใครจะจ่ายเต็มแล้วระบุวันไปเลยก็ได้ ก่อนวันเดินทางจะมีจนท.ของ Loveandaman โทรมาถามว่าเราพักอยู่ที่ไหน แล้วนัดว่ารถจะมารับกี่โมง ถ้าพักเขาหลัก รับส่งฟรี ถ้าพักนอกโซนเขาหลักกับพักภูเก็ตค่ารถไปกลับ 300 บาท เอ้อผมลืมบอกไปสิมิลันสามารถเที่ยวได้ตั้งแต่ 15 ตุลาคมถึง 15 พฤษภาคมของทุกปีหลังจากนั้นจะเป็นช่วงปิดเกาะ
สวัสดี day2 รถมารับจากที่พักที่ภูเก็ตประมาณ 06.10 เป๊ะมากกับเวลาที่นัดไว้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงถึงท่าเรือทับละมุ จ.พังงา พอถึงอย่างแรกคือต้องลงไป Check in ที่เค้าเตอร์ก่อน เราสามารถ save voucher จากทางไลน์หรือเฟสหรือใครจองในงานไทยเที่ยวไทยก็เอาใบมายื่นให้จทน.ที่จุดเช็คอินได้เลย
Check in เสร็จเราจะได้สายรัดข้อมือมาแบบนี้ คือเป็นสิ่งบ่งบอกว่าเราอยู่กลุ่มไหน ไปกับไกด์คนไหน
จากนั้นมาหาอะไรกินได้เลย ทาง Loveandaman จะมีอาหารเช้าให้ วันที่ผมไปจะมีข้าวต้ม ขนมปัง แซนวิท ข้าวเหนียวสังขยา ชา กาแฟ น้ำผลไม้ เรากินได้ไม่อั้น ผมนี่เติมแล้วเติมอีกกลัวไม่อิ่ม อิอิ เอ้อมียาแก้เมาเรือด้วยนะใครเมาเรือกินก่อนลงเรือได้เลย
กินเสร็จยังพอมีเวลาเหลือระหว่างรอไกด์เรียก เดินดู shop ของLoveandaman กันว่ามีอะไรขายบ้าง
หลังจากนั้นไกด์ประจำกลุ่มจะเรียกไปนั่งฟังก่อนว่าเราจะไปที่ไหนอะไรยังไง ไปเกาะไหนก่อน ข้อห้าม ข้อปฏิบัติต่างๆ ก่อนขึ้นเรือ
อ้าวตอนแรกอยู่กลุ่มสายรัดข้อมือสีน้ำเงินแต่ทำไมมาเป็นสีดำเฉย คือเรื่องมันเป็นแบบนี้เนื่องจากอีกกลุ่มคนน้อยก็เลยแบ่งกลุ่มผมบางส่วนไปอยู่อีกกลุ่ม ถือเป็นความโชคดีเพราะกลุ่มนี้คนค่อนข้างน้อย นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ คนไทยถือว่าน้อยมาก
มาฟังไกด์บรรยายกันหน่อย เป็นไงล่ะไกด์ผมน่ารักป่ะล่า 5555 เธอชื่อ"ไกด์ปู" บอกตรงอือหือดีงามเพราะตอนแรกได้ไกด์ผู้ชาย เอาเป็นว่าถือเป็นความโชคดีของกระผม อิอิ
ถึงเวลาไกด์ก็เรียกขึ้นเรือ ก่อนลงเรือต้องถอดรองเท้าไว้บนฝั่งไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้าไปบนเกาะ ผมชอบความคิดนี้มากเลยครับ เพราะว่ารองเท้าเราจะมีเศษดินติดอยู่ที่พื้นรองเท้าถ้าเราไปเหยียบบนทรายเศษดินจะไปติดที่ทรายได้ คิดดูคนไปเที่ยวเกาะวันนึงตั้งเท่าไร ถ้าทุกคนใส่รองเท้าไปมันจะมีเศษขี้ดินติดรองเท้าไปเหยียบพื้นทรายมากมายเท่าไรทำให้ทรายจากสีขาวๆต่อไปเรื่อยมันอาจค่อยๆเปลี่ยนสีคล้ำลง อันนี้ผมเห็นด้วยเลย จะมีบางคนไม่อยากถอดบ้าง ถามว่าทำไมต้องถอดบ้างล่ะ แต่กฏก็ต้องเป็นกฏ เอาล่ะบ่นสักหน่อย 555ไปต่อๆๆๆ
