ก่อนอื่นคงต้องขอสวัสดีนักเดินทางทุกท่านอีกครั้งนะครับ พบกันอีกครั้งกับการท่องเที่ยวไปในจังหวัดเชียงใหม่ ครั้วที่ 2 ของผมเเน่นอนว่าเราต้องไปกันเป็น เดอะเเก๊ง ในปีๆ นึงจะมีสักกี่วันที่พวกเราเด็กมหาลัย จะว่างหลายๆ วันขนาดนี่ ก็คงไม่พ้นช่วงหลังสอบปลายภาคก่อนปีใหม่เป็นเเน่เเท้ เราจึงเรียบวางเเผนกันว่า ปีนี้เราจะไปรับลมหนาวว กันที่ไหนดี ตกลงกันไปตกลงกันมา เอาหวะเชียงใหม่ละกัน เราเริ่มวางเเผนกันตั้งเเต่เดือนตุลาคม ดูเร็วมากเรยทีเดียว นั่งรถไฟเเน่นอนครับสไตล์พวกเรา ไปๆมาๆ ไปตั้ง 7คน ซึ่งเยอะสุดตั้งเเต่ผมเคยเที่ยวเลย

ที่มาของเเฮชเเท็กชื่อทริปนี่ก็มีอยู่ว่า ก่อนเราไปเที่ยวเชียงใหม่เพียงไม่กี่วัน ผมผู้เขียนกระทู้ชื่อ โดนเลือกไปพรีเซนวิจัยที่อีกมหาลัยแห่งหนึ่งหลังกลับมาจากเชียงใหม่ เเละเเน่นอนครับต้องซ้อมกับอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างเข้มข้นเรยทีเดียว เพื่อนเลยให้กำลังใจว่าสู้ๆ เเละเปรียบว่าการไปพรีเซนวิจัย มืงตายเเน่ๆ 555 ทำให้เกิดเเฮชเเทคว่า #CNXbeforeMdieไปเชียงใหม่ก่อนผมตายจากการไปพรีเซนวิจัยนั้นเองเเหละครับ


ส่วนนี่เป็นกระทู้ที่ผมเคยเขียนครับ ไว้เป็นเเนวทางได้บ้างไม่มากก็น้อยครับผม

"น่านไง . . . . ใครว่าไม่มีอะไรเที่ยว" เที่ยวในวันที่ 6 - 8 ม.ค. 59 https://pantip.com/topic/34656885

ภูสอยดาว ไปเเล้ว . . รู้เลย https://pantip.com/topic/35926892

สุโขทัย เมืองน่าไป ไม่ใช่เเค่ทางผ่าน https://pantip.com/topic/36178294



"ถ้าทุกคนพร้อมเเล้ว ออกเดินทางไปกับพวกเราได้เรย"

CHAPTER I เริ่มต้นการเดินทาง "จงสนุกกับการก้าวออกไปในที่ใหม่ๆ ด้วยใจที่สงสัยเเละพร้อมจะเรียนรู้"

การเดินทางของพวกเราเริ่มต้นจากที่เรานัดกันที่ฟิวเจอร์ปาร์ครังสิตเวลาประมาณบ่ายโมงครับผม เมื่อสมาชิกครบทีมกันเเล้ว เราก็เดินทางไปสถานีรถไฟรังสิตได้เลย พวกเราจองรถไฟ ขบวนที่ 109 รังสิต-เชียงใหม่ ชั้น 2 นั่ง ราคา 271 บาท เวลา 14.43 น. ระหว่างนั้นผมกับเพื่อนหิวเลยหาอะไรกินจัดข้าวหน้าเป็ดไป 2 อิ่มสิครับ


รอไปรอมา กว่าจะได้ออกจากรังสิตก็เกือบสี่โมงเเหละครับ เรื่อยๆ สไตล์รถไฟไทย เเต่การเดินทางครั้งนี้เรามาพร้อมความชิว สบาย ๆ ครับไม่มีปัญหา

