ครั้งที่ 2 สำหรับการหัดเขียนกระทู้ มีโอกาสได้ไปเที่ยวเมื่อต้นปีและบางเรื่องราวก็อาจจะหลงลืมไปแล้ว ข้อมูลอาจจะไม่ละเอียด เอาเป็นซึมซับบรรยากาศเพลินๆ ฟังเรื่องเล่าของเรากัน ผิดพลาดยังไงต้องขออภัย ณ ที่นี้นะคะ

-เรื่องเริ่มต้นจากการจองตั๋วไป-กลับ ดอนเมือง-ปีนัง ไว้เมื่อนานมาแล้ว

-ด้วยความที่ชอบอยู่แช่นอกสถานที่นานๆ “ ลาออก อย่างนี้ต้องลาออก " มาสร้าง Long Holiday เป็นของตัวเอง

-จากดอนเมือง – ปีนัง (เราทิ้งตั๋วกลับ) ก็เลยเลยเถิด ปีนัง - สุราบายา , สุราบายา – บาหลี , บาหลี – ดอนเมือง

-ออกเดินทาง 23 ม.ค - 9 ก.พ. 2559 การเที่ยวของเราคือการไปเรื่อยๆ ไม่เน้นเที่ยวครบ ไม่เน้นข้อมูลเชิงลึก ทุกอย่างว่ากันหน้างาน ฮ่าๆ

ชอบถ่ายรูปนะแต่เหนื่อยเราก็ขี้เกียจควักกล้องออกมาแล้วงะ พักผ่อนจริงจริ๊ง เน้นบรรยากาศ มองคนท้องถิ่นเพลินๆ พกกระดาน A4 หนีบ

กระดาษวาดรูป ไป๊กันเลย

-สำหรับเราภาษาแทบไม่ได้เลยเพราะฉะนั้นเราปริ้นทุกอย่าง บุ๊คกิ้งจองที่พัก ไฟว์บิน แผนที่ หรือแม้แต่เซฟคำศัพท์ที่จำเป็นไว้ในโทรศัพท์



3 วันในปีนัง


การเดินทางไปปีนัง ประเทศมาเลเซียมีหลายวิธีให้เลือกคะ



- เดินทางโดยเครื่องบิน (เราใช้วิธีนี้สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ )

- เดินทางโดยรถไฟจากสถานีหัวลำโพง - บัตเตอร์เวิธ ต่อรถไฟที่ปาดังเบซาร์ และนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฝากไปถึงปีนังเลยคะ (เราใช้วิธีนี้สำหรับการเดินทาง

ไปปีนังครั้งที่ 2)

- เดินทางมาลงที่หาดใหญ่นั่งรถตู้ (วิธีนี้เรายังไม่เคยใช้แต่คนเขียนรีวิวได้ละเอียดมากๆเยอะเลยคะลองหาดู) เราเคยนั่งกลับมาจาก ปีนัง-หาดใหญ่ สามารถเดินหาได้ตามร้านที่มีป้ายติด โรงแรม หรือร้านที่รับแรกเงิน

****การเข้าประเทศมาเลเซียไม่ต้องใช้วีซ่า สแกนนิ้วมือ ถ่ายรูปสวยๆ ผ่านนนนนนนนนน



แลกเงิน

เราแลกเงินที่ไทย ค่าเงินตอนนั้นอยู่ที่ 1 RM = 8.700



ซิม

เราอยู่แค่ 3 วัน ไม่ซื้อคะ(ขี้งกล้วนๆ) แต่ถ้าใครอยากได้ KOMTAR ก็มีขายนะคะ



ที่พักเราจองใน booking.com จองก่อนจ่ายทีหลัง

**การขึ้นรถโดยสารที่นี้ คือขึ้นประตูหน้า บอกว่าจะไปไหนเค้าก็จะบอกราคาแล้วจ่ายเงินพยายามเตรียมเหรียญนะไม่ถอน แต่ดีไปกว่านั้นคือพกแผนที่ที่จะไปแล้วชี้เลย คิดเงินมา ถึงแล้วบอกฉันด้วยนะ ง่ายจบที่คนขับสบายๆ ขาลงก็ลงประตูหลัง



