หลังจากพินนี่โพสรูปภาพบางส่วนของการไปเที่ยวตะลุยเนินทราย ขี่อูฐ ที่ดูไบ ไป (20 Dec 2013) ใน Facebook ตัวเอง ก็มีคนถามหลังไมค์มาเยอะมาก บอกให้ช่วยเล่า ประสบการณ์หน่อยได้มั้ย สนุกหรือเปล่า ราคาอะไรยังไง เท่าไหร่ และควรเตรียมตัวก่อนจะไปยังไง รวมไปถึงจองทัวร์ยังไง โปรแกรมทัวร์มีอะไรบ้าง เลยตัดสินใจมาแบ่งปันเพื่อนๆ ใน Pantip ด้วย เผื่อว่าใครสนใจจะมาเที่ยวค่ะ



พินนี่เองมาอยู่ดูไบยังไม่ถึงสองเดือนดี และงานที่ทำอยู่ค่อนข้างเร่งรีบและมีเส้นตายชัดเจน ดังนั้นเวลากลับมาถึงห้องก็จะพยายามหลับเพราะต้องตื่นตีห้าเดินไปขึ้นรถเมล์ ตอน หกโมงเช้าทุกวันเพื่อไปให้ทันทำงาน เจ็ดโมงเช้า และวันหยุดส่วนใหญ่ก็จะนอนอืด อยู่ห้องไปเลยเพราะเหนื่อยตื่นเช้าทุกวัน แต่สัปดาห์นี้เที่ยวกระจาย โชคดีที่เพื่อนที่ Port กรุงเทพ เค้ามาเทรนนิ่งที่นี่ ตั้งสองอาทิตย์ แล้วก็เลยได้ไปร่วมเที่ยวกับเขาด้วย จะว่าพาเขาเที่ยวก็ไม่เชิง เพราะนี่ก็ครั้งแรกกันทุกคน = =’



สำหรับอันที่พินนี่ไปมา เป็นแพ็คเกจของการทัวร์ที่เรียกว่า “Desert Safari” สำหรับการทัวร์ Desert Safari นั้นมันก็แต่ละ ทัวร์เค้าก็จะมีโปรแกรมที่แตกต่างกันไป แต่โดยหลักๆ แล้วก็จะต้องมีการ ” Dune Bashing” หรือ “การตะลุยเนินทราย” ค่ะ ซึ่งอันนี้เนี่ยใครที่ชอบความหวาดเสียว สนุกสนาน น่าตื่นเต้นก็อาจจะชอบมากเลยทีเดียว พินนี่ไม่ค่อยชอบนะ (คือลึกๆ ว่ามันสนุกดี แต่พอดีปวดหัว นอนน้อยเป็นไมเกรนอยู่เลย คลื่นไส้ตลอดทางเลย - - ‘ เดี๋ยวจะรู้ว่าทำไม เดี๋ยวเล่าให้ฟัง)



TOUR กับบริษัทไหนดี?



อันนี้เป็นปัญหาโลกแตกเพราะถ้าเลือกไม่ดี มันจะแพง และก็หลายๆ อย่างจะไม่เวิร์คและไม่สนุกเลย แต่พอดีพินนี่กับเพื่อนๆ ใช้ บริการของ KNIGHT TOUR ค่ะ สำหรับทัวร์ พวก Desert Safari เนี่ยมีอยู่หลายบริษัทเหมือนกัน แต่ที่เลือกที่นี่เนี่ย (พินนี่ก็ไม่ได้เลือกเองนะ เพื่อนเลือกมา เพื่อนบอกว่า อันอื่นๆ ดูไม่ค่อยโอเค อันนี้ดูโอเคที่สุด แล้วก็โอเคจริงๆ ) เพราะได้ Voucher มาจาก Instructor ที่เทรนนิ่งที่ Aviation College สามใบ เลยเอามาใช้แล้วเค้าก็ช่วยจองให้ด้วย เลยได้มาราคา สี่คน 600 dhs ตกคนละ 150 dhs ถือว่าเป็นราคาที่รับได้ค่ะ สำหรับที่นี่ เพราะอะไรๆ ก็แพงมาก รองเท้าคู่นึงก็ 200 dhs แล้ว อันนี้ไปทัวร์ มีรถ มีอาหาร เค้ามารับ และมาส่งพร้อม (ราคาคูณเป็นเงินไทยก็ คูณ 10 เอานะคะ ง่ายๆ ถ้วนๆ ดี จริงๆ มันต้องคูณ 8.9)



หน้าตา Voucher ก็ประมาณนี้ค่ะ

เจ้าดังๆ ที่บริการดีๆ แพงๆ ก็มีค่ะ เป็นของในเครือ Emirates Airlines เนี่ยล่ะ ชื่อว่า “Arabian Adventure” ถ้าใครอยากลองสามารถลองได้เหมือนกันค่ะ แต่ค่อนข้างแพงมากต่อคน ตกที่ราคา 200-400 dhs ขึ้นไป (ของ Arabian Adventure จะเรียก โปรแกรมแบบนี้ว่า “Sundowner” ค่ะ)



DESERT SAFARI ในโปรแกรมมีอะไรบ้าง



+ มารับที่โรงแรม หรือตามสถานที่ที่กำหนดและตกลงกันไว้ ส่วนใหญ่จะมารับไม่โรงแรมก็แถว Sharjah ค่ะ ประมาณ บ่ายสามเป็นต้นไป

+ มี Dune Bashing ระหว่างทางให้ตื่นเต้นเร้าใจ เพื่อให้ไปถึงใจกลางทะเลทราย

+ ถ่ายภาพวิวทะเลทรายกับพระอาทิตย์ตกดิน (เขาจะหยุดรถให้ลงไปถ่าย) ประมาณ 2 ตำแหน่ง ที่ให้แวะพักถ่ายรูปค่ะ หนละ ประมาณ 10 นาทีได้ และสามารถขอถ่ายรูปกับคนขับรถที่ใส่ชุดพื้นเมือง คันดูร่า Kandura (كَندورَة ) หรือ Gandora ได้ด้วยค่ะ

