ย่างเข้าสู่ฤดูฝน และร่างกายต้องการหมอก ผมจึงไม่รอช้าที่จะพาร่างกายไปเติมพลัง "ทริป 2 วัน 1 คืน พิชิตยอดเขาเทวดา อุทยานแห่งชาติพุเตย จ.สุพรรณบุรี" แค่สุพรรณบุรีเอง ไม่ไกลจากกรุงเทพ บังเอิญเพื่อนในเฟสบุคบอกว่ามีคนถอนตัวจากทริปนี้และว่าง 1 ที่ ผมเลยไม่รอช้า ขอไปด้วย ทริปนี้เป็นการรวมตัวกันของคนแปลกหน้าสำหรับผมเลยละ เพราะผมมาคนเดียว มาขอแจมทริปกะเพื่อนๆในเฟสบุค (หารเฉลี่ยกัน) นับรวมแล้วได้ 2 รถตู้พอดี
-------------------------------
อุทยานแห่งชาติพุเตย ตั้งอยู่ในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ครอบคลุมพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าองค์พระ ป่าเขาพุระกำ และป่าเขาห้วยพลู ครอบคลุม 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี อุทัยธานี และกาญจนบุรี เป็นชายป่าผืนสุดท้ายของป่าห้วยขาแข้ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักเดินทางทีหลงใหลในธรรมชาติ ความสงบเงียบ ป่าเขา น้ำตก ความงดงามงามของไอหมอก ดวงตะวันยามเช้า ความหนาวเย็น

:::การเดินทาง:::
5.30-6.00 : นัดพบ ปตท. ดินแดงหอการค้า ล้อหมุน
7.30-8.00 : ถึงจังหวัดสุพรรณบุรี กินข้าวเช้า
8.30-9.00 : มุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติพุเตย อ.ด่านช้าง ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชม. รวมพักรถและแวะซื้อของต่างๆ
12.00 : ถึงที่ทำการฯ อุทยาน รับประทานอาหารกลางวัน ติดต่อ ลงทะเบียน ชำระค่าบริการต่างๆ ติดต่อรถกระบะสำหรับขึ้นหน่วยพิทักษ์ฯ ตะเพินคี่

หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้ว ก็จัดการเป้สัมภาระต่างๆโยนขึ้นบนรถกระบะ เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดกางเต้นท์หน่วยพิทักษ์ฯ ตะเพินคี่ การเดินทางไปยังลานกางเต้นท์มี 2 ทางเลือก 1.ก็นั่งอยู่บนรถกระบะ กินฝุ่น ตกหลุมไปนั่นแหละ สบายยยยย 2.เดินเท้าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติพุเตย-ตะเพินคี่ โดยใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 3-4 ชั่วโมง ส่วนสัมภาระก็ไม่ต้องแบก ฝากรถกระบะไป ทำให้กลุ่มเราส่วนหนึ่งไปรถกระบะ (4-5 คน) และอีกส่วน (ใหญ่ๆ) ที่เป็นขาลุยป่าอยู่แล้วเลือกเดินเท้ากัน

พอถึงจุดเดินเท้า เข้าสู่น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ พวกเราก็ไม่รอช้า พกน้ำดื่มกันคนละขวดก็เดินกันเลย บางคนพึ่งตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ รองเท้าก็ไม่พร้อม โดนไม้ไผ่ทิ่มเลือดสาดเลย ส่วนใหญ่จะเป็นป่าไผ่ เดินตามทางน้ำ เดินสบายๆ พอไปถึงน้ำตก อ้าว น้ำน้อยจัง ว๊าาาา

น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่ น้ำน้อยไปหน่อยเพราะฝนทิ้งช ่วงหลายวัน

