สืบเนื่องจากดาราเทวีมีกิจกรรมให้ผู้ที่รักการถ่ายภาพส่งภาพ Main Lobby ของดาราเทวีเข้าประกวด ซึ่งผมเองก็ได้ส่งภาพเข้าประกวดด้วยเช่นกัน คือภาพนี้ครับ
ผู้ชนะเลิศ จะได้รับรางวัลเป็น Voucher เข้าพักที่ดาราเทวี 3 วัน 2 คืน ส่วนรางวัลชมเชยจะได้รับ Voucher รับประทานอาหารมูลค่า 3,000 บาท ซึ่งผลการประกาศรางวัล ภาพของผมได้รางวัลชมเชยครับ
สำหรับ Voucher รับประทานอาหาร สามารถรับประทานอาหารได้ที่ห้องอาหาร Le Grand Lanna ซึ่งเป็นห้องอาหารไทย, Fujian ซึ่งเป็นห้องอาหารจีน, Farang เป็นห้องอาหารฝรั่งเศส หรือจะเป็น Oriental Shop ซึ่งเป็นร้านเบเกอรี่ชื่อดังของที่นี่ก็ได้ แต่ Voucher สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว
ยอมรับว่าตอนไปถึงยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปใช้บริการของห้องอาหารใดดี แต่ผมเคยมาทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหาร Le Grand Lanna และ Oriental Shop มาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เลยอยากจะหาประสบการณ์ใหม่ดูบ้าง ดังนั้นจึงเหลืออีก 2 ตัวเลือก คือ ห้องอาหาร Fujian และ Farang ครับ แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ผมคิดว่าห้องอาหาร Farang คงจะมีแต่อาหารราคาแพงๆ เป็นแน่ เกรงว่า Voucher 3,000 บาท จะทำให้ผมไม่อิ่มท้อง ประจวบกับทราบมาว่าที่ห้องอาหาร Fujian มีบริการBuffet Dim Sum ด้วย ทำให้ตัวเลือกสุดท้ายของผมอยู่ที่ห้องอาหาร Fujian ครับ
ระหว่างรอห้องอาหารเปิด ผมเลยถือโอกาสเดินเข้าไปชม Main Lobby เพื่อเป็นการฆ่าเวลา แขกที่ไปทานอาหารที่ดาราเทวี สามารถเดินเข้าไปชม Main Lobby ได้แค่บริเวณสะพานครับ
ประตูนี้มีชื่อว่า ไชยะดารา จะมีสิงห์คู่ ซึ่งทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าเมืองอยู่ตรงหน้าประตู สิงห์คู่นี้ได้รับอิทธิพลมาจากพม่าครับ สังเกตได้จากสิงห์จะหย่อนสะโพกนั่งลงกับพื้น
มอง Main Lobby ผ่านประตูไชยะดาราครับ
ดาราเทวี เป็นเมืองที่ได้รับการออกแบบและก่อสร้างขึ้นจากแนวความคิดที่จะรวบรวมรูปแบบศิลปกรรมที่มีความงดงามในอาณาจักรล้านนา ทั้งบ้านเรือน หอแก้ว หอคำ และพระราชวัง คุ้มหลวง ทั้งในรูปแบบ ไท-ยวน,ไท-ลื้อ, ไท-ลาว, ไท-เขิน, ไท-ใหญ่ และมอญ พม่า มารวบรวมไว้ให้เกิดความรู้สึกย้อนนึกไปถึงความรุ่งเรืองโอฬารของอาณาจักรที่เคยรุ่งเรืองมานับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน มนต์เสน่ห์แห่งเมืองที่ได้รับการสร้างขึ้นบนเนื้อที่กว่า 150 ไร่ ถูกรังสรรค์ปั้นแต่งด้วยความวิจิตรบรรจง อุดมคติที่จะดำรงอนุรักษ์ไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมที่ดีงาม ทั้งศิลปะสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตครับ
Lobby ของโรงแรมดาราเทวีเป็นเสมือนศูนย์กลางของอาณาจักร มีชื่อเรียกว่า หอคำหลวง มีลักษณะเป็นอาคารไม้ทรงพญาธาตุขนาดใหญ่ ลักษณะมหาปราสาทซึ่งมีหลังคาเหลื่อมซ้อนชั้นลดหลั่นกันตั้งแต่ 3-5 จนถึง 7 ชั้น ตั้งอยู่บนฐานของอาคารตึกก่ออิฐถือปูนแบบโบราณ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัดออโตมาฉี ซึ่งมีความหมายถึงสภาวะความงามอันเหนือกาลเวลา ในส่วนของยอดมหาปราสาทนั้นได้รับการออกแบบใหม่ และมีชื่อเรียกว่า จองคำ อันเปรียบเสมือนกับวิมานของเทวดา อาคารนี้ใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกภายในโรงแรม ได้รับการตกแต่งภายในด้วยศิลปวัตถุอันมีค่า และเครื่องเรือนที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ ส่วนด้านล่างที่เป็นอิฐถือปูน จะเป็น Office และร้านค้าต่างๆ
ผู้ออกแบบตั้งใจทำหอคำหลวงให้เสมือนเป็นเขาพระสุเมรุ ดังนั้นจึงสังเกตเห็นบริเวณหลังคาของหอคำหลวงจะมีชั้นทั้งหมด 7 ชั้น ซึ่งหมายถึง เขาสัตตบริภัณฑ์ทั้ง 7 ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุนั่นเองครับ
นี่คือหอพระสุวรรณสถานดาราฟ้าแก้วครับ เป็นอาคารทรงวิหารแบบล้านนาในยุคดั้งเดิม ซึ่งได้คัดลอกแบบมาจากพระวิหารวัดไหล่หินแก้วช้างยืน อ.เกาะคา จ.ลำปาง สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นหอพระ ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างไพเราะว่า สุวรรณสถานดาราฟ้าแก้ว ซึ่งมีความหมายว่าสถานที่ที่ประดับประดาไปด้วยทองคำและอัญมณีที่เปรียบเสมือนดวงดาวที่สุกสกาวในท้องฟ้า ภายในหอพระสุวรรณสถานดาราฟ้าแก้วเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธศิลปะพม่าอายุนับร้อยปีครับ
จุดนี้เรียก ซุ้มประตูโขง ครับ ที่เรียกซุ้มประตูโขงเพราะเป็นประตูที่เกิดจากรูปปั้นพญานาคหินสองตัว หันหางมาชนกัน แล้วตรงจุดที่หางชนกันเป็นซุ้มประตู ตัวพญานาคจำลองมาจากวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน แต่ซุ้มประโตโขงจำลองมาจากวัดพระธาตุลำปางหลวงครับ สำหรับสีเหลืองทองที่ติดอยู่ที่ซุ้มประตูเกิดจากการนำขี้วัวขี้ควายมาผสมน้ำแล้วนำมาทาที่ซุ้มประตู จึงเกิดสีเหลืองทองแบบนี้ ผมจำไม่ได้แล้วว่าเพื่อวัตถุประสงค์ใด
