แรกเริ่ม เริ่มแรกในความรู้สึก “กระบี่" ในความคิดของเพื่อนๆ คืออะไรคะ
สำหรับเรา กระบี่คืออาวุธเหมือนดาบ เอ้ยไมใช่ล่ะ เอาใหม่ๆ อิอิ
“จังหวัดกระบี่"ในความรู้สึกของเราคือ ทะเลสวย หาดทรายขาว ที่ที่จะมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างเหลือเฟือ
นั่นคือความคิดส่วนตัวที่เรามองกระบี่ไว้แบบนั้นค่ะ
ความคิดจากการมองภาพถ่าย เพราะเราไม่เคยได้ไปเที่ยวกระบี่มาก่อน
ได้ยินที่เพื่อนๆ ไปเที่ยวมาคือสวยนะและเกิดความรู้สึกว่า สักวันเราจะได้ไปเยือน..สักครั้ง
ทริปกระบี่ครั้งแรกของเราจึงบังเกิด
เมื่อสายตาปะทะกับราคาตั๋วเครื่องบินไลอ้อนแอร์ ดอนเมือง-กระบี่ ไปกลับคนละ 1400 บาท
รีบจัดทริปกันเลยค่า ราคานี้สำหรับเราถือว่าคุ้มมากจริงๆ นะ จองกันล่วงหน้าเป็นเดือนๆ
หนนี้ได้ชักชวนเพื่อนๆ ร่วมเดินทางไปด้วยรวม 4 คน
และแล้วทริปกระบี่ครั้งแรกของเราก็ได้เวลาเดินทางเสียที
ไปเที่ยวด้วยกันเลยนะคะ ไปกัน ไปกัน
แต่ช้าก่อน แค่วันเดินทางก็ทำเอาลิ้นห้อย ลุ้นกันสุดๆ เมื่อต้องนั่งรถไปสนามบินดอนเมืองในช่วงเย็นวันศุกร์แสนรถติดมหาโหดมากกก เข็ดค่ะเข็ด เกือบตกเครื่อง เหลือเพียง 15-20 นาทีเท่านั้น แต่ทว่าโชคยังเข้าข้าง หยอกเราเล่นเฉยๆ ใช่มั้ย วิ่งเข้าเกตกันเหงือท่วมแต่ก็ได้บิน บินกันไปเล้ยยยย
อันนี้เป็นตาราง Trip กระบี่ของเราหลังจากเดินทางกลับมาแล้วค่ะ3 วัน 2 คืน ทั้งทัวร์ทะเล ทั้งเที่ยวบนบก แบบครบๆ
พอถึงสนามบินกระบี่ปุ๊ป ก็เดินไปยังร้านรถเช่า AVIS ค่ะ ซึ่งก่อนเดินทางเราได้ทำการจองออนไลน์ล่วงหน้าไว้แล้ว
และจะได้บุ๊กกิ้งตอบทางอีเมล์มายืนยันให้พนักงานเตรียมรถไว้ให้
จริงๆ ร้านที่สนามบินปิดตอน 19.30 น. นะคะ แต่วันที่เราไปถึงราวๆ2 ทุ่มครึ่งพนักงานก็จะรอส่งรถให้ด้วยเช่นกันค่ะ
AVIS รถเช่าสำหรับเรา ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วค่ะ สำหรับการใช้บริการ
แต่ครั้งนี้เรา เช่ารถขนาดกลางคือ Honda Civic ได้คันใหม่ รุ่นใหม่เติมน้ำมัน E85 ด้วยนะคะ ประหยัดมากๆ
จองรถเช่า AVIS ได้ที่ ที่ www.AvisThailand.comค่ะ จะมีคำแนะนำ ช่องทางรายละเอียด โปรโมชั่นต่างๆ ที่อัพเดทได้ที่เวปไซด์เลย
อ้อ. เห็นเพื่อนๆ สอบถามกันเข้ามาเยอะสำหรับการเช่ารถ AVIS คือต้องมียอดวงเงินบัตรเครดิตค้ำประกัน 10,000 บาทขึ้นไปแล้วแต่ขนาดรถด้วยนะคะ