ได้เวลาแล้วป่ะขึ้นเรือกันเล๊ยย นี่ไกด์ผู้ช่วยอีกคนชื่อไกด์"เส้นหมี่" ไกด์2สาวของเราในทริปนี้น่ารักทั้งคู่ อิอิ เรือของเราวันนี้มีชื่อด้วยน๊าชื่อเรือ DNA ขึ้นเรือมาแล้วก็ใส่ชูชีพให้เรียบร้อย พอเรือออกปุ๊บไกด์ก็แจกน้ำ มีน้ำเปล่ากับน้ำอัดลม แจกลูกอม ใครเมาเรือแต่ไม่ได้กินยามาก็มียาให้ แต่แนะนำควรกินก่อนลงเรื่อ 30 นาทีถ้ากินตอนขึ้นเรือแล้วอาจจะไม่ได้ผลเท่าไร ใครรู้ตัวว่าชอบเมาเรือแล้วอ้วกไม่ต้องห่วงก่อนเรือออกไกด์จะถามว่าใครเอาถุงชูชีพบ้างเอ้ยไม่ใช้ถุงพลาสติกกันอ้วก 555 มีติดไว้อุ่นใจ
ใช้เวลาเดินเรือประมาณชั่วโมงกว่าๆโดยเรือสปีดโบ๊ด เราก็มาถึงกันแล้วอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันๆๆๆๆๆ อือหือ ขาวใสมากเอ้ยไม่ใช่ๆ 55555
ไกด์ดูแลตลอดจริงๆตั้งแต่ขึ้นเรือลงเรือ
น้ำใสอะไรขนาดนี้ เป็นสีฟ้าเลย ยิ่งสะท้อนแสงแดดยิ่งสวย เกาะนี้เรียกว่าเกาะแปดหรือเกาะสิมิลัน จะมีสัญลักษณ์เด่นๆคือหินเรือใบ ข้อมูลคร่าวๆของหมู่เกาะสิมิลัน>>สิมิลัน เป็นภาษายาวีหรือมลายู แปลว่า เก้า(9 )หมายถึง เก้าเกาะที่สำคัญของหมู่เกาะสิมิลัน ได้แก่ เกาะหูยงหรือเกาะ1, เกาะปาหยังหรือเกาะ2, เกาะปาหยันหรือเกาะ3, เกาะเมียงหรือเกาะ4, เกาะห้า, เกาะปายูหรือเกาะ6, เกาะหัวกะโลก หินปูซาร์หรือเกาะ7, เกาะสิมิลันหรือเกาะ8, และเกาะบางูหรือเกาะ9 แต่ปัจจุบันมีเกาะอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันทั้งหมด 11 เกาะ นับรวมเกาะบอนและเกาะตาชัยด้วย ถ้าจำไกด์พูดไม่ไม่ผิดพื้นที่โดยรอบเกาะ1,2,3ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นเกาะโดยเด็ดขาด
สวยขนาดไหนคงไม่ต้องอธิบาย ภาพมันฟ้อง อิอิ
นี่ไง หินเรือใบที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะสิมิลัน เดี๋ยวเราจะขึ้นไปชมวิวข้างบนกันจะสวยแค่ไหน ไปดูกันเล๊ย
ด้านหน้าจะมีจุดชำระค่าบริการ แต่เราไม่ต้องห่วงเพราะรวมอยู่ในแพ็คเก็จdaytripอยู่แล้ว ทางLoveandaman จัดการให้เรียบร้อย
มาถึงไกด์แนะนำให้ขึ้นไปจุดชมวิวก่อนหรือถ้าใครไม่ขึ้นก็รอกินข้าวได้เลย แต่ผมอยากขึ้นไปถ่ายรูป รออะไรไปกันเลย ทางไปจุดชมวิวจะมีป้ายบอกอยู่ด้านหน้า ไปกันเลยย ลุย
จะมีบางช่วงที่ชันบ้าง แต่ว่าเดินง่ายๆสบายๆ
