หลังจากมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับ AMAYA Food Gallery เป็นครั้งแรกที่ Amari Koh Samui เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา ... ครั้งนี้ได้รับโอกาสดีๆอีกครั้งจาก Amari เพื่อลองใช้บริการ"AMAYA Food Gallery" ใจกลางเมืองกรุงกันบ้างค่ะ ณ Amari Watergate Bangkok (ประตูน้ำ) หลังจากได้มีการปรับปรุงและเปิดให้บริการได้ประมาณ 1 เดือน โดยเราได้รับเชิญร่วมรับประทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์มื้อเย็นในฐานะสื่อค่ะ

หมายเหตุ : ได้เข้าใช้บริการเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560

สำหรับ AMAYA Food Gallery นี้ ถือเป็นห้องอาหารต้นแบบสำหรับเครืออมารีค่ะ และทางอมารีจะทำการปรับเปลี่ยนห้องอาหารทั้งหมดของโรงแรมในเครือ ให้เป็น AMAYA ซึ่งจะมีความเหมือนหรือแตกต่างกับที่ Amari Koh Samui ที่เราเคยไปสัมผัสมาแล้วอย่างไร จะเล่าให้ฟังในรีวิวนี้ค่ะ

อ้างอิงรีวิว Amari Koh Samui >> https://goo.gl/yozAhV


AMAYA Food Gallery -- Amari Watergate Bangkok
https://www.facebook.com/AmayaBangkok/


ความเหมือน ....

AMAYA Food Gallery ยังคงคอนเซ็ปต์และยึดแนวทางของความเป็น Street Food ซึงถือเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นทางอาหารอย่างหนึ่งของประเทศแถบอาเซียน ด้วยรถเข็นขายอาหารและร้านค้าอาหารข้างทางที่พบได้มากมายรายทาง ซึ่งร้านค้าและรถเข็นเหล่านี้มักจะเป็น"ครัวเปิด" ... และที่ AMAYA ก็เช่นกัน

ที่ AMAYA เน้นครัวเปิด เพี่อให้มองเห็นเชฟปรุงแต่งทำอาหารได้อย่างสะดวก และที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ เราสามารถพูดคุยกับเชฟ ขอให้ปรุงอาหารจานพิเศษด้วยวัตุดิบที่มีอยู่ คุณสามารถสร้างสรรค์เมนูอาหารด้วยตัวเองได้ (ติดไว้ก่อน เดี๋ยวนำอาหารจานพิเศษมาให้ชมกันช่วงหลังของรีวิวนี้ค่ะ)

นอกจากนี้ การตกแต่งของห้องอาหารยังคงเน้นสีสันความสดใสและความสนุกสนาน แต่รูปลักษณ์ความเป็น"เอเชีย"ไม่ได้ขาดหาย ยังคงเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของอมารี ตามคำจำกัดความที่ว่า“อมารี สีสันและจังหวะแห่งเอเชียสมัยใหม่" หลังจากมีการ rebranding อมารีในหลายๆแห่งด้วยรูปโฉมที่ดูทันสมัยมากขึ้น

ความแตกต่าง ....
AMAYA Food Gallery ที่ Amari Watergate Bangkok เน้นให้บริการอาหารแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น โดยมีความพิเศษช่วงคืนวันศุกร์ที่เป็น Seafood Night และวันอาทิตย์เป็น Sunday Brunch (ในส่วนของ Amari Koh Samui จะเน้นแบบ a la carte และจะมี theme เช่น Beach BBQ ในช่วงเย็นบางวัน)

สำหรับครั้งนี้ เรามีโอกาสได้รับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์มื้อเย็นในส่วนของ “Seafood Night คืนวันศุกร์" ... มาชมกันเลยดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรดีๆ น่าสนใจบ้าง ^^


พิกัดของ AMAYA Food Gallery ที่ Amari Watergate Bangkok จะอยู่ที่ชั้น 4 ค่ะ





พื้นที่ตรงกลางห้องอาหารจะเป็นโถงโล่ง มองลงไปเห็น lobby ชั้นล่างได้ และด้วยห้องอาหารที่เน้นเพดานสูงโปร่งเลยทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด การตกแต่งของผนัง-กำแพงที่สูงชะลูด การเล่นแสงไฟก็ดี ตรงจุดนี้เราชอบเป็นการส่วนตัวเพราะให้ความรู้สึกถึงความแกรนด์ (ไม่รู้จะอธิบายคำพูดอย่างไรดี)