หน้าตาตั๋วรถเมล์



-เมื่อมาถึงสนามบินก็เดินออกมาเลยคะหน้าสนามบิน จะมีป้ายรถเมล์ ขอเรียกรถเมล์ละกันเข้าใจง่ายดี

-คืนแรกจองที่พักไว้ที่ Qube จะไปที่พักนี้ต้องนั่ง สาย 102 ยาวไปถึงโรงแรมเลย ไม่รู้ถามเจ้าหน้าที่ได้นะว่าขึ้นสายไหนดี คิดว่าคนส่วนใหญ่ไปลง Komtar เพราะเป็นจุดศูนย์กลางของการต่อรถไปที่ต่างๆเลย เนื่องด้วยเราไม่ได้ซื้อซิมเพราะความงก ไม่รู้เลยว่าโรงแรมอยู่ตรงไหน ใช้เวลาเท่าไหร่ ตอนขึ้นรถเมเราก็จำไม่ได้ละว่าบอกว่าอะไร ก่อนออกจากไทยเราแคปหน้าจอมือถือแผนที่ตั้งต้นที่ Komtar สังเกตง่ายสุด แคปจนมาถึงที่พักระหว่างทางก็ดูไปเรื่อยๆ บวกกับดูหน้าตาที่พักจากในเวปบุ๊คกิ้งมาแล้วด้วยรู้แล้วว่ามันหน้าตายังไง นั่งมานานพอสมควร เป็นชะนีชะโงกเลยฉัน ทันใดนั้น เฮ้ย! ที่พักฉ๊านนนนน เลย เลย ลงป้ายหน้าเดินย้อนกลับมา



พักที่นี้ 1 คืน ราคา 49 RM เงินไทยก็ 381 บาท นี้เป็น hostel ที่เว่อวังที่สุดที่เคยอยู่มา มีทีวี มีเกม มีหนังให้ดู เล่นอินเตอร์เน็ตรีโมทเป็นเม้าส์ (แกร๊ฉันบ้านนอกใช้ไม่เป็นอาร์มเหมือนเลื่อนเม้าส์ตกโต๊ะ) มีไฟอ่านหนังสือ มีไฟหน้ากระจกแต่งตัว มีประตูล็อค ตู้เซฟ มีล็อคเกอร์คีการ์ด มีเครื่องอาบน้ำพร้อมรองเท้าให้อีก ไม่เที่ยวมันละจะพลีชีพลงตรงนี้ ตบหน้าหนึ่งที เดินสำรวจก็ได้ ที่พัก ใกล้ทะเล ใกล้ตลาด ใกล้ห้างสรรพสินค้า สะดวก



รูปภายในตู้นอน


บรรยากาศแถวที่พัก ขวามือจะเป็นทะเล ซ้ายมือเดินไปจะเป็นห้างสรรสินค้า และตลาดในตอนกลางคืน



เช้าแล้วเช็คเอาท์ เดินลงมาคืนอุปกรณ์อาบน้ำ เม้ามอยกับรีเซฟชั่น เช๊ะภาพ ใจดีมอบข้าว 1 ห่อมาเป็นเสบียง ข้าวอะไรฟะ อร่อยอีกแล้วฮู้ยยยย!!! กินอะไรก็อร่อยคนบ้าอะไร เกลี้ยง ไม่อิ่มฝากกระเป๋าเดินไปจัด Mc ใกล้ๆที่พักต่อ