ว่าแล้วก็ขับรถออกจากสนามบินไปยัง กระบี่ ทิพารีสอร์ท อ่าวนาง ซึ่งเป็นที่พักของพวกเรากันค่าาา
กระบี่ ทิพารีสอร์ท อ่าวนาง
GPS: 8.033381, 98.823322
ดูจาก Google map แล้วบอกขับถไม่เกิน 40 นาที แต่พอขับรถมาจริงๆ นี่ชั่วโมงกว่าเลยนะคะ เพราะเราแวะทานข้าวกันก่อนค่ะ555
ร้านข้าวต้มข้างทาง หลากหลายร้าน รสชาติใช้ได้ เราจะไม่เจาะจงนะว่า ร้านนั้นร้านนี้ ขอแค่เวลานั้นหิวกัน ร้านไหนๆ เราก็ทานได้ค่ะ เมนูที่เราโปรดปราน ผักเหลียงผัดไข่ ได้ทานอีกแล้ว เย้Smiley
เสร็จแล้วมุ่งหน้าสู่กระบี่ ทิพารีสอร์ท ค่อยๆ คลำทางไปตาม GPS ในมือถือนะคะ สัญญาณดับเมื่อไหร่ก็งงเมื่อนั้น อิอิ
ที่พัก 2 คืนของเรา กระบี่ ทิพารีสอร์ท อ่าวนาง ไม่ติดหาด ไม่ติดทะเล แต่อยู่ในทำเลที่ใกล้ทะเลค่ะ สามารถเดินไปหาด เดินไปทะเลไม่เกิน 10 นาที
สำหรับรีวิวที่พักแบบเต็มๆ นั้นเราจะมารีวิวให้ชมกันในครั้งต่อไปค่ะ
แต่ ณ เวลานี้ คืนแรก Good Night กันก่อนเล้ยย พรุ่งนี้ เรามีนัดกับทะเลกระบี่ ^^
One Day Trip โปรแกรมแรกของทริป เราซื้อแพ็คเก็จทัวร์กับ บาราคูดัส ค่ะ
โปรแกรมทัวร์ เกาะห้อง ที่ขึ้นอยู่กับ อช.แห่งชาติ ธารโบกขรณีเกาะผักเบี้ย ทะเลใน Lagoon
ราคาทัวร์ดังนี้ค่าาาา (ราคาต่อคน รวมอาหารกลางวันและเครื่องดื่มตลอดทริป)
เรือสปีดโบ๊ท คนละ 1500 บาท(เราเลือกเรือสปีดโบ๊ทค่ะนั่งไปคนอัดแน่นมากเลยนะ 555)
เรือหางยาว 800 / เรือหางยาว+พายเรือคายัค 1500
Lagoon ทะเลในสีเขียวตรงหน้า กับธรรมชาติแสนงามของกระบี่
เพียง 30 นาทีโดยเรือเร็ว เราก็มาถึงเกาะห้อง วันนี้ฟ้าช่างเป็นใจเหลือหลายต้อนรับเราด้วยแสงแดดแบบนี้ล่ะปลื้มกันเลยทีเดียว
สำหรับการที่ได้มาเที่ยวทะเลกระบี่ครั้งแรกของเรา SPF เท่าไหร่ เราก็ไม่หวั่น ดำเป็นดำค่ะ 555
และอยากบอกนี่แหละทะเลหน้าฝนนะ เรามากระบี่ต้นเดือน มิถุนายน ถามว่า ฝนตกมั้ย ตกค่ะ ตกกลางคืนแต่กลางวันแดดอย่างเปรี้ยง ^^
เกาะห้อง ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณีเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเหลาบิเละค่ะ เป็นเกาะที่มีทัศนียภาพ สวยงาม
ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ โดยมีจุดที่น่าสนใจได้แก่ “อ่าวบิเละ" เป็นอ่าวที่มี หาดทรายโค้งเป็นรูปนกบิน
ทรายละเอียดขาวสะอาด น้ำทะเลใสสีเขียวมรกต มีฝูงปลาเล็กๆ แหวกว่ายให้เห็นอยู่ทั่วไป
