อัพอย่างเร็วรี่ เพราะเพิ่งกลับมา เร็วกว่านี้มีอีกมั้ยเนีย 555

กับทริปต่างประเทศอินเดียครั้งแรกของเรา 7-12 มีนาคม 2560 ค่ะ

รีวิวแรกๆ นี้ขอลงเป็น 12 จุดไฮไลท์เมืองชัยปุระที่ได้ไปเยือนกอนละกันเนอะ ที่ละ 2-3 รูปก็ว่ากันไป

จริงๆ ไปหลายคืนขนาดนี้ถ่ายภาพมาประมาณเกือบ 800 ภาพค่ะ แฮร่ รีวิวนี้จึงเอาแค่เนื้อๆ ไปก่อน

ส่วนน้ำๆ หรือภาพเก็บตกไว้วันหน้าแบบละเอียดๆ ล่ะกันน้าาา



เที่ยวอินเดีย เมืองชัยปุระ ง่ายดายด้วยสายการบิน Thai Smile Airways ได้เปิดเส้นทางใหม่ กรุงเทพฯ-ชัยปุระ

เริ่มต้นเที่ยวบินละ 4,510 บาท (รวมค่าธรรมเนียมแล้ว) ทำให้เมืองสีชมพูอยู่ใกล้แค่เอื้อม ควรค่าที่จะไปเยือนกันสักครั้ง

เราเพิ่งไปมาสดๆ ร้อนๆ เลยเอามาลงให้ดูก่อนว่ามีสถานที่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวสุดอลังการให้ได้ไปเยี่ยมเยือนมากมาย พร้อมทั้งยังมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมให้ได้สัมผัส คัดมาให้ชมกัน 12 แห่งด้วยกันค่ะ


ไปชัยปุระในครั้งนี้ ได้รู้จักประเทศอินเดียในมุมมองใหม่ๆ มากขึ้น สำหรับคนชอบท่องเที่ยวดูของแปลกตาใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนบ้านเรา ทั้งผู้คน การใช้ชีวิต รวมทั้งการถ่ายภาพแนว Life หรือ Street ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงนะคะ

ไปทำวีซ่าวันอังคารที่แล้วได้เล่มวันจันทร์ วันอังคารก็บินเลยจ้าาา เร็วดีเนอะ

เราไม่ได้แลกตังค์ไปด้วยแหละ กะจะไปแลกที่สนามบิน ปรากฏว่าเงินรูปี อินเดียไม่มีให้แลก

ต้องแลกเป็นเงินดอลล่าไปก่อนแล้วค่อยไปแลกรูปีที่สนามบินชัยปุระนู้น แต่ก็ปรากฏว่า พอถึงสนามบินเค้าแล้ว ลืมค่ะ 555


ใช้เวลาบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ บินตรงสู่ชัยปุระ ใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมง

มื้อสุดท้ายอาหารไทยที่อร่อยที่สุดบนเครื่องบิน กุ้งล้วนๆ หมดทุกคำ ก่อนจะไปเจออาหารอินเดีย 11 มื้อในโรงแรม

และอีก 1 มื้อพร้อมแสดงโชว์บนภัตาคารสุดหรูแต่ก็ไม่ได้ทำให้เราชอบอาหารอินเดียขึ้นมาเลย 555


ที่พักของเราทริปนี้ก็ไม่ได้ขี้เหร่นะจ๊ะ ที่พักระดับ 4 ดาว ติดกับห้างเลยมีเวลารีแลกซ์เดินทางสะดวกมาก ด้านข้างก็ห้าง

ตรงข้ามก็เป็นห้างเหมือนกัน โรงแรมนี้มีชื่อว่า Fortune Hotel พวกเรานอนที่นี่ 4 คืนค่ะ


เวลาที่อินเดียช้ากว่าไทยราวๆ 1 ชั่วโมง ทำให้เวลาชีวิตเปลี่ยนเล็กน้อย ตื่นสายได้นอนดึกได้

และทริปนี้มีเวลาได้กลับมานอนกลางวันอีกด้วยนะเออ 555

ยาดม ยาหม่องพร้อมลุย เราพกยาดมมาด้วย แต่พอเวลาต้องการใช้ ยาดมกลับหายไป!!