มุมอาหารแต่ละสัญชาติ จัดสรรแบ่งส่วนพื้นที่ได้อย่างลงตัว

บางจุดอาจจะดูไกลกันไปหน่อย แต่ก็ถือเป็นข้อดีที่ช่วยลดความแออัดในแต่ละมุมอาหาร

มุมแรกขอยกให้พี่ไทย อาหารประจำบ้านเราก่อนค่ะ ... มุมนี้ผนังตกแต่งด้วยสีสันสดใส ประดับด้วยภาพโปสเตอร์หนังยุคเก่า แต่ดูไม่เก่า (เอ๊ะ ! ยังไง??) ก็เพราะด้วยสีสันสดใส ฉูดฉาดนี่แหละ นอกจากอาหารไทยเรียงรายที่มีให้เลือกตักตามอัธยาศัย อาทิ เช่น ยำหัวปลี หูหมูแก้ว ฯลฯ ก็ยังมีซุ้มอาหารที่ทำใหม่ๆจานต่อจาน เช่น ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยวทะเล ฯลฯ ... และในบริเวณเดียวกัน ยังมี"มุมอาหารจีน"เล็กๆ อย่าง ขนมจีบ ซาละเปา ฮะเก๋า ฯลฯ



มุมถัดมา "Grill Station" เน้นอาหารแบบย่างร้อนๆจากเตา ... มีทั้งเมนูเนื้อแกะ เนื้อวัว ฯลฯ
มุมนี้มีภาพประกอบไม่เยอะเท่าไหร่ค่ะ เพราะขายดีจนเก็บภาพมาไม่ทัน



ถัดมาอีกนิดนึง เป็น "มุมอาหารอินเดีย"ค่ะ สารภาพว่าไม่ได้ลองชิมเลย เพราะทานไม่เป็น ^^" ... แต่ก็ยังเก็บข้อมูลมาฝากกันนะ มุมนี้ที่ขาดไม่ได้เลยคือ นาน(หรือขนมปังอินเดีย) ตามมาด้วยแกงถั่วอินเดียและแกงชีสอินเดีย เมนูอินเดียอาจจะไม่ได้หลากหลายมาก แต่ก็ถือว่าไม่ขาดหายค่ะ อาหารมุมนี้จัดเป็นอาหารฮาลาลทั้งหมด

++ แป้งนาน ++



เดินวนกันมาจนถึงกลางห้องอาหารแล้ว กับมุมที่เราเดินวนตักมากที่สุด เดินวนอยู่หลายรอบ ... ก็นะ มาคืนวันศุกร์ซึ่งเป็น Seafood Night ทั้งที ไฮไลท์เขาก็อยู่ตรงนี้นี่แหละ นั่นก็คือ "มุมอาหารทะเล" !!!



ขาปูยักษ์ ปูม้า หอยนางรม หอยแมลงภู่ หอยเชลล์ หอยตลับ ปลาหมึก กุ้งแม่น้ำ(ไซส์กลางๆแต่ตัวอ๊วบอวบ) กั้ง ฯลฯ .... หูยยย !! คลอเรสเตอรอลขึ้นก็ยอมล่ะค่ะ คุณขา!!! คือดีงามตามประสา seafood lover อย่างเรา ... เคยไปทานขาปูยักษ์บางที่ จะออกเค็มไปนิดเหมือนแช่น้ำเกลือมา แต่ที่นี่คือดี รสชาติถูกปากแถมสดดีด้วย



ส่วนหอยนางรมนี่มีสารพัดแบบมาก

ทั้งจากทะเลบ้านเรา และแบบนำเข้า เช่น Korean Oyster, Irish Oyster, Australian Oyster ฯลฯ


