จังหวัดระนองน่าจะเป็นจังหวัดที่กำลังมาแรงมากๆ ในช่วงนี้ เพราะมีทั้งกระแสเที่ยวทะเลพม่าอีกทั้งยังมีการโปรโมทจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่องด้วยว่าที่นี่คือ 1 ในเมืองต้องห้าม......พลาด และแน่นอนว่าด้วยกระแสที่มันแรงขนาดนี้ ผมกับภรรยาก็เลยต้องรีบหาโอกาสไปก่อนที่คนจะเยอะกว่านี้แล้วจะทำให้เที่ยวไม่สนุก
สำหรับจุดหมายแรกๆ ที่คนจะนึกถึงระนองในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้นเกาะพยาม, ทะเลพม่า ไม่ก็บ่อน้ำร้อนธรรมชาติแน่ๆ โดยตัวผมเองก็ได้ไปเกาะนาวโอพี หนึ่งในเกาะของพม่าที่หาดสวย น้ำใส ทรายนุ่มสุดๆ ตามลิงก์นี้มาแล้ว https://th.readme.me/p/8912 ทีนี้สิ่งที่ผมจะไปลำดับถัดไปก็คือบ่อน้ำร้อนธรรมชาติอันขึ้นชื่อของระนองนั่นเอง แต่ว่าจะไปเที่ยวทั้งทีจะไปแค่อย่างเดียวมันก็กระไรๆ อยู่ ดังนั้นผมก็เลยจัดโปรแกรม 1 Day Trip เที่ยวตัวเมืองแบบเต็ม Max มาให้ทุกคนดู เผื่อใครเห็นแล้วชอบใจจะได้ตามรอยครับ
จริงๆ แล้วตามความคิดของผมกับภรรยาในตอนแรกเรากะว่าวันที่เราจะเที่ยวในตัวเมืองระนองนั้นเราอาจจะเช่ารถจักรยานยนต์หรือไม่ก็รถยนต์เที่ยว แต่ก็แอบหวั่นๆ เหมือนกันว่าจะหลงทางหรือขับเด๋อๆ ด๋าๆ ในเมืองหรือเปล่า ผมก็เลยปรึกษาพี่สาวของผมคนนึงซึ่งอยู่ที่ระนอง พี่เค้าก็เลยบอกว่า “เฮ้ยยยย....มาเที่ยวระนองทั้งที แถมมาครั้งแรกด้วย ต้องมาให้สุดสิจ๊ะ มานี่เดี๋ยวพี่จัดโปรแกรมและรถให้เอง"
และนี่ก็คือหน้าตาของรถที่พี่สาวผู้น่ารักของผมจัดให้ รวมทั้งออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย น่ารักที่สุดเลยครับ ><
• อาหารเช้า : โรตีสุดอร่อย
• ศูนย์วิจัยป่าชายเลน
• วัดบ้านหงาว
• แวะซื้อของฝาก OTOP เลื่องชื่อของระนอง
• แช่บ่อน้ำร้อนพรรั้ง
• อาหารกลางวัน
• บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน
• ระนองแคนย่อน
• อ่างเก็บน้ำคลองหาดส้มแป้น
• น้ำตกหงาว
• ภูเขาหญ้า
• พระราชวังรัตนรังสรรค์
• อาหารเย็น
• ถนนคนเดิน
เป็นยังไงล่ะครับ แผนที่พี่สาวผมวางไว้มันจัดเต็มมากๆ เลยใช่มั้ยครับ เดี๋ยวเราไปดูกันว่าเราจะไปทั้งหมดทันตามแผนหรือเปล่า ถ้าพร้อมแล้ว มาขึ้นรถสองแถวไม้ไปเที่ยวระนองพร้อมๆ กันเลยครับ
สำหรับร้านโรตีนิสรานั้นจะมีอยู่ 2 ร้านด้วยกัน โดยห่างกันแค่ไม่กี่ห้องแถวเท่านั้น โดยร้านแรกจะอยู่ตรงหัวมุมเป็นห้องเล็กๆ มีโต๊ะในร้านแค่ 2 โต๊ะเท่านั้น ส่วนร้านที่สองจะมีขนาด 2 ห้องและใหญ่กว่ากันเยอะเลย โดยผมกับภรรยานั่งที่ร้านแรกเพราะได้บรรยากาศดีแล้วก็ยังได้เห็นเค้าทำโรตีใกล้ๆ อีกด้วย
• โรตีธรรมดา 3 แผ่น : แผ่นละ 10 บาท
• แกงมัสมั่นเนื้อ : 40 บาท
• ชาเย็น : 20 บาท
• ชามะนาว : 25 บาท