ได้ดมกลิ่นรักแร้คนทางนู้นแทน 555

ตามด้วยขวดน้ำสักขวด แว่นตากันแดดสักอัน

กล้องพร้อม พร๊อพต้องพร้อมด้วยนะไปกันเล้ยยย



เคยเห็นแต่ในทีวี ในการ์ตูนขายหัวเราะมหาสนุก วันนี้เราได้มาเห็นของจริงแล้ว

ที่มาของคำว่า เจองูกับแขกให้ตีแขกก่อนงู

เพราะแขกที่นี่เค้าคาดหวังทิปมากด้วยนะคะ ว่าถ่ายรูปเขาแล้วต้องได้

ส่วนเรา ถ่ายรูปเสร็จเดินหนีค่ะเพราะตังค์ยังไม่ได้แลกไง 555

ทีนี่ขอทานจะเยอะมากเป็นพิเศษค่ะ เงินเราก็มีเยอะด้วย คือเงินเหรียญบาทนะ 555 ไม่รู้เตรียมมาทำไมเยอะมาก

เพื่อการนี้โดยเฉพาะหรือป่าว อิอิ


บนถนนอินเดีย ไม่มีการแบ่งชนชั้นน่ะบริเวณนี้ ช้าง ม้า วัว อูฐ หมูอ้วนๆ หรือหมาผอมๆ วิ่งเล่นสัญจรร่วมกับรถไปได้หมด 555

และเสียงแตรดังมากกกก ดังสนั่นหูตลอดเวลา วินัยจราจรเค้าไม่มีน่ะแต่ช่วงที่เรานั่งรถสามล้อ

หรือไม่รถตุ๊กๆ เนี่ย ก็กลับมารอดปลอดภัยได้แบบเซียนจริงๆ

มากันเล้ยย จุดแรก ที่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเมืองชัยปุระ

สาวเกงแดงมาอย่างเท่ อิอิ

โดดเด่นเป็นสง่า ด้วยการมาเยือน Hawa Mahal (พระราชวังสายลม)

ฮาวา มาฮาล (Hawa Mahal) มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า พระราชวังสายลม (The Palace of Wind) เป็นส่วนหนึ่งของพระรางวังซิตี้พาเลซ เรียกได้ว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยที่นี่มีสถาปัตยกรรมสุดโดดเด่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1799 โดย Maharaja Sawai Pratap Singh ตัวอาคารเป็นสีชมพูอมส้ม สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพูและสีแดง บริเวณอาคารด้านหน้าจะเป็นตึก 5 ชั้น มีลักษณะคล้ายกับรังผึ้ง

โดยจะมีหน้าต่างบานเล็ก ๆ ตกแต่งอย่างงดงามด้วยลายฉลุ ยามเช้าจะมีแสงสะท้อนที่สวยงามสุด ๆ

มาตอนเช้าจะสวยนะคะ แต่เราได้ผ่านที่นี่ทุกวันเลยค่ะ ได้แวะลงเยือนถึง 2 ครั้ง


จุดที่ 2 ขี่ช้างๆ ขึ้นป้อมราการกัน คนละ 100 รูปี บ้านเราก็ราวๆ 50 บาท เอาเงินรูปีหาร 2 หมดจะเป็นเงินไทยนะคะ ราคานี้คือค่าทิปนะคะ ถ้าเป็นราคาขึ้นช้างจริงๆ จะเก็บคนละ 600-700 รูปีค่ะ แต่เราไปเป็นทีมในนามทัวร์ด้วยเค้าจัดการหมดเราจึงควักให้แค่ทิปเท่านั้นเอง


ระหวางนั่งช้าง ก็โงนเงนๆ ไปด้วย สนุกและตื่นเต้นดีค่ะ เราไม่เคยนั่งหลังช้างมาก่อนเลย