ทะเลสีคราม น้ำใสของเกาะห้องในวันที่เราได้มาเยือนค่ะ ชอบมากกกกก
สำหรับคนที่ซื้อทัวร์รวมเรือพายคายัค ก็จะได้พายเล่นในบริเวณที่กำหนดไว้นะคะ
บริเวณเกาะห้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานประจำการที่เกาะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
เกาะห้อง ได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 เกาะ ที่มีหาดน่าเที่ยวและสะอาดที่สุดในโลก
อันนี้เราขอยกมือสนับสนุนให้อีก 1 เสียงนะคะ ^^
ทริปนี้เรามีนางแบบมาด้วยนะคะ วันนี้เลยได้แอคชั่นกันเต็มที่ ให้ตากล้องกดชัตเตอร์รัวๆ และเป็นครั้งแรกของเธอเช่นกันที่ได้มาเยือนกระบี่พร้อมกับเรา ที่เธอกลับมาพร้อมบอกว่า ประทับใจมากกกก
ชมความงามของธรรมชาติกันต่อ ธรรมชาติสวย เพราะมีสาวๆ มาช่วยเติมแต่งด้วย 555
และนี่ก็อีกคนหนึ่งค่ะ ที่ประจำการอยู่ในเพจ RinSa YoyoLive Travel Blogger
วันนี้ก็มาด้วย ได้ภาพแบ๊วๆ กระชากวัยกลับมาเหมือนกันนะเออ อิอิ
ถัดจากเกาะห้อง มีแวะทานอาหารกลางวันแบบปิกนิคที่เราไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
ตามโปรแกรมคือนั่งบนทิวสนไรงี้แต่เห็นนักท่องเที่ยวทัวไปรวมทั้งเราด้วย หาที่นั่งตามขอนไม้ต่างๆ กินเอาค่ะ
อาหารธรรมดาๆ แบบตักเอง เก็บเอง แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสตรงนี้ เพราะเราตั้งใจมาเที่ยวทะเลมากกว่ากินนะ 555
และเรือก็พากันไปที่นี่ต่อค่าาาาา เกาะผักเบี้ย
เกาะผักเบี้ย เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ทางด้านหลังของเกาะห้อง น้ำทะเลที่นี่ใสสะอาด เหมาะแก่การลงเล่นน้ำบรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น
มีต้นไม้เรียงรายที่อยู่ริมหาด น้ำทะเลสีเขียวอมฟ้าใส ด้านหน้ามีภูผาหินรูปร่างแปลกตาคล้ายกับดอกเห็ด
(จะสามารถเห็นโขดหินนี้มีลักษณะคล้ายกับดอกเห็ดชัดเจนในช่วงเวลาน้ำลง)
แต่ละคน แต่ละมุม
คนนี้ก็ชิลเกิ้นนนนนนน กวนโอ๊ยได้ทุกเวลาที่ออกทริป 555
เกาะผักเบี้ยที่นี่ แม้ว่าจะมีแนวชายหาดที่ไม่กว้างมากนัก แต่ก็มีหาดทรายที่ขาวสะอาดไม่แพ้ หาดอื่นๆนะคะ
เมื่อน้ำลงสันทรายที่เกาะผักเบี้ยนี้จะปรากฏเป็นแนวยาวไปจนจรดอีกเกาะหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า เกาะผักเบี้ย เช่นกัน