• โรตีธรรมดา : อร่อยมากกกก ไม่ว่าจะจิ้มกับนม หรือกินกับแกง โดยเนื้อโรตีทอดมาได้ดีมาก ผิวข้างนอกกรอบแต่ข้างในยังเหนียวนุ่มอยู่ คืออร่อยจนตอนแรกผมสั่งมาแค่ 2 ชิ้น พอชิมเสร็จต้องสั่งมาเพิ่มอีก 1 ชิ้นทันที แล้วก็ยังมีการซื้อแบบแช่แข็งกลับบ้านด้วยอีก 1 แพ็คครับ (โรตีแบบแช่แข็ง แพ็คละ 40 บาท มีทั้งหมด 8 ชิ้น สามารถเอาไว้นอกตู้เย็นได้นานเกิน 10 ชั่วโมงเพราะเค้าฟรีซไว้อย่างดี)
• แกงมัสมั่นเนื้อ : อร่อยถูกปากดีครับ
• ชาเย็น : อร่อยมาก หอม มัน ที่สำคัญราคาไม่แพงด้วย เป็นอีกเมนูนึงที่ถ้ามีโอกาสได้กลับไปที่ร้านอีกก็จะสั่งมากินครับ
• ชามะนาว : อันนี้ธรรมดาครับ แนะนำให้สั่งชาเย็นมากินดีกว่า
ตัวอุโบสถวัดสวยงามมากๆ และก็ตำแหน่งของวัดนั้นยังอยู่ตรงข้ามกับน้ำตกหงาวอีกด้วย แต่ในวันที่ผมไปนั้นสภาพอากาศฝั่งน้ำตกหงาวนั้นไม่ดีเลย ประกอบกับปริมาณน้ำน้อยมากๆ ก็เลยทำให้ความสวยงามของน้ำตกลดลงไปพอควร และพอถ่ายรูปมาก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลยครับ
หมายเหตุ : บ่อแช่น้ำแร่ร้อนทั้ง 5 บ่อนั้นมีความร้อนของน้ำที่ไม่เท่ากัน และกฎระเบียบคร่าวๆ ของการแช่ก็คือจะต้องอาบน้ำให้เรียบร้อย, สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสม แล้วก็ไม่ควรแช่นานเกิน 15 นาทีต่อครั้ง โดยจุดใกล้ๆ กับบ่อน้ำร้อนทั้ง 5 จะมีห้องน้ำ, จุดอาบน้ำ และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไว้ให้เรียบร้อยครับ
บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวารินนั้นเป็นบ่อน้ำแร่ร้อนที่มีชื่อเสียงมากๆ ของจังหวัดระนอง โดยตั้งอยู่ที่กลางเมืองเลยและมีทั้งหมดถึง 3 บ่อด้วยกันได้แก่บ่อพ่อ, บ่อแม่ แล้วก็บ่อลูกสาว โดยบ่อพ่อจะเป็นบ่อที่มีความร้อนมากที่สุด ระดับน้ำร้อนสูงถึง 65 องศาเซลเซียส ร้อนจนไอขึ้นและเพียงแค่เราไปยืนใกล้ๆ เหงื่อเราก็ไหลออกมาแล้วครับ ส่วนบ่อแม่กับบ่อลูกสาวนั้นจะอยู่ติดกับถนน ระดับน้ำไม่ได้ล้นมาที่ปากบ่อและก็ไม่ได้รู้สึกถึงความร้อนเท่ากับบ่อพ่อครับ
ด้วยความที่บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวารินมีจุดเด่นหลายอย่างแบบนี้นี่เอง ทำให้ทางจังหวัดระนองได้ทำการสร้างบ่อแช่น้ำร้อนไว้ใกล้ๆ บริเวณบ่อพ่อเพื่อให้ผู้คนต่างๆ ได้มาแช่น้ำร้อนกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตและรักษาโรคต่างๆ โดยเปิดให้แช่ฟรี ไม่คิดค่าบริการใดๆ
สำหรับจุดเด่นของลานสุขภาพแห่งนี้คือจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและรักษาอาการเจ็บข้อเข่าต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่จะผู้สูงอายุจะมานอนเล่นที่ลานแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
ในอดีตนั้นระนองแคนย่อนคือเหมืองแร่ที่มีการทำเหมืองแบบฉีด โดยจะฉีดน้ำให้กัดเซาะดินปนแร่จากตัวภูเขาให้ไหลลงมาสะสมในแอ่งน้ำด้านล่าง หลังจากนั้นก็จะทำการสูบน้ำจากแอ่งน้ำดังกล่าวไปทำการแยกแร่ออกเป็นลำดับต่อไป ต่อมาเหมืองแร่แห่งนี้ได้ปิดตัวลงจึงได้มีการพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำจังหวัดระนองอย่างเช่นทุกวันนี้
.
.
.
.
.
