.

.

สืบเนื่องจากผมได้ Voucher ที่พักฟรีที่ THE BEACH Heights Resort 3 วัน 2 คืน จากการร่วมสนุกผ่านทาง FB : PHUKET E-MAGAZINEจึงเป็นสาเหตุให้เกิดทริปนี้ขึ้น ผมทำการจองห้องพักไว้ล่วงหน้าร่วม 2 เดือน เพื่อจะรอโปรโมชั่น ของสายการบิน ไม่ว่าจะเป็นหางแดง นกแอร์ หรือบางกอกแอร์เวย์ ที่ปัจจุบันแข่งกันกดราคา จนเป็นผลดีกับผู้บริโภคอย่างเราๆ ทริปนี้ผมก็ไม่ได้ตั๋วถูกอะไรมากมาย แต่ก็ถือซะว่า ไปนอนเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ ท้ายสุดผมได้ตั๋วของบางกอกแอร์เวย์ ได้ราคาถูกกว่าแอร์เอเชีย 300 บาทครับ

จริงๆ ผมไปเที่ยวภูเก็ตบ่อยครั้งมาก เรียกได้ว่ากางนิ้วมือทั้ง 10 ออกมา ยังไม่พอนับเลย การมาเที่ยวภูเก็ตแต่ละครั้งก็มักจะไปเที่ยวแต่ที่เดิมๆ ทริปนี้ผมวางแผนคร่าวๆ ว่า วันแรกที่มาถึงภูเก็ต คงตะเวนเที่ยวบนเกาะภูเก็ตก่อน โดยจะพยายามหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยไป เช่น หาดไม้ขาว ขึ้นจุดชมวิวเขานาคเกิด ไปปิดท้ายวันที่แหลมพรหมเทพ ส่วนวันที่สองตั้งใจไว้ว่าจะซื้อ Package Tour ไปเกาะไข่ครับ

เหมือนโชคยังคงเข้าข้างผมอยู่ เพื่อนผมได้ร่วมสนุกผ่านทาง FB :TavelHolic biGbOy โดยการทายเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 แต่งวดนั้นไม่มีใครทายตรง รางวัลจึงตกไปสู่คนที่ทายได้ใกล้เคียง ซึ่งเป็นเพื่อนผมนั่นเอง ได้รับรางวัลเป็น Package Tour 1 day trip ที่เกาะไม้ท่อน โดยไปกับ Love Andaman ด้วยครับ

ทริปนี้ผมเลยได้พักฟรีที่ THE BEACH Heights Resort และ Package Tour 1 day trip ที่เกาะไม้ท่อน กับ Love Andaman นอกนั้นไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าเช่ารถขับ รวมถึงค่าอาหาร ควักกระเป๋าตัวเองครับ

ผมเดินทางกับ Bangkok Airwaysก่อนเดินทางทำการ Check in ผ่าน Web ของ Bangkok Airways เป็นที่เรียบร้อยครับ

เมื่อมาถึงสนามบิน แวะมา Drop สัมภาระกันก่อนครับ

ใช้เวลาไม่นาน เพราะแทบไม่ต้องต่อแถวเลย เนื่องจากทางสายการบินจัดเคาเตอร์สำหรับ Drop สัมภาระให้ผู้ที่ Check in ผ่าน Web มาแล้วครับ หลังเสร็จสิ้นภารกิจ ก็มุ่งหน้าสู่ Gate 7 เพื่อไปใช้บริการ Lounge ชั่วคราวของ Bangkok Airways เห็นว่า Lounge จะปรับปรุงเสร็จสิ้นเดือน ต.ค. นี้แล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าถึงเวลากำหนดแล้วจะเลื่อนไปอีกหรือเปล่า