สำหรับเมนูปู มีทั้งขาปูยักษ์ (Alaska King Crab) และปูม้าค่ะ

ความเห็นส่วนตัว ถ้ามีเมนูปูนิ่มเพิ่มเข้าไปอีกสักนิด จะทำให้รู้สึกว๊าวววมากขึ้น


ส่วนกั้งแบ่งออกเป็น Andaman กับ French




มาดูตระกูลหอยกันบ้าง ถือว่าหลากหลายพอสมควร มีทั้งหอยนางรม หอยแมลงภู่ หอยเชลล์ หอยตลับ ฯลฯ แต่ที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ"หอยแครง"ค่ะ ดูไม่น่าจะแปลกใช่มั๊ย!? แต่เราเป็นคนที่ชอบทานบุฟเฟ่ต์มากๆคนหนึ่งและโปรดปรานอาหารทะเล... ขอบอกว่าเจ้าหอยแครงเนี่ย ไม่ค่อยจะพบเห็นในรูปแบบบุฟเฟ่ต์บ่อยๆเท่าไหร่นัก เลยปลื้มกับเมนูนี้เป็นพิเศษ แถมลวกมาได้กำลังดี เนื้อแดงๆสดๆได้ที่ เข้ากันได้ดีกับการเสิร์ฟแบบเย็นหรือวางบนน้ำแข็ง (on ice)



นอกจากอาหารทะเลหลากหลายแล้ว ที่เคาน์เตอร์เดียวกันยังมี มุมอาหารญี่ปุ่น จำพวกซูชิและปลาดิบด้วยนะคะ



ข้ามมาเคาน์เตอร์ถัดไป จะเจอกับ"มุมของหวาน"ค่ะ ... แต่เดี๋ยวก่อน ! ยังสาธยายของคาวไม่หมดเลย เพราะฉะนั้นขอข้ามมุมนี้ไปก่อน ไปยัง "มุมอาหารอิตาเลี่ยน"ค่ะ ออกจะปลีกวิเวกแยกตัวออกมาจากมุมอาหารอื่นๆไกลสักนิดนึง อย่างโต๊ะอาหารก็ดีมีรูปแบบและเอกลักษณ์เป็นของตัวเองชัดเจน ไม่เหมือนมุมอื่นๆและอยู่ใกล้ๆกับห้องเก็บไวน์ค่ะ



หากใครต้องการความเป็นส่วนตัว

เขาก็มีห้องทานอาหารส่วนตัวสำหรับแขกกลุ่มใหญ่ซึ่งรองรับได้สูงสุดได้ถึง 20 คน อยู่ใกล้ๆโซนนี้ค่ะ


++ ห้องส่วนตัว ++


อาหารที่สะดุดตาสำหรับมุมนี้ คงเป็น lobster อบชีสค่ะ ... นอกจากนี้ยังมีสารพัดชีสให้ได้ลิ้มลอง และที่ขาดไม่ได้เมื่อนีกถึงอาหารอิตาเลี่ยนคือสปาเก็ตตี้และพิซซ่า หนึ่งในเมนูโปรดของเราก็สปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่าค่ะ



ชอบชีสเป็นทุนเดิม เลยขอให้เชฟปรุงอาหารจานพิเศษให้ (อย่างทึ่เกริ่นไว้ เราสามารถสร้างสรรค์ได้ตามความต้องการ ถ้าทำได้ เชฟเขาจัดให้ค่ะ !!!) … เลยสั่งหอยอบชีสมา 1 จาน เชฟจัดมาให้ทั้งหอยเชลล์และหอยแมลงภู่ ทานตอนกำลังร้อนๆชีสเยิ้มๆ … หูยยย ช่างดีงามซะจริงๆ



หลังจากฟาดของคาวมา(เกือบครบ)ทุกมุม ก็ปิดท้ายกันที่ของหวานค่ะ ซึ่งมีทั้งน้ำแข็งไส เค้ก ขนมไทย(ทองหยิบ กล้วยบวชชี ฯลฯ) ผลไม้ ไอศกรีม เครปซูเซต ช๊อกโกแลตฟองดูว์



และที่เพิ่งเคยเห็น ได้ลองชิมเป็นครั้งแรก คือเมนูนี้ค่ะ “กุหลาบ จามุน" (Gulab Jamun)



ด้วยความสงสัย เลยลองถามพนักงานว่าคืออะไร?? ถ้วยนี้คือของหวานแบบอินเดียค่ะ เป็นก้อนแป้งผสมนมปั้นกลมๆ ทอดในเนยกี (Ghee) ใส่ในน้ำเชื่อมรสหวานฉ่ำ แต่แอบร้อนด้วยเครื่องเทศ (อารมณ์คล้ายๆทานบัวลอยงาดำ แต่ไม่ใช่ร้อนเพราะน้ำขิง)


