กระบี่เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่เป็นมนต์สเน่ห์ ทั้งหาดทรายขาว น้ำทะเลใส ปะการังสวย อีกทั้งถ้ำโตรกชะโงกผา และหมู่เกาะน้อยใหญ่อีกเป็นร้อย ไม่รู้ว่าใช้เวลาท่องเที่ยวกี่วัน กี่เดือน กี่ปีถึงจะเที่ยวได้หมด แต่ผมจะพาเที่ยวแค่วันเดียวจบ !! ...ใช่ครับเพราะผมมีเวลาเหลือแค่นี้ เลยเลือกท่องเที่ยวอีกแนวหนึ่งที่หลายคนมองข้ามและผ่านไป คือการท่องเที่ยวตามวิถีไทย ที่ปีนี้ทางททท.ได้จัดแคมเปญท่องเที่ยวตามวิถีไทย เก้ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง เป็นเทรนด์ใหม่ของปี 2560 ซึ่งการท่องเที่ยวแนวนี้นอกจากเราจะได้รับความเพลิดเพลินแล้ว เรายังได้รับความรู้รากเหง้าภูมิปัญญาของไทยอีกด้วย เริ่มต้นทริปเที่ยวกระบี่นี้ ต่อเนื่องมาจากทริปท่องเที่ยวเขาสก (ชมรีวิวเขาสกก่อนหน้านี้ CLICK) ที่ผมนั่งเครื่องจาก กทม แล้วมาพักอยู่เขาสก 3 วัน 2 คืน แล้วผมก็ออกเดินทางต่อมากระบี่ จากบ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ วิ่งเส้น 401 (สุราษฎร์ - ตะกั่วป่า)มาเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกต้นยวนเข้าสู่เส้น 415 (สี่แยกนาเหนือ - พนม) วิ่งตรงมาถึงสี่แยกนาเหนือเลี้ยวซ้ายตัดเข้าถนนเพชรเกษม แล้ววิ่งตรงยาวเข้าเมืองกระบี่ มาตัดเข้าตรง 3 แยกเมืองเก่าวิ่งเข้ามายังถนนเมืองเก่ามายังที่พักที่อยู่บริเวณชุมชนตลาดเก่าที่มีชื่อว่า "บ้านตลาดเก่าบัลโคนี่"รวมระยะทางประมาณ 130 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชมครึ่ง

กว่าจะมาถึงที่พักได้ก็ปาเข้าไปเกือบ 6 โมงเย็น ใช้เวลาขึ้นไปตามหาดอกบัวผุดที่เขาสก และท่องเที่ยวตามรายทางมาเรื่อย เลยมาถึงก็เย็นมากทำให้โปรแกรมที่วางไว้ที่กระบี่ต้องปรับเปลี่ยนจากเดิมที่วางไว้ 2 วัน 1 คืนเหลือเวลาแค่ประมาณ 24 ชม.ก็ต้องบินกลับแล้ว แต่ก่อนที่จะไปดูกันว่าในเวลาที่จำกัดเราจะไปที่ไหนได้บ้าง มาดูที่พักกันก่อน


บ้านตลาดเก่าบัลโคนี่ (Talardkao Balcony)

ตั้งอยู่ เลขที่ 140 ถนนเมืองเก่า ต.คลองกระบี่ใหญ่ อ.เมืองกระบี่ เป็นบ้านเก่าผ่านการ renovate มาเป็น ฺHostel หรือ Boutique House เล็กๆ บรรยากาศสบายๆเหมือนกับเรามาพักบ้านญาติ แสงสีของที่พักตัดกับท้องฟ้ายามพลบค่ำให้ความรู้สึกอบอุ่น พาจินตนาการล่องลอยให้เรานึกภาพความหลัง คงเป็นเพราะ interior design ของที่พัก ทั้งผนังและพื้นเป็น style loft ผสมผสานลงตัวกับของตกแต่งแนว vintage ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งของตกแต่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมคุ้นตาสมัยเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะจักรเย็บผ้าที่ adapt มาเป็นโต๊ะนั่งเล่นเข้าคู่กับเก้าอี้ร้านกาแฟสมัยโบราณ โซฟาสไตล์ vintage ผ้าม่านลายลูกไม้ที่ทางคุณแม่เจ้าของเย็บเองกับมือ แถมยังเพิ่มสีสันต์ให้ที่พักด้วยกระจกสีย้อนยุคลายดอกพิกุล บริหารงานโดยคุณอุ้มเจ้าของ boutique house ที่อบอุ่นน่ารักแห่งนี้

  • สถานที่ตั้ง : 140 ถ.เมืองเก่า ต.คลองกระบี่ใหญ่ อ.เมือง จ.กระบี่ 81000
  • เบอร์โทรศัพท์ : 075-644120
  • อีเมล์ : [email protected]
  • เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/krabiboutiquehouse
  • พิกัด : 8.099035, 98.914254