เพิ่งเคยมานั่งแบบนี้ ท่านี้ จะทดน้ำหนักกันยังไงล่ะเนีย ก็เขาให้นั่งกันท่านี้ไง 555



ขึ้นชม Jaigarh Fort และ Amber Fort

ป้อมไจการห์ (Jaigarh Fort) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1726 ในสมัยมหาราชาสะหวายจัย ซิงห์ที่ 2 เพื่อคุ้มกันเมืองแอมแมร์จากผู้รุกราน และด้านบนมีปืนใหญ่ (Cannon) ที่มีน้ำหนักถึง 50 ตัน โดยเชื่อกันว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

เราไม่ได้ถ่ายปืนใหญ่มานะ เพราะไม่รู้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเราเห็นว่า ที่ป้อมแถวหน้าสนามหลวงบ้านเราก็ใหญ่แล้วไง 555



อากาศข้างบน Amber Fort เย็นสบ้ายยย สบาย ไม่ร้อน ช่วงที่เราไปเนี่ย ถือว่ายังเป็นฤดูหนาวของอินเดียนะคะ

อากาศกลางวันราวๆ 23-29 องศาเท่านั้นเอง แต่แดดไม่ร้อนอ้าวๆ แบบบ้านเราอ่ะ

ส่วนกลางคืนต่างกันลิบอยู่ที่ 15-18 องศาเท่านั้นเอง เริดดดด

วิวข้างบนนี้เลยสวยเป็นพิเศษ ในมุมสูง

มีจุดถ่ายภาพสวยๆ แนวๆ บนนี้เพียบเลย ใครๆ ก็ชอบ



คุ้มค่ากับการมาเยือนจริงๆค่ะ เพราะได้ภาพสวยๆ กลับไปกันทุกคน อิอิ


ลงมาเบื้องล่างด้วยการนั่งรถจิ๊บลงมาย้อนกลับมาเก็บภาพกันหน่อย ให้เห็นความอลังการงานสร้างแค่ไหน

ของ Jaigarh Fort และ Amber Fort ที่เราได้มีโอกาสได้ขึ้นไปเยือนข้างบนมาแล้ว


สถาปัตย์ต่างๆ จะมีกำแพงรอบเมืองชัยปุระ อันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของนครสีชมพู

เมืองชัยปุระ ซึ่งมีความหมายว่า นครแห่งชัยชนะ คนอินเดียเรียกเมืองนี้ว่า ไจปูร์ หรือ ไจเปอร์ รัฐราชสถานได้ชื่อว่า นครสีชมพู (Pink city) โดยที่มาของเมืองสีชมพูก็เนื่องจากในปีค.ศ. 1876 มหาราช ซาราม ซิงห์ (Maharaja Ram Singh) ได้มีรับสั่งให้ประชาชนทาสีชมพูทับบนสีปูนเก่าของบ้านเรือนตนเอง เพื่อแสดงถึงไมตรีจิตต้อนรับการมาเยือนของเจ้าชายแห่งเวลส์ (Prince of Waies)

3. ที่นี่เป็นอีกหนึ่งมรดกโลก แต่เราดูแบบงงๆ ก็มันงงจริงๆ แหละจ้าา

Jantar Mantar เป็นหอดูดาวที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 18 โดยมหาราชาสวาอี ชัยสิงห์ที่ 2 (Maharaja Sawai Jai Singh II)

สถาปัตยกรรมของที่นี่ได้ผสมผสานระหว่างเรื่องราวของวิทยาศาสตร์และศิลปะให้เข้ากันได้อย่างลงตัว มหาราชาสวาอี ชัยสิงห์ที่ 2 ทรงใช้ที่นี่เป็นเครื่องมือในการคำนวณพระจันทร์ ดวงดาว และพระอาทิตย์ เพื่องานสำคัญต่าง ๆ ในสมัยนั้น ความสวยงามของ Jantar Mantar

ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2010



มีเป็นขีดเส้นๆ เหมือนนาฬิกาบอกเวลาตกฟาก บอกราศี บอกดวงของแต่ละราศีอีกด้วยนะ

เราว่ามันแปลกๆ ดีต้องดูตอนแดดจ้าๆ จะเห็นเงาพาดผ่านได้ชัดเจนมาก แต่เงาพาดมายังไงเราก็มองไม่ออกจริงๆ ค่ะ 555


4. พระตำหนักมูบารักมาฮาล (Mubarak Mahal) หรือ เวลคัมพาเลซ (Welcome Palace)


ถูกสร้างในปี ค.ศ.1899 เพื่อรับรองแขกบ้านแขกเมือง ที่นี่มีความโดดเด่นตรงที่มีการแกะสลักเสาหินอ่อนและมีประตูที่ทำแบบเท่ากันทุกสัดส่วน โดยตัวอาคารเป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบราชปุต อิสลาม และอังกฤษค่ะ ปัจจุบันนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องแต่งกายของมหาราชา และมหาราชินีในแต่ละยุคค่ะ นอกจากนี้ยังมีพวกข้าวของเครื่องใช้ในวังในสมัยก่อนจัดโชว์อีกด้วย อ้อ ภายในวังเค้าห้ามถ่ายรูปนะคะ

และมีทหารคอยอารักขาด้วย ดูแต่ตา มืออย่าต้องอีกต่างหาก ภายในจะเป็นภาพวาดการแต่งกายของราชาสมัยก่อนๆ ค่ะ

มีแท่นบัลลังก์ยิ่งใหญ่ด้วย เหมือนวังเก่าบ้านเราก็ห้ามถ่ายภาพเช่นกัน เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ

5. ตลาด Chowk market



ตลาด Chowk market ไม่พลาดกับการช้อปปิ้งมาเที่ยวอินเดียแลกเงินมาแล้วต้องจ่ายให้หมดนะคะเพราะขี้เกียจไปแลกคืนทางสนามบินไม่รับแล้วจ้า

เราหน้าแตกมาแหละ 555 ต้องไปแลกคืนที่ซุปเปอร์ริชในเมืองเท่านั้น ฉะนั้นๆ ไหนๆ ก็แลกเงินอินเดียมาแล้วช้อปค่ะช้อป

ทางนี้มีสินค้าหลากหลาย เสื้อผ้า กระเป๋าปักเลื่อม ผ้าคลุมเตียง การ์ด ของฝากถูกใจ ต่อรองราคากันสนุกไปเล้ยยยย

แต่เราก็แทบไมได้ซื้อไรมานะ เสื้อผ้าก็เป็นกางเกงแดงที่เห็นไม่รู้จะมีโอกาสได้ใส่อีกหรือป่าว

ซื้อมาตัวละ 900 รูปีเกือบ 500 บาทไทย แต่พี่ไทยขายเหมือนตัวละ 199 ไงล่ะ 555

ได้มีโอกาสถ่ายภาพวิถีชีวิตผู้คนของอินเดียมาเยอะมาก มากเหลือเกิน

เลือกลงให้ดูล่ะกันเนอะ ใครชอบแนว Life ต้องไปจัดค่ะ



ถ่ายเสร็จเนี่ยไม่ได้ขอถ่ายเปล่าๆนะคะ มีตังค์แล้ว หมายถึงเรามีเหรียญบาทเยอะมาก

เอามาด้วยเพราะอะไรได้ใช้การนี้แล้วนะเธอ 555

เหรียญบาทตรารัชกาลที่ 9 ของเราอยูในมือพวกเขาแล้ว

ให้เป็นที่ระลึกแล้วกัน ให้แล้วก็ยังเรียกพรรคพวกมาอีก ดีนะไม่มารุมกระทีบเรา 555 ณ เวลานั้นเราไม่มีเงินรูปีจริงๆ กว่าจะหาแลกได้