สำหรับมุมของหวานนี้ จุดเด่นขอยกให้กับ "น้ำแข็งใส"ค่ะ เพราะมีน้ำเชื่อมให้ใส่หลากรสมาก รวมถึงเครื่องต่างๆสารพัดอย่าง ไม่ต่ำกว่า 40 ชนิด อาทืเช่น ลอดช่อง ทับทิมกรอบ วุ้นมะพร้าว มันเชื่อม ลูกตาล ฝอยทอง ลำใย แปะก๊วย เผือก ซาหริ่ม พุทราเชื่อม เฉาก๊วย เม็ดแมงลัก ฯลฯ ... และได้ยินมาว่าถ้าเป็น Sunday brunch จัดหนักยิ่งกว่านี้อีกค่ะ มีเครื่องเยอะมากกว่า

เห็นแล้วน่าทานมาก จนอยากให้มีบุฟเฟ่ต์น้ำแข็งใสอย่างเดียวบ้าง บอกเลยค่ะว่าจะไม่ยอมพลาด ตามประสาคนชอบทานของหวาน เพราะเครื่องเขาเยอะจริงจัง ... เคยเห็นแต่บุฟเฟ่ต์เค้ก บุฟเฟ่ต์ไอศกรีม อยากให้มีบุฟเฟ่ต์เฉพาะแบบนี้บ้างจัง


จบของคาวและของหวานไปแล้ว ขอเก็บตกกันที่มุมเครื่องดื่ม ที่ " AMAYA Bar" เป็นการทิ้งท้ายค่ะ … ความพิเศษของเครื่องดื่มที่นี่ คือ “Sharing Cocktails"ค่ะ



คุณคงจะเคยเห็นเครื่องดื่มในถังใบใหญ่มาบ้าง แต่ที่นี่ใหญ่ยิ่งกว่าถังอีกค่ะ มีทั้งโหลกลม โหลเหมือนขวดยาดองใหญ่ๆ สามารถแบ่งทานกันได้ถึง 4 คน(หรือมากกว่านั้น)เลยทีเดียว แต่หากไปคนเดียวหรืออยากลองดื่มหลายๆอย่างก็ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะสามารถเลือกปริมาณตามต้องการได้ว่าสำหรับคนเดียวหรือหลายคน



ต้องบอกก่อนว่าเครื่องดื่มต่างๆ จะไม่ได้รวมอยู่ในราคาอาหารบุฟเฟ่ต์นะคะ สั่งเพิ่มต่างหากตามความต้องการ ... ยกตัวอย่างเมนูเครื่องดื่มนี้มีชื่อว่า “Our Sweet Earth" ถ้าสั่งสำหรับคนเดียวก็แก้วละ 250++บาท แต่ถ้าสั่งชุดใหญ่โหลละ 500++บาท สีสันหวานแหวว ดูเหมือนขนมหวานมากกว่าจะเป็นค๊อกเทลด้วยสายไหมแบบไทยๆที่ใส่เพิ่มสีสันลงไป (อันนี้ขอไปถ่ายภาพโต๊ะข้างๆมา ไม่ได้ลองชิมเอง)



ส่วนของเรา สั่งโหลนี้มาลองชิมค่ะ “Is this love?" สนนราคาโหลละ 500++บาทเช่นกัน หน้าตาช่างละม้ายคล้ายคลึงกับ sangria เครื่องดื่มยอดนิยมของชาวสเปน แต่เท่าที่ลองชิมดู แอลกอฮอลล์ไม่แรงเท่า sangria ค่ะ



อ่านส่วนผสมดูไม่มีไวน์แดงนะคะ ซึ่งจุดนี้ต่างกับ sangria ... แต่โหลนี้เด่นด้วยกลีบดอกกุหลาบที่นำมาโรยด้านบน ต้องเขย่าขวดโหลก่อนรินใส่แก้ว เท่าที่ลองเทดู รินได้ไม่ต่ำกว่า 8 แก้ว เฉลี่ยแก้วละ 50++บาท เราว่าคุ้มค่ามากทีเดียวค่ะ สำหรับคนที่อยากดื่มกับเพื่อนกลุ่มใหญ่แล้วแบ่งปันกัน



ชมเมนูแก้วใหญ่มาบ้างแล้ว มาดูแก้วเล็กๆกันบ้างค่ะ มีโอกาสได้ลองชิมค๊อกเทลที่ชื่อว่า"A Shore Thing" (ขออภัยไม่มีรูปประกอบ ไม่ได้เก็บภาพมาค่ะ) เป็นค๊อกเทลที่มีกลิ่นหอมมาก เพราะใส่ saffron ผสมลงไป ทานแล้วกลิ่นหอมติดปลายลิ้น ติดใจในความหอมกรุ่นเลยอยากแนะนำค่ะ