การเดินทางไปยังบ้านตลาดเก่าบัลโคนี่

- จากสนามบิน รถยนต์นั่ง 300บาท/คัน

- จากบขส รถสองแถว 50-100บาท/คัน

ในส่วนห้องพัก เห็นบ้านเล็กๆแบบนี้แต่ซอยเป็นห้องได้ถึง 7 ห้อง แต่ละห้องก็มีชื่อเป็นสมาชิกในครอบครัวเหมือนสโลแกนของที่พักที่บอกว่า "Everyone is Family" ในส่วนราคาที่พัก promotion ก็ประมาณนี้

  • ห้องคุณตา : ห้องพักสำหรับ 2 คน ชั้น 2 มีห้องน้ำในตัวกับระเบียง ราคา 1,200/คืน
  • ห้องคุณยาย : ห้องพัก 2 คน ชั้น 2 ใช้ห้องน้ำส่วนกลาง ราคา 700/คืน
  • ห้องคุณพ่อ : ห้องพัก 2 คน ชั้น 1 มีห้องน้ำในตัว ราคา 900/คืน
  • ห้องคุณแม่ : ห้องพัก 1 คนชั้น 2 มีห้องน้ำในตัว ราคา 600/คืน
  • ห้องพี่ชาย : ห้องพักชาย 4 คน ชั้น1 ใช้ห้องน้ำส่วนกลาง (Dorm Room) 300/เตียง/คืน
  • ห้องน้องสาว : ห้องพักหญิง 4 คน ชั้น 2 ใช้ห้องน้ำส่วนกลาง (Dorm Room) 300/เตียง/คืน
  • ห้องเกลอ : ห้องพักรวมชายหญิง 4 คน ชั้น 2 ใช้ห้องน้ำส่วนกลาง (DormRoom) 300/เตียง/คืน

พอดีมีโอกาสได้เก็บภาพห้องพักมาบางส่วน มาชม บรรยากาศรวมๆแต่ละห้องเป็นยังไง นอกจากนี้ยังมีครัวส่วนกลาง และบริเวณชั้น 2 ยังมีระเบียงส่วนกลางที่ออกไปนั่งชิลชมบรรยากาศและวิถีผู้คนในย่านนี้ ตอนเช้ารอบๆบริเวณถนนหน้าที่พักจะมีพวกนักปั่นมาปั่นจักรยานออกกำลังกายกันอยู่เสมอ และที่พักยังมีจักรยานไว้ให้บริการอีกด้วย

ห้องเกลอ

ห้องคุณตา

ห้องคุณแม่

ห้องน้ำส่วนกลาง

ระเบียงชั้น 2

หลังจากสำรวจที่พัก และอาบน้ำอาบท่ากันแล้ว ท้องเริ่มส่งเสียงโครมครามปานพายุกำลังมา เพราะใช้พลังงานเยอะกับการเดินป่าไปดูดอกบัวผุดเมื่อเช้า ทางคุณอุ้ม เจ้าของที่พักเลยพาเราไปชิมร้านอร่อยชื่อดังร้านหนึ่งของจ.กระบี่


ร้านน้องโจ๊ก

"ร้านน้องโจ๊ก" ร้านอาหารปักษ์ใต้รสชาติเด็ดของจ.กระบี่ เป็นอีกร้านที่อยากแนะนำหากใครผ่านมายังตัวเมืองกระบี่แล้วยังไม่รู้ว่าจะไปทานที่ไหน มาที่นี่เลย หากติดใจในรสชาติ ซื้อกลับบ้านมี packaging ที่ freeze ไว้อย่างดีหิ้วขึ้นเครื่องได้อย่างสบายใจเมนูเด็ด -หอยชักตีน -แกงส้มปลากระพงยอดมะพร้าว -แกงกะทิเนื้อปู+เส้นหมี่ -ผักเหมียงผัดไข่ -ปลาอินทรีย์ทอดซีอิ๊ว - น้ำพริกกุ้งเสียบ นี่คือเมนูที่ทางร้านแนะนำให้พวกเราชิมกันคืนนั้น ส่วนตัวผมชอบที่สุดก็คงเป็นแกงส้มปลากระพงเครื่องแกงใต้รสจัดจ้านและถูกปากคนภาคกลางเป็นอย่างมาก

  • สถานที่ตั้ง : 50/3หมู่7ตำบล ไสไทย อำเภอเมืองกระบี่ 81000
  • เบอร์โทรศัพท์ : 075 611 639
  • เวลาทำการ : 11:00-14:00 และ 17:00-21:00
  • เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/NongjokeKrabi/
  • พิกัด : 8.050353, 98.916401

