หลังจากที่ผมได้ไปร่วมกิจกรรมกับ Website แห่งหนึ่งและได้ Voucher สำหรับไปทานอาหารที่ร้านแห่งนี้มา ผมก็ต้องใช้เวลาเกือบ 2 เดือนเต็มๆ จึงจะได้มีโอกาสไปใช้เจ้า voucher นี้ เรียกว่าใช้ซะเกือบวันสุดท้ายของมันเลยครับ สำหรับรายละเอียดของการไปทานของผมก็ตามนี้เลยครับ
วันที่รับประทาน : วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2560
เวลา : 14.00 - 15.00 น.
จำนวน 1 คน
หน้าตารถที่ทางร้านส่งออกมารับเราก็ตามนี้ครับ สีส้มสดใส เขียนชื่อร้านชัดเจน
ลักษณะโต๊ะตรงโซนที่ผมนั่งนั้นสวยดี มีโต๊ะประมาณ 5-6 โต๊ะ นั่งได้ราวๆ 30 คนครับ
กลางวัน : 11.30 - 15.00 น.
กลางคืน : 17.00 – 22.00 น.
ใครที่จะมาที่นี่ก็ดูเวลาดีๆ ด้วยนะครับ โดยเวลาที่เห็นคือเวลาปิดร้านดังนั้นเวลาที่ครัวจะปิดหรือเวลาที่เราสามารถสั่งอาหารได้นั้นก็จะเร็วกว่านั้นซัก 30 นาทีครับ
โดยอาหารนั้นจะมีทั้งแบบที่เป็นจานอย่างข้าวหน้าเนื้อ, สลัด หรือซูชิ แล้วก็แบบที่สั่งเป็นเนื้อประเภทต่างๆ มาปิ้งย่างกันเอง รวมทั้งแบบที่เป็นเซ็ตที่ทางร้านจัดไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งอาหารที่เป็นเซ็ตนี้จะมีราคาตั้งแต่ 780 บาท/เซ็ต จนไปถึง 2,500 บาท/เซ็ตเลยทีเดียว และก็มีเงื่อนไขด้วยว่าอาหารที่เป็นเซ็ตพวกนี้ต้องสั่งอย่างน้อย 2 เซ็ตขึ้นไป โดยบางเซ็ตก็จะมีน้ำแบบ Refill ให้ด้วยครับ
สำหรับใครที่อยากจะสั่ง Kobe Beef Sukiyaki Mabushi เฉยๆ ก็ได้นะครับ ราคาจานละ 290 บาท แต่ผมดูแล้วถ้าเพิ่มอีก 88 บาทจะได้ซุป, สลัด แล้วก็ของหวานเพิ่ม ซึ่งแค่ราคาของหวานอย่างเดียวก็เกือบจะ 80 บาทแล้ว ดังนั้นผมก็เลยสั่งเป็นเซ็ตมาเพราะคุ้มกว่ามาก โดยของหวานจะมีให้เราเลือก 3 อย่าง ตัวผมเลือกเป็นพานาคอตต้า ซอสสตรอเบอร์รี่ ราคา 75 บาทครับ
แล้วก็หลังจากที่ผมคำนวนราคาแล้วก็พบว่า ผมยังเหลืองบประมาณที่พอจะสั่งอะไรได้อีกนิดหน่อย ผมก็เลยสั่งแซลมอนโทโรอาบุริชีส จำนวน 2 ชิ้น ราคา 150 บาทมาด้วยครับ
วิธีที่ 1 : กินข้าวเนื้อตามปกติในจานของมันเอง ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร
วิธีที่ 2 : นำสาหร่ายกับวาซาบิมาผสมกับข้าวหน้าเนื้อแล้วกินด้วยกัน
วิธีที่ 3 : ตักข้าวหน้าเนื้อใส่ถ้วยเล็กๆ และก็เทน้ำร้อนจากกาลงไปเพื่อทำเป็นข้าวต้ม
สมแล้วที่เป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่นจ๋าขนาดนี้ ขนาดวิธีการกินยังไม่ธรรมดาเลย มีอะไรที่ชวนให้รู้สึกทึ่งหรือแปลกใจอยู่เสมอจริงๆ