กลับมาที่พักเอากระเป๋า เดินออกมารอรถเมเยื้องๆโรงแรม กระโดดโบก สาย 101 จำได้ว่าโชว์แผนที่โรงแรม จ่ายเงินแต่คงลืมขั้นตอน บอกฉันด้วย เมื่อถึง!!!! นั่งกันยาวๆตากแอร์ตาพริ้มๆ หลงซิจ๊ะ นั่งจนรถสุดสายเอาไงทีนี้เดินไปถามใหม่ ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยจะได้พี่คนขับเรียกหญิงชาวจีนมาสนทนาด้วย คนไทยคะ แบบนี้ทุกทีซิ เอาใหม่ทีนี้ย้ายรถโชว์แผนที่รอบนี้ไม่ลืมตามสเต็ป บอกฉันด้วย ประโยคนี้จำมาแต่บ้านเลย รอบนี้ไม่พลาดยืนรอหลังคนขับเลย พี่คนขับเรียกให้ลงแล้วอธิบายบางสิ่งซึ่งฟังไม่ออกเห็นมือที่ชี้ให้ไปทางขวา แล้วได้ยินคำนึงโดดเด่นมาก cat ลงรถเอาไงๆ เดินไปขวาก่อนถามคนแถวนั้นโชว์ชื่อซอยของโรงแรม ไม่รู้จักเอ้าเดินไปอีกเห็นป้ายรถเม Cat นี้เหละยืนรอสักพักใหญ่ รถมาละโชว์แผนที่พร้อมตามขั้นตอน และเป็นรถเมฟรีหน้ารถเขียนว่า Free cat bus ดีงาม ถึงละคนขับอธิบายอีกแล้ว ทำหน้าตาเข้าใจ จั่วคะทีนี้ เดินๆเงยหน้าขึ้นไป อ้าว นี้ไงเจอแล้วซอยที่พัก (ใจเต้นเป็นกลองแต๊กเลย)คืนนี้พักที่ The 80's Guesthouse เป็น Hostel พักที่นี้ 2คืน ราคาอยู่ที่ 70 RM เงินไทย 544 บาท เราปริ้นบุ๊คกิ้งจองมาไม่ต้องพูดอะไรมากยื่นเลย ภาษาไม่ได้ก็เที่ยวได้นะ วันนี้เดินเล่นกันอยากเดินไปไหนก็เดินไปเลย ดูบ้านเมืองเค้า เดินจนงงเดินจนหลง เป็นคนขี้ลืมแล้วก็ชอบหลงทาง


คนที่นั้นออกเสียง เลิฟเรน เราตั้งให้ LOVE LANE แดนมหัศจรรย์ กลางวันซอยนี้ดูสงบ กลางคืนแสงสีเสียงก็มา ผับบาร์น่านั่ง



ขอบคุณภาพที่พักจาก Booking.com นะคะ



หน้าตาแผนที่ อันนี้บอกแค่ภาพวาด มีแผนที่อีกแบบที่บอกงานลวดด้วย



วันนี้ 25 ม.ค. ตั้งท่าใหม่ ขอแผนที่จากโฮสเทล ไหนเค้าเที่ยวกันยังไงว่ามาซิกางแผนที่เดินคะ รักการเดิน เดินจนเท้าพังตามไปดูภาพวาดเราต้องเสพงานอาร์ต มีแผนที่ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลย ( ควรขอแผนที่ตั้งแต่สนามบินแล้ว )





เราเดินเล่นจนมาเจองานอะไรสักอย่าง ผลัดกันแบก มีเครื่องคนตรีเล่น เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวมาก



มีรูปวาด งานเหล็กอีกเยอะเลยลงรูปหมดคงไม่ไหว บางรูปเห็นมีขายในโปสการ์ด บางรูปก็ไม่มีในแผนที่ บางรูปก็หายไปจากกำแพงซะแล้ว