ขนมหวานยก set มาให้เลือกมากมาย

ของฝากจากร้าน แพคเก็จสวยงาม freeze อย่างดีไม่ใส่สารกันบูด


ถนนคนเดิน Krabi Walking Street

กินอิ่มก็เดินย่อยกันหน่อย จะเดินที่ไหนล่ะมืดค่ำแล้ว คืนนี้คืนวันเสาร์ไปเดินที่ถนนคนเดินของเมืองกระบี่ดีกว่า ว่าแล้วก็ขับรถไปยัง ถ.มหาราช ซอย8 ใกล้กับห้างโว๊ค จะมีทุก ศ-ส-อา ตั้งแต่ 5 โมงถึง 4 ทุ่มมีทั้งของฝาก ของที่ระลึก และของกินท้องถิ่น ให้ชิมให้ช็อปมากมาย ด้านหลังจะมีบาร์เล็กๆหลายร้านเปิดอยู่เอาไว้นั่งฟังเพลงชิลๆสำหรับนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ง่วง


โรตีหน้าโวค

เดินไม่ทันย่อยก็กินต่อเ ป็นธรรมเนีนมปฎิบัติไปซะแล้วสำหรับคนกระบี่ที่หากใครมาเยี่ยมเยียน พอหลังอาหารเย็นต้องพามาชิมโรตีร้านดังของเมืองอีกร้านนึง ซึ่งอยู่ใกล้กับห้างโวค อ.เมือง จ.กระบี่ ใกล้ๆ กับสี่แยกมนุษย์โบราณ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 18.00-23.30 น. ร้านนี้คนต่อคิวยังกะรอซื้อตั๋วคอนเสิร์ต คนเยอะมาก โรตีมีทั้งแบบกรอบ และแบบนุ่ม ใส่ไข่ ใส่กล้วย ชอบแบบไหนก็จัดไป ส่วนตัวชอบโรตีแป้งกรอบโรยนมข้นกินคู่กับชาที่หอมละมุนอร่อยที่ซู๊ดด


เช้าวันถัดมา ตื่นมาสูดอากาศยามเช้าอันแสนสดชื่น มองดูผู้คนที่มาออกกำลังกายกันเส้นนี้ บ้างก็วิ่ง บ้างก็ปั่นจักรยาน ถนนเส้นนี้หากตรงเข้าไปจะไปถึงคลองกระบี่ใหญ่ ซึ่งเป็นท่าลงเรือพาล่องออกปากน้ำกระบี่ ซึ่งเราจะไปกันหลังจากทานอาหารเช้าแล้ว


ตลาดมหาราช

เช้านี้ทางคุณพ่อคุณแม่ของคุณอุ้มเจ้าของที่พักพาเราไปเดินเล่นกันที่ตลาดมหาราชก่อน ตลาดแห่งนี้นอกจากพวกของสดของแห้งสำหรับทำอาหารแล้วร้านของกินเยอะมาก และท่าทางน่าอร่อยซะด้วย เดินเล่นถ่ายภาพในตลาดไปเรื่อย แม่ค้า ผู้คนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดี บางคนก็ยิ้มให้ด้วย กำลังถ่ายเพลินๆมาเจอร้านนึง กำลังยกกล้องขึ้นถ่าย แม่ค้าถามผมว่า คนไทยหรือเปล่า ผมก็ตอบว่าใช่ แม่ค้าบอกว่าถ้าเป็นคนไทยต้องขออนุญาติก่อนเวลาจะถ่ายภาพ แต่ถ้าเป็นต่างชาติถ่ายได้ตามสบายไม่ต้องขอ ผมเองก็อึ้งไปนิดกับความคิดของแม่ค้า การถ่ายภาพผู้คนในที่ชุมชนแบบนี้ต้องระวังน่ะครับต่างคนต่างจิตต่างใจ เราตั้งใจจะนำไปเผยแพร่ด้านการท่องเที่ยว แต่แม่ค้าเขาคงกลัวว่าเราจะถ่ายภาพแล้วไปโจมตีเขาในโลกโซเชียลมั้ง (คิดเอาเองว่าน่าจะเป็นแบบนั้น)


ลานปูดำ จุดชมวิวเขาขนาบน้ำ

ออกจากตลาดขับรถชมเมือง แวะถ่ายภาพที่ลานปูดำตรงบริเวณท่าเทียบเรือเขาขนาบน้ำ ใครไปใครมาเมืองกระบี่ก็มักแวะถ่ายภาพจุดนี้เป็นที่ระลึกเสมอ ด้านหลังออกไปจะเห็นเขาขนาบน้ำที่เป็นจุดเด่นของเมืองตั้งอยู่แต่ไกล มองดูวิถีชิวิตผู้คนและบ้านเมืองยามเช้าค่อนข้างสงบเงียบมาก เหมือนเป็นชีวิตชิลๆไม่เร่งรีบ แถมถนนหนทางยังดูสะอาดสะอ้านมากๆ ผิดกับที่คิดไว้ว่าเมืองท่องเที่ยวคงเต็มไปด้วยผับบาร์ แต่ที่นี่ไม่ใช่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของชุมชนไว้ได้อย่างดีสมกับคำขวัญของจังหวัดที่บอกว่า "กระบี่เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก"