++ ในภาพเป็นแชมเปญ และ Mocktail ชื่อว่า mellow-up ++


หากใครไม่อยากจัดหนักถึงขั้นรับประทานอาหาร จะแวะมา "AMAYA Bar" เพื่อแค่ลองเครื่องดื่มเก๋ๆมีสไตล์และเอกลักษณ์ จะหามุมนั่งดื่มเบาๆ จะพูดคุยสังสรรค์ หรือหนีช่วงเวลารถติดยามเย็น ... จะแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น



//////////////////////////////////////////////////////


การเดินทางไป Amari Watergate Bangkok อาจจะไม่ได้อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า แต่อยู่ระหว่างกึ่งกลางของสถานีรถไฟฟ้าชิดลมและ Airport Link สถานีราชปรารภ อยู่เยื้องๆกับห้าง Platinum ประตูน้ำ สามารถเดินไปจาก CTW ประมาณ 10 นาที ... สำหรับคนที่มีรถส่วนตัว สามารถ stamp บัตรจอดรถที่ห้องอาหารโดยจอดได้นาน 4 ชม.ค่ะ

สำหรับใครที่สนใจทานอาหารบุฟเฟ่ต์ที่ AMAYA Food Gallery รายละเอียดและราคาต่างๆในแต่ละวัน ตามนี้ค่ะ ...
* บุฟเฟ่ต์อาหารกลางวัน ราคา 950++ บาทต่อท่าน(เฉพาะอาหาร) ให้บริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 12:00 - 14:30 น.
* บุฟเฟ่ต์อาหารมื้อค่ำ ราคา 1,200++ บาทต่อท่าน(เฉพาะอาหาร) ให้บริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ (ยกเว้นวันศุกร์) เวลา 18:00 - 22:30 น.
* ซีฟู้ดบุฟเฟ่ต์ ราคา 1,500++บาท ต่อท่าน(เฉพาะอาหาร) ให้บริการเฉพาะวันศุกร์ เวลา 18:00 - 22:30 น. จ่ายเพิ่มท่านละ 650 บาท ++ สำหรับเครื่องดื่มไม่จำกัด (รวม house wine ทั้งไวน์ขาว-ไวน์แดง, น้ำอัดลม, น้ำผลไม้และน้ำเปล่า)

* ซันเดย์ บรันช์ ให้บริการเฉพาะวันอาทิตย์ เวลา 12:00 - 15:30 น.
// 1,800++ บาทต่อท่าน (เฉพาะอาหาร)
// 2,499++ บาทต่อท่าน รวมน้ำดื่ม ซอฟดริงค์ น้ำผลไม้ ชาและ กาแฟ
// 2,999++ บาทต่อท่าน รวมน้ำดื่ม ซอฟดริงค์ น้ำผลไม้ ไวน์แดง ไวน์ขาว และ สปารค์กลิ้งไวน์ ไม่จำกัด
// 3,500++บาทต่อท่าน รวมน้ำดื่ม ซอฟดริงค์ น้ำผลไม้ ไวน์แดง ไวน์ขาว และ สปารค์กลิ้งไวน์ และ แชมเปญ ไม่จำกัด

หมายเหตุ : ราคา ++ ยังไม่รวม 10% service charge และ VAT 7%

สำรองที่นั่ง ...
หมายเลข 02-653-9000 ต่อ 355 หรือ 356 (อมาญา ฟู้ด แกลเลอรี่)
หรืออีเมล์ [email protected]

** พิเศษ !! โปรโมชั่นส่วนลด 40% จากราคาปกติสำหรับอาหารบุฟเฟ่ต์ ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560 **
เพียงสำรองที่นั่งล่วงหน้า และแจ้งว่าจาก"แฟนเพจ Nina's Journey" รับส่วนลดทันที 40% จากราคาปกติ (เฉพาะบุฟเฟ่ต์ ไม่รวมเครื่องดื่ม) โดยไม่จำกัดจำนวนคน จะไปกัน 10 ... 20 ... 30 คนก็ได้ค่ะ
http://www.facebook.com/NinaJourney

สุดท้ายนี้ ขอความอิ่มอร่อยจงบังเกิดแก่ทุกท่าน
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ

Nina's Journey

 วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 07.58 น.

ความคิดเห็น