เมื่อเครื่องขึ้นได้สักพัก ก็มีบริการอาหารว่างครับ

ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงสนามบินภูเก็ตแล้วครับ

เมื่อมาถึงสนามบิน ผมโทรประสานกับบริษัทรถที่ติดต่อไว้ ครั้งนี้ผมใช้บริการเช่ารถผ่าน FB : รถเช่าภูเก็ตและทัวร์ภูเก็ต ช่วงที่จองอยู่ในช่วงโปรโมชั่นของทางเพจรถเช่าภูเก็ตและทัวร์ภูเก็ตครับ ผมจองรถ New VIOS เป็นเวลา 2 วัน ได้ราคาวันละ 1,000 บาท (แต่ถ้าจอง 3 วันขึ้นไป ได้ราคา 900 บาทต่อวัน) แต่ช่วงนี้หมดโปรโมชั่นแล้วนะครับ หลังจากโทรศัพท์ติดต่อแล้ว ประมาณ 10 นาที รถก็มารับผมเพื่อไปทำสัญญา รถที่ผมเช่าเป็นรถใหม่ป้ายแดงเลยครับ

หลังจากทำสัญญากันเสร็จเรียบร้อย ผมมุ่งหน้าไปทางสะพานสารสิน เพื่อไปสู่จุดหมายแรกที่ตั้งใจจะไปคือ หาดไม้ขาว ผมพยายามอ่านป้ายบอกทางเพื่อไปสู่หาดไม้ขาว แต่ก็มองไม่เห็น เห็นแต่ทางไปวัดไม้ขาว สรุปคือ ผมเลยไปจนถึงสะพานสารสิน เลยแวะยืดเส้นยืดสาย ลงไปถ่ายรูปบนหอชมวิวครับ

สะพานสารสินเป็นสะพานที่สร้างข้ามช่องปากพระเพื่อเชื่อมระหว่างเกาะภูเก็ต และจังหวัดพังงา มีความยาวทั้งหมด 660 เมตร ปัจจุบันสะพานสารสินไม่อนุญาตให้รถข้ามแล้ว แต่มีการสร้างสะพานแห่งใหม่ขึ้นข้างๆ สะพานสารสิน ติดกับสะพานสารสิน จะเป็นหาดทรายแก้ว และเชื่อมต่อกับหาดไม้ขาว หาดที่ผมหาทางเข้าไม่เจอครับ

กองทัพเดินด้วยท้อง เที่ยงนี้ผมฝากท้องไว้ที่ร้านหมี่สะปำคุณยายเจียร ร้านขายอาหารพื้นเมือง อยู่คู่ภูเก็ตมานานกว่า 50 ปี ที่นี่มีหลากหลายเมนูเลยทีเดียว ร้านนี้เป็นร้านกว้างๆ ชั้นเดียว ขอบอกว่า ลูกค้าเยอะมากๆ ครับ

เริ่มที่หมี่สะปำเป็นหมี่ผัดฮกเกี้ยน ลักษณะจะเป็นเส้นหมี่สีเหลือง เอามาผัดกับผักกวางตุ้ง เสริมด้วยกุ้ง ปลาหมึก ลูกชิ้นปลา เมนูนี้ไม่ใส่ไข่ 50 บาท ใส่ไข่ 55 บาท พิเศษ 70 บาทครับ

ตามมาด้วย หอยทอด หอยทอดที่นี่ไม่เหมือนหอยทอดแถวบ้านผม ที่จะผสมแป้ง หอยแมลงภู่ และถั่วงอกผัดรวมกันพร้อมใส่ไข่ แต่ที่นี่จะใช้หอยติบ หรือนางรมตัวเล็ก ๆ มาผัดกับถั่วงอก เสริฟพร้อมแป้งม้วนบางๆ ที่กรอบได้ใจ ทานกับซอสพริก อร่อยเข้ากันดีเลย เมนูนี้ 50 บาทครับ