ราชรสติ่มซำ

หลังจากตระเวณชมเมืองยามเช้ามาระยะนึงก็หาอะไรรองท้องกันซักหน่อย มากระบี่ก็ต้องกินติ่มซำ ร้านติ่มซำร้านนี้เขาบอกว่าเป็น 1 ใน 4 ร้านอร่อยของจังหวัด ตั้งอยู่ ถ.อุตรกิจ ใกล้ปั๊มน้ำมันเอสโซ่ เป็นตึกแถว 2 คูหา ร้านใหญ่โตรสชาติดีทีเดียวสำหรับร้านนี้ โดยเฉพาะ บะกุ๊ดเต๋ ผมชอบเป็นพิเศษ

  • สถานที่ตั้ง :ถนนอุตรกิจ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองกระบี่ กระบี่ 81000 ประเทศไทย
  • เบอร์โทรศัพท์ : 081-9787811
  • เวลาทำการ : 06:00-12:00
  • เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/ราชรส-ติ่มซำ-จกระบี่
  • พิกัด : 8.070660, 98.916361


ศาลโต๊ะหินขวาง

อิ่มแปล้กลับมาที่พัก อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วเตรียมตัวออกลุยกันต่อ คราวนี้ได้ไกด์ท้องถิ่นชื่อคุณเอ๋ และคุณมัส มาคอยอธิบายให้ความรู้สถานที่ต่างๆที่เราจะไปกัน และคุณพ่อคุณแม่ของคุณอุ้มเจ้าของที่พักให้ความเป็นกันเองกับพวกเราก็ร่วมเดินทางไปด้วย เราเริ่มต้นกันที่ ท่าเรือคลองหินขวาง ซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 500 เมตร ก่อนลงเรือไกด์เอ๋พาเราไปสักการะศาลโต๊ะหินขวางที่อยู่ริมสะพานข้ามคลองกระบี่ใหญ่กันก่อน ซึ่งคำว่าโต๊ะภาษามลายูหมายถึงทวดนั้นเอง ก็เหมือนศาลตายายอะไรทำนองนั้น ส่วนหินขวางก็คือมีหินใหญ่ขวางคลองอยู่ ยามน้ำลดจะเห็นได้ชัด ศาลนี้มีความสำคัญกับจังหวัดเป็นอย่างมาก เพราะเป็นศาลที่มีอายุอานามถึง 140 กว่าปี เรียกได้ว่าตั้งแต่ตั้งเมืองกระบี่ เลยที่เดียว ตามตำนานเล่าว่า โต๊ะหินขวางคือจระเข้เจ้าที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก วันนึงมีชายยากจนคนนึงซึ่งมีอาชีพจับปลาในคลองกระบี่ใหญ่หน้าศาลนี่แหละต้องการจะขอสาวแต่งงานแต่ยากจนไม่มีเงินทองจึงมาบนบานศาลกล่าวว่าขอให้จับปลาได้เยอะๆจะได้นำเงินมาแต่งเมีย ซึ่งคำอธิษฐานรับรู้ไปถึงโต๊ะหินขวางที่เป็นจระเข้ใหญ่ จึงพาสมุนบริวารหลายพันตัวช่วยกันไล่ต้อนปลาขึนมาบนฝั่งทำให้ชายยากจนคนนั้นได้ปลาไปขายจำนวนมาก หลังจากนั้นผู้คนก็นิยมมาบนบานต่อศาลโต๊ะหินขวางกันอย่างแพร่หลาย


ล่องเรือคลองกระบี่ใหญ่

พอสักการะโต๊ะหินขวางเสร็จ เราก็เดินย้อนกลับมาที่ท่าเรือหินขวาง ซึ่งอยู่ไม่ไกล เพื่อนั่งเรือหัวโทงล่องไปตามลำคลองกระบี่ใหญ่ออกไปยังปากน้ำกระบี่ ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่เป็นป่าโกงกางและวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านที่ทำกระชังเลี้ยงปู เลี้ยงปลา เลี้ยงหอยอยู่แถบนั้น นั่งชมธรรมชาติไปเรื่อยจนไปถึงเขาขนาบน้ำก็แวะเข้าไปชมถ้ำที่อยู่บนนั้น


เขาขนาบน้ำ

เขาขนาบน้ำเป็นภูเขา 2 ลูกที่ตั้งอยู่คุ่กันมีแม่น้ำกระะบี่ไหลผ่าตรงกลางไปออกปากน้ำกระบี่ก่อนจะไหลลงสู่ทะเลอันดามัน ทางเข้าจะมีด่านเก็บเงินคนล่ะ 30 เป็นค่าเข้าชม ถ้าบนเขาลูกนี้เคยมีมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์อาศัยอยู่ โดยมีการสำรวจขุดค้นพบเศษซากเครื่องไม้เครื่องมือ ภาพเขียนสี และโครงกระดูกมนุษย์โบราณ ปัจจุบันจะเหลือเพียงภาพเขียนสี และทางจังหวัดได้สร้างประติมากรรมจำลองรูปชีวิตความเป็นอยู่ของมนุุษษย์ถ้ำไว้ด้านใน