ส่วนการกินแบบที่ 2 นั้น ผมว่าน่าจะเหมาะสำหรับคนที่กินข้าวหน้าเนื้อเพียวๆ ตามวิธีที่ 1 แล้วคิดว่ามันจืดไปหน่อย โดยพอเราใส่วาซาบิและสาหร่ายลงไปผสมกันกับข้าวแล้วรสชาติมันก็จี๊ดจ๊าดปรี๊ดขึ้นสมองกว่าเดิมเยอะเลย สำหรับวาซาบิของที่นี่จะเป็นวาซาบิสดนะครับ เผ็ดและจี๊ดดีมาก
รสชาติการกินแบบนี้เป็นอะไรที่ถูกปากผมสุดเลยครับ แต่ถ้าจะให้กินเป็นข้าวต้มหมดทั้งจานเลยก็คงแปลกๆ ไปหน่อย ดังนั้นผมก็เลยมองว่าหากใครที่ไปที่ร้านนี้ครั้งแรกก็ให้ลองกินให้ครบทั้ง 3 แบบนั่นแหละดีแล้วครับ อย่าพึ่งกินข้าวหมดถ้วยให้เหลือมาลองทำเป็นข้าวต้มไว้กินตอนท้ายๆ ของมื้อหน่อย ผมว่ามันอร่อยและทำให้รู้สึกว่าเราได้กินอาหารหลายประเภทดีครับ
รสชาติของเมนูนี้ถือว่าอร่อยดี แต่คราวหน้าผมคงเลือกแบบธรรมดาไม่ใส่ชีสเพราะโดยปกติไม่ใช่คนชอบกินชีสซักเท่าไหร่อยู่แล้วเพียงแต่วันนี้นึกอยากลองเฉยๆ ครับ
ขนาดของถ้วยไม่ใหญ่มาก มาเป็นขนาดกระจุ๋มกระจิ๋มกำลังดี ทางพนักงานจะมาเสิร์ฟหลังจากที่เราบอกนะครับ เพื่อที่เราจะได้กินมันตอนเย็นๆ อยู่ ส่วนผลไม้ด้านบนที่ใส่มาเป็นผลไม้สด รสชาติโดยรวมอร่อย สอบผ่านครับ
ตัว voucher นั้นจะใช้ลดในยอดอาหารและเครื่องดื่มก่อนที่จะมีการคำนวนพวก Service Charge และ Vat นะครับ โดยพวก service Charge และ Vat นั้นก็จะคิดจากราคาอาหารเต็มๆ ก่อนหักส่วนลดครับ
ลักษณะของร้าน Yasuda นั้น จะเป็นร้าน 2 ชั้น ที่มีส่วนที่นั่งทานอาหารได้หลายบริเวณมากทั้งส่วนที่ผมนั่งเมื่อกี้แล้วก็บริเวณปีกอีกข้างของร้าน รวมไปถึงด้านหลังและชั้นบนอีกด้วย โดยส่วนอื่นๆ นอกจากที่ผมนั่งจะเป็นส่วนที่ทำเป็นห้องส่วนตัวไว้ มีหลายขนาดเลยตั้งแต่ 3-4 คนจนไปถึง 20-30 คนเลยครับ เพราะบางห้องเค้าสามารถเปิดทะลุถึงกันได้ครับ
ปล. ปัจจุบันห้องส่วนตัวพวกนี้สามารถเข้าใช้บริการได้ฟรีเลย ไม่มีค่าห้องครับ
รสชาติอาหาร : ทุกเมนูที่ผมได้กินวันนี้อร่อยหมดเลยครับ ตัวเนื้อในข้าวหน้าเนื้อนั้นแม้จะยังไม่สุดยอดมาก แต่เมื่อเทียบกับราคาก็ถือว่าดีมากแล้วครับ และคิดว่าหากใครอยากชิมเนื้อที่เด็ดกว่านี้ทางร้านเค้าก็มีไว้ให้เลือกหลายแบบเลยครับ แต่ก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามคุณภาพนะครับ ><
ความหลากหลายของอาหาร : เป็นร้านอาหารที่มีความหลากหลายดีครับ แม้จะเน้นเมนูเด่นๆ ว่าเป็นเนื้อแต่ก็มีการประยุกต์ออกมาหลายแบบ อีกทั้งยังมีเมนูพวกสลัดกับซูชิอีกด้วย ดังนั้นต่อให้เรามาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ซัก 10 คนก็น่าจะยังคงโอเคกับการเลือกเมนูอยู่ครับ
ความสะอาดของร้าน : สะอาด ดูดี มีสไตล์ เป็นอะไรที่ผมประทับใจมากครับ การออกแบบต่างๆ ออกแนวเรียบง่ายแต่ดูได้นาน