+ ขี่อูฐ ถ่ายรูปเล่น (ระยะสั้นมาก ประมาณขี่ไป ขี่กลับไม่ถึง ห้านาที) แต่ห้านาทีก็ฟินละ บอกเลย

+ เข้าแคมป์ ของ ทัวร์ที่นี่ ที่นี่เขาเรียกว่า AL SHAMSI BEDOUIN VILLAGE ((แต่ละที่จะสร้างแคมป์ไว้คนละที่ค่ะ ไม่เหมือนกันอันนี้แคมป์ของบริษัทนี้โดยเฉพาะเลย)) สัมผัสบรรยากาศแบบอาราเบียนแท้ๆ หรือ สไตล์เบดู “BEDOUIN STYLE” (เบดู* = ชาวอาหรับที่ขอบท่องเที่ยวไปในทะเลทราย)

+ รับประทานอาหารเป็น BBQ Buffet

+ มี ชิชา (Shisha) ให้ทดลองสูบ

+ มี Henna Painting

+ มีให้ถ่ายรูปกับนกเหยี่ยว Falcon

+ มีชากาแฟ ขนมแบบอารบิก กับลูกเดท (dates)

+ มีการแสดงโชว์ 2 ชุด รอบละประมาณ 10-15 นาที การแสดงชุดแรกชื่อ Tambura Dance อันที่สองเป็น Belly Dance หรือ การแสดงโชว์ระบำหน้าท้อง

+ ขับรถพากลับไปส่งโรงแรมประมาณ 21:30-22:00 PM



พาหนะ



สำหรับพาหนะ สำหรับการเที่ยวในครั้งนี้ บริษัททัวร์จะ ขับรถมารับที่โรงแรม เป็นรถ โฟร์วีล ค่ะ โดยปกติแล้วเค้าจะรับ 1 คัน ต่อ 6 คน = 1 กลุ่ม พอดีพินนี่กับเพื่อน มีกันแค่ 4 คน ดังนั้นจึงมีเพื่อนร่วมทางชาวรัสเซียคู่รัก มาแจมด้วยอีกสองคน เพื่อให้ครบจำนวนค่ะ รถหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ



ออกเดินทาง



พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันค่ะ เส้นทางที่ใช้คือ ทางไป Hatta Oman (Dubai Hatta Road)



ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

เพื่อไป Dubai Desert Camp, Hatta Oman



ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น

สำหรับ แถวโซน Hatta จะเป็นโซนที่คนที่นี่มักจะไปตั้งแคมป์ รอบกองไฟ กันช่วงหน้าหนาวค่ะ กางเต้นท์ ทำอาหารมากินกัน ย่าง เนื้อ นั่งคุยชิทแชท กัน อากาศและบรรยากาศดีมากค่ะ คนมาตั้งแคมป์กันตรีม ผ่านมาทีไรก็เห็น แสงไฟ จากกองไฟ เต็มเลย ฟินบอกเลย



ต่อๆ อิอิ ขาไปหน้าตาใจสู้มาก พร้อมสุด ๆ สดใส ร่าเริง



DUNE BASHING



Dune Bashing หรือการตะลุยเนินทราย เป็นอะไรที่คนที่นี่ชอบมาก เพราะ สนุกและท้าทาย มีหลายแบบให้เลือก นั่งในรถ โฟร์วีล แบบพินนี่ก็ได้ แล้วให้คนขับรถขับ หรือจะเช่ารถลุยโดยเฉพาะ แบบไม่มีหน้าต่างต่างหาก แล้วลุย หรือจะเป็นรถแบบ Quad Biking ก็ได้ค่ะ มันส์เหมือนกัน ยกล้อได้ด้วย ฮ่าา พอดีไม่ได้ถ่ายรูป Quad Biking มา ขออนุญาตเอาจากเว็บอื่นมาให้ดูหน้าตากันนะคะ



Source : www.dubaidunebashing.com



Source : www.safaridubai.org



** เพิ่มเติม



จริงๆ นอกจาก Dune Bashing แล้ว ที่นี่ยังมี Sand Board กับ Sand Ski ให้เล่นด้วยค่ะ ขออนุญาติยืมรูปชาวบ้าน 55 เพราะวันที่ไปไม่มีคนเล่นเลยค่ะ เลยไม่รู้จะถ่ายกลับมาให้ดูได้ยังไงดี



SAND BOARD

ดูรูปได้ที่ ลิงก์นี้นะคะ http://www.flickr.com/photos/surfingthenations/4277318627/



SAND SKI

Source : www.peakleaders.com



นั่งไปนานเหมือนกันเป็นชั่วโมงค่ะ เกือบๆ สี่โมงครึ่ง หรือห้าโมงก็ถึง Hatta พอดีค่ะ วิวแรกที่ได้เห็นคือวิวนี้ค่ะ



เค้าก็จอดให้ถ่ายรูปเล่นประมาณ 10 นาทีได้ ก็จัดไปหลายรูปอยู่ 5555 ที่เห็นเนี่ยอากาศหนาวมากนะคะ มันมีแดด แต่ว่าหนาวมาก พอดีเป็นหน้าหนาวของที่นี่ค่ะ อากาศประมาณ 14-19 องศาค่ะ



