ด้วยความที่ผมเคยทำงานแถวๆ บางซื่อมากว่า 10 ปี ก็เลยทำให้ผมพอจะรู้จักและเคยไปชิมอาหารจากร้านต่างๆ แถวนี้มาอยู่พอควร ซึ่งนั่นก็รวมถึงร้านที่ผมจะรีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ


ร้าน Come Home Café (คำโฮม คาเฟ่) เป็นร้านอาหารขนาดเล็กที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของคอนโดยูดีไลท์ 2 บนถนนประชาชื่น และต้องขอย้ำอีกรอบนะครับว่า “ยูดีไลท์ 2" เนื่องจากบนถนนประชาชื่นละแวกบางซื่อนั้นมีคอนโดยูดีไลท์อยู่เยอะมาก เยอะจนตัวผมอยู่แถวนี้ยังงงและถึงกับเลี้ยวผิดเลี้ยวถูกมาหลายรอบแล้ว @_@



ร้าน Come Home Café จะอยู่บริเวณด้านหน้าของตึกยูดีไลท์ 2 เลย คือถ้าเรามาถูกยูดีไลท์เราจะเห็นร้านนี้อยู่หัวมุมด้านหน้าอย่างชัดเจน โดยตัวร้านนั้นจะมีโต๊ะทั้งหมดประมาณ 10 ตัว จุคนได้ราวๆ 30-40 คน และถึงจะเห็นร้านเล็กๆ แบบนี้แต่อยากจะบอกว่าสำหรับใครที่อยากจะต่อโต๊ะยาวๆ นั่งกินกันเป็นกลุ่มซัก 15-16 คนทางร้านเค้าก็สามารถจัดให้ได้นะครับ



อ้อ และด้วยความที่ร้านอยู่ในคอนโดดังนั้นเราจึงต้องทำการแลกบัตรก่อนที่จะเข้าไปนะครับ โดยเมื่อเราเข้าไปในเขตคอนโดแล้วก็ให้เราขับรถวนรอบคอนโดเหมือนจะกลับมาที่ประตูทางออกจากนั้นเราก็จะเจอที่จอดรถ โดยผู้ที่มาใช้บริการที่ร้านอาหารนั้นจะต้องทำการประทับตราบัตรจอดรถและจะสามารถจอดรถได้ฟรี 3 ชั่วโมงครับ


ลักษณะบรรยากาศของร้านทั่วๆ ไปนั้น แม้จะเป็นร้านที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็มีหลายมุมที่เค้าตกแต่งออกมาได้เก๋ดีครับ ส่วนเมนูอาหารต่างๆ ก็มีให้เลือกเยอะมากเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นของทอด, ของทานเล่น, สลัดผัก, สเต็ก, เบอร์เกอร์, สปาเกตตี้, อาหารจานเดียว จนไปถึงพวกกับข้าวต่างๆ แล้วก็ของหวานอย่างโทสต์และไอศกรีมครับ



สำหรับเมนูอาหารที่ผมกับภรรยารับประทานกันในวันนี้ก็มีตามนี้เลยครับ



1.สเต็กหมูสันในไวท์ซอส (108 บาท)

2.ข้าวหมูหมักผัดกระเทียม (59 บาท)

3.สตูไก่สูตรคุณแม่ (55 บาท)

4.ยำวุ้นเส้นกุ้งสด (79 บาท)

5.สปาเก็ตตี้กุ้ง 2 พี่น้อง (125 บาท)

6.ข้าวไรซ์เบอรร์รี่ (18 บาท)



ส่วนในเรื่องของเครื่องดื่มนั้นทางร้านก็มีบริการหลายประเภทเหมือนกันตั้งแต่น้ำอัดลม, กาแฟ, ชาเขียว, โยเกิร์ตสมูตตี้, อิตาเลี่ยนโซดา, น้ำสมุนไพรแล้วก็ชาต่างๆ โดยทางร้านเค้าบอกว่าน้ำสมุนไพรนั้นทางร้านเค้าต้มเองเลยและเลือกวัตถุดิบอย่างดีอีกทั้งยังปรุงออกมาแบบไม่หวานมากด้วย ซึ่งพอได้ยินแบบนี้ผมก็เลยจัดตะไคร้กับเก๊กฮวยมาทันที พร้อมกับเครื่องดื่มซ่าๆ เพิ่มพลังชีวิตอย่างอิตาเลี่ยนโซดาอีกแก้วครับ