ก็เอาเงินบาทไปก่อนนี่แหละดีแล้ว อิอิ

คนนี้หนุ่มขายดอกไม้ แต่เรากลับได้ดอกกุหลาบมาฟรีๆ ไม่พอ

ได้พวงมาลัยมาอีกพวงหนึ่งด้วยฟรีๆ มาโพสบอกเพื่อนว่าได้ฟรีมาก็ไม่มีใครยอมเชื่อว่าเราต้องจ่ายเงินหมด แหมมมม


บอกแล้วว่าให้เชื่อเสน่ห์สาวไทยหน่อยสิ เพราะเราสวย 555 มาถ่ายรูปคู่กันเป็นที่ระลึกกันหน่อย

ดอกไม้บ้านเขากลิ่นแรงมากค่าาาาา 555



6. อัลเบิร์ตฮอลล์ (Albert Hall) หรือพิพิธภัณฑ์กลางของเมืองชัยปุระ ที่สร้างตามสถาปัตยกรรมของอังกฤษ

โดยด้านในจะจัดแสดงวิถึชีวิตของชนกลุ่มน้อยในราชสถานค่ะ และยังมีห้องสมุด และภาพวาดแบบย่อส่วน (Miniature Painting)

ในสมัยของโมกถลให้เราได้ชมกันด้วย


จอดรถกันริมทางและถ่ายภาพกันได้เลยค่ะ นกจะเยอะมากเป็นพิเศษ เพราะมีข้าวโพดเยอะด้วยหรือป่าวนะแถวนี้

ฉากเบื้องหลังอลังการงานสร้าง ราวกับภาพวาดงดงามจริงๆ ค่ะ

เก็บภาพเป็นที่ระลึกร่วมกันกับผู้ร่วมทริปทั้งสิ้น 8 คนค่ะ

บล็อกเกอร์ 6 คนและทีมไทยสมายล์อีก 2 คน หน้าวัดแห่งหนึ่ง จำไม่ได้แล้ว ให้ถอดรองเท้ากันด้วย

เลยไม่ได้เข้าไปข้างในกัน อิอิ


7. เบียร์ล่ามันเดียร์ (Birla Mandir) หรือเรียกอีกชื่อว่า วัดลักษมีนารายัน (Laxmi Narayan) เป็นวัดฮินดูที่มีสีขาวโดดเ ด่นมาก

ที่นี่ถูกสร้างโดยมหาเศรษฐี ชาวอินเดีย ต้องถอดรองเท้าและเดินเข้าไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลสักครั้งเนอะ ไหนๆ ก็มาเยือนกันที่นี่แล้ว

ภายในห้ามถ่ายรูปและห้ามนำกระเป๋าเข้าไป ไปได้แค่ตัวกับเสื้อผ้าจริงๆ นะ


8. Ganesh Gate หรือว่าวัดพระพระพิฆเนศที่โด่งดังเป็นอันดับ 1 ของเมืองชัยปุระ

ซึ่งเมื่อขึ้นบันไดมาถึงประตูแล้ว ผู้ศรัทราจะทำการสั่นกระดิ่งเพื่อให้องค์เทพรับทราบการมาถึงของตัวเอง

9. Jal Mahal ใจมาฮาลแห่งนี้เป็นพระราชวังฤดูร้อนสำหรับบรรดาพระราชวงศ์

ล้อมรอบด้วยทะเลสาบ เพื่อช่วยระบายความร้อนในฤดูร้อน


Jal Mahal เป็นอีกหนึ่งพระราชวังที่มีความสวยงามน่าไปเที่ยวชม ความโดดเด่นของที่นี่คือตั้งอยู่กลางทะเลสาบ Man Sagar Lakeคนท้องถิ่นรวมทั้งนักท่องเที่ยวจึงเรียกกันว่า The Water Palace พระราชวังแห่งนี้สร้างโดยมหาราชาสวาอี ชัยสิงห์ที่ 2 (Maharaja Sawai Jai Singh II)