รถนั่งชั้นสอง ที่นั่งเป็นเเบบเบาะนั่ง เอนได้ มีที่วางอาหารข้างหน้า

เสน่ห์ของการนั่งรถไฟไปเที่ยวกับเพื่อน นอกจากจะได้ซึมซัมบรรยากาศสองข้างทางเเล้ว ยังทำให้ได้เเลกเปลี่ยนคิดเห็น ประสบการณ์กันอีกด้วย สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ผมสนุกทุกครั้งที่ได้เดินทางด้วยรถไฟ คือ "อาหาร" ที่จะขันมาขายตามสถานีรถไฟต่างๆ ระหว่างทาง ซึ่งเเต่ละท้องถิ่น ก็จะมีอาหารต่างกันไปบ้าง ผมเลยจัดทำมินิรีวิวอาหารบนรถไฟนั่ง พัดลมหรือรถไฟรีสายเหนือขึ้นมาครับ ลองดูกันว่าเรากินอะไรกันบ้างระหว่างทาง หูยย ยังกะบุฟเฟ่ ตอนเเรกเราก็คุยกันเล่นว่าไม่ต้องไปเเล้วเชียงใหม่ ตังค์เราจะต้องหมดตั้งเเต่เราอยู่บนรถไฟเป็นเเน่เเท้ กินเยอะจริงไรจริง ยิ่งไปกันหลายคนเราหารกันเเล้วก็ผลัดกันชิมเลยก็ว่าได้ครับ

ก็อย่างที่เห็นเเหละครับ ว่าของกินมากมายเเค่ไหน ระหว่างทางมีน้ำขายตลอดครับ ส่วนอาหารยืนพื้นที่มีเรื่อยๆ ก็คือ กระเพราไข่ดาวครับ ซึ่งมาจากทั้งของตู้เสบียงเเละก็ชาวบ้านขายครับ หลังจากออกจากรังสิตไม่นาน ก็มีของกินมาเรื่อยๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวเหนียวหมู ถั่วต้ม ขนมจีบ สาคู ผัดไท พอถึงอยุธยาก็จะมีของขึ้นชื่ออย่าง โรตีสายไหม ใกล้ๆ ลพบุรีก็จะมีขนมไข่หงษ์ ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบอันนี้เป็นพิเศษครับ ด้วยรสชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ไส้ข้างในเป็นถั่วเค็มๆ หอมกลิ่นพริกไทยรสชาติคล้ายไส้ของขนมใส่ใส้ ภายนอกเคลือบด้วยน้ำตาล ตัดรสเค็มหวานกันอย่างลงตัว ก้อนกลมพอดีคำ ไปเเล้วต้องจัดนำครับเพื่อนๆ ใกล้มืดเเล้วเเถวๆ นครสวรรค์ก็จะมีซาลาเปา ข้าวโพดข้าวเหนียวต้ม ที่มาสามอันมาในถุง ราคาประมาน 20 บาท ผมนี่ซัดคนเดียวหมดเลย


อาทิศย์ตกระหว่างทาง

ระหว่างทางเราก็หาอะไรทำไปเรื่อยครับ เพื่อนบางคนก็อ่านนิยาย หลับเเล้วหลับอีก บางคนก็หาอะไรไปเรื่อย เเน่นอนครับผมก็หาอะไรทำ ทริปนี้มีผู้ชายเเค่สองคนระหว่างทาง ไอ้เราก็ชอบดูสตาวอร์ ก็คุยกันตั้งเเต่ต้นยันจบเรื่อง เเล้วต่อด้วยเดอะลอด เดอะเเมทริก จนเเฟนเพื่อนที่ผมคุยด้วยบอกว่า อย่าไปชวนมันคุย ถ้าชวนมันคุยเรื่องพวกนี้เเล้วมันหยุดไม่ได้ ตลกครับ 555