ตามมาด้วยโอวต้าว เมนูนี้คล้ายๆ หอยทอดบ้านผม แต่ที่นี่ใช้หอยติบ มาทอดรวมกับแป้งสาลีผสมแป้งมันสำปะหลัง ทำให้เนื้อแป้งเหนียวนุ่ม ผัดรวมกับเผือกนึ่ง ไข่ โรยหน้าด้วยกุ้งแห้ง หอมแดงเจียว เสริฟพร้อมถั่วงอกดิบ ทานคู่กับซอสพริก เมนูนี้ 50 บาทครับ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น อูแช ห่อหมกปลา ลูกชิ้นปลาลวก หมี่หุ้นกระดูกหมู กระเพาะปลา ข้าวคลุกกะปิ โลบะ และอีกเยอะแยะมากมาย

ปิดท้ายด้วย โอ้เอ๋ว ของหวานที่หาทานได้ที่ภูเก็ตที่เดียวครับ โอ้เอ๋วทำมาจากวุ้นของเมล็ดโอ้เอ๋ว ที่แช่น้ำแล้วใช้เมือกโอ้เอ๋วมาผสมกับเมือกของกล้วยน้ำว้า เพื่อให้โอ้เอ๋วจับตัวเป็นก้อน เวลาทานก็ตัดมาเป็นชิ้นๆ ทานคู่กับน้ำเชื่อมและน้ำแข็งใส อร่อยชื่นใจดี เมนูนี้ 25 บาทครับ

หลังจากอิ่มท้องแล้ว โปรแกรมต่อไปของผมคือชมวิวเมืองภูเก็ตที่เขานาคเกิดครับ การเดินทางไปเขานาคเกิด ใช้เส้นทางที่จะไปยังวัดฉลอง ทางเข้าจะอยู่เลยวัดฉลองมานิดหน่อย แต่ยังไม่ถึงห้าแยกนะครับ จะมีซอยทางขวามือ เส้นทางบางช่วงค่อนข้างลาดชัน ต้องขับด้วยความระมัดระวังนะครับ

ด้านบนเขานาคเกิดจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี หรือ พระใหญ่ องค์พระเป็นปางมารวิชัยศิลปแบบร่วมสมัยขนาดใหญ่ ประดับด้วยหินอ่อนหยกขาว “สุริยกันต" จากพม่า เห็นว่าน้ำหนักเฉพาะหินอ่อนหยกขาวประมาณ 135 ตันเลยครับ

บริเวณรอบๆ องค์พระสามารถมองเห็นวิวเมืองภูเก็ตได้โดยรอบเลยครับ มองเห็นเจดีย์วัดฉลอง รวมถึงอ่าวฉลองได้ด้วย ผมว่าการมาชมวิวที่เขานาคเกิด จะเดินทางได้สะดวกกว่าจุดชมวิวเขาขาด แต่ที่จุดชมวิวเขาขาดจะสามารถชมวิวได้ 360 องศาครับ

จากนั้นผมมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักที่ THE BEACH Heights Resort ซึ่งตั้งอยู่ที่หาดกะตะ เพื่อพักผ่อนก่อนที่จะไปเก็บแสงสุดท้ายที่แหลมพรหมเทพครับ

THE BEACH Heights Resort เป็นรีสอร์ทที่อยู่ในเครือ The Beach Group โดยมี The Beach Boutique House ซึ่งเป็นอีกโรงแรมในเครือ ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันเลยครับ

จากภาพ ด้านซ้ายมือจะเป็นบริเวณ Lobby ของ THE BEACH Heights Resort ส่วนด้านขวามือจะเป็นพื้นที่ของ The Beach Boutique Houseครับ

ลักษณะอาคารของ THE BEACH Heights Resort ตอนนี้มีอยู่ 2 อาคาร และกำลังดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมอยู่ด้านข้างๆ อีกครับ