พวกเรามาสิ้นสุดที่เกาะผักเบี้ย หลังจากนั้นก็นั่งเรือกลับมายังฝั่งถึงที่พักประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง เราเลือกเดินกลับที่พักเอาละกัน
เพราะว่าใกล้มากจริงๆ หากพักที่ กระบี่ ทิพารีสอร์ท สามารถออกมาเดินเล่นที่ชายหาดอ่าวนางกันได้เล้ย
Dinner คืนนั้น ขอเป็น Seafood สักร้าน ตามด้วยโรตีมะตะบะสักหน่อย ร้านอาหารต่างๆ ในอ่าวนางตามสองฝั่งถนนเยอะมากมายค่ะ
สามารถหาเลือกทานได้เลย และเช่นเคยเราไม่ได้เจาะจงร้านใดร้านหนึ่งเป็นพิเศษ ขับรถไปจอดที่ไหนก็ลงร้านนั้นเลยล่ะกันง่ายดีนะ 555
แต่ที่เราจะบอกคือถนนเส้นอ่าวนาง มีร้านอาหารข้างทางโต้รุ่งหลายร้านให้เลือกเยอะจริงๆ
ขับรถวนสักรอบก็ได้ร้านล่ะ 555 ถูกใจร้านไหน ก็จอดดดดด ^^
Day 3 ของเราก็มาถึง เช็คเอ้าท์ออกจากที่พักสายๆวันนี้เน้นเตะเวณเที่ยวตามโปรแกรมบกค่ะ
โฉมหน้ารถคันสวย Honda Civic รถเช่าจาก AVIS คันนี้ที่จะพาเราและเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันค่ะ
เป้าหมายต่อไปอยู่ไกลหน่อย ที่อ่าวลึก เรากำลังเดินทางไป ถ้ำลอด และถ้ำผีหัวโต วัดระยะทางจาก GPS ราวๆ 50 กิโล
มีขับหลงไหม มีขับเลยไหม
ตอบได้เลยค่ะว่า มี 555แต่ก็พามาถึงจนได้นะคะ ล้วนแต่ใช้สัญญาณ GPS จากมือถือ และป้ายบอกทางที่ไม่ค่อยชัดเจน รวมทั้ง สอบถามคนในพื้นที่แถวนั้นด้วย เอาที่ชัวร์ที่สุด ก็คนพื้นที่เลยค่าา
สิ่งที่เราอยากชมเป็นพิเศษในจังหวัดกระบี่ หลังจากที่เราได้ไปเยือนนั้นคือ ถนนหนทางของกระบี่ ถนนหลายเส้นจะสวยมากค่ะทำถนนได้ดีมากๆ เห็นว่ามีถนนสายโรแมนติกด้วยแต่เราก็ไม่ได้ไปเยือนนะคะ เฉพาะแค่ทางที่เราผ่านทั้งกลางวันและกลางคืน ถนนในจังหวัดกระบี่คือสิ่งที่เราประทับใจถึงกับออกปากชมกันหลายรอบเลยทีเดียว ^^
เรามากันที่นี่ ที่นี่ ถ้ำลอด - ถ้ำผีหัวโต
เรามากัน 4 คนถ้าเช่าเรือพายคายัค ก็รวมเป็นเงิน 1200 แพงอ่ะ เพราะใช้เวลาเท่าๆ กันรวมๆ ไม่เกิน 2 ชั่วโมงแน่ๆ
ฉะนั้นการตัดสินใจจึงตกลงเช่าเรือหางยาว เหมาลำ 600 บาทเลยล่ะกัน
ตามเด็กแนวไปเที่ยวกันค่าาาาา
ถ้ำลอดเหนือและถ้ำลอดใต้ต้องนั่งเรือผ่านป่าชายเลนไปประมาณ 10 นาที ถ้ำลอดใต้เป็นอุโมงค์ใต้เขาหินปูน มีธารน้ำไหลผ่านอุโมงค์แคบ มีหินงอกและหินย้อยค่ะ ส่วนถ้ำลอดเหนือเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ มีแนวอุโมงค์คดเคี้ยวและยาวกว่าถ้ำลอดใต้ เรือสามารถแล่นผ่านได้ในช่วงน้ำลงเท่านั้น