ปิดท้ายภาพวาด แรงบันดาลใจมากจาก ปีนัง ฮ่าๆ



4 วัน กับไกด์ท้องถิ่น ในประเทศอินโดนีเซีย



เช้าที่ 26 ม.ค. 59 เก็บของเช็คเอาท์ เดินไปขึ้นรถเมเพื่อไปสนามบิน วันนี้บินไปสุราบายากัน บินโดยแอร์เอเชีย เรานั่งท้ายสุดของลำพอเดินไปถึงที่นั่งก็พบผู้หญิงคนหนึ่งนั่งที่เราอยู่ หน้าตาก็ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ เค้าก็ขยับให้เรา อยู่ในความเงียบกันสักพักเธอก็เริ่มบทสนทนา ไปไหนทำอะไร เราบอกจะไปภูเขาไฟโบรโม่ นางว่าหนาวเอาเสื้อกันหนาวมาป่าว เอามาซิใส่อยู่นี้ไง นางหัวเราะ พูดในทำนองที่สื่อความหมายได้ว่า หนาวแน่ๆเสื้อแค่นี้ ไม่เห็นมีใครบอกฉันเลยว่ามันหนาว จากนั้นนางก็เริ่มสอนภาษาอินโด ตั้งแต่ A-Z 1-10 แนะนำตัว ประโยคจำเป็น พร้อมแลกเบอร์ พร้อมที่อยู่ คุยกันจนถึงสุราบายา แล้วเราก็ลากันที่สนามบิน บ้านนางอยู่มาลังจริงๆนางชอบเม้าท์มอยนะ (ล่าสุดอยู่ดีๆนางทัก whatapp มาตกใจมากกกกก และยังชวนไปเที่ยวบ้านเหมือนเดิม ถ้าวันนั้นเราไม่นัดไกด์ไว้คงนั่งรถไปมาลังกับนางละ ใจง่ายไหมละ)

***การเข้า ตม. ไม่ต้องกรอกใบอะไรเลยคะ เดินผ่านกันง่ายๆกับคำถามสั้นๆมาทำไร กี่วันเท่านั้นเองงะ



คลอสเรียนภาษาสั้นๆ ดูซิจริงจังแค่ไหน ไม่ใช่หน้าเดียวนะ 3 หน้าแล้วการเขียนหนังสือบนเครื่องบินไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่เลย(อย่าโทษว่าลายมือเราแย่ให้ไปโทษที่เครื่องบินมันสั่น ) เขียนชื่อพร้อมที่อยู่เบอร์เสมือนสั่งซื้อสินค้าชัดเจน ละเอียดมาก



สำหรับการเที่ยวในอินโดนีเซียนี้เรา E-mail สอบถามและตกลงปลงใจกับไกด์ตั้งแต่อยู่ที่ไทย เราเลือกใช้ของ Andrew อันนี้อีเมล์เผื่อใครสนใจ [email protected] เป็นเจ้าที่ราคาดีที่สุดสำหรับชนีทัวร์เดี่ยว 2,900,000 IDR special price คำนี้ได้มาหลังจากการต่อราคา ฮ่าๆ ถ้าใครไม่ใช้บริการไกด์ท้องถิ่นก็สามารถนั่งรถโดยสารมาเองแต่สำหรับเรามันค่อนข้างยุ่งยาก ด้วยเงินที่จำกัดไม่ควรที่จะโดนใครโกง 555 และภาษาที่ยังไม่พร้อมต่อสู้กับใคร ราคานี้รวมทุกอย่าง นี้คือแผนการเดินทางที่ไกด์ส่งมา



Day(1) Jan 26th

19.00pm pickup you from airport.

19.30pm Goto Ijen

21.00pm Dinner

23.00pm Road to Ijen

Day(2) Jan 27th

05.00am Seeing Sunrise from Pos 2

07.00am Goto Hot Spring Waterfall

09.00am Chek in Catimor Homestay, a rest

11.00am Sightseeing surround coffee plantation.

16.00pm Back to Hotel, a rest

Day(3) Jan 28th

01.00am Drop you to Ijen

02.00am Ijen Tour for Bluefire, Creater, Sunrise

09.00am Finish Ijen tour, goto Bromo

14.00pm Arrive Cemara Indah Hotel, Bromo

16.00pm Sightseeing surWaterfall.mo

19.00pm Back to Hotel. a rest

Day(4) Jan 29th

03.00am Transfer Jeep to Bromo for Sunrise fm penanjaan1, Creater, Savanna.

10.00am Finish Bromo tour, back to hotel

11.30am Chek out, goto Madakaripura Waterfall.