ณ ตอนนี้ยังหน้าตาแช่มชื่นอยู่ค่ะ แต่หลังจากนี้ขอบอกว่า อุ๊แม่จ้าว แทบอาเจียน = =’ มันทำไมน่ะเหรอคะ เห็นเนินทรายเป็นลูกๆ มั้ยคะ มันจะเว้าๆ เป็นเหมือนเหว สูงๆ ค่ะ คนขับรถคันนี้ก็อินดี้ได้อีก ตื๊ดมากเห็นว่าวัยรุ่น (รุ่นไหนไม่รู้) ทั้งคัน ก็จัดหนักๆ ตรงไหนเว้าลึกๆ พี่ท่านขับไปตรงนั้นหมด ยิ่งดิฉันกรี๊ดดังเท่าไหร่ นางยิ่งไม่แคร์ นางก็ยิ่งได้ใจ เอาให้เป็นเหวลึกๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วยิ่งลึกเท่าไหร่ ก็ยิ่งคลื่นไส้เท่านั้น – -’ ยิ่งกรี๊ดดังเท่าไหร่ นางก็จะบอกว่า ฟังเพลงสิ แล้วก็เปิดเพลงอินตะระเดียที่แบบตึ๊ดมาก จากไม่ชอบๆ ฟังเพลงแนวนี้ ฟังไปอยู่ สี่ห้าชั่วโมง ชอบ รักเลย 55555 เพราะเพลงมันเข้ากับจังหวะของการ Dune Bashing มาก มันส์ สภาพจะประมาณอย่างนี้ค่ะ ขออภัยต้องยืมรูปชาวบ้านอีกแล้วเพราะตอนอยู่ในรถยังไงก็ถ่ายไม่ได้แบบนี้ เวลาน้อยมาก แถมไม่ได้อยู่ในมุมที่จะถ่ายได้แบบนี้ด้วยค่ะ



Source : burj-khalifa.eu



ทรายจะคลุ้งแบบนี้เลย



Source : dubaisafari.wordpress.com



อยากรู้ว่าคลื่นไส้แค่ไหน ขอบอกว่าถ้าได้อยู่ในช่วงเวลานั้นด้วยกัน จะได้ยินเสียงกรีดร้อง โหยหวนของพินนี่กับเพื่อนอีกคนที่เบาะหลังอยู่เป็นระยะๆ โหยหวนมากจริงๆ นั่งกันตัวเกร็งงงงงงง แถมเบาะหลังเนี่ย เด้งสุดๆ นะขอบอก เหมือนเล่น Simulator ก็ไม่ปาน ขอเล่าว่าตอนรถออกหนแรก ไม่รู้ เพราะคนขับไม่บอกว่าให้รัดเข็มขัดนิรภัย ( seat belt) ปรากฏว่าพอไปโดนกระทุ้ง ๆ ช่วงที่เป็นเนินทรายที่เป็นลูกๆ นั้น ตัวข้าพเจ้าและผองเพื่อนก็ลอยออกจากเบาะที่นั่ง หัวไปโขกเพดานรถ เข้าอย่างเต็มรัก ดูดดื่มมากทีเดียว (เจ็บหัวโคตร) พอมาขึ้นรถอีกรอบก็รัดเข็มขัดแน่นโคตรแทบจะหายใจไม่ออก กลัวหัวจะโขกอีก (ดูคลิปประกอบได้ค่ะ มันจะขับขึ้นขับลง โต้คลื่นเนินทรายอยู่แบบนั้น)




ขับไปซักพักพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินค่ะ (ส่วนตลอดทางกว่า 15 -20 นาทีนั้นก็เด้งแบบนั้นกรีดร้องกันตลอดทางค่ะ คงไม่ต้องบรรยายเพิ่ม 55 ) ทีนี้เค้าก็หยุดจอดให้เราได้ถ่ายรูปกันอีกเป็นหนที่สอง เก็บภาพแสงสวยๆ ตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ซึ่งแบบว่า สวยมากจริงๆ และหนาวมากด้วย ลมแรงมาก ทรายปลิวเข้าตาตลอดเวลา เห็นแดดแรงๆ แบบนี้หนาวมากนะคะ



เวลาจอดเรถแต่ละทีเค้าก็จะจอดเรียงแถวกันแบบนี้ค่ะ เป็นระเบียบมากๆ (แสงสวยเนอะ)



สำหรับการขับรถ ตะลุยเนินทราย นั้น เค้าจะขับเรียงกันไปเป็นขบวน และหยุดจอดพร้อมๆ กันค่ะ จะมีรถนำทาง 1 คันที่รู้เส้นทาง ขับนำด้านหน้า แต่จริงๆ คนขับทุกคนก็รู้จักเส้นทางดีนะคะ ขับได้ทุกคน (ขอชมว่าขับเก่ง รู้ได้ยังไงว่า ต้องขับไปทางไหน เพราะไม่มีอะไรเป็นจุดสังเกตเลย ทุกที่มันโล่งๆ หน้าตาเหมือนกันหมด)



หลังจากพัก ถ่ายรูปคลายความคลื่นไส้ทั้งหมด ทั้งปวงแล้ว ก็เดินทางกันต่อ รอบสุดท้ายก่อนพระอาทิตย์จะตกดินและมืดกันไปซะก่อน เพราะยังมีรายการขี่น้องอูฐ รออยู่ค่ะ



พอมาถึง AL SHAMSI BEDOUIN VILLAGE คนขับรถก็ปล่อยให้เราเดินเข้าไปเล่นในกรงเลี้ยงอูฐ ที่มีอูฐอยู่หลายตัวมาก เลือกถ่ายรูปด้วยได้ตามสบาย มีทั้งแบบนั่งและแบบยืน หน้าตาน่ารัก รับแขก แอ๊คท่าให้และหน้าง่วง เลือกสรร เอาตามใจชอบได้เลยค่ะ 5555 อูฐ ตัวจริงตัวสูงมากๆ ยังกับยีราฟ แต่เป็นสัตว์ที่น่ารักมาก บอกเลย อยากเลี้ยงที่บ้านตัว 555

Shot ทีน่ารักที่สุดของทริปคือ Shot นี้ค่ะ พยายามจะถ่ายน้องอูฐ แล้ว เรียก น้องอูฐว่า “อูฐ หันมาหน่อย” ทันใดนั้นน้องอูฐหันมาทันที 5555 รักเลย



แบบหน้าง่วงๆ ก็มี ขอถ่ายด้วยซักหน่อย นั่งหน้าง่วงเชียว ^_^



ทันใดนั้นก็ได้เห็นวิว สวยๆ เป็นบุญตา คือ พระอาทิตย์กำลังจะตกดินค่ะ ต้องรีบหันไปถ่ายรูปให้ไวว่อง สวยจริงๆ ไม่อิงนิยาย



ขี่อูฐกันเถอะ!