ชั้นล่างสุดของอาคาร ทำเป็นชั้นใต้ดิน สำหรับจอดรถของแขกที่เข้าพักครับ

ลิฟต์ค่อนข้างกว้างขวาง ตกแต่งได้สวยงาม ปูพื้นลิฟต์ด้วยหญ้าเทียม แถมที่กดลิฟต์เป็นแบบสัมผัส มีลำโพงคอยบอกว่าถึงชั้นไหน แถมลิฟต์เคลื่อนที่ได้ไวด้วยครับ

บริเวณทางเดินระหว่างห้อง ตกแต่งได้ทันสมัยจริงๆ ครับ

เข้ามาดูในห้องพักกันบ้างดีกว่าครับ

เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ส่วนขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า และตู้เย็นครับ

ถัดจากห้องน้ำจะเป็นพื้นที่ในส่วนของเตียงนอน พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวางเลยครับ มีเก้าอี้สำหรับให้นั่งเล่นอยู่ข้างเตียงนอนด้วย

ที่หัวเตียงมีแผ่นไม้ขนาดใหญ่แกะสลักอย่างสวยงาม เพิ่มความหรูหราให้กับห้องได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีโคมไฟอ่านหนังสือเล็กๆ สำหรับไว้ให้แขกได้นอนอ่านหนังสือบนเตียงด้วย แถมยังมีเต้าเสียบปลั๊กไฟให้ถึง 4 อัน

ที่ปลายเตียงมีโต๊ะทำงาน ,โทรทัศน์ LCD ให้ด้วย

สังเกตที่พื้น จะเป็นกระเบื้องลายไม้ ผมว่าทำให้ห้องดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเหมือนปูกระเบื้องหรือปูพรมครับ

มาดูภายในห้องน้ำกันบ้างดีกว่า ห้องน้ำตกแต่งได้อย่างสวยงาม แต่ความรู้สึกส่วนตัวผมว่ามันแคบไปสักเล็กน้อย แยกส่วนเปียกส่วนแห้งโดยกระจกใสบานใหญ่และผ้าม่าน เวลาอาบน้ำแอบมีน้ำกระเด็นเข้ามาในส่วนแห้งบ้างเล็กน้อย ผนังของห้องน้ำอีกข้างที่อยู่ติดกับพื้นที่เตียงนอนจะเป็นกระจกใส สามารถมองเห็นภายนอกห้องน้ำได้ ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวระหว่างทำภารกิจส่วนตัว สามารถปิดมู่ลี่ได้ครับ

ทุกห้องจะมีระเบียงสำหรับให้มานั่งสูดอากาศ และยังมีที่ตากผ้าให้ด้วย ห้องผมอยู่ชั้น 8 มองเห็นสระว่ายน้ำมุมสูงด้วยครับ

มินิบาร์ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้

ป้ายห้ามรบกวน ออกแบบได้น่ารักเชียว สำหรับประตูห้อง ถ้าหากปิดประตูไม่สนิทก็จะมีสัญญาณดังเตือนด้วยครับ

มีถุงผ้าสำหรับใส่ผ้าเช็ดตัว ไว้ไปออกทริประหว่างวันให้ด้วยครับ

มาดูบรรยากาศรอบๆ โรงแรมกันบ้างครับ

มีสระน้ำขนาดใหญ่ไว้คอยให้บริการด้วย ที่นี่จะมีทั้งหมด 3 สระ สระนี้เป็นสระใหญ่ที่สุดครับ

มีบาร์เล็กๆ ด้วย แถมมี 2 ชั้นอีกต่างหาก มานั่งช่วงแดดร่มลมตก บรรยากาศดีไม่เบาครับ

อีกอาคารหนึ่งที่อยู่ด้านข้างอาคารที่ผมพักครับ ห้องที่อยู่ชั้นล่าง สามารถเปิดประตูออกมาแล้วเดินลงสระว่ายน้ำได้เลย

