ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้วที่ผมได้มาพิชิตยอดภูกระดึง และเป็นครั้งแรกที่มาเที่ยวช่วงฤดูร้อน แล้งๆ กลางเดือนเมษายนเช่นนี้ ที่ผ่านมาผมเคยมาช่วงเดือนตุลาคม ไม่ก็เดือนพฤศจิกายน ธันวาคมและมกราคม ที่หนาวสุดขั้ว ตัวเลขอุณหภูมิแค่หลักเดียว ต่างก็ประทับใจกับบรรยากาศและธรรมชาติสวยๆ รวมทั้งมิตรภาพที่ดีจากเพื่อนๆ ที่รักษ์ภูกระดึงแห่งนี้ทุกครั้งไป

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ที่อำเภอภูกระดึงจังหวัดเลย เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมักมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปพักผ่อนบนภูกระดึงจำนวนมาก ภูกระดึงเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองถัดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตรจากระดับน้ำทะเล

สำหรับการเดินทางขึ้นภูกระดึงนั้น ทางอุทยานจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00-14.00 น. ของทุกวัน และหลังจากเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ทางอุทยานจะไม่อนุญาตเพราะระยะทางจากตีนภูถึงหลังแปประมาณ 5.5 กม. ในการเดินทางขึ้นเขาต้องใช้เวลาในการเดินเท้าประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทาง ดังนั้นอาจจะทำให้เกิดความยากลำบากอีกทั้งอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืนอีกด้วย อย่างไรก็ตามอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภู ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี และจะทำการปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 30 กันยายนของทุกปีเช่นกัน เพื่อเป็นการฟื้นฟูในช่วงฤดูฝน

:::สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ :::

ที่พักแรม/บ้านพัก
มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ทั้งบนยอดภูกระดึง และบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ด้านล่าง
สถานที่กางเต็นท์/เต็นท์ มีให้บริการ
- เต็นท์ ขนาด 2 คน ราคา 150 บาท/คืน
- เต็นท์ ขนาด 3 คน ราคา 225 บาท/คืน
- เต็นท์ ขนาด 4 คน ราคา 300 บาท/คืน
หมายเหตุ:ราคาไม่รวม ชุดเครื่องนอน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเอง (หรือในกรณีที่เต็นท์ทางอุทยานเต็มและต้องไปเช่าเต็นท์บนยอดเขา)
- ชำระค่าขอใช้สถานที่กางเต็นท์ในอัตรา 30/คน/คืน
- เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 - 12 ปี จะไม่ได้ชำระค่าขอใช้สถานที่กางเต็นท์

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเช่าเครื่องนอนทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีไว้บริการดังนี้
- ถุงนอน อัตราการเช่า 30 บาท/คืน/ถุง
- ที่รองนอน อัตราการเช่า 20 บาท/คืน/อัน
- หมอน อัตราการเช่า 10 บาท/คืน/ใบ
- ผ้าห่มผืนใหญ่ อัตราการเช่า 50 บาท/คืน/ผืน
- ผ้าห่มผืนเล็ก อัตราการเช่า 30 บาท/คืน/ผืน

ที่จอดรถ
มีลานจอดรถให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ใครต้องจอดค้างคืน ก็สามารถลงทะเบียนกันการสูญหายและรับบัตร
บริการอาหาร
มีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ทั้งบนยอดภูกระดึง และบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ด้านล่าง ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ

อัตราค่าชาร์จแบตฯ (ณ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ด้านบนภูกระดึง)
- สำหรับโทรศัพท์ 20 บาท
- สำหรับกล้อวถ่ายภาพ 20 บาท
- สำหรับแบตฯสำรอง 40

แผนที่ประกอบการเดินทางครับ (Cr. www.sabuy.com)

นี่เลย โปรแกรมเที่ยวของผม ทริปนี้ 4 วัน 3 คืน (11-14 เมษายน 2560)

Day 01 : ตีนภู - หลังแป – หน่วยฯวังกวาง – ผาหมากดูก

Day 02 : ผานกแอ่น – สระอโนดาต – ผาหล่มสัก

Day 03 : ผานกแอ่น – น้ำตกต่างๆ – ผาหมากดูก

Day 04 : ผานกแอ่น – จบทริป กลับบ้าน

พร้อมแล้วก็ตามอ้ายมาโล้ด

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Day 01 : ตีนภู - หลังแป – หน่วยฯวังกวาง – ผาหมากดูก

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อวานมีฝนตก เช้านี้อากาศดี 24-25 องศา

ชั่งหาบกันก่อน สัมภาระคิดตามน้ำหนัก 30 บาท/ กก. ผมจัดไป 9 กก.