นกบินกลับรัง

ถ่ายทอดเรื่องราว

พอใกล้ๆ เชียงใหม่เเล้วอากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ลมเเรง ทุกคนนี่ใส่เสื้อกันหนาวกันใหญ่ หลับไปหลับมาก็ถึงละครับ เชียงใหม่



CHAPTER II ถึงเเล้ววครับเชียงใหม่ "สถานที่ใหม่ กับมิตรภาพที่ไม่เคยเก่า"

เรามาถึงเชียงใหม่ กันตอนประมาณ ตีห้าครึ่งเกือบหกโมง ล้างหน้าเเปรงฟัน กันเรียบร้อยเราก็ออกเดินทางไปหาของกินกัน

แถวๆ สถานีรถไฟมีตลาดนึงใกล้ๆ ชื่อตลาดสันป่าข่อย เดินไปไม่นานเราก็ถึงตลาด ที่นี่ส่วนใหญ่จะขาย ของสด เเกงต่างๆ ของทอด ข้าวเหนียว

เราจึงเลือกซื้อข้าวเหนียว ปลาทอด ลาบที่หมกห่อใบตอง หนังหมูทอด เพื่อไปกินเป็นมื้อเช้า การเดินทางครั้งนี้เราเหมารถกับพี่เก่ง คนขับชาวเหนือผู้ใจดีอยู่กับเราทั้งทริปเลยครับ โดยเขามารับเราที่ตลาดประมาณเจ็ดโมงง เพื่อไปดอยสุเทพ ระหว่างทางด้วยความหิวพวกเราทุกคนต่างโซ้ยข้าวเหนียวกับเครื่องเคียงต่างๆ อย่างเอร็ดอร่อย โดยวางบนกระเป๋าเเล้วทุกคน ก็จกกินอย่างหิวโซ 555 ข้าวเหนียวร้อนๆ กับหนังหมุกรอบๆ หรือไม่ว่าจะเป็นปลาทอด หมกลาบ หร่อยอย่างเเรงเลยนิ

ไม่นานพี่เก่งก็พาเราไปถึง จุดชมวิวระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพระหว่างทางอาจจะคดเคี้ยวเล็กน้อย อาจต้องใช้ความชำนาญสักหน่อย จุดนี้เเทบเรียกได้ว่าเป็น view point ที่เห็นเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งเมืองเลยทำเดียว สวยงามมากครับ

และนี่ก็คือโฉมหน้าของ พี่เก่ง ผู้ใจดีที่พาเราไปทุกที่ในทริปนี้ครับก็คือหลักๆ สามที่ ดอยสุเทพ เเม่กำปอง เเละดอยอินทนนท์ ไปเจ็ดคนเหมาเเบบคนละ 1000 บาท ตอนเเรกผมก็คิดว่าเเพง เเต่พอดูระยะทางบวกกับความยากของเเต่ละเส้นทางผมคิดว่า ไม่เเพงเลยครับ เบอร์ติดต่อพี่เขามีสองเบอร์ครับ 0979210953 เเละ 0871752296 ไปใช้บริการพี่เเกได้ครับ เเกใจดีมากก เเกไปนอนกับเราในทุกที่ที่เราไปเลยครับนอนในรถ ทุ่มเทสุด ที่ต่อไปไท่เราไปกันก็คือดอยปุยครับ วันนั้นอากาศดีมาก เส้นทางอาจจะคดเคี้ยวนิดนึง

เเต่ไม่นานเราก็ถึง ดอยปุยเป็นหมู่บ้านที่มีชาวเขาอยู่ มีสวนดอกไม้ มีชา เเละกาเเฟให้นักท่องเที่ยวได้ลิ่มลอง พอเราลงรถปุ๊ป สิ่งเเรกที่เราเจอก็นี่เลยครับ