โคมไฟเก๋ๆ บริเวณ Lobby ครับ

พื้นที่ของ The Beach Boutique House ครับ

หลังจากเก็บรูปบรรยากาศรอบๆ โรงแรมแล้ว ยังไม่ทันจะได้เคลื่อนตัวไปไหนเลย ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้โปรแกรมช่วงเย็นของผมที่จะไปเก็บแสงสุดท้ายที่แหลมพรหมเทพเป็นอันต้องยกเลิกไป ก็ถือซะว่า นอนพักผ่อนเพื่อตุนแรงเอาไว้ออกทริปไปเกาะไม้ท่อนในวันรุ่งขึ้นก็แล้วกันครับ

ก่อนออกทริปในเช้าวันที่ 2 ผมขอเติมพลังด้วยอาหารเช้าก่อน ที่ห้องอาหารยานัด ห้องอาหารยานัดอยู่ติดกับ Lobby และสระว่ายน้ำครับ เปิดบริการตั้งแต่ 06.30 น.

ภายในออกแบบโทนสีขาว-ส้ม ดูสะอาดตา การตกแต่งน่ารักดีครับ ไลน์อาหารเช้ามีไม่มากเท่าที่ควร มีทั้งแบบอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว รวมถึงอาหารปรุงใหม่ๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ไข่ดาว และออมเล็ตครับ

หลังอาหารเช้า ผมมานั่งรอรถตู้ ที่ Love Andaman จะมารับเพื่อไปออกทริปที่เกาะไม้ท่อน ระหว่างนี้เลยไปขอยืมผ้าเช็ดตัวเพื่อจะเอาไปออกทริปบริเวณ Lobby ครับ

รถตู้ของ Love Andaman จะทยอยรับแขกตามโรงแรมต่างๆ มาเรื่อยๆ ตามเวลาจะมารับผม 09.00 น. ซึ่งมาได้ตรงเวลาเลยครับ จากนั้นรถตู้จะพาเรามาส่งยังท่าเรือน้ำลึกแหลมพันวาครับ

ที่ท่าเรือจะมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ มีน้ำดื่ม ชา กาแฟไว้คอยบริการ และมีโต๊ะสำหรับ Check in เมื่อ Check in เสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะแจกสายรัดข้อมือ เพื่อบ่งบอกว่า เราจะไปเรือลำไหน

พื้นที่สำหรับ Check in และให้ลูกทริปได้นั่งรอ ผมว่ายังไม่พร้อมเท่าที่ควร ยังดูรกๆ อยู่เลยครับ ก่อนออกเดินทางไกด์จะมาแนะนำให้ลูกทริปได้รู้จักเกาะไม้ท่อนและกิจกรรมที่จะมีขึ้นบนเกาะครับ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็ Let Go

เรือที่ผมโดยสารเป็นเรือ Speed Boat ขนาดใหญ่พอสมควร ก่อนลงเรือ เจ้าหน้าที่จะให้ลูกทริปได้ถอดรองเท้า เพื่อเวลาที่เดินบนเรือสปีดโบทจะได้ไม่สกปรกครับ และจะคืนรองเท้าให้เมื่อถึงเกาะไม้ท่อนช่วงที่นั่งเรือออกจากฝั่งภูเก็ตมาไม่นาน จะมองเห็นกลุ่มเรือสินค้าขนาดใหญ่ที่ทอดสมออยู่เต็มไปหมดเลยครับ นั่งเรือประมาณ 15 นาทีจากฝั่ง ก็มาถึงเกาะไม้ท่อนครับ

เกาะไม้ท่อน อยู่ห่างจากฝั่งภูเก็ตประมาณ 9 กิโลเมตร ด้วยรูปพรรณสัณฐานของเกาะเมื่อมองมุมสูง จะมีลักษณะคล้ายท่อนไม้ จึงเป็นที่มาที่ไปของชื่อเกาะแห่งนี้ แต่ชื่อเกาะท่อนไม้ มันดูไม่ไพเราะ จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นเกาะไม้ท่อน เดิมเกาะแห่งนี้เป็นของคุณแม่คุณภูริ หิรัญพฤกษ์ซึ่งได้รับพระราชทานเกาะแห่งนี้มาตั้งแต่สมัย ร.5 แต่ ณ ปัจจุบันได้ถูกเปลี่ยนมือเป็นของเจ้าของกระดาษชื่อดังของเมืองไทยไปแล้วครับ

