ไปไหนมา ...
กินข้าวแล้วหรือยัง…

คำทักทายในแบบฉบับคนไทยสมัยก่อน ผมขอหยิบยกมาใช้ทักทายทุกคนในรีวิวฉบับนี้นะครับ

ในช่วงก่อนที่จะถึงวันหยุดสงกรานต์ ผมมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ มากนัก สามารถไปกลับแบบวันเดย์ทริปได้ ระยะเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ประมาณสองชั่วโมงครึ่ง …

ไปกาญจน์ครับ ไปเที่ยวกัน …

ผมจะพาทุกคนไปอำเภอไทรโยค ไปหลงอยู่ใน "เมืองมัลลิกา ร.ศ.124" ด้วยกันประมาณ 6 ชั่วโมง ผมไม่รอคำตอบว่าพร้อมหรือไม่พร้อม หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนนั่ง! อยู่บนรถคันที่ กำลังจะออกเดินทางไป…กาญจนบุรี แล้วล่ะ

ผมรู้สึกยินดีปรีดาใจมาก กับการที่ได้ไปสัมผัส "วิถีชีวิตชาวบ้าน ชาวเมือง "เมืองมัลลิกา ร.ศ.124" และคงหาโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันอีก

"ที่นี่…ให้วิถี ให้บรรยากาศของความงดงามในอดีต เกินกว่าที่ผมคิดเอาไว้มากเลยล่ะ"
มาติดตามอ่านกันดูนะครับ
หากรีวิวถูกใจ ก็ช่วยไลค์กดแชร์ให้หน่อยนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยนะ
หากใครอยากเข้ามาพูดคุยกับผม ก็มาทักทายกันในเพจนี้ได้เลย ผมยินดีเป็นอย่างมาก
www.facebook.com/SOtravelerDotCOM
https://www.instagram.com/sotraveler/
และยังสามารถติดตามผลงานรีวิวของ SOtraveler เพิ่มเติมได้อีกที
https://www.SOtraveler.COM

เช้าวันอาทิตย์…เป็นวันที่ไม่เหมาะกับการเร่งรีบใด ๆ เลย เราไม่รีบตื่นเช้ามาก ทานข้าว อัพเดตข่าวสาร ทักทายตอบเพื่อน ๆ ในโซเชียล แล้วออกเดินทางกันในเวลาเที่ยงตรง

วันนี้…ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง รถไม่ติดเลยนะ ขับได้เรื่อย ๆ ถนนค่อนข้างโล่ง ระหว่างทางเราแวะปั๊มน้ำมัน ซื้อกาแฟ เป็นการจอดรถเพียงครั้งเดียวของขาไป

2 PM – Arrive at MALLIKA R.E.124 | Sai Yok (Kanchanaburi) …

… The Journeys is beginning

เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 ก่อตั้งขึ้นบนพื้นที่กว่า ๖๐ ไร่ ของ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยเป็นการจำลองถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในปลายยุคสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงประกาศให้มีการเลิกทาส

ทรงออก "พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124" ให้ลูกทาสทุกคนเป็นไทเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2448

บนเว็บไซต์เมืองมัลลิกาลงข้อมูลไว้อย่างละเอียดมาก แนะนำให้อ่านก่อนเข้าไปเยี่ยมชมเมือง จะช่วยสร้างอรรถรสในการเข้าชมเมืองมากขึ้นครับ http://www.mallika124.com/history.html

การแต่งกายก็สามารถแต่งกายปกติได้เหมือนกันครับ

แต่อยากให้อิน ฟินส์กันให้สุด! แนะนำเช่าชุดที่เมืองมัลลิกา มีครบชุดฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง, ลูกเล็ก เด็กแดง

ผู้หญิง
ราคา 200 บาท : ผ้าสไบ โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มรัด และร่ม
ราคา 300 บาท : เสื้อแขนหมูแฮม พร้อมแพรสะพาย โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มขัด และร่ม
ผู้ชาย
ราคา 100 บาท : เสื้อกุยเฮง โจงกระเบน และผ้าคาดเอว
ราคา 300 บาท : เสื้อราชปะแตน โจงกระเบน
เด็ก
ราคา 50 บาท : เสื้อคอกระเช้าสำหรับผู้หญิง เสื้อกุยเฮงสำหรับผู้ชาย และโจงกระเบน
หมายเหตุ : ราคา ณ เดือน เมษายน 2560

คำถาม : เปลี่ยนชุดแล้วจะเอาชุดของเราไปไว้ไหน?