สตอเบอรรี่ อย่างอร่อย ต่อไปเราก็เดินเพื่อไปชมสวนดอกไม้ด้านบนกันครับ ระหว่างทางก็มีอะไรให้เราเล่นกันด้วยครับ ยิงหน้าไม้กะธนู ด้วยความที่เราไปกันมีผช เเค่สองคนก็เลยเเข่งกะผญดู เเน่นอนครับเเพ้ไม่เป็นท่า

เดินไปซักพักเราก็ถึงสวนดอกไม้ อากาศสดชื่น เเละก็เย็นมากครับ เเน่นอนครับทุกคนก็ถ่ายรูป เเละก็ซึมซัมบรรยากาศกันอย่างเต็มที่

เช้าๆ หนาวๆงี้ เราก็้องหาอะไรร้อนๆ กินนิดนึง ครับ ด้านบนเหนือสวนดอกไม้จะมีร้านกาเเฟอยู่ มีขายชา กาเเฟ มีไวไฟ บรรยากาศดีมากๆ เราจึงไปจัดกันมาเรียบร้อยครับผม

หลงจากนั้นเราก็ลงจากดอยปุยไปสักการะ วัดพระธาตุดอยสุเทพกันครับ ไหนๆก็มาถึงเชียงใหมกันเเล้ว

สาวๆ ในทีมครับ ท่าเชียร์ลีดเดอร์สุดๆ ๆเลย

จะเที่ยงเเล้วครับ พวกเราทุกคนเริ่มจะหิว เเล้วเเน่นนอนว่ามาเมืองเหนือ ทั้งทีไม่ได้ลิ้มลองอาหารเหนือก็จะกระไรอยู่ ด้วยความที่ทุกคนไม่ได้หาข้อมูลอะไรมาเลย ก็เลยให้พี่เก่งพาไปจัดให้เลยครับ เเล้วพี่เก่งก็พาเราไปร้านนี้ครับ

เพื่อนเราส่วนใหญ่จะสั่ง ข้าวซอย เมนูยอดฮิตของที่นี่ รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยใช้ได้เลยครับ เข้มข้นครบเครื่อง มีหลากหลาย ทั้งเข้าวซอยไก่ เนื้อ ลูกชิ้น ส่วนของกินเล่นเราก็สั่งหมูสะเต๊ะ เเล้วก็เพื่อนชาวเหนืออยากให้เราลองเมนูนี้ครับ

ข้าวกั้นจิ๊น เป็นตัวข้าวคลุกกับเลือดหมู ปรุงรส ห่อใบตองนึ่ง โรยกระเทียบเจียว ด้วยความที่ทุกคนไม่เคยกิน เลยลองกัน คนละคำสองคำ รู้สึกว่าอร่อยดีครับ หอมกระเทียมเจียว ข้าวเค็มๆ มันๆ เเปลกไปอีกเเบบนึงครับ หลังจากอิ่มท้องกันเเล้ว เราก็เดินทางต่อไปยังบ้านเเม่กำปอง โดยระหว่างทางเราได้มีโอกาศ เเวะชมโครงการหลวงตีนตก ก่อน ครับที่นี่มีร้านอาหาร ลำธาร เเละก็มีที่พักให้คนมาพักได้ด้วยครับ เราก็เดินลงไปซึมซัมบรรยากาศกันอย่างเต็มที่

ในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงที่พักของเราที่เเม่กำปองในวันนี้ สำราญชนโฮมสเตย์ เราก็ขนของลง พักผ่อนซักเเพรบ ล้างหน้า ล้างตา เก็บของ เราพักห้องใหญ่ นอนทีเดียวหกคนเลยครับ โดยที่นี่เราพักหนึ่งคืนทางที่พักจะมีอาหารเย็น เเล้วก็อาหารเช้าให้เรา ครับ