ลงทะเบียน ก่อนขึ้นภู

วันนี้ผมขึ้นเป็นคนที่ 2 ครับ เงียบเหงาแต่สุขใจ

ขึ้นภูกระดึง ระยะทางเดินขึ้นเขา 5.5 กม. และเดินทางราบจากหลังแปไปยังลานกางเต้นท์ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง 3.5 กม. เพื่อนๆ จะผ่านซำต่างๆ (ตามแผนที่ที่ให้ไว้ด้านบนนะครับ) แวะพัก แวะรับประทานอาหารหรือขนมหวาน เครื่องดื่มเย็นๆ ได้ (ช่วงเดือนเมษา ที่ผมไป มีมาขายบ้าง ปิดไปแล้วก็หลายราย บางซำไม่มีเลย ต้องเช็คกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นภูครับ)

ป่าเริ่มเขียวแล้วนะ สดชื่นไม่น้อย


มื้อเช้ามื้อแรกของวันของผม ฝากท้องไว้ที่ซำแฮก หมูทอดกระเทียมแบบแห้งๆ กว่าจะเดินขึ้นมาได้ ก็สูงชันพอสมควร ระยะทางจากตีนภูถึงซำแฮกเกือบหนึ่งกิโลเมตร

แตงโมชิ้นละสิบบาท ถูกกว่าที่ปั้มน้ำมันยี่ห้อ ดังสะอีก เย็นชื่นใจ เพิ่มพลังก่อนเดินทางกันต่อ

ซำกกโดน ที่มีกุหลาบสีแดงเบ่งบานต้อ นรับเราให้หายเหนื่อย

เมเปิลที่ซำกกโดน หลังจากแดงและร่วงหล่นแล้ว ก็เริ่มผลิใบอ่อน สวยงามไปอีกแบบ


บางกิ่งก้าน ก็ยังหลงฤดู แดงให้ผมได้เห็น


ช่วงใกล้จะถึงหลังแปจะมีบันไดที่ชันมาก ราวบันไดคือตัวช่วยที่ดี ระมัดระวังกันด้วยนะครับ หากเหนื่อย เพลีย อย่าพึ่งขึ้นบันไดนี้เด็ดขา ด ให้พักเสียก่อน เพราะอาจทำให้เราหน้ามืด เป็นลมตกบันไดได้ มันสูงชัน อันตรายมากๆ

ผมเริ่มเดินจากตีนภู ประมาณ 7.20 น. ถึงหลังแป 12.20 น. ใช้เวลา 5 ชม. พอดี บอกแล้วผมไม่รีบ แต่ตอนนี้ผมเริ่มหิวแล้วสิ ดีนะที่หลังแปมีเจ้าหน้าที่ตั้งร้านขายน้ำ เลยเดินไปซื้อน้ำอัดลมและเหลือบมองเห็นกล้วยน้ำว้าของพี่เจ้าหน้าที่ 2 ลูก เสร็จโจร ไม่รอช้าปากก็อ้าขอ พี่คับผมขอกล้วย 1 ลูกนะ พี่เค้าก็ใจดีบอกว่าเอาไปโล้ด ขอบคุณคร้าบบบบบบ

ป้ายคงเหงา ในวันที่มีนักท่องเที่ยวน้อยๆ

เดินทางราบต่อไปยังลานกางเต้นท์ กับมิตรภาพใหม่ของผมทั้ง 5 คน รออ้ายด้วยยยยยยยยยย

โชคดี มีรถมาเก็บขยะที่หลังแป มุ่งหน้ากลับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ลานกางเต้นท์ อย่ารอช้า โบกเลยครับ กลิ่นหอมชื่นใจจังขยะที่รัก

มาถึงแคมป์แล้ว แต่สัมภาระยังไม่มา สัมภาระมาถึงประมาณ 17.00 น. เพราะนักท่องเที่ยวน้อยทำให้ต้องรอรวมๆ กันให้ได้เยอะๆก่อน ฤดูกาลที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว เราสามารถเลือกที่กางเต้นท์ได้ครับ ผมเลือกกางในห้องประชุม กันลมกันฝนได้ดี