เรือหางยาวจะพาเราวนยังถ้ำลอดเหนือและก็วนกลับมายังจุดเดิมก็บรรลุจุดหมายแล้วนะจริงๆ อ่ะ อิอิ
จากนั้นก็พาเราไปนี่นี่ต่อเล้ยยย ไปตามหาภาพเขียนสีก่อนสมัยประวัติศาสตร์ที่ ถ้ำผีหัวโต หรือเรียกว่า ถ้ำหัวกระโหลก
เราเข็ดกับการเข้าถ้ำมากนะพูดเลย เคยเข้าถ้ำครั้งล่าสุดเมื่อ 4 ปีที่แล้วมั้งที่ถ้ำเลเขากอบ จังหวัดตรัง
หัวปูดออกมาเพราะดินชนสารพัดหินงอกหินย้อยไม่พอ แถมด้วยอึดอัดหายใจไม่ออกตอนอยู่ในถ้ำก็เลยเข็ดๆ กันจริงๆ
มาวันนี้ได้เข้าถ้ำอีกแล้วววววว อารมณ์เดิมก็มาอีกล่ะ แต่ขาดคนเดินจูงมือ 555 แต่ก็ผ่านมาได้นะคะ ภายในถ้ำผีหัวโตโปรงโล่งค่ะหายใจไม่ติดขัด
เราไม่เป็นภาระใครแน่นอน เหมือนได้มาระลึกชาติด้วยยังไงยังงั้นเลย ไปสำรวจกันค่าาาา ตามหาภาพเขียนอันลือเลื่องนั้นๆ
บนผนังถ้ำปรากฏภาพเขียนสีก่อนสมัยประวัติศาสตร์ อายุ 2000-3000 ปี จำนวนมากลบเลือนไปตามกาลเวลา
เช่น รูปคน รูปสัตว์ ตลอดจนรูปอวัยวะต่าง ๆ และบนพื้นถ้ำมีเปลือกหอยทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกันค่ะ
อึ้งงงง คือคนสมัยก่อนไปวาดไว้ได้ไงตรงนี้ ตรงนั้น ภาพที่น่ากลัวที่เราเห็นคือรูปท่อนแขนและเป็นรูปมือสีแดงเลือดคล้ำๆ
คือเห็นแล้วคิดจินตนาการถึงความเจ็บปวดไปเยอะเลยนะคะกว่าจะเป็นภาพแต่ละภาพออกมา
ทิ้งท้ายชิลๆ ของนางแบบประจำทริป ระหว่างรอเรือมารับ ณ ถ้ำผีหัวโต
Relax กันหน่อยนึงงงงงงง
ออกจากถ้ำผีหัวโต ก็ไปเยือนวัดแหลมสักกันต่อนะคะ เวลานั้น เที่ยงวันแล้วด้วย
เราไม่ได้ถามผู้ร่วมทริปว่า หิวอะป่าว แต่หาเรื่องพาเที่ยวที่นี่ก่อนหาข้าวกินนะ 555
วัดแหลมสัก GPS :8.279154, 98.649933
ขับรถออกจาก ถ้ำลอดและถ้ำผีหัวโต ใช้เวลาราว 20 นาที เลี้ยวเข้าวัดแหลมสัก
เงียบค่ะ เอ๊ะ!! เข้าวัดแต่ไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่เห็นนักท่องเที่ยวที่ไหนเลย นอกจากพวกเรา หรือว่า คนไม่รู้จักกันน่ะไม่รู้สิ
รู้แต่ว่า วัดแหลมสัก กำลังอยู่ในช่วงสร้างเจดีย์แหลมสักขนาดใหญ่ที่อลังการงานสร้างมากๆ (ภาพจำลองค่ะ)
พอมาเห็นของจริงที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเกิน 50% ไปแล้วนะคะ ตอนแรกก็ไมไ่ด้คิดจะขึ้นไปเพราะเป็นเขตก่อสร้าง
แต่พอถามชาวบ้านแถวนั้นบอกว่า ขึ้นไปได้ๆ เราก็เดินขึ้นตามเพื่อนๆ ต้อยๆ อย่างว่าง่าย และคิดในใจว่า เค้าจะพาไปดูอะไรกัน