ตามหินก้อนใหญ่ๆจะมีคนเอาไม้ไปตั้งไว้ตามหินน่าจะเป็นความเชื่ออะไรสักอย่างหรือเปล่า
มาถึงแล้ว ว้าววว รักเลย วิวสวยมาก ดีงามพระรามแปด
น้ำใสมากมองจากข้างบนลงไปนี่แจ่มเลย
น้ำทะเลสีฟ้าตัดกับท้องฟ้าสีคราม ดูสวยงามสบายตาจริมๆ
ขอบรรยายด้วยรูปภาพล่ะกันเนอะ รู้สึกหลงรักสิมิลันเข้าแล้ว อิอิ
เรือเยอะมาก ไกด์บอกว่าวันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ เรือจะเข้าออกอยู่ตลอดๆ
วิวทางด้านหลัง ก็สวยอยู่น๊า มองไปไกลๆโน้นเล็กที่เห็นลางๆไกด์บอกว่านั่นก็เกาะตาชัย หืมนั่นมันเกาะอันฝันอันดับ1ของผมเลยและเป็นเกาะที่ผมอยากพาใครคนนึงไปที่เกาะนี้แต่ผมคงไม่มีโอกาส TT นึกแล้วก็เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ไป แต่ลึกๆแล้วก็ว่าดีปล่อยให้ธรรมชาติได้พักผ่อนบ้าง เลยแอบถ้าไกด์ว่าเกาะตาชัยจะมีโอกาสกลับมาเปิดอีกครั้งไหม ไกด์บอกว่าโอกาสจะกลับมาเปิดค่อนข้างยากเพราะธรรมชาติถูกทำลายไปมาก แต่โอกาสเปิดก็มีเหมือนกันถ้าธรรมชาติฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม สำหรับผมคงได้แต่เฝ้ารอถ้าเปิดปุ๊บจะรีบไปทันที 5555 เพ้อแล้วไปต่อ...อิอิ
เดินขึ้นมาอีกหน่อยก็จะเป็นอีกวิวนึง จะมีต้นไม้บังอยู่เป็นฉากหน้า แต่ก็ดูสวยดี
อุ้ยมือลั่น โทดที 555 จะถ่ายวิวซะหน่อยมายืนบังเค้าทำไม อิอิ
ไกด์ผมนำตลอด พาถ่ายรูปตรงโน้นตรงนี้ ตรงนั้น ครบทุกมุม ถ่ายรูปให้ตลอด คือดูแลดีมาก ที่สำคัญน่ารักด้วย 5555
ถ่ายรูปชมวิวจนเป็นที่พอใจ ป่ะลงกันเถอะ ไปกินข้าวกลางวันกัน หิวแบ้ววว
ทาง Loveandaman จะจัดlineอาหารไว้ มาถึงเกาะเกือบ 11 โมงใครจะกินข้าวก่อนหรือจะขึ้นไปชมวิวก่อนแล้วค่อยลงมากินก็ได้
อาหารกลางวันวันนี้ นี่งาย ตักมาซะเยอะไม่ค่อยหิวเท่าไร 555 รสชาติก็พอได้ อร่อยอยู่ๆ หรือหิวก็ไม่รู้ 5555 จริงๆมีผลไม้ด้วยแต่ไม่ได้ถ่ายมา
คนเยอะแค่ไหน ถามใจเธอดู ผมเห็นคนขนาดนี้ผมอดคิดในใจไม่ได้ ว่าวันนึงเกาะนี้อาจจะต้องปิดตัวลงหรือเปล่าเพราะการบริหารจัดการที่ไม่ดี ดูจากนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะมากน่าจะมีการจำกัดนักท่องเที่ยวต่อวันบ้าง ดูจากเกาะตาชัยเป็นตัวอย่างที่ปิดไปแล้ว แต่มองในแง่ดีถ้าเกิดปิดจริงๆถือว่าให้ธรรมชาติได้พักบ้าง อันนี้ผมคิดในใจเฉยๆ 555 แต่คงไม่ปิดหรอก บ่นอีกล่ะ เอ้าไปต่อๆ