13.00pm Arrive Waterfall

15.00pm Leave Waterfall, goto Surabaya

18.00pm Chek in Krowi In,

19.00pm Surabaya city Tour

21.00pm Back to Krowi In, a rest

Day(5) Jan 30th

08.00am Chek out, goto Airport

10.00am Arrive Airport, chek in



27 ม.ค.59

ถึงสุราบายา 21:30 ออกมาก็เจอไกด์ยืนถือป้ายกระดาษใบเล็กๆ เขียนชื่อเราผิดด้วย ทำความรู้จักแนะนำตัว บลาๆ คืนนี้เดินทางไป Kawah Ijen แวะซุปเปอร์หาขนมและเข้าห้องน้ำ (ห้องน้ำเสียตังด้วยเหละในปั๊มงะ) ขึ้นรถมาขี้โม้ก่อนเลยฉันได้เพื่อนบนเครื่องบิน พร้อมโชว์เหนือนับ 1-10 อินโดไปอีก หาเรื่องคุยขับรถกลางคืนกลัวจะเหงาไม่นานหรอก ฝอย กิน แล้วก็นอน รู้สึกตัวเป็นช่วงมีช่วงนึงเป็นป่ามืดเลยเหละ โอ้ยพามาฆ่ารึป่าว ความกลัวก็มีแต่ความง่วงมากกว่านอนต่อ พามาจอดรถดูพระอาทิตย์ขึ้น โอ้ยน้ออย่างหนาว สุดท้ายก็ไม่เห็นเมฆบังหมด เข้าที่พักดีกว่า พักที่ Catimor Homestay หนาวมากนั่งดูละครไปกับพนักงาน พร้อมกับจดบันทึก จิบกาแฟไม่ร้อนเพราะต้องรอตกตะกอน เดินสำรวจรอบๆ กินข้าว พรุ่งนี้ต้องออกจากที่พักตี 1 ไปขึ้น Ijen ดู Bluefire, Creater, Sunrise ตามแผนเลย



ก่อนเข้าโรงแรมก็มา Hot Spring Waterfall หน้าจะเป็นอันน้อยนิด

บรรยากาศใกล้ๆโรงแรม

28 ม.ค.59


ก๊อก ก๊อก ไกด์มาปลุกตรงเวลามาก กระโดดขึ้นรถพร้อมอาหารกล่อง มีขนมปัง มีไข่ต้ม มาถึงทางขึ้นก็จะส่งผลัดให้กับไกด์นำทางอีกคนหนึ่ง หนาวและเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเดินเลย ลืมเอาน้ำไปด้วยอีก นี้ฉุดกระชากไกด์นำทางมาก เอาฉันขึ้นไปที ดึงฉัน ลากฉันไป หนาวและมืด เค้าก็จะมีไฟฉาย พร้อมหน้ากาก เดินๆพักๆ แต่ก็ถึงนะ



ขาไปยังมืดอยู่ อันนี้วิวขาเดินกลับละ เห็นวิวแล้วหายเหนื่อย หราาา

วิวทางเดิน



เดินมาถึงจุดนี้ ขาก็ได้เปลี้ยไปซะแล้ว



โถ่ Bluefire ช่างน้อยนิด ควันซะนาดนี้ หายใจก็ลำบากควันก็พ่นเอาพ่นเอา



เริ่มสว่างแล้ว



ลงมาได้ก็ตรงไปภูเขาไฟโบรโม่ต่อเลย วิวข้างทางสวย อากาศดี คืนนี้พักที่ Cemara Indah Hotel ใกล้ภูเขาไฟ ตอนเราไปก็ยังปะทุแรงเลยห้ามเดินเข้าไปได้แต่มองไกลๆ เวลานอนตอนกลางคืน บึ้มทีหน้าต่างประตูสั่นเชียว ตอนเย็นเดินไปกินข้าวร้านใกล้ๆที่พัก ลงเนินมาจำไม่ผิดเลี้ยวขวาร้านอยู่ซ้ายมือ เป็นร้านเล็กๆ เล็กมาก ขายอาหารขายของชำ ทุกคนก็มานั่งหลบหนาวคุยกันอยู่ในร้านจิบชากาแฟ ผิงไฟ ชอบร้านแบบนี้มาก พรุ่งนี้ต้องออกจากที่พัก ตี4 ไปดูพระอาทิตขึ้น (ที่โรงแรมมีเสื้อกันหนาวให้เช่าด้วยนะเราเช่าเพราะเค้าบอกว่าหนาว แล้วก็หนาวจริงๆตอนไปดูพระอาทิตย์ขึ้น)



