และแล้วทริปนี้ก็ได้กำเนิดขึ้น 12-22 ก.ค. 59 เที่ยวลาว 4 วัน เวียดนาม 7 วัน (รวมวันเดินทาง) ซึ่งตรงหน้าฝนพอดีในใจก็แอบหวั่นๆอยู่นะ กลัวเจอฝนแล้วจะเที่ยวไม่สนุก แต่ช่างเหอะค่อยว่ากัน ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก อยากเที่ยวไหนก็ไปไม่อยากไปก็ไม่ไป แค่พอศึกษาเส้นทางว่าไปยังไงเพราะหาข้อมูลระหว่างหลวงพระบางไปซาปาโดยที่ไม่ต้องเข้าฮานอยหายากมากกกกก แต่ก็ได้พี่ๆที่ใจดีในพันทิปนี่แหละคอยแนะนำ ขอบคุณมากๆนะฮะ งานนี้ทั้งเราทั้งเพื่อนร่วมทริปก็เตรียมใจมั่วกันเต็มที่ เอาเป็นว่าทริปตามใจฉันละกันเนอะ อ๋อ ลืมบอกไปขากลับเรากลับจองตั๋วกลับจากฮานอย-กรุงเทพ ที่บินทั้งไปทั้งกลับเพราะคิดว่าเราเอาเวลาที่จะเหนื่อยเดินทางตรงนั้นไปเหนื่อยระหว่างนั่งรถดีกว่า ส่วนใครที่จะไปก็แล้วแต่ว่าจะเดินทางยังไงเอาที่สะดวกเลยนะฮะ รูปสวยบ้างไม่สวยบ้างผสมกันไปเนอะ เพราะบางทีก็ถ่ายไม่ทันอะ 5555 (Sony a77 , Gopro hero4 , i-phone 6)
สำหรับรีวิวนี้จะเน้นรูปมากกว่าเล่านะ พอดีเล่าไม่เก่งแต่อยากเล่า 55555 เริ่มทริปกันเลยเนอะ ทริปนี้เรารีวิวเที่ยวลาวเหนือ-เวียดนาม 11 วัน 10 คืน สบายบ้างลำบากบ้าง ปนๆ กันไป เรามีเพื่อนร่วมทริปอีก 1 คนเป็นเพื่อนสนิทเราเองนางชื่อ เอลล์ (เอลล์เลเฟ่น)
Day 1
เราเริ่มเดินทางจากดอนเมืองไปเวียงจันทน์ ถึงท่าอากาศยานนานาชาติวัตไตตอนบ่าย
Days 2
เช้าวันที่ 2 ตื่นมาเห็นวิวแบบนี้ สดชื่นสุดๆ ห้อง 3 ร้อย วิว 3 ล้านนนนนน หมอกหนาเพราะก่อนหน้านี้ฝนตกอากาศดีจริงไรจริง
ปะๆ ต่อ ระหว่างทางแว้นไป วิวสวย บรรยากาศดีมาก ขับไปถ่ายไป ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึง 555
อย่างที่บอกทริปนี้ทริปตามใจฉัน ถ้ำเอยอะไรเอยที่เค้าไปกัน อิสองตัวนี่ไม่ไปจ้าฝนก็จะตกเลยกลับที่พักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวไปน้ำตก เอ่อแล้วเมิงจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทำไมเนี่ย เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ น้ำตกตาดแก้งยุย ดูจากแผนที่คงไม่ไกลมากจากที่พัก จากทางเข้าไป 7 กิโลเมตร ก็ไม่ไกลเท่าไหร่มั้ง ทางเข้าน้ำตกจะคล้ายๆทางไปบลูแต่ค่อนข้างเปลี่ยวกว่ามีขึ้นลงเนิน อิจฉาวัว นางกินหญ้าท่ามกลางวิวสวยๆ
เจอกันใหม่พรุ่ง "หลวงพระบาง"
Days 3
วันที่ 3 เราตื่นแต่เช้าเก็บของ กินกาแฟ นั่งดูหมอก รอรถมารับ 8.30 แต่เอาจริงๆรถมารับ 9.00 แต่เอาเถอะวิวสวยให้อภัย
ขอโทษนะหายไปทั้งวันเลย เพิ่งว่างๆ ต่อเลยเนอะ