กินข้าวอิ่มแล้ว ไปเดินเล่นถ่ายรูปเล่นกันต่อดีกว่า ใครอยากถ่ายรูปกับป้ายนี้ต้องรอคิวนานหน่อย ผมนี่กว่าจะได้รูปนี้มาต้องรอจังหวะคนลุกผลัดเปลี่ยนกันแล้วรีบกดชัตเตอร์อย่างเร็วไว 5555 ไม่อย่างนั้นไม่ได้รูปแหงๆ
ที่นี่มีที่พักด้วยนะครับ เป็นเต็นท์และบังกะโลของทางอุทยาน ใครอยากมาพักค้างแรม สามารถติดต่อกับทางอุทยานได้เลยนะครับ ตามลิ้งค์นี้ http://nps.dnp.go.th//index.php หรือบางทัวร์ก็น่าจะมีแพ็คเก็จพร้อมที่พักอยู่ ผมว่าถ้ามาพักสักคืนคงดีไม่น้อย ลองคิดภาพตอนเย็นนักท่องเที่ยวกลับหมดกับตอนเช้าๆที่ทัวร์ยังไม่ลงบรรยากาศคงดีไม่น้อย หามุมถ่ายรูปสวยๆแบบสบายใจไม่มีคนติด คิดว่าคราวหน้าถ้าไปจะไปพักสักคืนคงดีไม่น้อย
ทรายขาวละเอียดจริมๆ เดินเหยียบนี่นุ่มเท้ามาก ละมุนจริมๆ ไอ้ที่เค้าว่าทรายขาวละเอียดเปรียบเหมือนผงแป้ง คือบอกเลยต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง แต่มันขาวละเอียดจริงๆ
ยังพอมีเวลาเหลือไปเดินถ่ายรูปเล่นซะหน่อย ไกด์นัดประมาณบ่ายโมงเราจะไปดำน้ำกันที่เกาะเจ็ด
เดินเล่น ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย
น้ำใสขนาดไหนถามใจเธอดู ดูจากภาพก็คงไม่ต้องอธิบาย
เวลาได้มาเห็นอะไรแบบนี้แล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก หรืออาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนชอบทะเลด้วย อิอิ
หาดตรงนี้อยู่ด้านริมสุดอยู่ทางฝั่งซ้ายถ้าหันหน้าออกทะเลคนละด้านกับหินเรือใบตรงนี้ไม่ค่อยมีคน คนที่หันหลังกำลังโพสท่าเลย 555
อยากให้เห็นหลายๆมุม
มุมนี้ดีงามแท้ล่ะ อิอิ แหมถ้ามีเลนส์ซูมมีหวังมือลั่นแน่ๆ 5555
คนเยอะจริมๆ จะถ่ายยังไงไม่ให้ติดคน 5555 แต่แบบนี้แหละรูปมีชีวิตชีวา หราาาา
มานั่งอะไรตรงนี้คนเดียวน้อแม่สาวน้อย อือหือมือลั่นจนได้ 5555
หินก้อนนี้หรือเปล่าที่เค้าเรียกหินรูปรองเท้า ถึงเวลาไกด์ก็เรียกขึ้นเรือแล้วไปดำน้ำกาน ตอนแรกเห็นเรือเยอะๆแถมคนก็เยอะอดคิดในใจว่า คงจะมีคนหลงเรือบ้าง แต่เฮ้ยป่าวเลยพอถึงเวลาทุกคนขึ้นเรือครบเลย คือไกด์นัดกี่โมงก็มารอแถวหน้าหาดกันหมด คือดี
ถึงแว้วจุดดำน้ำที่เกาะหัวกะโหลกหรือเกาะเจ็ด ไกด์ให้เวลาประมาณ 40 นาที ใครอยากดำน้ำก็ลงได้เลยหรือใครไม่อยากดำก็ถ่ายรูปเล่นอยู่บนเรือ ไกด์บอกใครมีกล้องใต้น้ำมาจะให้ไกด์ถ่ายก็ได้ เพราะเราใส่เสื้อชูชีพจะดำลงไปถ่ายยากรูปมันอาจจะไกล ดูไม่สวย หรือถ้าใครมีไม้เซลฟี่ยาวๆก็น่าจะแจ่ม