หลังจากนั้น ประมานบ้ายสาม พวกเราก็เดินไปเที่ยวกนทั้น้ำตกเเม่กำปอง ซึ่งไม่ไกลมากจากที่พักเรา เเต่เส้นทางอาจจะขึ้นเขานิสนึงนะครับที่นี่อากาศดีมากครับ เป็นหมู่บ้านในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยป่า น้ำตกที่นี่มีหลายชั้นครับ เเต่เราไปถึงเกือบประมานสี่โมงเเล้ว มันใกล้เวลาปิดร้านชมนกชมไม้ (17.00 น.) เราเลยต้องรีบออกมาร้านชมนกชมไม้ เเละเเล้วเราเดินไปถึงน้ำตกเเล้วหลังจากนั้นเราก็เดินลงมาจากน้ำตก เพื่อไปที่ร้านกาเเฟสุดชิคที่ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมา ที่เเม่กำปอง จะต้องไปร้านนี้ครับ "ชมนกชมไม้" เราเเวะที่นี่ในช่วงเย็น ขนมกับพวกเครื่อมดื่มรสชาติดี บวกกับบรรยากาศของที่นี่เเล้ว คุ้มค่าครับท่ามกลางหุบเขา ตอนเย็นๆ อากาศของที่นี่เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เราเดินลงจากด้านบนเพื่อไปเดินเล่นข้างล่างตรงหมู่บ้าน ผมชอบบรรยากาศที่นี่มากครับ ทุกอย่างดูหยุดนิ่ง ไม่ก็ดำเนินไปอย่างช้าๆ สโลวไลฟของจริง ชาวบ้านใจดี นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก สัมผัสได้ถึงความเรียบง่ายในการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องรีบเร่งอยู่เป็นเนื้อเดียวกับธรรมชาติจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมสถานที่เเห่งนี้ถึงมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็วในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เเค่เห็นคนลงรูปหรืออะไร เเต่จากการที่ผมได้มาสัมผัสเองเเล้วรู้สึกถึงทั้งความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในใจ กับความเย็นที่สัมผสได้ด้วยร่างกาศ พร้อมกับอากาศที่บริสุทธิ์สดชื่นไปพร้อมๆ กันด้วยความหิวของพวกเราทุกคน กินเเค่ขนม กับน้ำไม่มีทางอิ่มอะบอกเลย เราเลยซื้อหมูย่าง ข้าวโพดปิ้งมาโซ้ยกันอย่างสบายใจ อันนี้เป็นหมูที่ย่างอยู่บนเตาถ่านร้อนๆ กิล่นหอมมาก คนต่อคิวก็เยอะมากเช่นกัน

"รวมตัว . . . ปล่อยพลังงง"

ปิดท้ายวันนี้ด้วยอาหารมื้ออร่อยของที่พักเราครับ กับข้าวก็มี ไข่เจียว น้ำพริกอ่อง เเกงฮังเล เเละก็เเตงกวาผัดน้ำมันหอย บอกเลยว่ามื้อนี้เปรมสุดๆ ครับ รสชาติดีมาก เเตงกว่ากรอบๆ สดๆ มาผัด เเกงฮังเลจัดจ้านเครื่องเทศ พริกอ่องหอมอร่อย ทานกับข้าวสวยร้อนๆ โครตเข้ากันเลยครับพี่น้องหลังจากนั้นทุกคนก็อาบน้ำ ทำภารกิจส่วนตัวเเละก็เข้านอนครับ บอกเลยว่าอากาศตอนนั้หนาวมาก ออกมานอกห้องนอนคือ เเบบสุดๆ 555 เออ ลืมบอกไปห้องน้ำมีน้ำอุ่นนะครับ อาบสบายๆ สำหรับวันนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ

CHAPTER III เช้านี้ . . ที่กำปอง "ก้าวต่อไป ฉันเเละเพื่อน"