แถวศูนย์บริการฯ มีกุหลาบสีแดงกำลังบานสวยเต็มต้นเลย

ไปเดินเที่ยวผาหมากดูก ชมพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ กันก่อน ได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกแล้ว พ่อแม่ลูก (พี่ต่อ พี่เอ็มมี่และน้องอีฟ)

ระหว่างทาง เจออะไรก็ถ่ายๆ



ผาหมากดูก ผมมักจะมาชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ในวันแรก เพราะใกล้ที่พักห่างจากที่พักวังกวางเพียง 2 กิโลเมตร วันต่อมาค่อยไปชมความงามของพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักแทน แต่ทว่าที่นี่ก็สวยงาม ความโรแมนติกไม่น้อยเลยนะครับ ปล.อย่าลืมพกไฟฉาย ด้วยนะครับ ตอนกลับจะเริ่มมืดแล้ว

ซูมไปยังด้านล่าง จะพบว่าป่าเริ่มกลับมาเขียวแล้ว

เคยมาหลายครั้ง ตะวันตกคนละที่เลย วันนี้มุดเข้าไปในป่าซะงั้น

รีบกลับไปอาบน้ำ ทานข้าว และพักผ่อน เอาแรงเพื่อไปเที่ยวในวันถัดไปเนอะ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Day 02 : ผานกแอ่น – สระอโนดาต – ผาหล่มสัก

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผานกแอ่น จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามที่ห้ามพลาดครับ หากโชคดีก็จะได้เห็นทะเลหมอกคู่กับพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า แต่เช้านี้ของผมอดเจอหมอกเลย การเดินทางไปผานกแอ่น พร้อมกันเวลาี 05.00 น.ตรงโดยประมาณ เดินมารวมกันที่อาคารบริการนักท่องเที่ยว จะมีเจ้าหน้าที่เดินนำไปที่ผานกแอ่น ห้าม เดินไปกันเองเด็ดขาด เพราะเป็นเส้นทางหากินของช้างป่า (จะมีเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าไปแล้ว 1 ท่าน ทุกเช้า เพื่อไปสำรวจเส้นทางเพื่อให้แน่ใจก่อนว่า ไม่มีช้างป่าออกมาหากิน )



ตะวันโด่แล้วก็ได้เวลากลับไปทานข้าวครับ โดยผมเดินกลับอีกเส้นทางหนึ่ง ตัดผ่านลานพระยืน

กุหลาบสีขาว กำลังบานสวย

ดอกเอนอ้า บานทั่วทุ่ง

ทานข้าวแล้วก็ไปสระอโนดาต อย่าลืมเตรียมข้าวมื้อกลางวันด้วยนะครับ เพราะร้านค้าริมผาปิดทุกร้าน จะเหลือแค่ที่ผาหล่มสัก เปิด 2 ร้านครับ

มิตรภาพใหม่ๆ ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน อบอุ่นดี

ตามแนวกันไฟ จะพบดอกกระเจียวกำลังผุดขึ้นจากดิ นและผลิบานสีชมพูสดสวยตามแนวกันไฟที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ ผมเคยเห็นภาพดอกกระเจียวในโปสการ์ดชุดหนึ่งของภูกระดึง และในที่ผมได้มาเห็นกับตาตัวเองสักที

สระอโนดาต ห่างจากวังกวาง ราวๆ 3 ก.ม. เป็นสระน้ำขัง มีธารน้ำไหลผ่านไปตามร่องหิน บริเวณรอบๆคือดงสนขึ้นเป็นทิวแถวเรียงราย มองเห็นเงาสนสะท้อนกับน้ำในสระ

พอพักให้หายเหนื่อย ถ่ายรูปอย่างสนุกหนาน และดื่มน้ำดื่มท่ากันแล้ว เราก็จะไปผาหล่มสักกันต่อ โดยมีทางเลือก 2 เส้นทาง คือ1.เส้นทางน้ำตกถ้ำสอเหนือ แต่ตอนนี้ก็ได้ถูกปิดไปแล้ว เนื่องจากมีช้างป่า ทำให้พวกเราเลือกอีกเส้นทาง คือ 2.เดินตัดไปผาเหยียบเมฆ แล้วเดินเลาะริมผาไปผาหล่มสัก

พอถึงผาเหยียบเมฆ ผมก็ขอนอนนอนพักสักหน่อย ยังมีเวลาอีกเยอะเลย ร้านค้าที่ผานี้ก็ปิดหมดแล้ว