ผมไม่มีกล้องใต้น้ำเลยไม่มีภาพใต้น้ำมาฝาก แต่บอกเลยถ้าใครตั้งใจว่าจะมาดำน้ำตื้นที่นี่สำหรับทริปนี้คงจะไม่เหมาะ เพราะปะการังที่นี่อาจจะไม่สมบูรณ์เท่าไร ปลาก็ค่อนข้างน้อย หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมเคยเห็นเยอะกว่านี้ก็ไม่รู้ แล้วก็ผมคิดว่าน่าจะเพราะโดนเหตุการณ์สินามิปี47ด้วย สำหรับผมไม่ได้คาดหวังกับการดำน้ำที่นี่เพราะค่อนข้างรู้อยู่แล้วเพราะอ่านมาหลายรีวิว 555 แต่ผมว่ามันก็โอเคอยู่น๊า ถือว่าพอใช้ได้ ไกด์บอกว่าถ้าชอบดำน้ำให้ไปเกาะสุรินทร์ ขึ้นเรือที่ท่าเรือทับละมุเช่นกัน ไว้คราวหน้าไปแน่รอเก็บตั้งซื้อกล้องถ่ายใต้น้ำก่อน อิอิ
น้ำใสมาก มองลงไปเห็นปะการังเลย
หลังจากดำน้ำเสร็จเราก็มาต่อกันที่เกาะสี่หรือเกาะเมียง หรือเกาะเจ้าหญิงเหตุผลที่เรียกเกาะเจ้าหญิงเพราะพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาทรงเสด็จมาประทับบ่อยๆ เกาะนี้ใหญ่เป็นอับดับ2 รองจากเกาะสิมิลัน มีหาด 2 ฝั่งหาดนึงเหมือนจะชื่อหาดเจ้าหญิงด้วยนะถ้าจำไม่ผิด หาดทั้ง2ฝั่งสามารถเดินทะลุถึงกันได้โดยเดินผ่านป่าไปทางด้านหลัง ที่นี่ไกด์ให้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ 14.50 น.เจอกันหน้าหาด รออะไรไปเก็บภาพกันดีกว่า
เกาะเมียงน้ำใสไม่แพ้เกาะสิมิลันเหมือนกัน แต่เหมือนทรายจะขาวละเอียดสู้เกาะสิมิลันไม่ได้ หรือผมคิดไปเองไม่รู้ 555
ชอบน้ำใสๆแบบนี้ ถ้ามาเป็นคู่นี่เหมาะมาก แต่อย่างว่าถ้าจะไปเที่ยวไหนแล้วมีคนข้างๆไปด้วยไปที่ไหนก็สุขใจ
น้ำใสขนาดไหนบอกเลยในภาพสวยสู้ของจริงไม่ได้
เดินเล่นหามุมถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย น้ำใสๆแบบนี้ถ้าแก้ผ้าเล่นน่าจะฟินดี 5555
น้ำใสแบบนี้ใครเล่าจะอดทนไหว กดชัตเตอร์แบบรัวๆปาย
อยากได้มุมสวยๆเดินไปตรงโขดหินแต่ลืมนีกไปว่าไม่มีรองเท้า แดดตอนบ่ายด้วย เท้าแทบพอง 555 แต่เพื่อรูปสวยๆเราทนได้
ถ่ายรูปจนพอใจ เหงื่อไหลใครย้อย ไปหาที่นั่งพักดีกว่า
ขอนั่งพักสักแป๊บ แล้วจะเดินข้ามไปถ่ายรูปหาดอีกฝั่งนึง
ป้ายเขียนว่าเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดียวกันกับทางเดินไปหาดอีกฝั่ง ไกด์บอกว่าใช้เวลาเดินไปประมาณ 10 นาที
ที่เกาะนี้มีปูไก่ด้วย อยากเห็นมาก แต่ตอนไปก็ไม่เจอ ถ้าบางคนโชคดีก็อาจจะเจอ