เชื่อว่ามีไม่กี่คนที่มาถึงที่นี่แล้วจะไม่อยากขี่อูฐ ไหนๆ มาแล้วขี่เถอะจ้ะ ฟีลลิ่งดีกว่าขี่ม้าเป็นไหนๆ โดยเฉพาะเวลา ตอนขึ้นและตอนลง = =’ ผวาหน้าทิ่มใช้ได้ แต่ตอนอยู่บนตัวอูฐเนี่ย ฟิเนเล่มาก ฟีลลิ่งดี นั่งสบาย อยากนั่งนานๆ เสียดายเค้าให้นั่งแป๊ปเดียวเอง อยากเอากลับไปตัวนึงได้มั้ย เอาไปขี่เล่นแถวอพาร์ทเม้นต์ที่ดูไบ แถว อพาร์ทเม้นต์เรามีทะเลทรายเหมือนกัน 5555



ตอนลงสิจ๊ะ มันส์สุด 5555 กระแทกหน้าหลัง แรงมาก เพราะน้องอูฐอยู่ๆ ก็งอเข่าแล้วกระแทกตัวลงทรายไปเลย อุเหม่ ตกจายยย 555



ขี่น้องอูฐเสร็จก็ขอถ่ายรูปเพิ่มอีกเป็นที่ระทึก เอ้ย ระลึกซะหน่อย ^^



เข้า DESERT CAMP กัน!



หลังจากเพลิดเพลินกับน้องอูฐด้วยความไวแสงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเข้าหมู่บ้าน หรือแคมป์ที่ทางทัวร์จัดเตรียมไว้ให้ค่ะ



เข้าไปด้านในก็จะเจอมุมขายของ ค่ะ พวกชุดเสื้อผ้า ผ้าพันเอว บลาๆ ของที่ระลึกต่างๆ ที่คนขายจะพยายามเดินเข้ามา เอาผ้ามาโพกหัว โพกเอวแต่งตัวให้เราแล้วก็บอกว่า “ยู …. ทั้งหมดเนี่ย 50 dhs นะ” = =’ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เราไม่ได้จะซื้อนะ ถอดออกแทบไม่ทัน แต่เพื่อนดิฉันสามคนก็ได้ตกเป็นเหยื่อพ่อค้า ซื้อผ้าโพกหัวมาด้วยเรียบโร้ยโรงเรียนแขก แถมต่อราคาได้เหลือ ผืนละ 10 dhs อีกต่างหาก จากผืนละ 25dhs เก่งจริงเพื่อนฉันนนน (เอ้า ปรบมือ ญ ไทยต่อราคาได้ไม่แพ้ชาติใดในโลกหล้า)



ถัดมาทางซ้ายมือจะเป็น กระโจมค่ะ เอาไว้เข้าไปนั่งเล่นๆ สูบชิชา หรือว่านั่งเม้ามอยกันได้



ส่วนขวามือ ก็จะมีกระบอกชิชา ตั้งเรียงรายสามารถไปเลือกหยิบ เลือกรสสูบได้ตามสะดวก ในกล่อง ทัปเปอร์แวร์ ก็จะมี ลูกเดท (Dates) กับขนมต่างๆ และกาแฟแบบเฉพาะของอารบิก เอาไว้ทานคู่กัน ตั้งวางเอาไว้ให้หยิบทานเองได้ด้วย



สำหรับชิชา รสและกลิ่นจะมีให้เลือกเป็นแบบผลไม้ต่างๆ ค่ะ จะไม่ใช่แบบสูบซิการ์อะไรแบบนั้น แต่กลิ่นมันจะผลไม้เอามากๆ แต่ดมนานๆ จะเอียนๆ และมึนหัวค่ะ ยิ่งคนไม่เคยลองสูบมาเลย รับรองว่าเมา มึน



วิธีสูบ สูบยังไง ก็บ้านๆ ดูดแบบพี่อาบังคนนี้ได้เลย



นอกจากนี้แล้ว เค้ายังมีสถานที่เฉพาะสำหรับให้สูบชิชา ใน THE MAJILIS โซนค่ะ แบบฟรีๆ แต่ถ้ายก ไปสูบที่โต๊ะตัวเองจะโดนเก็บเงินเพิ่ม 25 dhs



เดินถัดมาอีกหน่อยด้านซ้ายมือ จะเห็นเป็นซุ้มๆ คนจะเดินเข้าเดินออกตลอดเวลา เพราะอากาศมันเย็นมาก ต้องการดื่มอะไรร้อนๆ กัน เป็นซุ้มเครื่องดื่มแบบบริการตัวเองค่ะ มีกาแฟ ชาลิปตัน แล้วก็น้ำตาล นมให้พร้อม ขอบอกว่า นมที่ดูไบ ไม่ว่าจะนมกล่อง นมขวด นมสดใส่ชากาแฟ มันหอมและนวลละมุน มันๆ อร่อยมากผิดกับนมที่ประเทศไทยลิบลับค่ะ



หันมาตรงมุมตรงกลาง จะเห็นเป็นที่นั่งเป็นโต๊ะ ๆ แต่ละโต๊ะจะมีเบอร์โต๊ะค่ะ พินนี่กับเพื่อนๆ และ คู่รักชาวรัสเซียได้โต๊ะเบอร์ 12 ค่ะ จะเป็นโต๊ะ มุมซ้ายมือ ที่นั่งนิ่มๆ คล้ายๆ Bean Bag แบบที่เรารู้จักกันที่บ้านเรา (ปล.อากาศหนาวมากค่ะ ณ อุณหภูมิตอนนั้น 15 องศา ค่ะ)