ทางเข้าถ้ำแบบ adventure หน่อย เหมือนรูหนู มุดเข้าไป

ใครโผล่ขึ้นมาทางนี้ก็เหมือนคนรูดีดีนี่เอง

ปฎิมากรรมจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ถ้ำ มีอยู่ 4-5 จุด และภาพเขียนสี

ถ้านี้มีแสงสว่างพอเพียงก็เพราะเพดานถ้ำบางส่วนได้ยุบตัวลงเป็นโพรงขนาดใหญ่ ปีนขึ้นไปดูด้านบนกันหน่อย ความสูงน่าจะประมาณ 4-5 เมตร วิวด้านบนพอออกไปยืนดูจะไม่เห็นอะไรมาก เพราะด้านนี้จะเต็มไปด้วยป่าโกงกาง

ขาออกจากถ้ำมาออกอีกทางซึ่งจริงๆแล้วทางนี้เป็นทางขึ้นลงปกติที่ทางกองถ่ายทำภาพยนตร์ของเฉินหลงมาสร้างไว้นานแล้ว ทางที่เราเข้ามากันเป็นทางเดิมสมัยก่อน แต่ไกด์แกล้งให้เราได้ผจญภัยเล็กๆพอสนุก

ออกจากเขาขนาบน้ำเราก็ล่องเรือออกทางลัด ลัดเลาะไปตามลำคลองน้อยใหญ่ ผ่านซุ้มอุโมงค์ป่าโกงกางอารมณ์เสมือนคล้ายในสารคดีลุ่มแม่น้ำอเมซอน พบเจองูอนาคอนด้าขนาดใหญ่ !! เอ๊ย..ไม่ใช่เป็นงูเห่าที่อาศัยอยู่บริเวณแถวป่าโกงกาง แต่ก็ทำให้เราขนลุกได้เหมือนกันกลัวมันจะว่ายมาขึ้นเรือ


ร้านขนาบน้ำวิวซีฟู๊ด

ร้านอาหารมื้อกลางวันอีกร้านที่อยากจะแนะนำ หลังจากล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ ร้านนี้ตั้งอยู่ ต.คลองประสงค์ อ.เมือง แต่ไม่ได้อยู่ในเมือง อยู่ในบริเวณละแวกป่าชายเลน คลองกระบี่ใหญ่ ชุมชนมุสลิมบ้านเกาะกลางนี่แหละ เพราะบริเวณนี้จะเป็นที่อาศัยของชาวบ้านที่ทำกระชังปลา แล้วก็เลยเปิดเป็นร้านอาหาร บริหารงานโดย บังมัตถ์ เบอรฺ์โทร 085-9333971

  • สถานที่ตั้ง : 30/1 ตำบลคลองประสงค์ อำเภอเมืองกระบี่ 81000
  • เบอร์โทรศัพท์ : 085-9333-971,091-328-4549
  • เวลาทำการ : 9:00 - 21:00
  • เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/KanabnamViewSeafood/
  • เว็บไซด์ : http://www.kanabnamviewseafood.com/
  • พิกัด : 8.056180, 98.932937

มาดูเมนูอาหารที่ทางร้านแนะนำบ้าง ร้านนี้เป็นร้านอาหารของชาวมุสลิม แต่ไม่ได้มีแต่อาหารมุสลิมอย่างเดียว จะมีอาหารประเภทซีฟู๊ดและอาหารทั่วไปด้วย บังมัสได้อธิบายแต่ละเมนูประกอบไปด้วยระหว่างทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน


ท่องเที่ยววิถีชุมชนบ้านเกาะกลาง

หลังจากอิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อย เราก็ออกเที่ยวกันบนเกาะกลาง โดยการนั่งรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง หรือรถสามล้อพาชมวิถีชีวิตวัฒนธรรมชุมชนที่เรียบง่าย ส่วนใหญ่แล้วร้อยล่ะ 90 เป็นชาวมุสลิม และยังได้ศึกษาแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน อย่างเช่นการผลิตเรือหัวโทงจำลอง การทำผ้าปาเต๊ะ การสักหอย การต่อเรือ และการทำว่าว เสียดายอยู่อย่างที่เราไม่ได้ชมการผลิตข้าวสังข์หยดที่มีชื่อเสียง เพราะเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว โดยมีบังเลาะห์ที่เป็นทั้งพลขับและเป็นไกด์ คอยอธิบายให้ความรู้ในแต่ละสถานที่ที่พาเราไปบนเกาะกลางที่มีระยะทางประมาณ 11 กม แต่ก่อนอื่นเรามาทราบข้อปฎิบัติการท่องเที่ยวบนบ้านเกาะกลางกันสักนิด