หลังจากที่ผมเดินเล่นเพื่อให้ท้องเริ่มหิวได้ที่แล้ว ก็เลยมุ่งหน้าสู่ห้องอาหาร Fujian ครับ ห้องอาหารแห่งนี้อยู่ด้านในสุดของกาดดารา ซึ่งกาดดาราอยู่ทางด้านหน้าสุดของดาราเทวีครับ
ห้องอาหาร Fujian เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่เกิดจากแรงบันดาลใจของคุณสุเชฎฐ์ สุวรรณมงคล เจ้าของดาราเทวี ด้วยลักษณะการตกแต่งในสไตล์จีนผสมผสานกับวัฒนธรรมโปรตุเกสในยุคกลางของศตวรรษที่ 19 ครับ
ภายในตกแต่งสไตล์โรงเตี๊ยมจีนสมัยโบราณ เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ที่ใช้ตกแต่งให้ความรู้สึกเป็นจีนจริงๆ ผมเลือกใช้บริการที่ชั้นล่างครับ ช่วงที่ผมไป แขกเริ่มทยอยมากันเยอะแล้ว ผมเลยเก็บบรรยากาศชั้นล่างมาให้ชมเพียงชั้นเดียวครับ
เมนู Dim Sum ถือว่าหลากหลายเลยทีเดียวครับ โดยหลักๆ จะแบ่งเป็น ของนึ่ง ของทอด ทั้งสองชนิดนี้เราสามารถเลือกทานได้ไม่จำกัดจำนวน จากนั้นจะมี Barbecue Platter มาเสริมให้ โดยเมนูนี้จะเป็นเป็ดย่างหมูกรอบ ซึ่งจะได้เพียงชุดเดียว ยังไม่หมดเท่านั้นครับ ยังมี Soup, Main Course และ Dessert ซึ่งเราสามารถเลือกทานได้ประเภทละ 1 อย่างครับ ผู้จัดการห้องอาหารเล่าว่า แต่เดิมอาหาร 3 ประเภทหลังนี้ จะเป็นเมนูที่ถูกกำหนดมาไว้ตามวันแล้ว เช่น วันจันทร์ จะเป็น ซุปเสฉวน , โกยซีหมี่ไก่ และ สาคูแคนตาลูป แต่ช่วงหลังได้รับคำแนะนำจากลูกค้าว่า บางทีลูกค้ามาใช้บริการทุกวันจันทร์ ก็จะเจอแต่เมนูซ้ำๆ แบบนี้ทุกครั้ง ปัจจุบันทางห้องอาหารจึงมีเมนูไว้ให้ลูกค้าได้เลือกทานตามใจชอบเลยครับ
ยอมรับว่าเมื่อเห็นเมนูแล้ว ผมเลือกไม่ถูกเลยครับ เพราะดูจากชื่อเมนูแล้วทุกอย่างน่าทานไปหมด ผมเลยขอ Order ทุกอย่างตามเมนูทั้งหมด เพราะในใจผมคิดว่าแต่ละเมนูคงจะเป็นชิ้นเล็กๆ แต่ผู้จัดการห้องอาหารแนะนำว่า ถ้าสั่งมาทั้งหมดเกรงว่าผมและเพื่อนจะทานไม่ไหว เลยบอกว่า จะขอนำเสนอเมนูที่ไม่ควรพลาดมาให้ผมทานดูก่อน ถ้าหากว่าไม่อิ่ม ค่อยสั่งเพิ่มเติมต่อ ผมโอเคตามนั้น สำหรับเครื่องดื่ม มีให้บริการทั้งน้ำเปล่า น้ำชา น้ำเก๊กฮวย (ร้อนและเย็น) ราคารวมอยู่ในหัว Buffet แล้วครับ
อาหารเริ่มทยอยมาวางอยู่เต็มโต๊ะ เริ่มกันที่ของนึ่ง (Steamed Dim Sum Selection) กันก่อนเลยครับ
ฮะเก๋ากุ้ง (Crystal Prawn dumplings) แป้งฮะเก๋าเนื้อนุ่มบางจนเห็นไส้กุ้งสีแดงสดตัวใหญ่ กัดเข้าไปแล้วรู้สึกถึงความเด้งของกุ้ง รสหวานอร่อยและกลมกล่อมด้วยเครื่องเทศครับ