ระหว่างทางไปหลวงพระบาง ถ้าใครเคยไปจะรู้ว่าวิวสองข้างทางสวยขนาดไหน เราว่าอารมณ์เดียวกับขึ้นปายนะหมายถึงความโค้งอะ ฮ่าาา เมารถก็เมาอยากดูก็อยากดู หมอกก็หนา ความฟินบังเกิดแบ้ววว
วันนั้นเราจอง Singharat Guest House ผ่าน Booking ราคาประมาณ 800 บาท ห้องโอเคแต่ที่นี่ค่อนข้างเงียบไกลกับแหล่งท่องเที่ยวหน่อย
Welcome fruit ของที่นี่ ถือว่าโอเคแต่เสียอย่างเดียวพนักงานเป็นคนเวียดนามพูดภาษาอังกฤษได้แต่ให้ข้อมูลได้งงมากๆ
เที่ยวลาวแล้วอย่าพลาดตำลาว ปกติเราไม่กินเผ็ดเลยแต่เจอตำลาวจานนี้หมดจานจ้า
Days 4
"เช้านี้ที่หลวงพระบาง"
ได้เวลาเที่ยวแล้วววว ทานอาหารเช้าเสร็จเราเช็คเอาท์แล้วฝากของไว้ที่โรงแรม ที่คิดไว้คือจะออกไปเที่ยวก่อนแล้วตอนเย็นค่อยกลับมาเอากระเป๋าก่อนขึ้นรถไปเวียดนาม ทำธุระเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปหารถมอเตอร์ไซค์เช่าแถวถนนคนเดิน จริงๆที่โรงแรมก็มีให้เช่านะ 150000 กีบ ซึ่งมันแพงมากกก และเราก็ได้ร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์มาในราคา 50000 กีบ เป็นเกียร์ธรรมดา วันนี้เราแลกเงินเพิ่มอีก 40 usd เพราะคิดว่าเงินไม่พอแน่ๆ ไหนจะต้องซื้อตั๋วรถไปเดียนเบียนฟูอีกและที่เซอร์ไพรซ์มากก็คือรถที่ไปเดียนเบียนฟูไม่มีรอบเย็นแล้ว มีแค่วันละรอบตอนเช้าด้วยเราเลยต้องพักหลวงพระบางอีก 1 คืน
เส้นทางไปน้ำตกขับไม่ยากฮะ แต่มีบางช่วงที่เป็นโค้งหักศอก
ระหว่างทางเดินไปน้ำตกจะมี 2 ทางคือทางถนนและอีกทางเป็นทางล่าง เราเลือกเดินทางล่างและเราก็เลือกไม่ผิดจริงๆ ระหว่างทางเดินนั้นน้ำตกเล็กๆน้อยๆ สวยงามมาก คนก็เยอะมากเช่นกันทั้งคนลาว นักท่องเที่ยวต่างชาติ อ้อ มีหมีด้วยนะพวกนางน่ารักมากกก
"สะบายดี หลวงพระบาง"
Days 5
เช้าวันที่ 5 การเดินทางสู่เดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม
สาเหตุที่เราเลือกเดินทางเข้าเดียนเบียนฟูเพราะว่า เราไม่อยากนั่งรถไปฮานอยแล้วต่อรถไปซาปาแล้วกลับมาฮานอย เลยหาวิธีว่าจะไปยังไงเพื่อไม่ต้องย้อนไปย้อนกลับ ได้ข้อมูลคร่าวๆ ว่าต้องนั่งรถจากหลวงพระบางเข้าเดียนเบียนฟู จากนั้นต่อรถจากเดียนเบียนฟูไปซาปา หลายคนบอกทางโหดใช่เล่น จะเจอแบบนั้นนะ จะเจอแบบนี้นะ ฝรั่งเค้าให้ฉายาว่า Journey From Hell ถามว่ากลัวมั้ยก็กลัวนะแต่เราว่ามันสนุกมากกว่าอย่างน้อยก็ประสบการณ์เนอะ (ก่อนไปก็คิดแบบนี้แหละ ไว้ปลอบใจตัวเอง)
พวกเราตื่นกันตั้งแต่ตี 5.30 รอรถตุ๊กๆ มารับหน้าที่พักไปส่งที่ขนส่งนาหลวง
หลวงพระบาง-ปากมอง-อุดมไชย-เมืองลา-ปากน้ำน้อย-เมืองขวา-เมืองใหม่-พงสาลี-เดียนเบียนฟู
แอลล์นางหลับตลอดทางคะ