เดินมาเรื่อยๆ เป็นทางเรียบตลอดทาง เดินมาเจอป้ายอีก 500 เมตรไปจุดชมวิว ผมก็ไม่รีรอเดินขึ้นไปเลยฮะ ปรากฎว่าทางชันมาก น้ำก็ไม่ได้พกมา เดินขึ้นไปประมาณครึ่งทาง เหนื่อยขาลาก แต่ก็ยังฝืนขึ้นไป ขึ้นไปๆไม่ถึงสักที สรุปขึ้นมาถึงแค่ตรงนี้ หมดแรง5555 นั่งสักพักแล้วลงดีกว่าถ้าไปต่อขาเดี้ยงแน่ๆความจริงไปอีกนิดเดียวจะถึงจุดชมวิวอยู่แล้ว อาการตอนลงแบบขาสั่นดิกๆ นึกละขำตัวเอง 555 พอลงมาจะเดินข้ามไปดูหาดอีกฝั่ง แต่ดูเวลาแล้วเกรงว่าเวลาจะไม่ทันกลับดีกว่า สรุปตูไม่หน้าขึ้นไปเล๊ย หาดอีกฝั่งก็ไม่ได้เห็น สรุปได้มารูปเดียวจุดชมวิวก็ขึ้นไปไม่ถึง คุ้มม้ายละเมิง 5555
ที่นี่มีของขายด้วยนะ เป็นร้านค้าสวัสดิการ แต่แพงมาก ผมซื้อน้ำเปล่าไปขวดล่ะ 30 บาท น้ำตาจะไหล ตอนแรกไม่เชื่อไกด์ ไกด์ให้เราเอาน้ำที่เรือไปกินแต่ดันไม่เอาลงมา คือไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้ 555 รู้งี้เชื่อไกด์ก็ดี
เมื่อถึงเวลาที่ไกด์นัดไว้ ไกด์ก็เรียกขึ้นเรือ เราต้องลากันแล้วเกาะเมียง เกาะสิมิลันจ๋า พี่กลับแล้วนะ แล้วเรือก็แล่นเดินหน้ามุ่งสู่ท่าเรือทับละมุ จะบอกว่าขากลับนั่งท้ายเรือแดดส่องร้อนแทบไหม้ 555
จากเกาะเมียงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ กลับมาท่าเรือ ทางloveandaman มีของกินส่งท้ายด้วย มีส้มตำกับหมี่ แล้วก็มี ไอศครีมกะทิ มีขนม ให้กินก่อนกลับ ส้มตำอร่อยมากผมมัวแต่กินลืมถ่ายรูปมา5555 ไอติมก็อร่อย ทุกอย่างกินได้ไม่อั้น ก่อนกลับไกด์ก็จะมาบอกว่าเราขึ้นรถคันไหน แถมก่อนกลับไกด์ปูคนสวยยังเปิดวิดีโอใต้น้ำเกาะมังกรทะเลพม่าให้ดู อือหือสวยมากเห็นล่ะอยากไปเลย ไกด์แนะนำขนาดนี้ผมคงพลาดไม่ได้ อิอิ กินอิ่มก็นั่งรถตู้กลับที่พักเป็นอันจบทริปนี้ ใช้เวลาประมาณ2ชั่วโมงเหมือนเดิมถึงภูเก็ต แต่ยังดิเราพักภูเก็ตนิขอต่ออีกหน่อย อิอิ
กลับมาอาบน้ำอาบท่าคืนนี้เราจะไปท่องราตรีกัน
เค้าว่ากันว่าถ้ามาป่าตองที่นี่เป็นอีกที่ที่ไม่ควรพลาดแล้วผมจะรออะไร ไปดิไป 5555 แว๊นมอไซด์ไปอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 2โลอยู่ตรงข้ามกับห้างจังซีลอน แค่ผ่านได้ยินเสียงดนตรีอึกกะทึกครึกครื้น ต้องเดินเข้าไปดูซะหน่อย
เดินเข้าไปคนเยอะมาก สองข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นผับ บาร์ ร้านอาหาร
ชื่อถนนคนเดิน Bangla walking street