เกี๊ยวกุ้งกระเทียมป๋วยเล้ง (Chinese spinach dumplings) ด้านในของแผ่นเกี๊ยวจะมีผักปวยเล้งรสชาติเข้ากับแป้งห่อ กุ้งจะพอดีคำ ตัวไม่ใหญ่มากจนเกินไป
เกี๊ยวกุ้งผักฉ่อยซอสเอกซ์โอ (Steamed shrimps with Pakchoy and XO sauce) รสชาติจะคล้ายฮะเก๋า แป้งเกี๊ยวห่อกุ้งและผักฉ่อย เพิ่มความเผ็ดได้นิดๆ และได้ความหอมของซอส XO
ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้งกุ้ยช่ายขาว (Steamed rice noodles with shrimps and white chives) ราดมากับน้ำซีอิ้ว กุ้งเนื้อแน่นชิ้นโตเต็มคำห่อด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวที่เชฟลงมือทำเส้นเองทุกจาน จึงได้เส้นที่เหนียวนุ่มลิ้นเชียวครับ
เกี๊ยวกุ้งหอยเชลล์ (Steamed shrimp and scallop dumplings) กุ้งและหอยเชลล์ที่สดใหม่ ทำให้ไส้ของเกี๊ยวหวานและเด้ง คุณภาพเต็มปากเต็มคำครับ
เกี๊ยวซีฟู้ดไข่เค็ม (Steamed shrimps and scallops with egg yolk) ใช้แป้งฮะเก๋ามาทำเป็นแผ่นเกี๊ยว ข้างในเป็นกุ้งชิ้นโต ด้านบนจะเป็นไข่เค็ม รสชาติหวานเค็มตัดกันอย่างลงตัว
ซี่โครงหมูนึ่งเต้าซี่ (Steamed shrimp and scallop dumplings) ซี่โครงหมูอ่อนที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี หมักกับซอสเต้าซี่ แล้วนำมานึ่ง รสชาติจะออกเค็มซึมเข้าไปในเนื้อของซี่โครงหมูที่แสนนุ่ม มีกลิ่นหอมของซอสเต้าซี่
ขนมจีบหมู (Traditional pork dumplings) ขนมจีบหมูโรยหน้าด้วยไข่โทบิโอะนึ่งมาใหม่ๆ รสชาติแน่นเนื้อหมูอร่อยเต็มคำจริงๆ ครับ
วุ้นเส้นปูอัดเนื้อปลาเห็ดหอม (Steamed glass noodle rolls with crab stick, fish and mushrooms) ได้ความหวานของทั้งเนื้อปลาและปูอัด เพิ่มความหอมด้วยเห็ดหอมครับ
ซาลาเปาไส้ครีมลาวา (Steamed milk cream custard bun) เป็นไส้คัสตาร์ดผสมไข่แดงเค็ม แป้งเหนียวนุ่ม เมื่อกัดเข้าไปคำแรก ไส้ลาวาไหลออกมาเลยครับ สัมผัสได้ถึงความหวานของคัสตาร์ดและความมันของไข่แดงเค็ม รสชาติลงตัวครับ
ตามมาด้วยของทอด (Fried Dim Sum Selection) ครับ
ฟองเต้าหู้สอดไส้กุ้งทอด (Deep-fried bean curd rolls with shrimps) ความกรอบอร่อยของฟองเต้าหู้ ผสานกับเนื้อกุ้งแน่นๆ แตกต่างอย่างลงตัวครับ
กุ้ยช่ายทอด (Pan-fried chicken and green chive cakes) ไส้ของเมนูนี้จะเป็นกุ้ยช่ายและกุ้ง ห่อด้วยแป้งฮะเก๋า นำไปนึ่ง จากนั้นจะเอาไปเจี๋ยนในกระทะ อร่อยมากครับ อยู่บ้านเคยกินแต่กุ้ยช่ายทอดที่ไส้มีแต่กุ้ยช่าย รอบนี้มีกุ้งมาเป็นส่วนผสมของไส้ด้วย ขอบอก สุดๆ ครับ