ระหว่างทางพี่แกจอดรับคนตลอดทางเลย สำหรับคนที่ตั้งใจจะไปแบบเราทำใจเนอะเพราะเค้าเป็นรถบัสธรรมดา ไม่ได้วีไอพีอะไร เส้นทางคดเคี้ยวเหมือนวังเวียงมาหลวงพระบาง ในรถทั้งร้อน ทั้งอึดอัด คนก็เสียงดัง เมารถด้วยหลับตลอดทางเลย 5555 ภาวนาขอให้ถึงไวๆ แต่มันก็สนุกดีได้อีกรสชาตินึงนะ สำหรับวิถี Backpacker 5555
น้องบอกว่าที่ร้านนี้คุ้มกว่าเราเลยแลกเงิน 90 usd = 1,930,000 ดอง ได้ถือเงินล้านแล้วเรา อิอิ
เราถึงด่านลาวประมาณ 17.30 เหนื่อยเพลียมาก เป็นการนั่งรถที่โหดมากๆ มีบางช่วงที่ในรถแน่นมีคนยืนแทบจะนั่งตักกันเลย
ได้สูดอากาศสดชื่นสักที ทำเรื่องออกแป๊บเดียวก็เสร็จ มานั่งรอผู้โดยสารคนอื่นต่อไป
คนลาวน่ารักและใจดีมากจริงๆ โชคดีที่พวกเราเจอน้องสองคนคอยช่วยเป็นเพื่อนคุยระหว่างทาง
รถกำลังแล่นเข้าเวียดนาม เราเป็นพวกเห็นท้องฟ้า แสงแดด ธรรมชาติสวยๆ ไม่ได้อะ ต้องล้วงกล้องมาถ่ายตลอด ถ่ายรัวๆอะ 5555
โห เราตื่นเต้นมาก คนเวียดนามมองแบบอีนี่เมิงจะตื่นเต้นอะไรเนี้ยย แต่คืองานดีมาก ฟินหนักมากแล้วอะ นั่งรถเหนื่อยๆ มาทั้งวันหายเลยจ้า
รูปไม่ค่อยชัด ขอโทษด้วยน้าา
"จุดหมายปลายทางเป็นแค่แรงจูงใจให้เราออกเดินทาง ระหว่างทางต่างหากเล่า ที่รอคอยให้เราได้ชื่นชมความงาม"
Days 6
อีก 6 วัน 5 คืน ที่ซาปา-ฮานอย
เรานั่งพักที่ Sapa Lake จนเช้า (ที่นี่สว่างไวมาก) ประมาณตี 5 คนก็เริ่มเยอะแล้ว
นี่เรียกอะไรไม่รู้ เราว่าอร่อยดี 20000 ดอง
Days 7
พักผ่อนกันเต็มที่ ได้เวลาอาหารเช้าของโรงแรมแล้ว ส่วนใหญ่เป็นขนมปังมีเฝอด้วยอร่อยมาก
แต่เอ๊ะ เราเห็นโต๊ะอื่นได้คนละจานทำไม reception นางให้เราสองคน คนละสองจาน ถามว่าปฏิเสธมั้ย? ไม่มีทางอะ 55555
คือเราสองคนไม่ค่อยอยากทานอาหารข้างนอก ห่วงเรื่องความสะอาดมากจริงๆ มื้อเช้าของโรงแรมจึงมีความสำคัญกับเราทั้งสองมาก จัดหนัก จัดเต็ม
เรากันคนละคันในราคาคันละ 80000 ดอง เพื่อป้องกันการโกงต้องทำการถ่ายจุดตำหนิต่างๆ ของรถก่อน ให้เค้าเห็นจะได้ไม่กล้าโกงเรา (จริงๆ แล้วเราถ่ายทุกครั้งที่เช่ารถ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม) จากนั้นก็ขับไปเติมน้ำมันเต็มถัง เตรียมให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
วิวระหว่างทาง กว่าจะถึงน้ำตกเราจอดถ่ายประมาณ 3 จุดได้มั้ง 5555
เป้าหมายต่อไปของเราคือหมู่บ้านที่เห็นข้างล่างนั้นแหละ เข้าทางเดียวกับ Cat Cat Village พวกเราไม่ได้เข้าในหมู่บ้านกั๊ตกั๊ตหรอกฮะ เพราะมันต้องจ่ายตัง 55555 เราแค่คิดว่ายังมีที่ที่น่าจะสวยกว่านี้ นักท่องเที่ยวไม่เยอะแล้วเราก็เจอจริงๆ
วิวระหว่างไปหมู่บ้าน Cat Cat เราลงไปทางลัดเล็กๆ ที่คิดว่ารถจะไปไม่ได้แต่มันไปได้ !!!