ข้อปฎิบัติสำหรับนักท่องเที่ยว
- ไม่นำสิ่งเสพติด หรือของมึนเมาทุกชนิดขึ้นมาบนเกาะ
- ไม่นำอาหารที่มีหมู ขึ้นมาบนเกาะ
- ไม่นำสุนัขขึ้นมาบนเกาะ
- ควรแต่งกายสุภาพ มิดชิด ผู้หญิงไม่ควรสวมเสื้อสายเดี่ยว เกาะอก หรือกางกางขาสั้นมาก
- ไม่แสดงพฤติกรรมเชิงชู้สาว หรือ อนาจารในที่สาธารณะ


  • ศูนย์ otop กลุมต่อเรือหัวโทงจำลอง

จุดแรกที่เราจะแวะจุดแรกคือศูนย์ otop บ้านเกาะกลาง ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้การรต่อเรือหัวโทงจำลอง ที่บังสมบูรณ์เป็นผู้บุกเบิก บังเลาะห์ได้บอกเล่าประวัติความเป็นมาและขั้นตอนการต่อเรือหัวโทงอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ภูมิปัญญาชาวบ้านในอดีตที่ได้ประดิษฐ์คิดค้นไฟแช็คขึ้นมาใช้ ทำจากเขาควายใช้วิธีอัดอากาศโดยการสูบลมเข้าออก แล้วมีเปลือกไม้ทาขี้ผึ้งเป็นเชื้อเพลิง ดันเข้าไปจนสุดแล้วดึงออกมาแรงๆทำให้เกิดสันดาปจนเกิดเป็นประกายไฟ

  • บ้านทำว่าว

จุดต่อมาคือบ้านที่เขาทำว่าว ว่าวที่นี่เขาจะเล่นกันช่วงหลังจากเก็บเกี่ยวจะมีการแข่งขันกันอยู่เสมอ บังเลาะห์ได้อธิบายตั้งแต่ว่าวชนิดต่างๆ ไปจนถึงกฎกติกาการแข่งขันที่ฟังดูน่าสนุกตื่นเต้นดีหากได้มาเห็น เพราะเขาแข่งกันข้ามวันข้ามคืนกันทีเดียวแม้แต่ตอนกลางคืนก็ยังมีการเล่นว่าวกันไปจนถึงเช้า เรียกว่าต้องใช้ไฟฉายส่องกันทีเดียว

หน้าบ้านจะเป็นทุ่งนาและเป็นสถานที่แข่งว่าวหลังผ่านฤดูเก็บเกี่ยวไปแล้ว มีรถสามล้อพานักท่องเที่ยวต่างชาติมาชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ นึกถึงยามเช้าหรือยามเย็นบรรยากาศคงดีทีเดียวบริเวณนี้ เสียดายที่เวลาเราน้อยไปคงต้องมีซ่อมคราวหน้า

  • ศุนย์ otop กลุ่มทำผ้าปาเต๊ะ

ออกเดินทางต่อมายัง กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าปาเต๊ะซึ่งเป็นการรวมกลุ่มกันของชาวบ้านที่ได้แนวคิดการทำผ้าปาเต๊ะจากจังหวัดปัตตานีแล้วประยุกต์มาเป็นรูปแบบเฉพาะตัวที่มีการผสมผสานระหว่างผ้าปาเต๊ะกับผ้าบาติค ลายผ้าและสีสันจะมีความสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ชาวบ้านยังเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้และทดลองทำผ้าปาเต๊ะด้วยตนเองอีกด้วย

  • การสักหอย

สักหอยก็คือการขุดหอยนั่นเอง ชาวบ้านจะสักหอยบริเวณชายหาด ในช่วงที่น้ำทะเลลด โดยหอยที่พบมากบริเวณชายหาดเกาะกลางคือ หอยหวาน หอยราก หอยเม็ดขนุน หอยจุ๊บแจง หอยปากหนา หอยหลักไก่หอยแครง และหอยแว่น เป็นต้น โดยหอยแต่ละชนิดจะมีวิธีการสังเกตุและหาแตกต่างกัน อย่างบางคนเขาจะเดินหาพบรูหอย เอาไม้จิ้มๆ ขุดๆแล้วดึงหอยโดยใช้เท้าแล้วตวัดใส่กระป๋องโดยไม่ต้องก้มๆเงยๆ หอยที่ได้จะนำไปขายแล้วก็ประกอบอาหารภายในครัวเรือน อาหารที่ขึ้นชื่อก็หอยหวานต้มตะไคร้ หอยรากผัดหัวกะทิเป็นต้น นอกจากนี้ทำเลตรงนี้ถ้าเช็คน้ำขึ้นน้ำลงดีๆแล้วน่ามาถ่ายช่วงพระอาทิตย์ตกดินมาก เพราะชายหาดที่ทำมุม 180 องศา และวิวแบบพาโนรามาที่มองเห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่และภูเขาสำคัญ เบื้องหน้า อย่างเกาะไก่ เกาะพีพี เขาหงอนนาค เขาพนมเบ็ญจาเป็นต้น