เผือกทอด (Deep-fried taro puff) แป้งข้างนอกกรอบ ไส้เผือกเนื้อเนียน รสชาติออกจืดนิดๆ ทอดออกมาไม่อมน้ำมันครับ
พายหมูแดง (Baked honey pork pie) เมนูนี้ถือเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยนำเอาไส้หมูแดงที่ใช้ทำซาลาเปามาทำเป็นไส้พายแบบฝรั่ง แป้งพายยังคงความกรอบแบบฉบับพาย ไส้หมูแดงก็รสเข้มข้นอร่อยเต็มคำ
ผมรู้สึกขอบคุณผู้จัดการห้องอาหารที่เบรกเมนูผมไว้ในตอนแรก นี่ถ้าผมสั่งทุกเมนูผมคงทานไม่ไหวแน่ ขนาดที่ทางห้องอาหารเลือกแต่ของเด็ดๆ มาให้ผมทาน ก็เกือบจะไม่ไหวแล้วครับ ยอมรับว่าทานจนเหนื่อยจริงๆ ผมคงต้องเบรกของทอดและของนึ่งไว้แค่นี้ก่อน เพราะผมยังมีโควตาของอาหารอีก 4 เมนูที่ผมต้องรับผิดชอบครับ
เริ่มที่ Barbecue platter
เป็ดย่างหมูกรอบ (Roasted duck with crispy pork) หนังเป็ดและหมูกรอบ กรอบมากครับ ด้วยกรรมวิธีในการอบและย่างที่ใช้เวลานาน ทำให้น้ำในตัวหนังและใต้หนังระเหิดออกไป ทำให้เป็ดและหมูคงความกรอบไว้อยู่ครับ
ตามต่อด้วย Soup ครับ
เกี๊ยวกุ้งน้ำฮ่องกง (Hong Kong wonton soup) เนื้อกุ้งแน่นๆ ห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวบางๆ ผสานด้วยน้ำซุปรสกลมกล่อม นุ่มละมุนลิ้นจริงๆ ครับ
ซุปเต้าหู้ทะเล (Braised bean curd with seafood soup) เมนูนี้ผมไม่ได้ทาน แต่แอบถ่ายของเพื่อนมา น่าทานเชียวครับ
ปิดท้ายของคาวด้วย Main course ครับ
โกยซีหมี่ไก่ (Pan-fried egg noodles with chicken and chives) ไก่เส้นและกุ้ยช่ายขาว บวกกับน้ำราดเหนียวๆ รสชาติเข้มข้น เข้ากันได้ดีกับเส้นหมี่ที่เอามาคั่วน้ำมันจนหอม ได้รสอร่อยและลงตัวจริงๆ ครับ
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหมู (Fried rice noodles with pork) เมนูนี้ผมไม่ได้ทาน แต่แอบถ่ายของเพื่อนมาเช่นกัน ดูหน้าตาน่าทานมากครับ หมูหมักชิ้นโตทีเดียว
ต่อด้วยของหวาน (Dessert) ครับ
มะม่วงปั่นสาคูส้มโอ (Chilled mango with pomelo and sago pearls) เมนูนี้จะใช้สาคูใส่ที่ก้นถ้วย แล้วนำมะม่วงน้ำดอกไม้ปั่นให้เป็นเกล็ดน้ำแข็งมาราดบนสาคูที่เตรียมไว้ จากนั้นโรยด้วยส้มโอที่แกะเป็นเม็ดเล็กๆ พร้อมราดด้วยราสเบอรี่ซอส ขอบอกว่า เมื่อทานเมนูนี้แล้วผมรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมากครับ จากที่ผมอิ่มกับอาหารไปแล้ว เมื่อทานเมนูนี้ มันรู้สึกเหมือนจะเริ่มทานอาหารได้อีกเลย ผู้จัดการห้องอาหารบอกว่าเมนูนี้เป็นไฮไลท์ของที่นี่ครับ