ดูท้องฟ้าเย็นนี้ที่ Bromo ซิ



29 ม.ค.59


ตี 4 คนขับรถจิ๊บก็มาเคาะประตูห้อง เดินอีกแล้วต้องเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ แต่ถ้าใครเหนื่อยมีม้าให้ขึ้นนะคะ จำราคาไม่ได้แล้ว



กลับมาที่พักกินอาหารเช้า เก็บของ ส่งท้ายด้วยท้ายรูปก่อนกลับ



ไปต่อที่ Madakaripura Waterfall ที่นี้ต้องเตรียมชุดกันฝนมาด้วยนะเพราะต้องเดินเข้าไปน้ำตกเปียกแน่ๆ ดีที่ไกด์บอกให้เตรียมมา ใครไม่มีที่นั้นมีให้ซื้อ เปลี่ยนผลัดอีกแล้วมีคนเดินนำเข้าไป น้ำตกสวยคะ ขาเดินออกมาคนนำทางเหมือนจะขอทิป แต่ด้วยเงินอันน้อยนิดเราไม่ได้ให้ เราเห็นไกด์เราจ่ายเค้าอยู่แล้ว



เสร็จจากที่นี้ก็กลับเข้าเมืองสุราบายา พักที่ Krowi In เป็นโฮสเทล สะอาดน่านอนเลยเราไปห้องนั้นไม่มีใครนอนคนเดียว30 ม.ค.59



11 วันในเกาะบาหลี



วันนี้บินไปบาหลีกัน บิน13:30 กับสายการบินไลอ้อนแอร์ ซึ่งดีเลย์แล้วดีเลย์อีกมีแจกขนมปลอบใจ สนามบินประกาศเราก็ฟังไม่รู้เรื่องได้แต่หันไปถามคนรอบข้างจาก 13:30 เป็น 13:50 เป็น 15:50 ได้ไปสักที จากที่มาถึงสนามบินเดนปาซาก็ปาไปราวๆ 6 โมง บาหลีเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เดินออกมานั่งตั้งหลัก เดินไปหาเคาน์เตอร์แท็กซี่ ถามราคาไปอูบุด 400,000 IDR ส่ายหน้าแล้วเดินจากมา อ่านรีวิวแค่ 200,000 ผู้ชายเดินเข้ามาเสนอราคาที่ 350,000 IDR เราก็ส่ายหัวอีก ฉันเคยมา 200,000 อันที่จริงเราก็ไม่เคยมา ผู้ชายเดินมาอีกให้ 250,000 ฟ้าก็เริ่มมืด ใจก็เริ่มสั่นละ เราก็ยังส่ายหน้าอยู่ทุกคนก็ส่ายหน้าให้เราเหมือนกัน ฮ่าๆ จะเอา 200,000 สุดท้ายแล้วมีผู้ชายเรียกเราให้เดินตามไปที่รถเราก็ตามไป ขึ้นเลยๆ เราถามอีกครั้ง 200,000 นะเค้าตกลงเว้ยยยยย สบายใจ คืนนี้เราพักที่ Nani House 2 ที่พักดีสะอาด ห้องพัดลม ในที่พักมีสปาด้วย เราพักที่นี้ 4 คืน แล้วย้ายที่พักมา Duana's Homestay 4 คืน แล้วย้ายกลับไปพักที่กูตา Bread and Jam Hostel 2 คืน(เราว่าที่นี้ดีนะแต่เสียตรงเข้าถึงยากซอยแคบ) วันที่ 9 กลับบ้านกัน



***ค่าเงิน ตอนที่เราแลกไปอยู่ที่ 0.0027 IDR



วิธีการเที่ยวบนเกาะบาหลีมีทางเลือกดังนี้

- เช่าโมไซขับ อันนี้น่าจะเป็นอะไรที่คุ้มสุด

- ไกด์ท้องถิ่น ราคาอาจจะสูงคิดว่าไม่เหมาะกับเงินน้อยอย่างเรา

- มีทริปแบบ one day tour ขายมารับถึงโรงแรม มี 10-11 ตัวเลือกให้เลือกว่าอยากไปไหนบ้างพร้อมราคา