แล้วผมก็ไปถ่ายกับมุมฮิตๆ ของผาเหยียบเมฆ เห็นเค้าถ่ายกันกับหินก้อนนี้ที่มีลักษณะยอดแหลมๆ พอให้ยืนได้ เห็นหลายคนมักจะมากระโดดกันเยอะเลย ไอ้เราก็ตั้งขาตั้งกล้องถ่าย ถ่ายยากมาก โดดก็กลัวตกลงมาเจ็บ ได้แค่นี้แหละครับ

ดอกกุหลาบสีขาวที่ผาเหยียบเมฆก็กำลังบานสวยงาม

จากนั้นผมก็เดินไปต่อ ถัดจากผาเหยียบเมฆ ก็เป็นผาแดง และก็ผาหล่มสัก รวมระยะทางประมาณ 4.5 กม. ก็เลยกะจะเดินให้ถึงผาหล่มสักและทานอาหารกลางวันที่นั่น เพราะตอนนี้เมฆเริ่มตั้งเค้ามาละ ฝนจะตกแน่เลย รีบเดินจ้ำอ้าวๆ น้ำดื่มก็จะหมดแล้ว ฮืออออออออออ แดดก็แรง ผมมาถึงผาหล่มสักประมาณ 13.00 น. ก็สั่งส้มตำมากินแซ้บๆ นัวร์มากกกกก

สักพักฝนเทมาอย่างแรงเลย ป้าๆ กะน้องๆ ที่เดินช้ากว่าผมก็ติดฝน

ดีใจที่มีฝนตก เย็นชุ่มฉ่ำ ครบ 3 ฤดู วันนี้ลุ้นทะเลหมอกยามเย็นที่ผาหล่มสัก แต่ปรากฏว่า ฝนตกเฉพาะบนภู ด้านล่างไม่ตก ฮ่าๆๆ อดเจอทะเลหมอกเลย แต่ฝั่งผานกแอ่นตกนะครับ พรุ่งนี้เช้าเราไปลุ้นหมอกกัน

เนื่องจากฝนตก บางคนก็ถอดใจกลับแคมป์ครับ เหลือผู้กล้า 12 ชีวิต ไหนๆก็มาละ รอๆตะวันตกดินกันเนอะ ในวันที่ไม่ต้องต่อคิวกันถ่ายภาพ เงียบสงบ

ใครๆ ก็ต่างพูดว่า ถ้าไม่มา ผาหล่มสัก ถือว่ามาไม่ถึงภูกระดึง ผมมากี่ครั้งก็อดที่จะมาชื่นชมความงามของที่นี่ไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ว่าไกล เดินเหนื่อย พระอาทิตย์ตกดินที่หลังชะง่อนหินที่ยื่นไปจากหน้าผาที่มีต้นสนแผ่กิ่งสวยงามลงตัว เป็นเอกลักษณ์ ว่าที่นี่ คือ ภูกระดึง

วันนี้แสงสวยใช้ได้ พอแสงหมดเราก็เริ่มเดินทางกลับแคมป์ แวะพักเหนื่อยที่ผาหมากดูกรอบเดียวพอ ก็เลยถ่ายดาวเล่นสักใบ ปรากฏว่าวันนี้แสงจันทร์สว่างมาก ดวงดาวเลยเลือนลาง

ผาหล่มสัก – ที่ทำการฯ วังกวาง ระยะทางประมาณ 9 กม. กว่าๆ พวกเราถึงกันประมาณ 21.10 น. ก็รีบไปหาไรทาน ก่อนร้านจะปิด 22.00 น. วันนี้เหนื่อยเอาการ เดินทั้งวัน รวมๆ ไม่ต่ำกว่า 20 กม. ทำไปได้ ทุกครั้งที่ผมมา ก็อดไม่ได้สักทีที่จะมาผาหล่มสัก ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไกลมาก แต่เหมือนโดนท้าว่า ถ้าไม่ไปถือว่ามาไม่ถึง ภูกระดึง คืนนี้อาบน้ำ พักผ่อน รอไปลุ้นหมอกกันตอนเช้าอีกที กู้ดไนท์ครับ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Day 03 : ผานกแอ่น – น้ำตกต่างๆ – ผาหมากดูก