ตัวเครื่องดื่มที่มาเสิร์ฟนั้นจะมาเสิร์ฟในเมสันจาร์ทำให้ดูเก๋และน่ากินขึ้นพอควร ส่วนรสชาตินั้นผมว่าสอบผ่านทั้ง 3 แก้วเลย ตัวน้ำสมุนไพรไม่หวานมาก กินแล้วสดชื่นดี ส่วนอิตาเลี่ยนโซดาก็ปรุงมากำลังดี ซ่า สดชื่น แต่ไม่หวานบาดคอครับ



อ้อ ราคาของน้ำสมุนไพรจะแก้วละ 20 บาท ส่วนอิตาเลี่ยนโซดาจะแก้วละ 29 บาทนะครับ



เอาล่ะทีนี้มาดูเรื่องของอาหารกันดีกว่า ต้องบอกว่าหน้าตาอาหารแต่ละจานดูแล้วน่ากินใช้ได้เลยครับ ส่วนปริมาณต่อจานนั้นก็กำลังดีและบางจานนั้นผมว่าเข้าขั้นแอบเยอะได้เลยครับ โดยตอนที่มาเสิร์ฟนั้นทางร้านได้บอกด้วยว่า concept ของร้าน Come Home Café นั้นคือต้องการทำอาหารให้เหมือนกับตอนที่เรากลับไปกินข้าวที่บ้าน ดังนั้นทางร้านจึงเลือกวัตถุดิบที่สะอาดปลอดภัย ไม่ใส่ผงชูรส ใช้น้ำมันรำข้าวในการผัดอาหาร และเลือกใช้ผักปลอดสารพิษในทุกเมนู ซึ่งพอได้ยินดังนี้มันก็เลยทำให้กระเพาะผมที่กำลังสงบๆ อยู่ ร้องโครกครากอยากจะกินขึ้นมาทันทีเลยครับ



เรามาไล่รสชาติกันไปทีละรายการเลยนะครับ เริ่มจากสเต็กหมูสันในไวท์ซอส รายการนี้ผมว่าอร่อยดีครับ ได้เนื้อชิ้นใหญ่ด้วย ตัวหมูนุ่มกำลังดีเลย ส่วนซอสที่ราดมานั้นก็กลมกล่อมดี ถ้าจะมีอะไรติก็คงเป็นเรื่องความเผ็ดร้อนของพริกไทที่อาจจะอ่อนไปหน่อยสำหรับบางคน แต่ก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรมากนักเพราะทางร้านมีพริกไทเอาไว้ให้เราเติมเองได้อยู่แล้ว



ถัดมาเป็นข้าวหมูหมักผัดกระเทียม อันนี้ตัวหมูก็นุ่มดีเหมือนกัน ได้เนื้อหมูเยอะด้วย แต่ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าเมนูนี้หากเรากินเฉพาะตัวหมูเปล่าๆ จะติดเค็มไปนิดนึง แต่ถ้ากินกับข้าวนี่ลงตัวดีครับ



รายการถัดมาคือสตูไก่สูตรคุณแม่ รายการนี้ผมขอทานคู่กับข้าวไรซ์เบอร์รี่แล้วกันนะครับ ตัวข้าวไรซ์เบอรี่นั้นหอมนุ่มและก็อร่อยกว่าข้าวหอมมะลิที่อยู่ในจานข้าวหมูหมักผัดกระเทียมพอควร ส่วนสตูไก่นั้นก็ได้ไก่ที่ชิ้นใหญ่สมราคา และปรุงมาได้ดีทำให้เนื้อไก่เปื่อยตักทานได้ง่าย ส่วนตัวน้ำซอสนั้นจะรสชาติหวานอมเปรี้ยวนิดนึงนะครับ