เวลาไปซื้อเค้าจะให้ใบรายละเอียดมา

- เดิน เราเลือกวิธีนี้ ฮ่าๆ รักการเดิน



ทำไรดีที่บาหลี

- ช็อปปิ้งตลาดต่อราคา สนุกๆ ต่อในราคาที่เราพอใจเลยคะ

- ดำน้ำ เล่นเซิฟ

- ปาตี้

- ชมวัด ดูการแสดงที่ Ubud Palace ราคา 80,000 IDR เป็นการแสดงช่วงเย็น เวลาประมาณ 1ทุ่ม

- กิน ที่นี้มีอาหารอร่อยเยอะ เราชอบเข้าร้านตามสั่งแบบบ้านเราเพราะไม่บวกเพิ่ม รสชาติก็ดี

- บาหลีมีโยคะนะ เห็นฝรั่งเล่นกันเยอะเลย

- เล่นน้ำทะเลนอนอาบแดด11 วันบนเกาะนี้เราแทบไม่ทำอะไรเลย ขาก็อ่อนเปลี้ยเพลียแรง โมไซก็ขี่เกียจขับ พักผ่อนงั้น มีอารมณ์ก็วาดรูป มี 1 วันที่ซื้อ one day tour ราคา 180,000 IDR ไปประมาณ 8 ที่ ฝนตกบ้าง เมฆบังภูเขาไฟบ้าง โถ่! จะเสียตังทั้งทียังทำร้ายกันได้ ดูการแสดงที่ Ubud Palace สวยๆชอบแต่งบพอสำหรับการชมแค่ครั้งเดียว ฮ่าๆ 1 วันสำหรับการทำสปา แก้ผ้านี้ก็อายเหมือนกันเนอะ ทุกๆวันเราจะเดินสำรวจรอบๆ อูบุด กินข้าวเช้าที่ที่พัก บ่ายก็เดินเหนื่อยก็แวะกินนู้นนี้ เดินเข้าทุกร้านที่ขายของ เวลาเดินเราจะเห็นรายละเอียดทุกอย่างชัดเจนมาก ช่วงเย็นนี้ต้องมาเลยตลาดจะวายต่อราคาได้ดีชอบมากมาทุกเย็น จำได้แทบทุกรายละเอียดในแถบนั้น ตกดึกก็จิบเบียร์ เวลาที่คนจากทุกมุมโลกมาเจอกันในจุดเดียวกัน เวลา สถานที่เดียวกัน มันก็มักจะมีเรื่องเล่า โอ้อวดแม้กระทั่งชั่วโมงที่ฉันบินมา 5555 เป็นไง 11 วันของเรา



นี้การแสดง เราชอบมากเลย ชอบการเล่นหูเล่นตา เล่นหน้า มันชั่งเข้ากับชุด ท่าทาง ดนตรี



หน้าตาบัตรเข้าชม


มาชมทัวร์ 180,00 ของเราดีกว่า ฝนก็ตก เมฆก็บัง


นาขั้นบันได จ่ายค่าผ่านทาง 10000 IDR

Gunung kawi temple


ค่าเข้า 15000 IDR เวลาเข้าวัดควรจะมีผ้าถุงเป็นของตัวเองสัก 1 ผืน เพราะได้ใช้แน่ๆเข้าที่ไหนก็ต้องใส่นะคะ


Tampaksiring ค่าเข้า 15,000 IDR


ตรงนี้มีห้องน้ำให้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย สำหรับคนที่จะลงไปในน้ำ


ต่อไปก็ไปชิมกาแฟ ฟรี! ซึ่งเดอะแก๊งฝรั่งที่ร่วมชะตากรรมทัวร์นั้น นางกินจนหมดทุกแก้วแบบ เธอไม่กินใช่ไหมฉันฟาดเรียบ