แป๊ะก๊วยครีมฟักทอง (Warm sweet pumpkin cream with ginkgo nuts) เมนูนี้เป็นเมนูของร้อนครับ ผมไม่ได้ทาน แต่แอบถ่ายของเพื่อนมา ดูจากหน้าตาแล้ว ครีมฟักทองค่อนข้างข้นดีทีเดียวครับ
สำหรับ เมนู Buffet Dim Sum ที่ผมได้ลองมีเพียงเท่านี้ แต่เนื่องจากผมยังใช้สิทธิไม่เต็มจำนวน 3,000 บาท ผมเลยหาวิธีใช้ให้หมดครับ ตอนแรกคิดจะสั่งเป็ดปักกิ่งมาทาน แต่ผมไม่อยากกลับไปทานของคาวอีกแล้ว และรู้สึกว่าเมื่อทานของหวาน มันรู้สึกสดชื่น และสามารถทานต่อได้เรื่อยๆ ก็เลยสั่งเฉพาะเมนูของหวานมาทานต่อครับ เริ่มด้วย
ไอศกรีมงาดำ (Fujian black sesame ice cream) สัมผัสแรกเมื่อไอศกรีมแตะกับลิ้น รับรู้ได้ถึงความหอมของงาดำเป็นอย่างมาก บวกกับความหวานกำลังดีของเนื้อไอศกรีม ขอบอกว่าฟินมากๆ ครับ
กล้วยหอมสอดไส้พุทรา (Banana fritters stuffing with jujube) จริงๆ เมนูนี้มี 2 ไส้ คือไส้พุทรา และ ครีมคัสตาร์ด แต่ผมเลือกลองไส้พุทราครับ เมนูนี้เป็นของทอด กล้วยจะนำมาชุบแป้งทอด และสอดไส้ด้วยพุทรากวน ความหวานอมเปรี้ยวเจือนิดๆ ของกล้วยผสานกันอย่างลงตัวกับพุทรากวน รสชาติผมว่าลงตัวเลยทีเดียว
แป้งปอเปี๊ยะห่อครีมคัสตาร์ด (Chinese pancake filled with custard cream) เมนูนี้ก็มีให้เลือก 2 ไส้เช่นกัน คือไส้พุทราและครีมคัสตาร์ด คราวนี้ผมเลือกไส้ครีมคัสตาร์ดครับ เนื้อแป้งปอเปี๊ยะนุ่มกำลังดี สอดไส้ด้วยครีมที่ไม่หวานเกินไปครับ
ผมปิดท้ายด้วยเมนูนี้ เพราะไม่สามารถทานอะไรลงไปได้อีกแล้ว เนื่องจากอิ่มมากๆ ยังนึกแอบเสียดายที่ยังใช้ Voucher ไม่หมด แต่ยอมรับว่ามื้อเที่ยงกับ Buffet Dim Sum คุ้มค่าสำหรับผมจริงๆ ครับ หากเพื่อนๆ คนไหนไปเที่ยวเชียงใหม่ แล้วอยากหาของอร่อยๆ ทาน ผมอยากให้ลองเอา ห้องอาหารฟูเจี้ยน มาเป็นตัวเลือกในการทานมื้อกลางวันดูนะครับ
ห้องอาหารฟูเจี้ยน อยู่ในโรงแรมดาราเทวี เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11:30 - 14:30 และ 18:30 - 22:30 น. แนะนำว่าให้โทรมาจองก่อนล่วงหน้าก็ดีครับ วันที่ผมไปผมไม่ได้โทรไป แต่ผมไปใช้บริการตั้งแต่ห้องอาหารเปิด เลยทำให้มีที่นั่ง เพราะหลังจากนั้นแขกค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวครับ สำหรับค่าเสียหายของ Buffet Dim Sum อยู่ที่818++ ครับ
ลุงเสื้อเขียว
วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.31 น.