และนี่คือภาพจากมุมสูงบนเจดีย์วัดแหลมสักมองลงมา แลเห็นท้องทะเล เกาะเล็กเกาะน้อยรายรอบ
จนต้องร้องWowwwww
ยอดเจดีย์ที่เป็นสีทองๆ นั้นเป็นทองคำแท้ที่รับบริจาคมานะคะ เห็นว่าตอนนี้ได้ 6 กิโลกรัมแล้วแต่ยังไม่เพียงพอกับความสวยงามของเจดีย์จึงเปิดการับบริจาคทองคำเพิ่มเติมค่ะ ใครสนใจสามารถบริจาคได้ที่วัดแหลมสัก อ่าวลึก จังหวัดกระบี่ได้เลยนะคะ
วัดแหลมสักมีพระกรรมฐานที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนทั่วไป คือ หลวงปู่เนตร
วัดแหลมสักได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 12 องค์ เพื่อให้ญาติโยมและพุทธศาสนิกชนได้สักการบูชา เพื่อเป็นมิ่งมงคลสูงสุดแก่ชีวิต อันวาระมหามงคลนี้ทางวัดแหลมสักจึงดำริจะสร้างพระเจดีย์สำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างในขณะนี้
หากแล้วเสร็จแล้วจะคงจะเป็นมหาเจดีย์ที่อลังการ พร้อมต้อนรับผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาชมความงดงามที่วัดแหลมสักเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าอย่างแน่นอนค่ะ
พอออกมาจากวัดแหลมสักเราก็มุ่งหน้าเข้าในตัวเมืองคะ เป้าหมายของเราเป็นร้านติ่มซำอะไรก็ได้ ขอให้มีของเหอะ
ด้วยการค้นหาชื่อร้านติ่มซำจากกูเกิ้ลเจอหลายร้านมาก และไปทุกร้านค่ะ และก็ปิดทุกร้านเช่นกัน 555
เพราะติ่มซำที่นี่เปิดเวลา 06.00 น.-12.00 น. เท่านั้นนะคะ เรามาผิดเวลาไปหน่อย ไม่หน่อยแล้วเวลานั้นบ่ายสองล่ะ แหะๆ
มาถึงร้านติ่มซำ ก็ได้เจอแต่เข่งติ่มซำตากไว้ให้ดูต่างหน้าแทน
เมื่อตามหาร้านติ่มซำไม่ได้ เราก็ได้มากินข้าวแกงในตลาดแทนค่ะ อิ่มเหมือนกัน
สารพัดข้าวแกงหลากหลายอย่าง 2 อย่าง 50 บาท อิ่มได้ไปอีกมื้อหนึ่งตามด้วยแวะซื้อทุเรียนอีกแพ็คในตลาดนั้นแหละค่ะมากินๆ กันต่อ
มีเรื่องชวนให้ยิ้มกันหน่อยนึงคือ เราเลือกทุเรียนทีแพ็คนิ่มเกินไปด้วยแหละ เตรียมจะกินกันหน้าร้านแม่ค้าทุเรียนนั่นด้วยเลย แม่ค้าก็ใจดีเดินมาบอกว่า เปลียนเอาที่สุกพอดีกินดีมั้ยๆ เราก็โอเค เค้าก็ไปเลือกและหยิบแพ็คที่สุกพอดีกินมาให้พร้อมเพิ่มให้อีกแพ็คไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแต่อย่างใด
พอกลับมาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกระบี่ เราเจอวลีที่บอกว่า
กระบี่...ทะเลสวย ผู้คนน่ารัก
เราว่า ... มันใช่เลย ...