เมื่อเรือมาถึงที่เกาะไม้ท่อนแล้ว เรือจะจอดให้ลูกทริปได้ลงดำน้ำแบบผิวน้ำ และปล่อยให้ว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้เลย บริเวณจุดที่จอดเรือส่งลูกทริป น้ำใสขนาดผมสามารถมองเห็นดงหอยเม่นด้วยตาเปล่าเลยครับ หลังจากส่งลูกทริปลงดำน้ำหมดแล้ว เรือก็จะพาลูกทริปที่ไม่ต้องการดำน้ำขึ้นฝั่งครับ

บริเวณท่าเรือน้ำใสมากๆ เสียดายที่ฟ้ายังไม่เคลียร์เท่าที่ควร แต่ได้ขนาดนี้ แถมไม่เจอฝนก็ถือว่าโชคดีสุด ๆ แล้วครับ

ระหว่างทางเดินจากท่าเรือไปยังอาคารสำหรับให้ลูกทริปได้พักผ่อน ผ่านดงผักบุ้งทะเล ที่ใบและดอกดูอวบอิ่มมากๆ ครับ

พื้นที่สำหรับให้ลูกทริปได้มานั่งพักผ่อน เป็นอาคารสองชั้น ที่ชั้นล่างจัดเตรียมอาหารว่างไว้คอยต้อนรับลูกทริปทุกคนแบบทานไม่อั้นครับ มีทั้งชา กาแฟ เบเกอรี่ต่างๆ น้ำผลไม้ เบียร์ รวมถึงน้ำปั่นที่มีหลากหลายเมนูมากๆ ขอบอกน้ำปั่นดื่มแล้วชื่นใจมาก ผมจัดไปคนเดียว 2 แก้วครับ รวมถึงน้ำดื่มอื่นๆ อีก รวมๆ แล้วหลายแก้วเลยทีเดียวสำหรับผม

ผมเลือกที่จะมานั่งพักผ่อนที่ระเบียงไม้ใต้ต้นหูกวาง นั่งทานอาหารว่างไป ชมวิวทะเลไป ฟินสุด ๆ ครับ

หลังเติมความสดใสแล้ว ผมเดินออกหามุมถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ชายหาดที่นี่นอกจากหาดทรายจะขาวสะอาดแล้ว ยังมีเศษซากปะการังซัดมาที่ชายหาดอยู่พอสมควรครับ

ไกด์ของ Love Andaman ทำได้ทุกอย่างจริงๆนอกจากจะเป็นไกด์แล้ว ยังคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน แถมเป็นตากล้องให้ลูกทริปได้อีกด้วย

อาหารมื้อเที่ยงครับ มีทั้งปลาหมึกย่าง กุ้งเผา น้ำพริกกุ้งเสียบ สปาเก็ตตี้ ปลากะพงราดพริก น่องไก่ทอด ต้มจืด ถือว่าหลากหลายเมนูเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีผลไม้อย่างแคนตาลูป แตงโม และสับปะรดด้วยครับ

สำหรับมื้อเที่ยงผมแค่เบาๆ ก็พอครับ ที่จริงโดนตัดกำลังจากอาหารว่างไปเยอะแล้ว อาหารทุกอย่างเติมได้ไม่อั้นนะครับ เสริฟแล้วไม่มีเก็บอาหาร จะกินอีกเมื่อไรก็ได้ครับ