  • บ้านต่อเรือหัวโทง

จุดนี้ไกด์มัสได้พาเราเข้าไปเยี่ยมชมและบอกเล่าเรื่องราวการต่อเรือหัวโทง งบประมาณการต่อเรือแต่ละลำก็แสนบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือโดยอาศัยดูกระดูกงูของเรือว่ากี่ชิ้นก็จะรู้ว่าเรือมีขนาดกี่เมตร และหัวเรือที่เขาเรียกหัวโทงที่ทำหน้าที่แหวกคลื่นก็ยังเป็นจุดบอกทิศทางในการเดินเรืออีกด้วย เช่นเราจะไปเกาะไหนก็หันหัวเรือโดยเอาหัวโทงเป็นเข็มทิศตั้งไปที่เกาะนั้นโดยไม่หลงทิศ

ขากลับออกมาแวะคุยกับชาวบ้านละแวกแถวนั้นที่ทำอาชีพแกะปูม้าขาย เขาบอกว่ารับปูม้ามา แล้วก็ต้มปู แกะปูส่งร้านอาหาร กว่าจะได้กรรเชียงปูโลนึงนี่ต้องแกะปูถึง 10 โล โลนึงก็ได้หลายตังค์อยู่ ก็ถือว่ารายได้ดีทีเดียว


แวะซื้อขนมระหว่างทาง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นขนมไทยทั่วไปที่เคยทานกัน ไม่ว่าพุทธ มุสลิมขนมก็เหมือนๆกัน อาจจะแตกต่างกันบ้างในเรื่องรสชาติและหน้าตา อย่างลอดช่องที่เราซื้อมา เขาจะห่อด้วยใบตองแยกมาต่างหาก


คิดถึงคอทเทจ

ขากลับไกด์มัตถ์พาแวะกินน้ำกินท่าที่บ้านของเขาก่อน บ้านของไกด์เป็นบ้านไม้เก่า 2 ชั้นทำเป็นโฮมสเตย์สไตล์ฮาลาล ไกด์เล่าให้เราฟังว่าก่อนหน้านั้นไกด์เป็นคนที่บ้านเกาะกลางนี้ แต่ได้ไปเติบโต เล่าเรียนอยู่ใน กทม จบออกมาก็ทำงานในกทม และมาต่อที่ภูเก็ตอีก 5 ปีกว่า ญาติๆหลายๆคนจากกทมบ้าง เชียงใหม่บ้าง ที่มาเยี่ยมที่นี่ ก็มักจะประทับใจในบรรยากาศของเกาะกลาง มีช่วงนึงที่ต้องปล่อยบ้านร้างไว้ 1 ปี แล้วญาติที่กทม.ก็ได้แวะผ่านมา แล้วบอกว่าสลดใจ และคิดถึงภาพเดิมที่เคยเจอเลยเป็นที่มาของชื่อ คิดถึง เพราะมันมีบรรยากาศและเรื่องราวที่อยากเล่าให้คนอื่นๆได้คิดถึงกันบ้าง ผมเชื่อว่าใครได้มาพักที่นี่คงจะคิดถึงบ้านเก่าสมัยยังเยาว์วัยที่เคยวิ่งเล่นซุกซนอยู่กับธรรมชาติรอบบ้านกันบ้าง

  • สถานที่ตั้ง : 162 หมู่1 บ้านเกาะกลาง ตำบลคลองประสงค์ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 81000
  • เบอร์โทรศัพท์ : 081 494 7470 ,084-1421600
  • อีเมล์ : [email protected]
  • เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/kidthung.cottage/
  • พิกัด : 8.055814, 98.931962

การเดินทางไปยัง คิดถึงคอทเทจและชุมชนเกาะกลาง

จากสนามบินสามารถมาได้ 3 ทาง

- รถแอร์พอร์ตบัส คนละ 90 บาท (จะพามาลงจุดเปลี่ยนรถในเมือง แล้วมีรถสองแถวพาแขกส่งยังจุดต่างๆอีกที รถสองแถวที่พาส่ง ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่มักคาดหวังสินน้ำใจเพิ่มจากแขก ^_^)

- นั่งแทกซี่ คันละ 400 บาท

- นั่งรถตู้ คันละ 600 บาท

จากบขส. นั่งรถแดง(รถสองแถว)เข้าเมืองมาลงท่าเรือเจ้าฟ้า ราคา 15-20 บาทต่อท่านครับ(บขส.ห่างจากเมือง 5 กม.)