ตื่นๆ มีเรื่องเเล้ว ตื่นได้เเล้วเจ้าหมา

เช้านี้เราตื่นประมาณเจ็ดโมงกว่า ๆ อาหารที่ที่พักจัดให้เราเช้านี้ก็ข้ามต้มร้อนๆ กับกล้วยไข่กินเล่นครับ ผมจัดไปหลายลูกเลย เติมพลังเรียบร้อยเราก็เก็บของเเล้ว ออกจากเเม่กำปองกันเลย ครับ โดยส่วนตัวผมชอบบรรยากาศที่นี่มากครับ ที่พักก็ถือว่าสุดยอดเลย ไว้ว่างๆ ใครมีโอกาสก็อยากให้ลองมาสัมผัสดูครับ เเล้วคุณจะรู้ว่า สโลว ไลฟ ที่เเท้จริง ที่เราสัมผัสได้ มันคุ้มค่ากับการตามหาจริงๆ ครับ

สถานที่ต่อไปที่เราเดินทางไปก็คือ น้ำพุร้อนสันกำเเพงครับ มันอยู่ทางผ่านก่อนเข้าตัวเมือง เสียค่าเข้าคนละ 40 บาท เเล้วก็ซื้อชะลอมใส่ไข่ไปต้มกินกัน มันมีทั้งไข่ไก่ เเละก็ไข่นกกระทา เรามาที่นี่วันอาทิตนึกว่าสวนน้ำ เด็กเยอะมากๆ ครับ มันมีที่เล่นน้ำ ด้วย

ส่วนนี่คือโฉมห้าของผู้ถ่ายรูปข้างบนครับ คือด้วยความที่เเถวนั้นไม่มีใครจริงๆ เเละพวกเราอยากได้รูปมาก มีน้องอยู่เลยเรียกน้องๆ ถ่ายรูปให้พี่หน่อย น้องโครตน่ารักอะครับ ก็วิ่งเข้ามาเเละเราก็สอนน้อง เพื่อนก็ขำผม มันว่ายังกะพ่อสอนลูก 5555

ไข่ต้มในน้ำร้อนที่ออกมาจากเเหล่งธรรมชาติ มีกลิ่นกำมะถันอยู่บ้าง รอไม่นานประมาณ 10 - 15 นาทีก็น่าจะได้ที่เเล้วครับ

ก่อนกินก็ต้องเอามาล้างน้ำเย็นออกนิสนึง เเล้วก็ลองปอกกินกันเลย

หลังจากนั้นเราก็ขึ้นรถพี่เก่ง เเล้วก็ไปกินกันต่อบนรถ เพราะเราต้องรีบไปจองเต้นบนดอยซัวญ่ากันในวันนี้

เเละก็เเน่นอนครับ เวลาผ่านไปไม่นานก็ใกล้เที่ยงอีกเเล้ว เราก็เลยขอให้พี่เก่งเเนะนำร้านอร่อยให้เราอีกเเล้ว ครั้งนี้เรามาที่ร้านนี้ครับ

กินอาหารเหนือกันอีกเเล้ว ร้านนี้เราเปิปข้าวเหนียว กับเครื่องต่างๆ เต็มโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นเเกงต่างๆ ลาบ เเหนม เเคบหมู อร่อยอยู่ๆ มีความเมามันไนการได้กินด้วยความหิวเป็นอย่างมาก

เเละเเล้วเราก็เดินทางต่อไปยังอช. ดอยอินทนนท์ที่พักของเราในค่ำคืนนี้ พอมาถึงต้นทางเราก็เสียค่าอุทยานกันเรียบร้อยครับผม

เเละเเล้วเราก็เดินทางมาถึงดอยซัวร์ญ่า จุดกางเต้นที่เราจะมาติดต่อเรื่องเต้นที่นอนของคืนนี้

ที่นี่จะเป็นจุดกางเต้นท์ที่มีลักษณะเป็นเนิน เราสามารถเลือกจุดกางเต้นท์เองได้ครับ มีหลายขนาดให้เลือก มีหมอน ผ้าห่มให้พร้อม เเล้วเราก็เอาของลง เก็บของอะไรเสร็จเรียบร้อยเเล้วก็ไปกันต่อเลยครับ