จะเปลี่ยนใจเดินไปขึ้นรถกระบะก็ไม่ทันละ 555 เค้าคงไปถึงไหนๆ กันแล้วป่านนี้ เอาว่ะ เดินไปเรื่อยๆ ชมนก ชมไม้ไปเรื่อย ฟ้าฝนก็เริ่มก่อตัว เมฆดำมาเชียว สักพักฝนก็เริ่มลงเม็ด เจ้าหน้าที่เลยบอกว่าถ้าเราเดินตามทางน้ำอาจอันตรายถ้าน้ำป่าหลาก เราต้องเปลี่ยนเส้นทาง เดินตัดเขาขึ้นไป โดยเดินย้อนกลับทางเดิมไปก่อน ถึงตัดขึ้นเขาไป กลุ่มผมเดิมนำหน้าเป็นกลุ่มแรก กลายเป็นกลุ่มรั้งท้ายประมาณ6-7 คน เดินไปสักพักฝนตกหนักพวกเราเลยหยุดใส่เสื้อกันฝนกัน ทำให้ทิ้งช่วงเพื่อนๆอีกกลุ่มกะเจ้าหน้าที่ พอเดินไปสักพัก อ้าวเพื่อนๆ อีกกลุ่มหายไปไหนกันหมด (หรือเค้าเดินตัดเขาขึ้นไปแล้ว) ตะโกนเรียกแข่งกับเสียงฝนกระทบใบไม้ในป่าทึบสุดเสียงก็ไร้การตอบรับ ตายละ นี่คือการพลัดหลงที่น่ากลัวมากสำหรับผม พวกเราเลยเลือกที่จะหยุดนิ่ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตาม สักพักฝนหยุดตก เราก็ตะโกนเรียกอีกครั้ง จนเจ้าหน้าที่ได้ยินและลงมารับพวกเรา (เจ้าหน้าที่ก็ตกใจที่พวกเราหายไป แกถอดเสื้อแล้ววิ่งลงมาหาพวกเราอย่างหน้าตาตื่น ฮ่าๆ น่าสงสาร) พอพวกผมเดินตัดขึ้นเขาขึ้นไป หอบเอาการเหมือนกันนะเนี่ย หยุดพักสักหน่อย พร้อมเฮฮาแซวกันเรื่องหลงป่า ฮ่าๆๆ

โฉมหน้า กลุ่มพวกเราที่พลัดหลง

จากนั้นพวกเราก็เดินลัดตามไร่ข้าวโพด และเดินไปสักพักไม่ไกลมากก็ถึงลานกางเต้นท์ พักดื่มน้ำอัดลมเย็นชืนใจ อ้าวเมฆฝนก็ก่อตัวมาอีกแล้ว พวกเราก็ไม่รอช้ารีบตั้งแคมป์ กางฟลายชีท กางเต้นท์ส่วนตัว บางส่วนก็ได้เช่าเต้นท์กับทางอุทยานไว้ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้กางไว้ให้แล้ว พอค่ำพวกเราก็อาบน้ำ (มีห้องน้ำ) ทานข้าวร่วมกัน (เราสั่งอาหารกับทางอุทยานไว้ อร่อยและได้เยอะมากๆ) แล้วก็ได้เวลาปรับทุกข์ นั่งดื่มอะไรเย็นๆ (ละไว้เป็นอันรู้เรื่อง) แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางจากที่อื่นๆ อย่างเฮฮา เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ท่ามกลางสายฝน พวกเราต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพรุ่งนี้หมอกสวยแน่เลย ใครจะไปบ้างละ หลายคนยังกังวลว่าฝนมันจะหยุดหรอ แล้วพวกเราก็ต่างแยกย้ายเข้านอน และเรามีนัดกัน 4.30 น. เพื่อเดินขึ้นยอดเขาเทวดา

ผมนอนเต้นท์ริมสุด แอบกลัวนิดๆ เพราะด้วยเคยได้ยินเรื่องรา วของพุเตยกับเครื่องบินตกยกลำ คราวหน้าต้องหาคนไปนอนกอดละ

บรรยากาศที่พักของพวกเรา โรงแรมห้าดาวเลยนะ


4.30 น. ฝนก็ยังไม่หยุด ผมและพี่จอร์ชยังยืนยันที่จะไปบนเขาเทวดา กางร่มไปก็เอา จะเจอวิวแบบไหนก็จะไป ไหนๆก็มาแล้วก็อยากขึ้นไปชมจุดสูงสุดของที่นี่ แล้วผมก็ได้เดินปลุกเพื่อนๆ ถามแล้วถามอีก ปลุกแล้วปลุกอีก ประมาณ 3 รอบ บางคนก็ไปบางคนก็ไม่ไป เราไม่ว่ากัน คนที่ไปก็พร้อมไปนั่งรถเจ้าหน้าที่เพื่อไปส่งที่ตีนเขาและให้เราขึ้นกันไปเอง ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มสาง ฝนก็หยุดตก มองไปบนฟ้าเริ่มมีสีแดงๆ โผล่ เริ่มมีความหวัง เราก็ไม่รอช้ารีบเดินขึ้นเขา ระยะทางไม่ถึง 1 กม. แต่ชัน และเป็นบันไดดินที่ทางเจ้าหน้าที่ใช้จอบขุดๆไว้ เดินไวก็ไม่ได้ หยุดหอบเป็นพักๆ ไอ้เราก็อยากรีบไปให้ทันแสงสวยๆ แต่ก็เต็มความสามารถละ ฮ่าๆ พอไปถึงยอดเขาเทวดาเราถึงกะอึ้งมาก นี่หรอสุพรรณบุรี มีทิวเขาสวยงาม มีหมอกงามขนาดนี้เลยหรอ "ยอดเขาเทวดา" เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดใน จ.สุพรรณบุรี 1,123 เมตร จากระดับน้ำทะเล พอพวกเราถ่ายภาพสักพักก็กลับลงไปทานข้าวและเก็บของเตรียมตัวกลับกัน