จุดหมายปลายทางของเรายังมีต่อตราบใดที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน และคงเป็นที่สุดท้ายของวันก่อนที่เราจะเดินทางกลับ กทม.ในคืนนี้ค่ะ
สระมรกตGPS : 7.923480, 99.260178
ขับรถมาแถว อ.คลองท่อม จังหวัดกระบี่
ระหว่างทางฝนเพิ่งหยุดตกไป บรรยากาศกำลังดีคือเย็นๆ ไม่ร้อนมาก
แต่เราต้องเดินเข้าไปยังสระมรกตว่า 1 กิโลเมตรก็ชั่งใจเลือกว่าจะเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หรือทางตรง สุดท้ายทางไปครั้งแรกก็เดินทางตรงตามหลังเพื่อนต้อยๆ เชื่อเขานะเพราะเขาเคยมาก่อน 555
เดินมาจนเหงื่อชุ่มตัวก็ถึงจุดหมายของเราล่ะค่าาา สระมรกต น้ำสีเขียว แต่คนเยอะจังเล้ยยยย
จริงๆ หามุมถ่ายเอานะคะ คนจะเยอะกว่าในภาพมาก 555
สระมรกต กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่น ในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส
เป็นสระน้ำสวยใสกลางใจป่า ที่มีน้ำใสเป็นสีเขียวอมฟ้า เปลี่ยนสีไปได้ตามวันเวลาและสภาพแสง
คนนำทางเราบอกว่า ยัง ยังไม่สิ้นสุดแค่นี้นะคะ มีที่เด็ดกว่านี้ อยากให้สวย ต้องเดินไปอีกนิดนึง เวลานั้นลิ้นห้อยแล้วนะ อาศัยว่า อยู่ในที่เย็น ร่มรื่นไม่ร้อนช่วยไว้ได้เยอะมาก เดินค่ะ เดินตามหลังต้อยๆ อย่างว่าง่ายเช่นเดิมไม่กล้าบ่น 555
ท่องไว้ๆ อยากเห็นที่สวยๆ ต้องอดทน
ในเมื่อสระมรกตกำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าเราก็มาตามหาต้นกำเนิดของสระมรกตกันเลยนะคะ .. นั่นคือ
บ่อน้ำผุด
น้ำใสเป็นสีเขียวมรกต มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส รอบๆ บริเวณเป็นป่าร่มรื่นเขียวครึ้มสะดุดตา
สวยยยยย ประทับใจ
ขอยกนิ้วให้เป็นอีกหนึ่งที่ ยกนิ้วให้เป็นอีกหนึ่งแห่ง ของความสวยงามจากธรรมชาติ อันซีนแห่งเมืองกระบี่ที่เราได้มาเยือนครั้งแรก
และก็ประทับใจในทุกสถานที่ เราก็เชื่อเหลือเกินว่า ธรรมชาติของกระบี่ ยังมีความสวยงามอีกหลายแห่ง
อยู่ที่เรา จะออกค้นหาและมาเยือนกันอีกเมื่อไหร่
ในเมื่อมากระบี่ครั้งแรก..ก็รักเลย ทำไมเราจะมารักอีกมากยิ่งขึ้นในครั้งต่อไปไม่ได้ใช่ไหมคะ
หากมีโอกาส เราจะกลับมาเยือนอีกแน่นอนค่ะ จบทริปของเรา 3 วัน 2 คืน พร้อมทิ้งวลีไว้ว่า
Krabi in Love
ถ้าเพื่อนๆ รักการท่องเที่ยว กระบี่ยังสามารถเที่ยวได้ทั้งปี แม้จะเป็นช่วง ฝน หรือช่วง Low Season ก็ตาม
ความสวยงามของจังหวัดกระบี่ ยังมีอีกหลายที่ ที่ยังน่าค้นหา และรอคอยคนมาเที่ยวอีกมากมาย
และช่วงนี้ยังเป็นช่วง กระบี่ Green Season อยู่ในช่วงเวลา มค. ถึง กย. ( โดยประมาณ ) ซึ่งเป็นช่วงที่ ทะเลสวยงาม น้ำทะเลใส
และยังมีความร่มรื่นของป่าไม้ อีกด้วย อย่าลืมมาเที่ยวกันเยอะๆนะคะ
กระบี่ Green Season
ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามชมค่าาาาา
Story & Photo: RinSa YoyoLive
Photography: BiO-Sarawut
RinSa YoyoLive
วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 10.15 น.