จานต่อมาก็คือยำวุ้นเส้นกุ้งสด ได้กุ้งมา 4-5 ตัว ถือว่าปริมาณกำลังดี แล้วก็นอกจากกุ้งแล้วก็ยังมีหมูสับใส่มาอีกด้วย ตัววุ้นเส้นนั้นนุ่มเหนียวถูกปากผมกับภรรยาครับ ส่วนเรื่องความเผ็ดนั้นอยู่ในระดับกลางๆ ไม่มากไปหรือน้อยไป โดยพริกที่ทางร้านใส่มาในยำนั้นเป็นพริกแบบหั่นทำให้เรามองเห็นได้ชัดเจน ดังนั้นหากใครที่คิดว่ามันเผ็ดมากไปหรือเป็นคนที่ไม่กินเผ็ดก็สามารถเขี่ยออกได้ง่ายๆ ครับ



และปิดฉากด้วยจานสุดท้ายนั่นก็คือ สปาเก็ตตี้กุ้ง 2 พี่น้อง ที่มีทั้งกุ้งและไข่กุ้งในปริมาณที่เยอะใช้ได้ ตัวน้ำซอสที่ราดมานั้นผมว่ารสชาติคล้ายๆ กับซอสที่ราดมาในสเต็กจานแรกเลย จานนี้โดยรวมๆ ผมว่าเป็นอีกหนึ่งจานที่รสชาติสอบผ่านนะครับ และด้วยปริมาณที่ทางร้านให้มานั้นเราสามารถกินแค่จานนี้จานเดียวก็อิ่มได้สบายๆ เลย



เอาล่ะ หลังจากที่ผมกับภรรยาซัดอาหารในมื้อนี้กันไปจนหมดเกลี้ยงและแทบจะยัดอะไรลงไปอีกไม่ได้แล้ว เราทั้งคู่จึงตัดสินใจว่ามื้อนี้คงจะไม่ทานของหวานเป็นการปิดท้ายแล้ว เพราะถึงแม้ว่าเราจะอยากกินไอศกรีมโบราณของ Ete หรือโทสต์ต่างๆ มากแค่ไหนก็ตาม แต่เราก็ต้องรู้จักพอในวันที่ท้องเราไม่สามารถรับอะไรลงไปได้อีกแล้ว T___T



อ้อ……. ผมลืมบอกไปครับ ที่นี่เค้ามีบริการ Free Wifi ให้กับคนที่มาใช้บริการที่ร้านด้วยนะครับ ส่วนห้องน้ำนั้นจะอยู่นอกบริเวณร้าน ต้องเดินไปเข้าที่ใต้คอนโดแทนแต่ก็ไม่ได้ไกลมากมาย และสุดท้ายก่อนที่จะจากกันในรีวิวนี้ ผมก็ขอสรุปทิ้งท้ายเกี่ยวกับร้าน Come Hone Café ตามนี้นะครับ



วันที่รับประทาน : วันจันทร์ที่ 1 พ.ค. 60

ช่วงเวลา : 13.30 – 15.00 น.

จำนวน : 2 คน



รสชาติอาหาร : โดยส่วนตัวผมประทับใจในรสชาติอาหารของร้านนี้มากนะครับ เพราะอาหารทั้ง 5-6 รายการที่ผมได้กินในวันนี้ รวมทั้งเมนูอื่นๆ ที่ผมเคยกินก่อนหน้านี้ในช่วงที่ทำงานอยู่ละแวกใกล้ๆ กับร้าน ทุกรายการถือว่าอร่อยและดีงามเลย และต้องบอกว่ารสชาติอาหารของที่นี่นั้นดีกว่าหลายๆ ร้านในละแวกใกล้ๆ กันพอควร เรียกว่าถ้ามีการจัดลำดับร้านอาหารในย่านนี้ ร้านนี้ต้องติดใน Top 20 อย่างแน่นอน และก็เหมาะสมแล้วที่ร้านอาหารแห่งนี้ได้ออกรายการครัวคุณหรีดด้วยครับ



ความหลากหลายของอาหาร : ถึงจะเป็นร้านเล็กๆ จำนวนโต๊ะไม่เยอะ แต่ประเภทอาหาร ที่ทางร้านมีให้เลือกก็มีเยอะและหลากหลายมากทั้งจานเดียว, เป็นกับข้าว, อาหารไทย หรืออาหารฝรั่ง ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าต่อให้คุณมาซัก 20 คน เมนูร้านนี้ก็เอากลุ่มเพื่อนคุณอยู่มือครับ