คงไม่ต้องอธิบายนะทำไมคนถึงเยอะ 555 ตอนแรกก็สงสัยว่าเอ๊ะทำไมคนเยอะจัง คือมีแบบนี้หลายร้าน บางร้านก็หญิงแท้ บางร้านก็เทียม 555 ผมแค่เดินผ่านๆเฉยนะ อิอิ เอาเป็นว่าลงรูปเดี๋ยวพอเนอะเพื่อการรีวิว ถ้าใครชอบแบบนี้ไปแล้ว บอกเลยไม่ควรพลาด ถถ555
บ๊ะเจ๋งแท้
หาดป่าตองยามค่ำคืน เดินทะลุจากถนนคนเดินมา คืนนี้เราคงพอแค่นี้ กลับที่พักนอนZzz วันรุ่งขึ้นผมมีเดย์ทริปไปเกาะรอก ถ้ารีวิวสองเกาะพร้อมกันเกรงว่าจะยาวไป 555 เลยจะเอารูปสถานที่ในภูเก็ตที่ผมไปก่อนกลับมารีวิวต่ออีกหน่อย อิอิ
เช้าวันรุ่งขึ้นผมขอยืมมอไซด์ของที่พักไปถ่ายรูปวิวก่อนกลับซะหน่อย นี่คือจุดชมวิว 3 อ่าว จะมองเห็นหาดกะตะน้อย หาดกะตะ และหาดกะรน
แหลมพรหมเทพ เค้าว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดในเมืองไทย ผมเสียดายวางแผนผิดพลาดไปหน่อยเลยไม่มีโอกาสได้เห็น ถ้ามาถ่ายตอนพระอาทิตย์ตกดินคงจะดีงามไม่น้อย สรุปเอาขาตั้งกล้องมาแทบไม่ได้ใช้ อุตส่าห์แบกมาหลังแทบหัก 555
จุดชมวิวกังหันลม
เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินอีกที่อยู่ใกล้ๆแหลมพรหมเทพเลย จริงๆเวลาเที่ยวภูเก็ตน้อยมากเนื่องจากวางแผนผิดพลาดถ้ามีเวลาเที่ยวสัก 1 วันเต็ม ยังมีอีกหลายที่ ที่ยังไม่ได้ไป ไว้มาคราวหน้าจะกลับมาแก้ตัวใหม่โดยเฉพาะที่แหลมพรหมเทพตอนพระอาทิตย์ตกดิน
ระหว่างทางขี่รถกลับเห็นหาดอะไรไม่รู้สวยดี ดูเงียบสงบ จำไม่ได้ว่าหาดกะตะหรือหาดกะรน เลยจอดถ่ายรูปซะหน่อย แล้วก็กลับ
วันก่อนกลับผมติดต่อกับพี่แหม่มเจ้าของที่พักไว้ ให้จองรถตู้ไปสนามบินรอบ 10.30 น. รถจะมีเกือบทุกชม.มารับถึงที่พักเลย
ค่ารถ 200 บาท
>>ถึงเวลาบ๊ายบายThe Frutta boutique ป่าตอง หมดเวลาสนุกแล้วสิ เฮ้อเวลาทำไรสนุกๆทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง
บายย ลาก่อนนะภูเก็ตถึงเวลาต้องกลับแล้ว ไว้มีโอกาสจะกลับมาเที่ยวใหม่ ขามา มาAir Asia ขากลับ กลับNok Air 5555 เท่ปะละ อิอิ เอาเป็นว่าจบทริปแค่นี้ ขอบคุณนะครับที่อ่านมาจนจบ ผมก็ยังเป็นมือใหม่หัดรีวิว ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใดหรือรีวิวอาจจะยาวไป 555 ต้องขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยครับ ไว้จะเอาไปปรับปรุงต่อให้ดีขึ้น เอาเป็นว่าจบตรงนี้เนาะ ใครอยากสอบถามอะไรติดต่อหลังไมค์ที่ Facebook : Sarun Sudnum ครับผม
แล้วมาติดตามกันต่อไปในรีวิวเกาะรอกนะครับ ^^
อยากเที่ยวก็เที่ยว
วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.57 น.