ตอบ : เมืองมัลลิกา จัดเตรียมตู้ล็อคเกอร์ไว้ให้ หมดความกังวลเรื่องที่เก็บและสัมภาระติดตัวไปได้เลย

เมื่อเข้าไปอยู่ในเมือง ความหลากหลายของชุด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ, ผ้าสไบ, โจงกระเบนที่มีสีสันหลากหลาย เมื่อมาอยู่ร่วมกัน ทำให้เมืองมัลลิกา มีความสดใสเพิ่มขึ้น


ชำระค่าเข้าเมือง แลกเปลี่ยนสกุลเงิน | ประตูเมืองมัลลิกา …

1. บัตรผ่านประตู 1 วัน
- ผู้ใหญ่: 250 บาท
- เด็กและผู้สูงอายุ : 120 บาท

2. บัตรผ่านประตู 1 วัน + อาหารเย็นพร้อมชมโชว์การแสดง
- ผู้ใหญ่: 700 บาท**
- เด็กและผู้สูงอายุ : 350 บาท

หมายเหตุ
* เด็กต่ำกว่า 100 ซม. เข้าฟรี
* ราคาเด็ก จะดูจากความสูงเด็ก ๑๐๐ - ๑๓๐ ซม.
* ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป

การเข้าชมเมือง สามารถเข้าชมได้โดยการเดินเท้าเข้าเมือง หรือใช้บริการรถลาก (หลายคนเรียก ติดปากว่ารถเจ๊ก) ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ สำหรับผมเลือกที่จะเดินเท้าเข้าเมือง เพราะชอบซอกแซกแวะรายทาง หลงติดอกติดใจตรงไหน อาจจะอยู่ตรงนั้นนานขึ้น

หมายเหตุ : ค่าบริการ 50 บาท ต่อเที่ยว

สิ่งสำคัญอีกอย่างก่อนเข้าเมืองคือ เราจะต้องทำการแลกเงินบาทเป็นเงินสกุลของเมืองมัลลิกา ที่เรียกว่า "เงินรู" เพื่อนำไปใช้จ่ายซื้ออาหารและขนมในเมือง แต่ไม่ต้องกลัวว่า เข้าเมืองแล้วเงินรูจะไม่พอใช้ เพราะในมี "แบงก์สยามกัมมาจล" ให้แลก ในย่านการค้า เช่นเดียวกัน

หมายเหตุ : อัตราการแลกเงินรู 1 สตางค์ = 5 บาท (As of April 2017)


จับจ่ายเรียกน้ำย่อยบนสะพาน | สะพานหัน …

ตั้งแต่เข้าประตูเมืองมา จะเริ่มได้ยินคำว่า "ขอรับ", "เจ้าค่ะ" จากผู้คนที่อยู่ในเมือง

ช่วงแรกของการเข้าเมือง จะมีความรู้สึกแปลกๆ จากการใช้คำที่แตกต่างจากปัจจุบัน แต่พอได้เดินชมไปเรื่อยๆ กลับรู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่งของเมือง มีความเพลินจากการเดินชมร้านค้าต่างๆ

ผ่านประตูเมืองเข้ามา เราจะได้เดินข้าม "สะพานหัน" กันก่อน ซึ่งสะพานนี้มีที่มีจริง ๆ นะ

"สะพานหัน" ในอดีตเป็นสะพานขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในย่านสำเพ็ง แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ ทอดข้ามคลองรอบกรุงหรือคลองโอ่งอ่าง

ชื่อนี้เรียกตาม จากลักษณะของตัวสะพานที่ สมัยก่อนนั้นจะเป็นไม้แผ่นเดียวพาดข้ามคลอง ปลายข้างหนึ่งตรึงแน่นกับที่ ส่วนอีกข้างจะไม่ตอกติด จับหันไปมาได้เพื่อให้เรือแล่นผ่านได้ มีห้องแถวเล็กๆให้ขายของ เช่น ลูกพลับแห้ง และผลไม้แห้งต่างๆ นานาชนิด

บนสะพานหัน มีร้านค้าที่ทำการค้าขายถ้วยโถโอชาม ของทานเล่นหรือผลไม้อบแห้ง ให้เราได้เริ่มจับจ่ายเงินรู