ท่าเรือสวนสาธารณะธารา ฝั่งตัวเมืองติดกับร้านซอฟีย๊ะธารา เป็นเรือโดยสารข้ามฟากของผู้คนเกาะกลาง ค่าโดยสารประมาณ 10 บาท ใช้เวลาประมาณ 5 นาที แล้วต่อมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่อยู่บริเวณท่าเรือไปยังที่พัก ค่าโดยสารประมาณ 20 บาท

ท่าเรือเจ้าฟ้า ในตัวเมืองตรงข้ามด่านศุลกากรกระบี่หรือไกล้กับลานปูดำ มายัง "ท่าเรือท่าหิน" ของเกาะกลางหรือติดกับร้านอาหารบ้านม๊ะหญิง ใช้เวลาประมาณ 15 นาที (ราคาค่าเดินทางแบบเหมาลำแล้วแต่ตามตกลงกับเจ้าของเรือ) แล้วเดินตรงมาอีก 50 เมตร ก็จะถึงโฮมสเตย์ (ท่านี้จะสะดวกในการมาคิดถึงคอทเทจ)

เข้ามาภายในบ้านจะมีมุมนั่งเล่นนอนเล่นอ่านหนังสือชิลล์ๆสบายๆด้วยหมอนสามเหลี่ยมพร้อมเบาะรองนอนหนานุ่ม ภายในบ้านตกแต่งเรียบง่าย ทั้งโต๊ะตู้เตียงเป็นของสะสมโบราณทั้งนั้น บรรยากาศโปร่งโล่งดูสบายตา


ในส่วนห้องพักมีด้วยกัน 3 ห้อง เป็นห้อง family 1 ห้องและห้องสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวใหญ่อีก 1 ห้องอยู่ชั้น 2 ส่วนห้องสำหรับคู่รักโทนสีเหลืองอีก 1 ห้องอยู่ที่ชั้น 1 ตรงบันไดทางเดินขึ้นชั้น 2 ทำเป็นชั้นวางหนังสือดูกิ๊บเก๋ทีเดียว

มาแล้วอาหารว่างรอบบ่ายของพวกเรา เป็นขนมไทยที่เราแวะซื้อกันกลางทาง ขอบอกลอดช่องอร่อยมาก ตัวโตเนื้อแน่นๆ น้ำกะทิหอมหวานกำลังดี และน้ำดอกอัญชันบีบมะนาวหน่อยเหมาะกับอากาศยามบ่ายมากๆ ทานเสร็จแทบอยากจะเอกเขนกซะให้ได้ บริเวณด้านข้างของตัวบ้านเป็นโต๊ะนั่งทานข้าว และรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มีมุมพักผ่อนอยู่เต็มไปหมดทั้งในตัวบ้านและนอกบ้าน เดินไปทางไหนก็มีแต่มุมนั่งๆนอนๆ ขาดไปอย่างคือซุ้มชิงช้าโยกแบบสมัยก่อน^^ บริเวณลานบ้านเหมาะสำหรับทำกิจกรรมรอบกองไฟ เอ้ย กิจกรรมปิ้งย่างทำบาร์บีคิวกินกัน จากอาหารทะเลที่เราไปลงมือจับกันมาเองมันจะสนุกแค่ไหน แค่คิดก็มันส์แล้ว

ในที่สุดก็มาถึงบทสุดท้ายของทริปดีดีที่สร้างความทรงจำไปอีกนานแสนนาน เราเขียนสมุดเยี่ยม วลีหน้าปกไม่ทำให้เราลืมได้เลย ถึงแม้กลับมาแล้วก็ยังนึกถึงอยู่เสมอ ที่ทำให้ผมได้ย้อนความทรงจำที่ครั้งหนึ่งในวัยเด็กผมเคยมีบ้านที่มีพื้นที่เหมือนที่นี่ และสัญญากับตัวเองว่าต้องกลับไปอีกครั้ง....

ขอขอบคุณผู้สร้างทริปดีดี และทำให้ผมมีเรื่องราวการเดินทางอันสุดแสนประทับใจ

  • คุณอุ้มและครอบครัวที่ให้ความเป็นกันเอง แห่งบ้านตลาดเก่าบัลโคนี่
  • คุณมัตถ์และคุณมูนา สองสามีภรรยาผู้น่ารักแห่งคิดถึงคอทเทจ
  • คุณเอ๋ ไกด์ท้องถิ่นผู้อารมณ์ดีทั้งทริป
  • คุณโจ๊ก แห่งร้านอาหารน้องโจ๊ก
  • บังมัตถ์แห่ง ขนาบน้ำวิวซีฟู๊ด
  • บังเลาะห์ ไกด์ชุมชนบ้านกาะกลาง

-ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ได้เข้ามาชม และ กด like กด share เป็นกำลังใจน่ะครับ

-แลกเปลี่ยนข้อมูล หรือพูดคุย สอบถามข้อมูลการเดินทาง Fanpage : สตั๊ดดอยร้อยเรื่องราว

-ติดตามบทความเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ ทริปเดินทางทั้งหมด





ความคิดเห็น