ความสะอาดของร้าน : สะอาด เรียบร้อย ไม่ได้มีปัญหาอะไรในจุดนี้ครับ



การบริการของพนักงาน : ช่วงเวลาที่ผมไปนั้นเป็นช่วงประมาณ 14.00-15.00 น. ซึ่งแทบไม่มีโต๊ะอื่นๆ มาใช้บริการเลย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องในส่วนนี้เลยครับ บริการรวดเร็วฉับไวมาก



ความสะดวกของการเดินทาง : ร้านอาหารที่อยู่บริเวณถนนประชาชื่นมักจะติดปัญหาอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกก็คือแถวนี้ไม่ค่อยมีรถสาธารณะไม่ว่าจะเป็นรถเมล์หรือรถไฟฟ้าผ่านเลย ต้องใช้การขับรถส่วนตัวเป็นหลัก ส่วนอีกเรื่องก็คือเราจะต้องจอดรถที่ริมถนนเพื่อไปทานอาหารที่ร้านเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับร้านนี้ดีอย่างก็คือ ถึงจะไม่ค่อยมีรถสาธารณะผ่านด้านหน้า แต่ก็มีที่จอดรถที่อยู่ในเขตคอนโด ทำให้เราไม่ต้องมาคอยกังวลในเรื่องของความปลอดภัยครับ



ความคุ้มค่า : เป็นร้านที่ผมสามารถให้คำว่าคุ้มค่าได้เต็มปากเต็มคำร้านนึงได้เลยครับ เมนูอาหารจานเดียวที่ราคาประมาณ 55 -70 บาทต่อจานนั้นไม่ได้แพงเลยเมื่อเทียบกับรสชาติ ปริมาณ แล้วก็รูปแบบของร้านอาหารที่มีการติดแอร์ครับ ส่วนเมนูอื่นๆ ก็ถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคาเช่นเดียวกันครับ



สรุป : หากคุณเป็นคนที่อาศัยหรือทำงานแถวๆ บางซื่อ, ประชาชื่น, วงศ์สว่าง หรือไม่ก็แวะมาหาเพื่อนแถวๆ นี้ แล้วอยากจะหาร้านอาหารที่ติดแอร์ รสชาติดี มีอาหารให้เลือกเยอะ ราคาไม่แพง และมีที่จอดรถ ผมว่าร้านนี้เป็นตัวเลือกที่ดีและตอบโจทย์ได้หมดเลยครับ นอกจากนี้สำหรับใครที่ขี้เกียจจะมาที่ร้าน อยากจะนั่งทานอาหารชิวๆ ที่ออฟฟิศ ไม่อยากออกมาเจอแดดร้อนๆ ข้างนอก ทางร้านเค้าก็มีข้าวกล่อง Delivery บริการด้วยนะครับ โดยมีหลายเมนูเลยไม่ว่าจะเป็นอาหารยอดฮิตอย่างกระเพราหมูสับไข่ดาว (65 บาท) หรือจะเป็นแบบอลังการ 3 หลุมอย่างข้าวไรซ์เบอร์รี่พร้อมกับหมูผัดพริกไทดำ, ยำวุ้นเส้นทูน่า แล้วก็ไข่เจียว (95 บาท) ก็มีให้เราเลือกสั่งได้หมด โดยทางร้านจะบรรจุอาหารในบรรจุภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคด้วยครับ



ก็จบลงแล้วสำหรับรีวิวนี้ หากผมรีวิวขาดตกบกพร่องประการใดต้องขออภัยด้วยและการรีวิวนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของผมจากวันที่ไปใช้บริการเท่านั้น แต่ละท่านที่ได้มีโอกาสไปใช้บริการอาจจะได้รับการบริการหรือรสชาติที่แตกต่างจากนี้ออกไปครับ



สำหรับใครที่ชอบการรีวิวของผม ก็สามารถไปติดตามหรือแนะนำข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ https://www.facebook.com/amazingcouples



แล้วพบกันใหม่รีวิวหน้า สวัสดีครับ



ความคิดเห็น