แสงแรกกับความงามของขุนเขาแ ละสายหมอก ที่ "ยอดเขาเทวดา" เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดใน จ.สุพรรณบุรี



เพื่อนๆ ต่างประทับใจและเก็บภาพสวยๆ จนลืมทางชันๆเล๊ะๆ ที่พวกเราผ่านมันมา

หมอกอาจไม่เยอะมาก แต่ก็เกินคราด ขอบคุณน้องฝนที่ตกลงมาและหยุดตกให้พวกเราได้ขึ้นมาชมวิ


ขุนเขา และสายหมอก ยืนมองเพลินเลย ชอบๆครับ

แอบมองเขาอยู่ไกลๆ

มองไปยังเบื้อล่าง เห็นลานกางเต้นท์ของพวกเราด้วยละ


ซูมเข้าไปใกล้ๆ เห็นลานกางเต้นท์ที่พวกเราน อนกัน


น้องหมาวิ่งตามมาชมวิวด้วย

นายแบบเท่ห์ๆ กับป้าย

มีเขา มีหมอก มันดีต่อใจจริงๆครับ

นายแบบเท่ห์ๆ กับป้าย หน้าตาไม่ดีก็หันหลังไปสิ 5555

สภาพความเล๊ะของรองเท้า เดินไปก็ต้องเขี่ยดินออก มันเหนียวหนึบมากๆ



:::ค่าใช้จ่าย:::

-สำหรับคนที่ไม่ได้นำเต้นท์มาเอง ค่าเต็นท์ 250 บาทต่อเต็นท์ (รวมถุงนอนและหมอนให้)
-ค่าอาหาร แล้วแต่ตกลงกับทางอุทยานฯ ว่ากี่มื้อ กี่วัน และกี่อย่าง
-ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ คนละ 20 บาท
หากนำรถขึ้นมาเอง เสียค่าจอดรถบนอุทยานฯ คันละ 30 บาท
หากไม่มีรถที่นำขึ้นไปได้ ต้องใช้บริการรถของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คันละ 2000 บาท
(รวมขาไปและขากลับ ไปหลายคนถือว่าคุ้มค่า)
-ค่าเดินทางแล้วแต่ละคน มารถตู้หารเฉลี่ยกันหรือจะมารถส่วนตัว
-ค่าขนม เครื่องดื่มส่วนตัวแล้วแต่ละคนเด้อ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติพุเตย
โทร. 035 446 237

ขอบคุณพี่จอร์ช หัวหน้าแกงค์สำหรับทริปนี้
ขอบคุณเพื่อนๆ คนแปลกหน้าทุกคน ที่ไปหลงป่าด้วยกัน ขอบคุณมิตรภาพที่ดีๆที่มีให้กันตลอดทริป
สุดท้าย ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพวกเรา ที่ตามหาพวกเรากลุ่มที่หลงป่า ฮ่าๆ ขอบคุณอาหารอร่อยๆ และเยอะมาก พวกผมทานไม่หมดเลย ขอโทษด้วยนะ

เอาไว้พวกเราจะกลับมาเที่ยว ใหม่นะครับ


เมืองไทยยังมีดีอีกเยอะ ยังมีที่สวยๆงามๆไว้ให้เราได้ออกไปเที่ยวกัน
"ประสบการณ์ใหม่ ไม่ออกไปหา ไม่มีทางเจอ" Life is a journey โดย #ดีแต่เที่ยว#Thailand

ผมมีเพจเล็กๆ ฝากติดตามและให้กำลังใจพวกเราด้วยนะครับ เพราะพวกเรา "ดีแต่เที่ยว" https://www.facebook.com/travelwithphotographer/ มีทริปสนุกๆ ชวนผมด้วยนะครับ นะนะ^^"

อ้ายกึ่มมักเล๊าะ

 วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 10.01 น.

ความคิดเห็น