ข้าวเที่ยง


โครตแพง แวะร้านแพงให้ซะงั้น

ไปต่อที่ Kintamani ขมวิวภูเขาไฟแต่ แต่ แต่ เมฆบังขาวโพนนนนนนนนมากกกกกกก พลาดไป 1


ตัดภาพไปที่ Bangli ฝนตกหนักมาก หันถามกันไปมาลงไหม ฉันมีร่มให้ยืม แต่ฝนตกแรงมากกกก !!!!! ไม่มีใครลงไปต่อ พลาดไปอีก 1 แล้วก็ไปต่อที่เหมือนเป็นที่ทำหน้ากาก จะมีชาวบ้านนั่งแกะสลักหน้ากากงานไม้ให้ชม พร้อมกับขาย



มาที่ Goa Gajah ค่าเข้า 15,000 IDR



ในนี้เดินเข้าไปดูได้นะคะ จบแล้ว one day tour



ดูบรรยากาศของที่นี้กัน


บรรยากาศตลาดยามเช้า




เมืองนี้ผู้คนน่ารัก พยายามจะคุยด้วยตลอด ที่นี้เต็มไปด้วยวัด ทุ่งนา ธรรมชาติที่อุดมสมบรูณ์ ทุกๆวันก็ต้องมีกระทงเล็กๆมีขนม มีดอกไม้ ข้าว ธูป มาไหว้ตามจุดต่างๆของบ้านเรียกได้ว่าทั้งบ้าน การซื้อของที่นี้สามารถต่อราคาได้เกือบครึ่งๆหรือเกินครึ่งเช่น 50000 เหลือ 15000 แต่ก็คำนวนเป็นเงินไทยแล้วเพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบ ต่อราคาพอสมน้ำสมเนื้อพอนะจ๊ะ


บาหลีก็มีคร่าวๆเพียงเท่านี้ เด๋วปีหน้าไปใหม่



ปิดท้ายด้วยภาพวาด อิอิ



ภาพนี้แรงบันดาลใจจาก วิถีชีวิต



ภาพนี้แรงบันดาลใจมาจาก หน้ากาก ที่ชาวบ้านทำ



ภาพนี้แรงบันดาลใจไม่รู้อารมณ์ล้วนๆ ฮ่าๆสรุปค่าใช้จ่าย


ค่าใช้จ่าย

ดอนเมือง – ปีนัง 2,800 บาท บินโดยแอร์เอเชียราคาไปกลับแต่ทิ้งตั๋วกลับ ขาเดียวน่าจะถูกกว่านี้

ปีนัง – สุราบายา 2,043 บาท บินโดยแอร์เอเชีย

สุราบายา – บาหลี 947 บาท บินโดยไลอ้อนแอร์

บาหลี – ดอนเมือง 3,499 บาท บินโดยแอร์เอเชีย

รวมค่าเครื่องทั้งหมด 9,289 บาท



ค่าใช้จ่ายในปีนัง

Qube 1 คืน 381 บาท

The 80's Guesthouse 2 คืน 544 บาท

รวมค่ากิน ค่ารถเมล์ อยู่ที่ประมาณ 1900 บาท


ค่าทัวร์ภูเขาไฟ 5 วัน 2900000 IDR เงินไทย 7830 บาท สำหรับราคาเที่ยวคนเดียว


ค่าใช้จ่ายหลักๆ ในบาหลี

Nani House 2 4 คืน 1788 บาท

Duana's Homestay 4 คืน 2069 บาท

Bread and Jam Hostel 2 คืน 776 บาท

Taxi ไปอูบุด 200000 IDR 540 บาท

บัตรการแสดง 80000 IDR 216 บาท

One day tour 180000 IDR 486 บาท

สปา 229500 IDR 620 บาท ถ้าเราจำไม่ผิด

ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ 300 บาท ราคารวมๆเราจำไม่ได้ทุกที่

กิน ช็อป น่าจะประมาณ 2000 บาท

รวม 8795 บาท ไม่รวมค่ากิน ค่าช็อปปิ้ง



18 วัน ปีนัง ภูเขาไฟBromo lijen บาหลี 27,814 บาท (ตั้งแต่จบทริปมาก็เพิ่งรู้ว่าหมดไปเท่าไหร่ ฮ่าๆ)

Hinataqn

 วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 01.20 น.

ความคิดเห็น