หลังจากนั้น เราก็เดินทางต่อไปเที่ยวที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ครับ

เสียค่าเข้าประมาณยี่สอิบบาท เเต่คุ้มค่ามาก ข้างในมีสวนดอกไม้เมืองหนาวเยอะมาก จัดไว้สวยงาม มีมุมถ่ายรูปเยอะเเยะมากมาย บรรยากาศร่มรื่นมาก เลยเก็บภาพบางส่วนมาให้ชมครับ

หลังจากเดินชมบรรยากาศเเละก็ถ่ายรูปกันอย่างหนำใจเเล้ว พวกเราก็เดินทางกลับมาที่พัก กินหนม เดินเล่นชิวๆ มีเพื่อนบางคนอาบน้ำ ชิวๆ กันไป

พอตกคำ่ เราก็หาของกินกัน เเน่นอนครับ นอนเต้นท์อย่างนี้ อากาศเย็นๆ เเบบนี้ คงไม่มีอะไรฟินไปกว่าการกินหมูกระทะร้อนๆ ด้วยกันกับเพื่อนอีกเเล้ว เราเลยไปจัดการซะเลย บรรยากาศเเบบนี้หายากนะครับ ถ้าเราไม่มีโอกาสไปเที่ยวกับเพื่อนเเบบนี้ กินกันอย่างเอร็ดอร่อย คุยนั้นคุยนี้ เม้าไปเรื่อย เล่นเกมยี่สิบคำถาม สนุกสนาน มีเพื่อนบางคนกลัวหัวเหม็น ถึงกับใส่หมวกคลุมอาบน้ำกันเลยทีเดียวเเน่นอนครับด้วยความที่กินเยอะ เพราะเเต่ละคนก็หิวมาก ทำให้หมูกระทะ หมดอย่างรวดเร็ว เเล้วก็ลงไปหาไรกินต่อ เเค้นมากครับ มันมีหมูกระทะอยู่ร้านเเรกตรงทางเข้าร้านใหญ่ๆ ตอนมามันบอกว่ามันขายตามสั่งตอนสองทุ่มเเต่พอถึงเวลานั้น เราเดินลงมามันกลับไม่ขาย โอ้ยยยย = = คนยิ่งไม่อิ่มอยู่ จะกินไรหละนี่ พวกเราก็เลยเติมท้องด้วยขนมปังปิ้ง ร้านข้างๆ ครับพออิ่หนำกันเต็มที่ เราก็เเปรงฟัน รีบเข้านอนกันเพราะพรุ่งนี้ต้องออกจากที่นี่เช้ามาก ประมาณตีห้า เพื่อขึ้นไปเดินกิ่วเเม่ปานครับ เพราะถ้าขึ้นช้าคนจะเยอะมากเลยทีเดียว

CHAPTER IV เวลามักผ่านไปเร็วเสมอ "เก็บไว้ในความทรงจำ"

เราตื่นกันตอนตีสี่เกือบตีห้า ล้างหน้าเเปรงฟัน กันเสร็จเเล้ว เเน่นอนครับ ด้วยความที่ผญ ในทีมเรายอะ เเต่ว่าไม่ทันเเต่งหน้าเเน่นอน เพื่อนเราจึงเลือกเเต่งหน้าบนรถพี่เก่ง ในขณะที่ขับขึ้นไปยังจุดเริ่มต้นเดินกิ่วเเม่ปาน เส้นทางที่คดเคี้ยว ไม่อาจทำให้พวกเธอนั้น สะทกสะท้านเเต่อย่างใด จุดศูนย์ถ่วงดี มีไฟส่อง เเละกระจกทำให้ทุกคนสวยเป๊ะเหมือนแต่งบนพื้นที่ที่หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวเลยทีเดียว

ต้องเบลอหน้านิสนึง เเต่พวกเธอเหล่านี้มีความสามารถมาก ผมยอมรับเลย

เรามาถึงประมานตีห้าครึ่ง เราก็ลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่เรย เสียค่าไกด์ 200 บาท จ่ายตอนลงมาครับ อุณหภูมิเช้านี้เบาๆ ครับ 8 องศา หนาวใช้ได้เลย

ใกล้ๆ หกโมงเราก็ออกจากจุดเริ่มเดิน เส้นทางมืดๆ ถ้ามาเดินเช้าเเบบนี้อย่าลืมพกไฟฉายมาด้วยนะครับ เดินไม่นานก็ไปถึงจัดชมวิวครับ เเต่ตอนนั้น มันยังมืดอยู่ ก็รออยู่สักพักเลยกว่ามันจะเช้า เเล้วก็ชมบรรยากาศอย่างทีเห็นครับ

คนอาจจะเยอะไปนิด ถึงกับต้องต่อเเถวถ่ายรูปกับมุมยอดฮิตกันเลยทีเดียว 555

ประมาณเจ็ดโมงเราก็เดินกันต่อในเส้นทางศึกษาธรรมชาติครับ มันจะเลียบภูเขาไปเรื่อยๆ ในช่วงเเรกครับ

ส่วนนี่เป็นโฉมหน้าของน้องเกมส์ ไกด์ภูนำทางเราเดินกิ่วเเม่ปานครับ เป็นเด็กกวนๆ เฮฮาดี 555

เดินต่อไปเรื่อยๆ มันจะเข้าป่าดิบชื้น บรรยากาศดีมากๆ ครับ เขียวขจี มีเเต่มอส เฟิร์น

พอเราเดินกันจนครบเส้นทางเเล้ว เราก็ออกมาหาอะไรกินกันข้างหน้าจุดเริ่มเดินครับ พบว่า มีคนต่อเเถวเดินกิ่วยาวมากอะ 555

ส่วนนี่คือหน้าตาของมื้อเช้าเราครับ ไก่ย่าง ข้าวต้ม ไข่ลวก

หลังจากอิ่มท้องกันเเล้วเราก็เดินทางไปอีกสามจุดคือ จุดสูงสุดดอยอินทนนท์

พระธาตุนภเมทนีดล - นภพลภูมิสิริ

เเละที่สุดท้ายก่อนลงจากดอยอินทนนท์ ก็คือน้ำตกวชิรธารครับ

หลังจากนั้นก็เเวะซื้อของใากระหว่างทาง มันจะมีพวกลูกหม่อน สตอเบอรรี่ เเอปเปิ้ล สาลี่ องุ่นไร้เมล็ด ครับ ก่อนจะลงจากดอย

จากนั้นเราก็นั่งรถไฟรอบบ่ายสาม ชั้นสอง กลับกรุงเทพกันครับ

หากเพื่อนๆ ที่อ่านยังอยู่ด้วยกันในตอนนี้ผมก็อยากที่จะขอบคุณครับ เพราะกระทู้ยาวว มากครับ ผมเขียนเล่าเพื่อเรื่องราว ประสบการณ์ต่างๆ การเดินทางทำให้เราได้เรียนรู้ เข้าใจตัวเองมากขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น ได้พักสมองให้หลุดจากความคิดเดิมๆ ถ้ามีโอกาสลองออกจากบ้านไปเที่ยวดูนะครับ เมืองไทยยังมีที่เที่ยวอีกเยอะให้รอเราไปสัมผัส อย่าหยุดนิ่งรอจนกว่าจะมีโอกาส เเต่จงหาโอกาสที่จะออกเดินทางไปในที่เเห่งใหม่บ้างครับ


รวมค่าเสียหายครับ

เที่ยวเอง . . เขียนเอง

 วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.09 น.

ความคิดเห็น