ปิดท้ายมื้อเที่ยงด้วยไอศกรีมกะทิ อร่อยมาก ๆ ครับ

หลังอาหารเที่ยง ไกด์แจ้งให้ลูกทริปที่สนใจจะขึ้นไปยังจุดชมวิวได้มารวมตัวกัน แล้วพาเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว ซึ่งต้องเดินเท้าประมาณ 400 เมตร สภาพเส้นทางเป็นทางราดปูน สูงชันเล็กน้อย บางช่วงจะมีตะไคร้น้ำเกาะอยู่บริเวณทางเดินด้วย ถึงแม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลนัก แต่ก็เรียกเหงื่อได้พอสมควรครับ ด้านบนจุดชมวิวสามารถมองเห็นวิว 3 จังหวัดด้วย คือภูเก็ต พังงา และเกาะพีพี จ.กระบี่ แต่วันที่ผมไป มองไม่เห็นเกาะพีพี เนื่องจากสภาพอากาศไม่เคลียร์ครับ

ลงจากจุดชมวิว ยังไม่ทันหายเหนื่อย ก็มาเหนื่อยกับการทานอาหารว่างอีกแล้ว ทาง Love Andaman ได้เตรียมเฟรนฟรายไว้ให้ทานเล่น รวมถึงตบท้ายเพิ่มความสดชื่นด้วยโอ้เอ๋ว ครับ

เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ท้ายสุดผมคงต้องอำลาเกาะไม้ท่อนไปแล้วครับ คนเรือเตรียมเรือที่จะพาผมไปส่งยังฝั่งภูเก็ตแล้ว ขอปิดท้ายอีกสองภาพบริเวณท่าเรือครับ

ยังไม่ทันก้าวขาเหยียบฝั่งภูเก็ตเลยครับ ท้องฟ้ามืดครึ้มก็เริ่มมาเยือนอีกแล้ว ระหว่างนั่งรถกลับโรงแรม ฝนเริ่มตกพรำๆ อีกครั้ง โปรแกรมเก็บแสงสุดท้ายของวันที่แหลมพรหมเทพของผมคงต้องยกเลิกอีกตามเคย เย็นนี้ผมไม่ต้องออกไปหาอะไรทานที่ไหน เนื่องจากยังอิ่มมาจากมื้อกลางวันที่จัดเต็มบนเกาะไม้ท่อนครับ เลยเดินเก็บบรรยากาศช่วงพลบค่ำในโรงแรม

บริเวณส่วนที่เป็น Lobby ของโรงแรมครับ

ด้านข้างของโรงแรม

ข้างๆ Lobby ติดสระน้ำ เป็น Bar เล็กๆ ครับ

สระน้ำหลักของโรงแรม เปลี่ยนสีได้ด้วยครับ

อีก 2 สระเล็กๆ ภายในโรงแรมครับ

ห้องอาหารยานัด

อาคารห้องพักที่ผมพักครับ ชั้นล่างเป็น Kid Club และ ฟิตเนสครับ

มุมสระน้ำหลักที่ถ่ายจากห้องผม เปลี่ยนสีสวยดีครับ

The Beach Boutique House

หลังจากเก็บบรรยากาศรอบๆ โรงแรมแล้ว คงต้องไปพักผ่อนกันแล้วครับ เพราะพรุ่งนี้ผมต้องเตรียมตัวเดินทางกลับแล้ว

เช้าวันใหม่ผมเผื่อเวลาออกเดินทางจากโรงแรมเพื่อไปยังสนามบินเร็วหน่อย เพราะต้องเผื่อเวลารถติดด้วย ช่วงนี้เส้นทางจากหาดกะตะไปยังสนามบิน มีบางช่วงที่กำลังก่อสร้างอุโมงค์ จึงทำให้รถติดค่อนข้างหนักเลยทีเดียว แต่เนื่องจากวันนั้นเป็นวันอาทิตย์แถมค่อนข้างเช้า ทำให้รถไม่ติดอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้ผมเลยไปถึงสนามบินค่อนข้างเร็ว ดูจากเวลาแล้วผมสามารถแว๊บไปหาที่เที่ยวเพิ่มเติมได้อีกสักที่ก่อนที่จะไปสนามบิน ผมจำได้ว่าก่อนจะถึงสนามบิน จะมีแยกซ้ายเพื่อไปยังหาดในทอน ซึ่งหาดนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากสนามบินครับ

หาดในทอนเป็นชายหาดที่เงียบ ดูเป็นส่วนตัวดีครับ อาจจะเป็นเพราะเป็นชายหาดที่ค่อนข้างเข้ามาลึกจากถนนใหญ่ จึงทำให้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวที่นี่มากนัก คงจะมีแต่ฝรั่งที่มาพักอยู่ตามโรงแรมหรูๆ ริมหาดแห่งนี้มาเล่นน้ำ นอนอาบแดดกันเท่านั้น สีของทรายที่หาดในทอนไม่ค่อยขาวเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าละเอียดและสะอาดครับ จะมีคลื่นแรงเป็นช่วง ๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหาดที่น่าสนใจสำหรับใครที่ชอบนั่งชมวิวทะเลเงียบๆ ครับ

หลังจากจัดแจงคืนรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัว Drop สัมภาระอีกเช่นเคยครับ ผม Check in ผ่าน Web มาล่วงหน้าแล้ว จึงทำให้ประหยัดเวลารอไปได้เยอะเลยทีเดียว หลังจาก Drop สัมภาระเรียบร้อยแล้ว ก็ไปใช้บริการของ Lounge Bangkok Airways ครับ

Lounge Bangkok Airways ของสนามบินภูเก็ตจะอยู่ภายใน Gate นะครับ ของว่างที่นี่หลากหลายดีครับ

ไฟล์ทนี้ผมบินกับลำนี้เลยครับ “สมุย" ลวดลายสดใสกลิ่นอายโลกใต้ทะเลครับ

ตั้งแต่ผมบินมา ผมว่าสนามบินภูเก็ตเป็นสนามบินที่มีทำเลสวยที่สุดในประเทศไทย เพราะว่าอยู่ติดทะเลเลยครับ

บนเครื่องมีทีวีจอเล็กๆ ด้วย บอกเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวในเมืองไทยครับ

ไฟล์ทนี้ใกล้เที่ยง สายการบินเลยเตรียมอาหารร้อนมาเสริฟ เป็นข้าวเหนียวไก่ทอด กลิ่นไก่ทอดหอมเตะจมูกทีเดียว แต่เมื่อกัดไก่ทอดแล้วแทบต้องวาง เพราะไก่ทอดจนแห้ง ทำให้ไก่ทั้งแข็งและเหนียวมาก ผมว่าถ้าลองเปลี่ยนเป็นเมนูไก่ย่าง เนื้อไก่น่าจะนุ่มกว่านี้นะครับ นี่ขนาดฟันผมดี กว่าผมจะเคี้ยวหมดคำก็เล่นนานหลายนาที นึกถึงผู้โดยสารที่ฟันไม่ดีเลยครับ ว่าเขาจะเคี้ยวไหวไหม

หลังจากเสร็จสิ้นจากการบดเคี้ยวไก่ทอดไม่นานนัก เครื่องบินก็ลดระดับลงสู่สนามบินสุวรรณภูมิด้วยความปลอดภัยครับ

ทริปนี้ถือว่าเป็นอีกทริปที่ผมประทับใจ เนื่องจากว่าสถานที่ท่องเที่ยวในทริปนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในภูเก็ตสำหรับผม ไปภูเก็ตรอบหน้า ผมคงต้องหาโอกาสลงเกาะเหมือนครั้งนี้อีกเป็นแน่ เพราะเกาะราชา เกาะไข่ ผมก็ยังไม่เคยไปครับ แล้วผมจะกลับมาอีกครั้ง “ภูเก็ต"

ความคิดเห็น