ตัวอาคารใช้หินทรายโทนสีเปลือกไข่ในการก่อสร้าง

ปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนให้ที่นี่เป็นร้านอาหารสุดหรูหรา จึงมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะไปเข้าเที่ยวชม

เพราะต้องนั่งเรือเข้าไป แต่นักท่องเที่ยวทั่วไปก็สามารถที่จะชมพระราชวังแห่งนี้ได้จากจุดชมวิว


จัดพร๊อพกันอย่างมันส์ พวกเรามาเยือนใจมาฮาล จ่ายคนละ 100 รูปีพร้อมได้รูปถ่ายด้วยนะ แต่งชุดอินเดียอย่างสมใจ อิอิ

โดยมีฉากหลังเป็น พระราชวังฤดูร้อนอันสวยงาม



10. อนุสรณ์สถานมหาราชาแห่งชัยปุระ (Royal Gaitor)


อนุสรณ์สถานมหาราชาแห่งชัยปุระ (Royal Gaitor) สร้างขึ้นในบริเวณที่ถวายเพลิงพระศพของมหาราชาแห่งชัยปุระ

เพื่อรำลึกถึงอดีตมหาราชาที่เคยปกครองเมืองชัยปุระ อนุสรณ์สถานแห่งนี้สร้างด้วยหินอ่อนเป็นรูปโดมแบบฮินดูสไตล์ของราชปุต มีความละเอียดและงดงามเป็นอย่างมาก ถ่ายภาพกันเพลินๆ เลยที่นี่ นักท่องเที่ยวไม่เยอะด้วยค่า

ว่าแล้ว นางแบบก็มา ^^


ถ่ายภาพมุมสูงยิ่งอลังนะคะ บอกเลย


11. อิซร์ลัต (Isar Lat) หรือเรียกว่า สวาร์กาสูลี (Swargasuli) เป็นหอคอยสูงที่มีสีเหลืองนวล

ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมืองชัยปุระ ดูดีดี โน่นๆ มีคนอยู่บนหลังคาด้วย ไปทำไรบนนั้น ลงมาๆๆ 555


แป้งสีๆ นี่เตรียมโดนๆๆๆๆๆ และก็โดนแบบไม่ได้ตั้งตัวด้วย มาเร็วมากกก


ที่นี่พวกเราถูกปาแป้ง เอ้ยไม่ใช่ถูกปะแป้งสีๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลสาดสีของอินเดีย Holi Festival ที่เพิ่งเริ่มกันในวันจันทร์ 13 มีนาคมนี้

แต่พวกเราโดนก่อนแล้ว ชาวอินเดียน่ารักดีค่า ยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับดีมาก

คล้ายๆ สงกรานต์บ้านเราแต่สีของเขาเหนียวมากเวลาโดนน้ำ ยิ่งเช็ดยิ่งเลอะ

เราน่ะได้ไปสนามบินกลับไทยสภาพหน้าเลอะๆ แบบนี้แหละ 555


12. รัมบักห์พาเลซ (Rambagh Palace) โรงแรมที่หรูหรา และแพงที่สุดในชัยปุระ


คณะเรามาเยือนที่นี่ก่อนกลับไทยค่ะ ไม่ได้มาพักโรงแรมนะคะ แต่มาชิมชา กินถั่วกันค่ะที่นี่ 555

รัมบักห์พาเลซ (Rambagh Palace) พระราชวังอีกแห่งหนึ่งของมห าราชาแห่งเมืองชัยปุระ

ซึ่งในปัจจุบันถูกดัดแปลงให ้กลายเป็นโรงแรมที่แพงที่สุดของชัยปุระ คณะเรามานั่งรีแลกซ์จิบชา กินถั่วกันทีนี่

ห้องน้ำก็ยังอลังด้วยนะ คืออลังวังเวงค่ะ นั่งเข้าส้วมไป เสียงเพลงโบราณๆ คลอมา รีบออกไปสิคะ รออะไร 555