ผมล้อเล่นฮะ น้องๆ เค้าจะโอน้อยออกเพื่อหาผู้ชนะที่จะได้ขายของกันครับ เอาเป็นว่าใครที่มีกำลังทรัพย์มากหน่อยก็ช่วยซื้อจากน้องหลายคนหน่อยนะครับ เพราะถุงนึงไม่แพง ราคา 20 บาทต่อถุงเอง น้องๆ เค้าจะได้ไม่ต้องห้ำหั่นกันมากครับ
ปล. สำหรับใครที่กลัวเดินแล้วจะหลงทางสามารถให้น้องที่เราซื้ออาหารปลาจากเค้านำทางไปได้นะครับ และพอน้องเค้านำทางกลับมาที่รถ น้องเค้าจะถามคำถามนึงที่ทำให้เราประทับใจมากๆ ว่า “พี่คะ หิวน้ำมั้ยคะ ร้านหนูมีน้ำเย็นๆ ขายด้วยนะคะ" บอกเลยว่านี่มันสุดยอดพนักงานขายมากๆ ปรบมือให้เลย
การเดินเข้าไปชมน้ำตกหงาวจากจุดจอดรถนั้นไม่ไกลมาก เป็นทางเดินขึ้นเนินเล็กๆ ไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 500 เมตรเท่านั้น โดยจุดสิ้นสุดของเส้นทางก็จะเป็นชั้นล่างของน้ำตกครับ แต่ในวันที่ผมไปนั้นปริมาณน้ำมันน้อยมากๆ ผมก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรมาเลย สำหรับจุดนี้หากใครมีเวลาจำกัด ผมว่าข้ามไปก็ได้นะครับ ดูจากระยะไกลๆ ตรงวัดบ้านหงาวก็พอแล้วครับ
หลังจากที่ออกมาจากน้ำตกหงาว ผมก็ไปต่อยังภูเขาหญ้า ภูเขาขนาดเล็กที่อยู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมากลางพื้นดินโล่งๆ ใกล้ๆ ถนนใหญ่ และก็ทำให้สถานที่แห่งนี้โด่งดังมีชื่อเสียงขึ้นมาโดยเฉพาะช่วงที่หญ้าเปลี่ยนเป็นสีทองในช่วงปลายๆ ปีครับ
พระราชวังรัตนรังสรรค์ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ ใกล้ๆ กับศาลากลางจังหวัดระนอง โดยเป็นพระราชวังจำลองที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จประทับแรมจังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โดยพระราชวังแห่งนี้สร้างด้วยไม้สักและไม้ตะเคียนทอง ภายในพระราชวังจะมีการจัดแสดงหลายอย่าง ได้แก่ ห้องบรรทมพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, ห้องพระราชินี, อาคารทรงแปดเหลี่ยม, อาคารท้องพระโรง, สะพานเชื่อมอาคารที่ประทับกับอาคารแปดเหลี่ยม เป็นต้น
สำหรับใครที่ต้องการเข้าชมที่พระราชวังแห่งนี้จะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 50 บาทสำหรับผู้ใหญ่ และ 20 บาทสำหรับเด็ก โดยจะมีเจ้าหน้าที่นำเดินบรรยายเป็นรอบๆ เพียงแต่ว่าเค้าจะเปิดบริการแค่วันจันทร์-ศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการ) ในช่วงเวลา 8.30-17.30 น. เท่านั้น ดังนั้นสำหรับคนที่มาในวันเสาร์แบบผมก็อดเข้าชมไปตามระเบียบครับ ทำได้แค่ดูความสวยงามจากภายนอกเท่านั้นเอง T______T
เราทานข้าวกันเสร็จตอนประมาณ 19.00 น. จากนั้นก็กลับเข้ามาในเมืองเพื่อไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินรวมทั้งนั่งทานของหวานอร่อยๆ ต่อ และสุดท้ายผมก็จบโปรแกรมในคืนนั้นตอนเวลาประมาณ 21.30 น. ซึ่งก็แน่นอนว่าทันทีที่ผมอาบน้ำเสร็จและหัวถึงหมอนผมก็หลับสนิทกรนคร่อกๆ ทันที เพราะมันเป็นหนึ่งวันที่สนุกมาก เป็นหนึ่งวันที่ผมได้เที่ยวระนองแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อน เป็นหนึ่งวันที่ทำให้ผมหลงรักจังหวัดนี้ มันเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์จริงๆ และผมคิดว่าคงอีกไม่นานหรอก เดี๋ยวผมจะต้องได้กลับมาเยือนจังหวัดนี้อีกครั้งแน่ๆ
สำหรับใครที่สนใจจะเช่ารถสองแถวไม้เที่ยวเมืองระนองแบบผมก็ลองติดต่อคนขับรถที่วิ่งไปมาดูนะครับ เรทราคาคร่าวๆ คือชั่วโมงละ 250 บาท เหมาทั้งวัน 8 ชั่วโมง 1,700 บาท (ราคานี้รวมค่าน้ำมันและคนขับเรียบร้อยแล้ว) หากเที่ยวแค่ 2-3 คนอาจจะแพงไปหน่อย แต่ผมว่าถ้าหาเพื่อนได้ซัก 6 คนนี่กำลังดีเลยครับ สนุกและชิวดี
ก็จบลงแล้วนะครับ สำหรับทริปเที่ยวเมืองระนอง ต้องลองมันให้สุดในหนึ่งวันของผม หากใครที่ชอบเรื่องราวการเดินทางของผมก็สามารถเข้าไปติตามอ่านเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/amazingcouples นะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวหน้า สวัสดีครับ
ภรรยาหา สามีใช้
วันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.12 น.