ส่วนเวทีตรงกลางเป็นเวทีกิจกรรม ที่เป็นพื้นที่ให้สำหรับนักแสดงขึ้นมาโชว์ค่ะ (ขออนุญาตเอารูปตอนกลางคืนมาใส่แทนนะคะ พอดีตอนช่วงแรก ๆ ลืมถ่ายเวทีเอาไว้)



โต๊ะพินนี่ทำเลดีมาก หันไปทางขวามือจะเจอ ไลน์บุฟเฟ่ต์เลยทันที แต่ตอนนี้เค้ายังไม่เอามาตั้ง ก็เลยโล่งๆ ไปหน่อย



ระหว่างรอก็ไปถ่ายรูปเล่นกับน้องเหยี่ยว Falcon ก่อนได้ค่ะ เค้าจัดมุมไว้ให้ถ่ายรูปเล่นได้โดยเฉพาะโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ยกเว้นถ้าไปที่บาร์เครื่องดื่มอีกฝั่งนึงอันนั้นเค้าจะคิดเงินเพ่ิมค่ะเพราะไม่ได้อยู่ใน แพ็คเกจที่ซื้อไว้



ในช่วงเดียวกัน ก็จะมีผู้ดำเนินรายการ ขึ้นมาพูดเป็นระยะๆ ว่าสามารถเดินไปหาอะไรทานก่อนได้ เป็นเหมือนของทานเล่น ตรงโซนใกล้ๆ บุฟเฟ่ต์ ก็เดินไปเอา ได้มาสองอย่างค่ะ เป็นแป้งห่อ อาหารแบบอินเดียมาก ๆ ด้านในก็จะเป็นผัก พวกแตงกวา ผักอื่นๆ นั่นนี่แล้วก็เป็นเนื้อไก่ข้างใน แล้วใส่เหมือนมายองเนสกับเครื่องเคียงอะไรอีกมะรู้เยอะแยะ แต่อร่อยดีค่ะ ส่วนกลมๆ ก้อนๆ นั้นก็เป็นเนื้อไก่ผสมเครื่องเทศต่างๆ กลิ่นเครื่องเทศแรงมากแต่อร่อยค่ะ ทานคู่กับชานมร้อนๆ ฟิเนเล่มาก



ท้องฟ้ามืดแล้ว อากาศก็หนาวลงเรื่อยๆ ณ จุดที่ถ่ายรูปนี้มาประมาณ 13-14 องศาแล้วค่ะ ลมแรงมากด้วย แทบจะแข็งแล้วเพราะใส่ไปแค่ Cardigan ถุงมือ เสื้อหนาวอย่างอื่นก็ไม่ได้เอามาด้วย ไม่รู้จะแก้เขิน บวกแก้หนาวได้ยังไงที่หยิบมาผิด จะหยิบถุงมือมาแต่ดันหยิบหมวกไหมพรมมาแทนก็เลย เอามาใส่ซะเลย T T



พอบุฟเฟ่ต์ เริ่มเปิดก็ไปตักอาหารกันค่ะ มีให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่พวก Arabic Bread ทานกับ dressing เฉพาะของเค้า พร้อมกับพวกผักต้มๆ แล้วก็มี พวกสลัดแขก ต่างๆ ผักต้ม แล้วก็พวก ข้าวก็มีค่ะ ข้าวขาวธรรมดา แล้วก็ข้าวผัดกับเครื่องแกง เครื่องเทศ หรือแม้แต่ สปาเก็ตตี้ก็มีค่ะ แล้วก็พวกซุปแบบอินเดีย ชอบที่สุดคือ มี Fish Grill, Lamb Grill, Beef Grill , Chicken Grill แบบบาร์บีคิว ด้วยขอบอกว่า อร่อยทุกอันเลย เดินไปอีกหน่อยเค้าก็มี Soft Drink ให้เลือกดื่มเพิ่มด้วยค่ะ มี Sprite ,Coke, Fanta ขออภัยภาพไม่ค่อยสวยแสงหมดแล้ว > <”



อาหารของการไป Desert Safari นั้นส่วนใหญ่จะเป็นบาร์บีคิวค่ะ และส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่เคยไปมาแล้วก็จะมาเตือนตลอดว่า เห้ยย อาหารที่ไปทัวร์มันไม่อร่อยเลยนะรสชาติแย่มาก ควรพกอาหารไปกินเอง (ขนาดนั้นกันเลย) ดังนั้นการเลือกทัวร์ให้ดีๆ เป็นเรื่องสำคัญค่ะโดยเฉพาะเรื่องอาหารเพราะบางคนก็ Sensitive กับเรื่องอาหารมาก บางคนทานไม่ได้เลย ขนาดคนกินง่ายๆ ยังบอกว่าทานไม่ได้ ก็มี แต่ของเจ้านี้ พินนี่ลองแล้ว อาหารส่วนใหญ่ทานได้ค่ะ ไม่ถึงกับอร่อยเลิศ แต่ก็เข้าขั้นใช้ได้ค่ะ ไม่ได้แย่แบบที่ใครๆ พูดกันเท่าไหร่ พินนี่รับได้นะ ตักเพิ่มอีกต่างหาก เพราะบางอย่างก็อร่อยค่ะ อย่างไก่ บาร์บีคิว กับ สลัดแขกแล้วก็ สปาเก็ตตี้อร่อยค่ะ ลูกเดทก็อร่อยมากด้วย



ทานเสร็จก็มีของหวานแบบ อาหรับให้ทานด้วยค่ะ พินนี่จำชื่อมันไม่ได้ แต่มันจะเป็นเหมือน ขนมบ้าบิ่นบ้านเรา แล้วก็เป็น เยลลี่สตรอเบอร์รี่ที่มีกลิ่นกุหลาบค่ะ แล้วก็เป็น พุดดิ้งวนิลากลิ่นกุหลาบ (ชัดเจนมาก) อร่อยหวานและหอมมากค่ะ อยากทานอีก แต่เค้าไม่ได้ทำไว้เยอะ ก็เก็บไว้ให้คนอื่นได้ลองมั่งละกัน หน้าตาอาจจะดูแย่นะ แต่รสชาติเทพมาก บอกเลย