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผานกแอ่น เช้าวันนี้ไม่ค่อยมีหมอกเท่าไหร่ครับ หมอกบางๆ อาจเพราะฝนยังตกไม่มากพอ ความชื้นยังต่ำ แต่เริ่มเห็นผานกเค้าชัดเจนครับ ต่างกับวันแรก ที่มัวๆ มองไม่เห็นผานกเค้าเลย สูดเอาอากาศสดชื่นให้เต็มปอด แล้วค่อยกลับไปทานข้าว

วันนี้น้ำตกมีน้ำนะ สามารถเข้าไปเที่ยวได้ (เช้าวันแรก มีประกาศงดให้เข้าเที่ยวน้ำตก เนื่องจากมีช้างป่าออกหากินบริเวณน้ำตก)

น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ มีน้ำนิดเดียว ก็เลยไม่ถ่ายมานะครับ

ส่วนน้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำใหญ่ มีน้ำครับ

ประมาณเที่ยง ก็เที่ยวน้ำตกเสร็จ ก็เลยกลับไปกินข้าวและนอนพักผ่อนดีกว่า ฟ้ามืดฝนมาอีกแล้ว นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้นอนกลางวันแบบนี้ ถือว่ามาชาร์จพลังงานละกันเนอะ ก่อนจะกลับไปทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนกันต่อไป ช่วงบ่ายฝนก็เทมาหนักมาก หลับสบายเลย ผมตื่นมาอีกที 16.00 น. ฝนก็หยุดตก นึกในใจว่ามันต้องมีหมอกแน่เลย ผมจึงรีบคว้ากล้องและขาตั้ง แล้วรีบเดินไปผาหมากดูกทันที ผมมาถึงผาหมากดูกประมาณ 17.00 น. หมอกเริ่มก่อตัว และผมก็เจอนักท่องเที่ยวหนึ่งคนด้วยครับ มีเพื่อนถ่ายรูปก็ไม่น่ากลัว อุ่นใจจริงๆ

ถ่ายรูปเพลินเลย ตั้งขาตั้งกล้องถ่ายตัวเองไปด้วย เสียวมากๆ กลัวตกผา ฮ่าๆๆ พอถ่ายเสร็จ ผมก็เดินกลับแคมป์ ทานข้าว อาบน้ำ เตรียมตัวพักผ่อน และพรุ่งนี้เช้าไปลุ้นหมอกอีกครั้งที่ผานกแอ่นเป็นเช้าวันที่ 3 บ้าไปแล้ว เราเอาแรงมาจากไหนเนี่ย

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Day 04 : ผานกแอ่น – จบทริป กลับบ้าน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เช้านี้หมอกเยอะขึ้น ตีเกลียวมาสะสูงเลย ท่วมภูเขา มองไม่เห็นผานกเค้าเลยละ แต่ก็สวยไปอีกแบบ มาดูทั้ง 3 เช้า ไม่เหมือนกันสักกะวัน นี่ละนะ ธรรมชาติสร้าง ไม่สามารถกำหนดได้ เหมือนกับใจคน "เวลาเปลี่ยน...ใจคนก็เปลี่ยน" ฮิ้วววววววววววววววว

ได้เวลาที่เราต้องไปแล้ว เช้านี้บริเวณลานกางเต้นท์ มีหมอกปกคลุมไปทั่ว ชื่นใจจัง

กลับก่อนนะ ภูกระดึง ผมมา คนเดียว และได้มิตรภาพกลับมาเพียบเลย ขอบคุณน้องๆ ทั้ง 5 คนที่เดินกลับเป็นเพื่อนครับ


ขอบคุณภูเขารูปหัวใจแห่งนี้ ที่ผมมาแต่ละครั้ง ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ถึงแม้จะมีอะไรที่เปลี่ยนแป ลงไปบ้าง แต่เสน่ห์ของภูกระดึงก็ยังไม่จางหาย แล้วเจอกันใหม่นะครับ "ภูกระดึง"


"ประสบการณ์ใหม่ ไม่ออกไปหา ไม่มีทางเจอ" Life is a journey #ภูกระดึง #เลย #Thailand #ดีแต่เที่ยว

ผมมีเพจเล็กๆ ฝากติดตามและให้กำลังใจพวกเราด้วยนะครับ เพราะพวกเรา "ดีแต่เที่ยว" https://www.facebook.com/travelwithphotographer/ มีทริปสนุกๆ ชวนผมด้วยนะครับ นะนะ^^"







ความคิดเห็น