เราตามหาสถานที่แห่งนึง (พอดีเห็นในไอจี) ไอเราก็หาใน Google Map ไม่เจอ คือพยายามหาสุดๆ แล้ว ก็ตัดใจแล้วละ 555 แต่โชคดีเราแว้นกันไปทางหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ก่อนถึงหมู่บ้าน Cat Cat ก็เจอที่ที่เราตามหาอยากกรี๊ดเป็นภาษาเวียต คือมันไม่ได้ไกลเลยเราแค่ยังไม่มาทางนี้
The Haven Sa Pa Club House & Hostel ที่นี่เป็นทั้งโฮสเทลและร้านอาหาร นางตั้งโดดเด่นเห็นแต่ไกล
เป้าหมายจะสำคัญยังไง ถ้าไม่มีเรื่องราวในระหว่างทาง
พรุ่งนี้จะเจอทะเลหมอกมั้ย ต้องลุ้นแล้ววว
Days 8
วันที่สามกับการเที่ยวซาปา เน้นเที่ยว นอน กิน ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะไปทัวร์ Trekking กัน แต่เราไม่ไปแบบว่าขี้เกียจ แค่ได้เห็นได้สัมผัสแค่นี้ก็โอเคแล้ว วันนี้เราตื่นตั้งแต่ 5.30 ไปดูทะเลหมอก Haven Sapa แต่ก็แอบผิดหวังเพราะมีแต่หมอกไกลๆ ไม่มีทะเลเลย
พวกเราแว้นไปเรื่อยๆ ทางเดิมที่ไปเมื่อวานเพราะไม่รู้จะไปไหน เอาแผนที่มากางนึกขึ้นได้ว่าที่ยังไม่ได้ไปคือหมู่บ้าน Ta Phin และหมู่บ้าน Ta Van
เส้นทางนี้รีเซฟชั่นนางพยายามชวนให้พวกเราซื้อทัวร์เพราะทางค่อนข้างอันตราย มันก็อันตรายจริงๆ นะ เป็นถนนลูกรัง แค่ไม่ประมาทก็โอเคแล้ว แว้นมาประมาณ 4 km จะมีจุดให้ชมวิวทิวทัศน์ ตอนเราไปเช้ามากยังไม่มีเด็กๆ มาขายของ ยังไม่มีนักท่องเที่ยว เลยถ่ายได้สบายเลยยย
"เราเดินทางมาเป็นพันกิโล เพื่อมาตามหาสิ่งที่จะเติมเต็มพลังให้ชีวิต"
ถ่ายจากจุดชมวิวนะไม่ได้เข้าไปหมู่บ้าน
ยิ่งเช้ายิ่งสวย หมอก แสง บรรยากาศ
จุดชมวิวจุดแรกที่เราแวะ ถ่ายตอนกลับมีเด็กๆ มาขายของแล้ว คนที่นี่เค้าชอบตื้อไอเราก็ค่อนข้างลำบาก(ใจ) แต่ไม่ซื้อเลย 5555
พรุ่งนี้เราต้องกลับฮานอยแล้ว ตอนเย็นพวกเราเดินออกมาหาตั๋วรถไปฮานอยได้ในราคา 11 USD ซื้อจากเอเยนต์ใกล้ๆ Sapa Lake รวมค่าแท๊กซี่มารับที่โรงแรม เราเลือกกลับรอบ 10 โมงเช้าเพื่อจะได้เข้าฮานอยไม่เย็นมากจะได้เดินหาที่พักกันต่อ