TAMBURA DANCE



ทานเสร็จ ซักสองทุ่มกว่าๆ ผู้ดำเนินรายการก็ประกาศว่ากำลังจะมีการแสดงชุดแรกเริ่มเล่นค่ะ ได้เวลาสนุกแล้วอิอิ หลังจากรอมาซักพักใหญ่ หนาวโคตรๆ อยู่นาน การแสดงชุดแรกก็เริ่มขึ้นค่ะ ชุดแรกนี้เรียกว่า Tambura Dance ค่ะ นักแสดงเป็นผู้ชายค่ะ การแสดงชุดนี้ทั้งชุดใช้เวลาประมาณ 10 นาทีค่ะ นักแสดงจะขึ้นมาแสดงความสามารถในการทรงตัว หมุนตัวไปเรื่อยๆ ตลอดทั้ง สิบนาทีนั้น (โดยไม่มึนและไม่เป็นลมด้วย) พร้อมกับ มีอุปกรณ์ต่างๆ มาแสดงร่วมด้วย พินนี่ถ่ายวีดีโอไว้ จิ้มดูวีดีโอได้เลยค่ะ ช่วงแรกๆ น่าเบื่อหน่อย แต่ช่วงกลางๆ ไปแล้ว น่าดูมากกกกกกกกก บอกเลย




พอหมดการแสดงชุดแรก คือ Tambura ไป นักแสดงก็จะเชิญ คนดูขึ้นมาเต้นบนเวทีค่ะ มันส์มาก เพราะมีพี่ผู้หญิงคนอาหรับเสื้อเขียวโพกผ้าโพกหัวไม่รู้ชาติไหน เต้นพริ้วมาก ชนะเลิศ อันนี้เค้ามีให้ของรางวัลด้วยนะ ถ้าใครเต้นสวยที่สุด แน่นอน พี่คนนั้นได้ไปค่ะ นางพริ้วระดับเวิร์ลคลาสค่ะ ลืมบอกไปว่า พี่คู่รักรัสเซียโต๊ะพินนี่ก็ขึ้นไปเต้นด้วยนะ นางก็พริ้วไม่แพ้กันค่ะ 55




BELLY DANCE



หลังจากหมดชุดนี้ก็จะเป็นการแสดง Belly Dance หรือการระบำหน้าท้องค่ะ ชุดนี้ขอบอกเลยว่า นักแสดงเป็นชาวรัสเซีย ไม่ใช่คนพื้นที่หรือเกิดที่นี่ค่ะ แต่เต้นเก่งมาก แต่ เจ้าเนื้อไปหน่อย = =’ ตอนแรกคาดหวังว่าจะได้ดูแบบ หน้าท้องเรียบๆ หุ่นสวยๆ อ่ะค่ะ 555 แต่นักแสดงคนนี้เต้นเก่งค่ะใช้ได้เหมือนกัน หน้าสวยมากด้วย หวานๆ คมๆ เต้นโชว์หลายโชว์เลยค่ะ แต่แบ่งเป็นช่วงสั้นๆ สามสี่ช่วงแทน เวลาที่ใช้แสดงก็ประมาณ 10-15 นาทีเช่นกันค่ะ แอบอยากบอกว่า อากาศมันหนาวมาก สงสารเค้ามาก ไม่รู้เค้าหนาวหรือเปล่า แต่ดิฉันหนาวมากค่ะ บอกเลย




กว่าจะจบการแสดงก็ประมาณ สามทุ่มพอดีค่ะ ขากลับก็กว่าจะถึงโรงแรมประมาณ สามทุ่มสี่สิบห้า หน่อย ๆ แต่พินนี่ต้องรอรถเมล์นั่งกลับบ้านอีกต่อนึง กว่าจะถึงบ้านก็ห้าทุ่มพอดี ได้ทรายที่ Hatta กลับมาด้วยในรองเท้า เต็มไปหมดเลย ชุ่มไปด้วยทราย 5555



ข้อแนะนำและการเตรียมตัวก่อนไปตะลุยเนินทราย



+ ถ้ามาหน้าหนาวแนะนำให้เอาเสื้อหนาวหนา ผ้าพันคอข้อแนะนำและการเตรียมตัวก่อนไปตะลุยเนินทราย



+ ถ้ามาหน้าหนาวแนะนำให้เอาเสื้อหนาวหนา ผ้าพันคอหนาๆ ถุงมือไหมพรมหรืออะไรที่คิดว่าจะกันหนาวได้ดี พกมาให้หมดค่ะ อย่ากลัวคนอื่นหาว่าบ้า เพราะกลางทะเลทรายมันจะหนาวกว่าในเมืองหลายสิบเท่าค่ะ เชื่อตุ้มค่ะ

+ ถ้ามาหน้าร้อน เอา Cardigan ธรรมดามาก็พอค่ะ

+ พยายามอย่าสวมเสื้อผ้าแบบเปิดเนื้อหนังมังสา ที่นี่เค้าถือมากค่ะ ออกแนวจะอนาจารละ เปิดไหล่นิดๆ จริงๆ ก็ไม่ได้นะคะ กระโปรงสั้นนี่ก็ห้ามค่ะ + เสื้อผ้าแนะนำให้ใส่เป็นกางเกงจะดีสุดค่ะ ถ้าหน้าหนาวก็กางเกงหนาๆ ยีนส์ไปเลย ถ้าหน้าร้อนห้ามใส่ยีนส์นะคะ จะเหนียวเหนอะหนะไม่สบายตัวเลย เอาผ้าพริ้วๆ ดีสุด