มีทั้งผลไม้สดและผลไม้อบแห้ง



เนื่องจากเพิ่งเลยเที่ยงมาไม่นาน ยังไม่หิวมาก เราเลยยังไม่ได้แวะ ย่านการค้า

เราตรงเข้าไปชมวิถีชีวิตของชุมชนในยุคสมัยนั้นเก่าก่อน โดยทางเมืองมัลลิกาได้จำลองเรือนอันเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนที่มีชนชั้นต่างกัน มาให้เราศึกษา

เริ่มจาก

"เรือนคหบดี"

จัดว่าเป็นเรือนของคนที่มีฐานะ คนที่อยู่บนเรือนนี้ จะทำงานด้านศิลปะเป็นหลัก เช่น งานใบตอง งานดอกไม้ งานเครื่องแขวน งานแกะสลักผลไม้

"เรือนเดี่ยว"

เรือนเดี่ยว เป็น เรือนชาวบ้าน สำหรับผู้ทำงานชั้นกรรมาชีพ เช่น ทำไร่ ทำนา ทำสวน ปลูกผัก สีข้าว ทอผ้า จักสาน

เจ้าของบ้านหลังนี้ครับ กำลังนั่งหักกิ่งกะเพรา เพื่อให้แตกยอดใหม่ ผมเลยแวะนั่งคุยทักทายสักพัก

ใกล้ ๆ กันยังมีเรือนครัว ที่เป็นเรือนหลักในการทำข้าวปลาอาหารเพื่อเลี้ยงแขกเหรื่อและบ่าวไพร่จำนวนมาก ภายในพื้นที่ประกอบไปด้วยโรงสี ยุ้งข้าว โรงเตรียม แสดง กรรมวิธีการฝัดข้าว สีข้าว ตำข้าว พร้อมทั้ง การหุงข้าวเตากระทะใบบัว โดยเป็นการประกอบอาหารด้วยเตาถ่านทั้งสิ้น

จากข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร ต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง ทราบกันมั้ย?

กระบวนการสีข้าว และตำข้าวแบบโบราณดูกันตั้งแต่ เปิดข้าวเปลือกออกมาจากยุ้งข้าว


หลังจากสีข้าวก็จะเป็นขั้นตอนของการ "ฝัดข้าว"


คุณลุงกำลังอธิบาย วิธีหุงข้าวให้ฟัง


เรือนแพ …

พักร้อนกันสักหน่อยกับ ร้านกาแฟตงฮู เป็นร้านกาแฟที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น มีการนำเข้าเมล็ดกาแฟสดจากต่างประเทศเข้ามาใช้ และยังเติมพลังกับข้าวอื่น ๆ ได้อีกทั้งบนแพและเรือที่มาเทียบท่า

เฉาก๊วย อารมณ์ดี ตะโกนขาย ขยันเรียกลูกค้าอยู่ตลอด น่ารักดีครับ

ผัดไทยโบราญ ขายดิบขายดี อร่อยเลยล่ะ ใครมาต้องลองนะ


แหล่งรวมของดี ของอร่อย เดินไปชิมไปอร่อยมาก ย่านการค้า

ย่านการค้าที่สำคัญในสมัยนั้น ประกอบไปด้วย "ย่านถนนแพร่งนรา", "ถนนแพร่งภูธร" และ "ถนนแพร่งสรรพศาสตร์" เนื่องด้วยเป็นย่านที่มีสินค้าขึ้นชื่อ

และทันสมัยที่สุด นอกจากนี้ ยังมีย่านบางรัก และย่านเยาวราช ถือเป็นแหล่งรวมขนมอร่อยๆ ไว้อย่างหลากหลาย อาหารและขนมก็ทำกันที่ร้าน ปั้นแป้งกันให้เห็น ใครอยากเรียนรู้ สอบถามวิธีทำ สามารถเข้าไปถามได้เลยครับ

หลังจากนั้น เราก็เริ่มเดิมชิมขนม ซึ่งน่าทานทุกร้าน และแต่ละอย่างไม่ได้เห็นและหาทานได้ง่าย ๆ เราจึงแวะชิมไปเสียเกือบทุกร้าน



ข้าวเสียโป ประกอบด้วย เป็ด หมูแดง หมูกรอบ กุนเชียง ไส้หมูพะโล้ กระเพาะหมูพะโล้ ไข่เป็ด รวมกัน 7 อย่าง ราดด้วยน้ำพะโล้ จานละ 10 สตางค์


"ลูกชิ้นครองแครง" ก็ไม่ค่อยได้เห็นที่ไหน ผมเคยทานและชอบมาก รสชาติออกหวานเผ็ดเค็ม ทำมาจากหมูสับกับเครื่องปรุงและฉาบด้วยน้ำตาลเคี่ยวที่ผสมเครื่องปรุงเข้าไปด้วย