คืนสุดท้ายที่ซาปาฝนตกตลอด แต่อากาศก็ดีไปอีกแบบ
เดิน เที่ยว กิน แต่ละอย่างมันน่าช้อปจริงๆ เลย แต่จุดประสงค์เรามาเที่ยว พอๆ ไปนอนได้ละ
Days 9
วันนี้เราต้องกลับฮานอยแล้ว ยังไม่อยากกลับเลย ตอนแรกคิดว่าจะพักที่นี่อีกคืนเพราะไม่อยากเที่ยวฮานอยสักเท่าไหร่ แต่เอาเถอะไม่ได้มาบ่อยๆ เนอะ Reception สองพี่น้องนางช่างน่ารักจริงๆ ให้อาหารเช้าเราตั้ง 2 ชุดมา 3 วัน 55555 นางพยายามพูดภาษาไทยกับพวกเราเพราะคนไทยมาพักที่นี่เยอะ แลก Facebook กันเรียบร้อยมาส่งเราขึ้นแท๊กซี่กลับอีก กลายเป็นมิตรภาพต่างแดนที่หาได้ไม่ยากเลย
ไม่รู้ว่าเบาะมันเล็กรึป่าว แต่ค่อนข้างอึดอัดเพราะยืดขาไม่ได้ เมื่อยยย
ระหว่างทางเข้าฮานอย
Days 10
เช้านี้ที่ฮานอย
อาหารเช้าที่โรงแรม มาเวียดนามต้องทานเฝอ
และในที่สุดเราก็มั่วกันจนถึงพิพิธภัณฑ์ลุงโฮ แต่ตอนนั้นเค้าปิดพักเที่ยง ไม่ต้องเข้าก็ได้เนอะ แหะๆ
คือโรงแรมนี้มันโอเคหมดเลยนะแต่ยกเว้นพนักงาน นางพยายามเกลี่ยกล่อมให้เราเรียกแท๊กซี่จากนางไปสนามบิน นางถามเราว่าจะไปสนามบินยังไงเราก็บอกไปรถเมล์ นางบอกว่ารถเมล์หมดแล้วทั้งๆ ที่ตอนนั้นแค่ 6 โมงเย็นเองแต่รถเมล์ไปสนามบินหมด 4 ทุ่มโน้น ไม่จ้า ไม่เชื่อ เดินไปรอรถเมล์สาย 17 ที่สะพานลองเบี้ยน และแล้วรถเมล์ก็ไม่หมดนะยังวิ่งอยู่หลายคันเลย 17 มาแล้วกระโดดขึ้นทันที ค่ารถ 9000 ดอง ถูกกว่าเรียกแท๊กซี่เยอะเลย นั่งรถเมล์ดูวิวข้างทางไปเรื่อยๆ เกือบ 2 ชม ก็ถึงสนามบินแล้ว
Days 11
วันนี้เรากลับแล้วนะ ถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาอีกแน่นอน
การเดินทาง 2 ประเทศ 11 วัน 10 คืน ระยะทางกว่า 3,300 กิโลเมตร
กับการเดินทางที่ สบายบ้าง ลำบากบ้าง ปะปนกันไป
ประสบการณ์ที่เราหาได้ แค่กล้าที่จะออกไปเจอโลกกว้าง
เรื่องราวระหว่างทาง มิตรภาพต่างแดน และผู้คนมากมายที่ได้พบเจอ
แล้วพบกันใหม่นะ My Vacation time
หมีแบกกล้อง
วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.30 น.