+ ถ้าอยากแต่งตัวให้เข้ากับบรรยากาศ แนะนำพกชุดอาบาย่า(ผญ) หรือ คันดูรา(ผช) ไปเองค่ะ แล้วใส่ซะ จะเปรี้ยวมาก หรือผ้าพริ้วๆ ออกแนวภารตะ เตรียมไปค่ะ จัดให้เต็ม เวลาถ่ายรูปออกมาจะสวยเดิ้ลเป็นที่สุดค่ะ หน้าร้อนอย่าลืมพกหมวกปีกกว้างไปด้วยค่ะ (บางทัวร์จะมีโปรแกรมบริการให้แต่งชุดพื้นเมืองให้ด้วยแบบนั้นก็ไม่ต้องเอาไปค่ะ)

+ แน่นอน จะหน้าร้อนหน้าหนาว “กันแดด” ค่ะ ทาโบกไป ที่นี่มีแดดตลอดค่ะ อย่าคิดว่าแดดออกแต่อากาศหนาวจะไม่ดำ แบบนี้นี่แหละดำสุดยอด โบกไปเยอะๆ ค่ะ

+ พร็อพคุณผญ ถ้ามีอะไรดูภารตะ ใส่มาให้หมดนะคะ ใส่แล้วจะสวยจริงจังค่ะ

+ เวลาใส่ชุดอาบาย่า หรือคันดูรา อย่าพยายามโพสท่าประหลาดๆ นะคะที่นี่เค้าถือค่ะ มันเหมือนไม่ให้ความเคารพค่ะ

+ เตรียมยาแก้คลื่นไส้มาด้วยค่ะ เพราะตอน Dune Bashing หรือตะลุยเนินทรายมันคลื่นไส้มาก

+ ก่อนมาตะลุย อย่าทานอาหารมาจนแน่นนะคะ เพราะมันจะกระทุ้งๆ จนจุกไปเลย

+ แว่นกันแดดค่ะ เอาไป อย่าคิดว่าขาไปไปตอนเย็นๆ แล้ว แดดคงไม่แรง เปล่าค่ะไม่ได้ให้เอาไปกันแดดค่ะ ให้เอาไปกันทรายปลิวเข้าตาค่ะ

+ อย่าไปคนเดียวค่ะ ให้พาเพื่อนไปด้วย ถ้าไม่งั้นจะไม่สนุกเลย แล้วก็จะไม่มีคนช่วยถ่ายรูปให้ค่ะ อย่าได้พึ่งใคร คนที่นี่ไม่ช่วยถ่ายให้นะคะ บอกเลย

+ นอนให้พอก่อนวันจะไปเที่ยวค่ะ ไม่งั้นจะกลับมาสภาพเยินมาก เพราะไปทีเนี่ยเหนื่อยมากค่ะ

+ อาหาร ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนทานยาก หรือทานบุฟเฟ่ต์บาร์บีคิวแบบที่พินนี่ทานไมไ่ด้ แนะนำให้นำอาหารติดตัวไปบ้างค่ะ พวกขนมปังหรืออะไรก็ได้ น้ำ นม เอาแบบถือง่ายๆ

+ รองเท้า แนะนำรองเท้าผ้าใบเท่านั้นนะคะ ถ้าไม่งั้นจะเดินลำบากมาก รองเท้าแตะไม่แนะนำอย่างแรง ส้นสูงนี่ก็อย่าเลยนะคะ เป็นภาระเพื่อนบ้านมากค่ะ

+ ก่อนมาเที่ยว ฝึกเต้นมาก่อนเลยค่ะ พอตอนเค้าเรียกขึ้นเวทีจะได้เต้นพริ้วค่ะ เราไม่หวังอะไรนอกจากของรางวัล 5555 เค้าจะให้เต้นโชว์ทีละคนด้วย ดังนั้นเอาเริ่ดๆ อย่าให้เสียชื่อคนไทยนะคะ ควักท่ามาให้หมดค่ะ ท่าที่เคยเต้นที่ Route, Funky Villa ไม่แนะนำนะคะ = =’

+ สุดท้ายเตรียม กล้อง และช่างภาพ สุดเริ่ด พกติดตัวไปด้วยค่ะ รับรองรูปออกมาสวยถูกใจ ไหนๆ ได้ไปแล้วทั้งที เอารูปสวยๆ กลับมาเชยชมเยอะๆ เลยค่ะ



หวังว่าคงจะกระตุ้นต่อมอยากของเพื่อนๆได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ดูไบมีที่เที่ยวไม่มาก นอกจากห้างใหญ่ๆ แล้วก็มี ตะลุยเนินทราย เนี่ยล่ะค่ะที่สนุกสุดๆ และคนที่นี่ก็ชอบมากด้วย วิวทะเลทรายที่เป็นเนินลูกๆ ต่อๆ กันไป มันสวยมากจริงๆ ค่ะ ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกนี่สุดๆ ไปเลย แถมทรายยังนุ่มมากด้วย นุ่มที่สุด ทรายตามทะเลแบบบ้านเราที่เราว่านุ่มแล้ว สู้ที่นี่ไม่ได้เลยค่ะ มันคนละแบบกันโดยสิ้นเชิง เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาสได้มาเที่ยวดูไบ ทริปตะลุยเนินทรายเป็นอะไรที่บอกได้เต็มปากว่า ถ้าไม่มาจะเสียใจมากค่ะ แล้วทุกคนที่มาก็จะพูดเหมือนกันหมดว่า ต้องได้มาซ้ำอีกรอบสองสามสี่ แน่นอน แล้วแบบนี้จะพลาดได้ไงคะ จริงมั้ย : )



*เกร็ดความรู้เรื่อง BEDOUIN



ชาวเบดู [ Bedouin ] คือ ชื่อเรียกที่ถูกต้องตามภาษาอาหรับ ส่วนคำว่า “เบดูอิน” ที่ใครต่อใครเรียกติดปากนั้นความจริงไม่มีความหมาย ส่วนถ้าเอ่ยถึงคนๆเดียวในเผ่า เรียกว่า “บาดาวี” ซึ่งพวกเขา คือ ชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย หาน้ำและอาหารประทังชีวิตโดยย้ายถิ่นฐานไปเรื่อยๆ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ



1. เบดูอินใต้ กลุ่มนี้เป็นสายเลือดอาหรับแท้ๆ ว่ากันว่า…สืบเชื้อสายมาจาก “คะห์ตาน” จาก วีรบุรุษในตำนานเยเมน คนๆเดียวกับ “ย็อกตัน” ในพระคัมภีร์เก่า ซึ่งเขาเป็นบุตรของ “เชม” ผู้เป็นบุตรของ “โนอาห์”



2. เบดูอินเหนือ กลุ่มนี้สืบเชื้อสายมาจาก “อิชมาเอล” บุตรของ “อับราฮัม”



ที่พักอาศัยของชาวเบดูค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันตามกลุ่มต่างๆ บ้างเป็นเต้นท์ขนแพะ เรียกว่า “เบตชารา” บ้างเป็นกระท่อมใบปาล์ม เรียกว่า “บารัสตี” บ้างก็ขึงผ้ากับต้นไม้และก้อนหิน ยิ่งในสมัยนี้มีการใช้ตะแกรงโลหะมาเป็นส่วนประกอบด้วย ส่วนหน้าที่การสร้างและเก็บเต้นท์นั้นรับผิดชอบโดยฝ่ายหญิง ขณะที่ฝ่ายชายช่วยบ้างบางครั้ง ภายในมีการนำผ้าม่านกั้นแบ่งเขตชายกับหญิง ฝั่งหญิงมีครัวกับที่เก็บของ ฝั่งชายมีส่วนรับแขกใช้สังสรรค์ ประกอบด้วย กองไฟ ชา กาแฟ เครื่องบดทองเหลืองหรือไม้ พรม และ เบาะรองนั่งสำหรับแขก



ชาวเบดูนั้นมีน้ำใจเรื่องการต้อนรับแขกเป็นอย่างมาก พวกเขาจะทักทายหรือถามไถ่ข่าวคราว อีกทั้งยังเลี้ยงกาแฟหรือชาจนครบ 3 แก้ว ให้ที่พักอาศัย 3 วัน และคุ้มครองการเดินทางอีก 3 วัน จนกว่าอาหารที่เรากินจะย่อย



วิถีชีวิตของชาวเบดูนั้นมีอูฐเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะมีประโยชน์ทั้งใช้ขนสัมภาระ ใช้ขี่ รวมถึงเป็นอาหาร ขนของมันมีใยเหนียวสามารถถักทอทำเสื้อคลุม นมนำมาดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น หรือ หุงกับข้าว และ ต้มกับขนมปัง ชาวเบดูจึงนิยมเลี้ยงอูฐตัวเมีย ส่วนลูกอูฐตัวผู้จะถูกฆ่าตาย ยกเว้นอูฐตัวผู้เมื่อโตแล้วจะไม่ฆ่านอกจากในกรณีที่ต้องการนำเนื้อมากินในงานเลี้ยงหรือมันใกล้ตาย แต่อาหารของชาวเบดูไม่ได้มีเท่านี้ เพราะบางครั้งพวกเขาจะได้กินเนื้อแพะ ปลาสด และ ปลาเค็ม ซึ่งนานๆครั้งเท่านั้น ( ซึ่งเจ้าอูฐก็จะได้ปลาซาร์ดีนตากแห้งเป็นอาหารเสริมนอกจากหญ้าเช่นกัน )



อูฐแต่ละตัวจะมี “วาซซึม” ตีตราบ่งบอกเจ้าของที่คอ บ่า หรือ สะโพก อีกทั้งยังมีการตั้งชื่อให้ และเป็นหน้าที่ประจำของผู้ชายจะต้องนำอูฐไปกินหญ้ากินน้ำ ขยายพันธุ์ รวมถึงรีดนม โดยอูฐแต่ละพื้นที่จะมีลักษณะแตกต่างกัน เช่น อูฐในประเทศโอมานจะตัวสูง ขายาว วิ่งเร็ว และ ทรหด



ชาวเบดูนั้นนับว่าเป็นผู้นำเรื่องอูฐที่สุดในแถบอาหรับ เพราะพวกเขาคลุกคลีกับมันมาตลอดชีวิต แน่นอนว่าการขี่ของพวกเขาจะค่อนข้างมีเทคนิคทรงตัวที่ดีเพราะอานอูฐที่เรียกว่า “เชแดด” นั้นทำจากโครงครอบหนอกยึดแถบผ้าคล้องช่วงท้ายอูฐเท่านั้น และบนแถบผ้ามีเบาะรองนั่งเอาไว้ พวกเขาบังคับโดยใช้บ่วงสวมปากอูฐ ( ไม่ใช้ชิ้นเหล็ก ) บางครั้งก็แค่ร้อยเชือกตรงห่วงเจาะรูจมูก ว่ากันว่าบางคนสามารถยืนขี่อูฐได้ด้วย



Source : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=35e33ea6e6a27517 *



MORE INFORMATION



Arabian Adventures

Contact no.+971 4 214 4888 and

Email : [email protected]



GULF ventures

Contact No: +971 4 404 5880

Email: [email protected]



KNIGHT TOUR

Contact No. + 971 50 7855 884 (24 Hrs) ll + 971 4 2686 555

Fax: + 971 4 2684

Reservations: [email protected]

Email : [email protected]

Download Brochure : http://knighttourism.com/Knight%20Tours%20Brochure.PDF

Website : http://www.knighttourism.com/

Add : Dubai, UAE Hamriya P.O. Box 55885

Desert Safari : http://www.knighttours.co.ae/eng/DesrtSafary.html


BLOG : www.pinnyforever.com

pinnynoy

 วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 18.42 น.

ความคิดเห็น