"น้ำแข็งใส"

ใส่ในภาชนะที่ทำมาจากกาบหมาก หรือใบจาก

ข้าวเกรียบปากหม้อ แป้งนุ่มๆ ทำกันสด ๆ ร้อน ๆ ทานใหม่ ๆ กำลังอร่อย

ขนมครกโบราณ เมื่อสมัยเด็ก ๆ ผ่านทีไรเป็นต้องอ้อนคุณพ่อ คุณแม่ ช่วยซื้อให้

ขนมไทยหลายชนิด สามารถมาทานที่นี่ได้ ไม่ว่าจะเป็น เสน่ห์จันทร์ ขนมจ่ามงกุฏ ขนมทองเอก ขนมหยกมณี ขนมบุหลันดั้นเมฆ ขนมชั้น ขนมถ้วยฟู ขนมจีบไทย ขนมน้ำดอกไม้ ขนมเรไร ขนมเปียกปูน ขนมไข่ปลา ขนมต้มขาว ขนมต้มแดง เป็นต้น

ขนมทองเอก หนึ่งในขนมมงคล ที่หาทานได้ยากในปัจจุบันเนื่องจากใช้เวลาในการทำนานมากทำมาก ลองชิมขนมทองเอกกันได้ที่ เมืองมัลลิกา





ขากลับแวะดูโซนเครื่องหอม ซื้อน้ำอบ น้ำปรุง เทียนอบ ผลิตภัณฑ์ของเมืองมัลลิกา


หอชมเมือง …

หอชมเมือง ในอดีตเป็นหอคอยที่ใช้สำหรับตรวจตราป้องกันมิให้นักโทษหนี แต่ในเมืองมัลลิกา สามารถขึ้นไปชมบรรยากาศทัศนียภาพโดยรอบของเมืองได้

นาฏศิลป์ แอน สำรับเย็นไดนิ่ง | เรือนหมู่

'เรือนหมู่' เป็นเรือนสำหรับรับแขกบ้านแขกเมืองของคหบดี ปกติเรือนเหล่านี้มักมีคณะนาฏศิลป์ของตัวเองสำหรับรับแขก ดังนั้น เรือนนี้จะสะท้อนวิถีชีวิตของนาฏศิลป์ไทย รวมทั้งความวิจิตรบรรจงของสำรับกับข้าวไทยที่ขึ้นชื่อทั้งรสชาติ และหน้าตาอาหาร ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ เพราะเป็นเรือนหมู่ที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว

ที่นี่จึงจัดสำรับเย็น ให้ทุกคนได้อิ่มมื้อเย็นพร้อมชมการแสดงนาฏศิลป์

สำรับเย็นประกอบไปด้วย

  • น้ำพริกขี้กา
  • หมี่กรอบโบราณ
  • ยำทวาย
  • มัสมั่นไก่
  • ไก่ห่อใบเตย
  • แกงกะทิสายบัว
  • เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ตบท้ายด้วยผลไม้

การแสดงผมอยากเก็บไว้ให้ทุกคนได้ไปเห็นกับตาจริงๆ เก็บภาพมาให้ชมมาเป็นบางส่วน ผู้ที่มาแสดงมีความเต็มที่ กับการแสดงมาก ท่ารำต่าง ๆ รับรู้ได้ว่ามีการฝึกมาอย่างดี ราวกับว่า น่าจะเป็นผู้ที่เรียนมาด้านนี้โดยตรง


ขอทิ้งท้ายกันด้วยเครื่องดื่มไทย ๆ ให้เย็นชื่นใจกันครับ

หากรีวิวถูกใจ ก็ช่วยไลค์กดแชร์ให้หน่อยนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยนะ
หากใครอยากเข้ามาพูดคุยกับผม ก็มาทักทายกันในเพจนี้ได้เลย ผมยินดีเป็นอย่างมาก
www.facebook.com/SOtravelerDotCOM
https://www.instagram.com/sotraveler/
และยังสามารถติดตามผลงานรีวิวของ SOtraveler เพิ่มเติมได้อีกที
https://www.SOtraveler.COM


สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ "เมืองมัลลิกา ร.ศ.124" คุณจูเลีย และ Readme นะครับ
สำหรับโอกาสในการไปเยี่ยมชมสถานที่พิเศษแบบนี้ ขอบคุณมาก ๆ ครับ


ความคิดเห็น