แต่ภายในเค้าสวยจริงๆ สังเกตว่าจะมีแต่บรรดาคนชั้ นสูงเข้ามาใช้บริการนะคะ ก็อลังขนาดนี้นี่นา

คิดดูสภาพพวกเราแต่ละคนตามรูปข้างบนหลังถูกสีกันนะ เลอะขนาดไหน ก็ยังมานั่งเจ๋อๆ ในที่หรูๆ แบบนี้กันได้ 555

และอีกสถานที่สุดท้าย อันดับ 13 ที่เราไม่ได้เขียนบอกไว้ และถือว่าเป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือน

เพราะสวยงามคุ้มค่ากับการมาชัยปุระจริงๆค่ะ

ป้อมนราห์การห์ (Naharagrh Fort) หรือรู้จักกันดีในชื่อป้อมไทเกอร์ (Tiger Fort)


ป้อมนราห์การห์ (Naharagrh Fort) หรือรู้จักกันดีในชื่อป้อมไทเกอร์ (Tiger Fort) บนนี้สวยมาก เราชอบมากกกก

อากาศเย็นสบายค่อนข้างหนาวเลยก็ว่าได้ บนนี้ เรากะมาชมพระอาทิตย์ตก

แต่เฆฆเยอะไปหน่อย แต่ยังไงก็ได้เห็นแสงลอดเฆฆจากพระอาทิตย์อยู่นะ ด้านบนยังมีพระราชวังเก่าแก่หลงเหลือให้ชมอยู่บ้าง

เห็นแนวกำแพงเมืองชัดอย่างมาก ทั้งลมทั้งฝนพวกเราเจอกันวันนี้มันส์กันไปเล้ยยย

ซ้วย สวย มาแล้วประทับใจกับที่แห่งนี้จริงๆ ค่า




เธอเห็นกำแพงเมืองจีนนั้นมั้ย

เอ้ยมันใช่เรอะ นี่แหละคือกำแพงเมืองชัยปุระรอบเมืองของแท้

ถ่ายภาพเสร็จต้องรีบเก็บกล้องและวิ่งขึ้นตุ๊กๆค่ะ

เพราะฝนไล่ตามหลังมาแล้ว

แต่หารู้ไม่ว่า ฟ้าหลังฝนยิ่งสวยมากกกกก สำหรับที่แห่งนี้


คุ้มค่า คุ้มค่ากับการมาเยือน ชัยปุระ - อินเดียในครั้งนี้เหลือเกิน

4 คืนในอินเดีย ทำให้เราได้อะไรมากกว่าที่คิด ได้เรียนรู้วัฒนธรรม ได้รู้จักวิถีชีวิตชาวอินเดีย

ได้กล้าพูดภาษาอังกฤษกับคนต่างถิ่นจนรู้เรื่อง

ได้แอบเดินเล่นคนเดียว ถ่ายรูปเองช่างกล้า แต่มันส์ดีจริงๆนะ ทำไปแล้ว 555

ขอบคุณไทยสมายล์ที่มีบินตรงสู่ชัยปุระนะคะทำให้การเดินทางในครั้งนี้ เป็นเรื่องง่ายขึ้นมาทันที



และที่จะขอบคุณอีกหนึ่งคือ Pocket WiFi ของ GlobalWifi ขนาดพกพาแบตโคตรอืดนาน ให้เราไม่พลาดทุกการติดต่อทางโซเชียล

แม้กลุ่มเราในทริปจะพลัดหลงกันในสถานที่ต่างๆ เราก็ยังตามหากันเจอผ่านไลน์กลุ่มด้วยสัญญาณแรงครอบคลุม ช่วยได้มากจริงๆ ค่า

ใช้แล้วประทับใจอย่างมากเลย ชอบๆ พบกับทริปหน้าน้าาาทริปนี้ สนุกกันทุกคนๆ คอนเฟิร์ม ^^

ขอบคุณที่ติดตามชมค่ะ

Rinsa Yoyolive

RinSa YoyoLive

 วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.51 น.

ความคิดเห็น