การบริการของพนักงาน : อาจจะเอาผมเป็นบรรทัดฐานมากไม่ได้นะครับ เพราะว่าวันที่ผมไปนั้นทั้งร้านมีผมแค่คนเดียว ดังนั้นพนักงานจึงดูแลผมดีมากๆ ชนิดที่พนักงานเดินไปส่งผมจนถึงรถเลยครับ ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าคนเยอะๆ เต็มร้านแล้วการบริการจะดีขนาดไหนเพราะวันที่ผมไปนั้นผมเห็นพนักงานในร้านแค่ไม่กี่คนเองครับ
ความสะดวกของการเดินทาง : หากใครมีรถก็คงไม่มีประเด็นอะไรมาก เพราะถึงแม้จะเข้าซอยลึก ค่อนข้างแคบและคดเคี้ยวนิดหน่อย แต่ปากซอยสุขุมวิท 34 นั้นก็สังเกตได้ง่าย แถมที่ร้านก็มีที่จอดรถเยอะพอควรอีกด้วย ส่วนคนที่ไม่มีรถก็ถือว่าสะดวกอยู่เพราะเราสามารถลง BTS ทองหล่อและให้รถของร้านมารับได้ อีกทั้งระยะทางจากปากซอยสุขุมวิท 34 กับ BTS ทองหล่อเองก็ไม่ไกลมาก แต่หากวันไหนรถของร้านมีปัญหามารับ-ส่งไม่ได้ ก็คงเป็นเรื่องอยู่ครับเพราะมันต้องเดินเข้าซอยไกลมากพอดูเลย
ความคุ้มค่า : เมื่อเทียบกับทำเล ราคา หน้าตาอาหาร รสชาติ การบริการ รวมทั้งหน้าตาของร้านแล้ว ผมถือว่าเป็นร้านอาหารในย่านนี้ที่คุ้มค่านะครับ บรรยากาศร้านดีแล้วก็ราคาไม่ได้สูงเท่าที่ผมแอบคิดไว้ในใจครับ
สรุป : หากคุณเป็นคนชอบทานเนื้อ และอยากจะหาร้านบรรยากาศดีๆ แถวทองหล่อเพื่อกินเนื้อดีๆ กับแฟน หรือเฮฮากับเพื่อนที่ทำงาน ร้านนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเลยครับ ด้วยบรรยากาศร้านที่ได้ความเป็นญี่ปุ่นจ๋า, การการันตีจากทางโกเบว่าเป็นร้านที่นำเนื้อเข้ามาจากญี่ปุ่นจริงๆ, ห้องส่วนตัวที่ไม่มีค่าบริการ แล้วก็ที่จอดรถที่มีจำนวนเยอะใช้ได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทางร้านเค้าบอกว่าสำหรับใครที่ต้องการไปทานอาหารที่ร้านในช่วงเย็นวันศุกร์หรือวันสิ้นเดือนนั้นควรจะโทรจองเอาไว้ก่อนเพราะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเต็มตลอดครับ
ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ หากผมรีวิวขาดตกบกพร่องประการใดต้องขออภัยด้วยและการรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมจากวันที่ไปใช้บริการเท่านั้น แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือรสชาติที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ
สำหรับใครที่ชอบการรีวิวของผม ก็สามารถไปติดตามหรือแนะนำข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ https://www.facebook.com/amazingcouples
แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ
ภรรยาหา สามีใช้
วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.57 น.