การเดินทางในครั้งนี้เราเลือกจะไปกินปู กินกุ้ง และชมเหยี่ยวกันที่ อ.แหลมสิงห์ จ. จันทบุรี ซึ่งเรามีมติกันวจะพักที่โฮมสเตย์ .. กลางนาโฮมสเตย์ .. ครับ

หลังจากออกเดินทางจากกรุงเทพมาประมาณ 4 ชั่วโมง เราก็เดินทางมาถึงระครับ ที่กลางนาโฮมสเตย์ที่คิดค่าบริการเป็นรายคน คนละ 1,500 บาท ในราคานี้รวมอาหาร 3 มื้อ คือ มื้อกลางวัน มื้อเย็นของวันที่เข้าพักและมื้อเช้าของวันถัดไป ที่พักที่ให้บริการจะเป็นบ้านพักริมน้ำติดแอร์ และมีกิจกรรมสำหรับผู้เข้าพักให้ด้วยนั่นก็คือ การล่องแพเปียก การชมเหยี่ยว รวมทั้งมีเรือไว้ให้พายในพื้นที่ของโฮมสเตย์ ซึ่งราคานี้ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ครับ ปล.สำหรับผู้เข้าพักจะต้องเตรียมอุปกรณ์ส่วนตัวกันมาด้วยนะครับ ได้แก่ ผ้าเช็ดตัว , สบู่ , ยาสระผม , แปรงสีฟัน , ยาสีฟัน , ยาทากันยุง และของใช้ส่วนตัว

ด้านซ้ายจะมีแพสำหรับนั่งชมบรรยากาศรอบ ๆ โฮมสเตย์ หรือจะนั่งล้อมววงสนทนา จิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ก็ได้นะครับ บรรยากาศชิลล์มากครับ สำหรับฝั่งขวามือจะเป็นบ้านพักของพวกเรานะครับ สามารถพักได้ 4 คน ห้องพักสะอาด มีแอร์ และห้องน้ำในตัวด้วยครับ

เมื่อเก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จแล้ว ก็เริ่มจัดมื้อแรกกันเลยครับ สำหรับอาหารมื้อแรกก็คือมื้อกลางวันของวันที่เข้าพักนะครับ ซึ่งจะมีบริการจนถึงเวลา 14.00 น. เท่านั้นนะครับ ฉะนั้นถ้าตั้งใจจะมาที่นี่ก็ควรเตรียมแผนการเดินทางกันด้วยนะครับ เดี๊ยวจะพลาดอาหารอร่อย ๆ นะครับ


สำหรับเมนูอาหารนั้น ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างนะครับ สำหรับครั้งนี้ที่ผมได้ทานกันก็จะมี ปลาทอดน้ำปลา , ปูผัดผงกะหรี่ , แกงส้มชะอมกุ้ง , แกงหมูใบชะมวง , น้ำพริกไข่ปูกับผักต้ม ผลไม้ก็จะเป็น เงาะ ซึ่งเยอะมาก ทานตั้ง 4 คนยังไม่หมดแถมอร่อยอีกด้วย จริง ๆ สามารถเติมได้นะครับ แต่พวกเราถือว่าเยอะมาก ๆ แล้วครับ

ทานเสร็จแล้วก็แบบว่าตาจะปิดระครับ แต่พวกเรามีกิจกรรมกับทางที่พักต่อนั่นก็คือการไปชมเหยี่ยวและล่องแพเปียก พวกเราก็เลยหามุมถ่าย ๆ เล่น ๆ กันไป และนี่ก็คือเรือสำหรับให้ผู้เข้าพักได้พายได้ครับ แต่ผมไม่ได้พายนะ ใช้เป็นโลเคชั่นสำหรับการถ่ายภาพเพียงเท่านั้นนะครับ

บริเวณสระน้ำที่โฮมสเตย์ก็จะมีการเลี้ยงปุไว้ด้วยนะครับ นี่คุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์ก็กำลังจับปูเพื่อนำมาทำเป็นอาหารเย็นให้พวกเราได้ลิ้มรสกันครับ

ปูตัวโต ๆ สำหรับพวกเราและมื้ออาหารเย็นครับ

และก็ได้เวลาสำหรับการกิจกรรมแล้วครับ ที่จริงที่พักก็อยู่ไม่ไกลจากบริเวณล่องแพเปียกนะครับ แต่ถ้าเดินมาก็เหนื่อยอยู่ ที่นี่มีบริการรถรับ-ส่งให้ฟรี สะดวกสบายมากครับ

นี่ไงครับ พวกเราทั้ง 4 คน อิ่ม ๆ กันมา ตาก็เริ่มจะปิดกันระ แต่ไม่ยอมแพ้กันนะครับ ถ้าได้ไปทำกิจกรรมกันต่อ Go go !!

เริ่มออกเดินทางกันได้แล้วครับ ที่นี่จะใช้เรือประมงเล็กสำหรับลากแพเปียกไปสู่ปากแม่น้ำนะครับ โดยระหว่างทางเราก็จะผ่านต้นโกงกางและป่าชายเลนไปโดยตลอด อากาศเย็นสบายมากครับ

สำหรับแพเปียกของเรา จริง ๆ ถ้าไม่ได้เล่นน้ำก็ไม่ได้เปียกนะครับ เพราะว่ามีที่นั่งอยู่สูงพอสมควรจากพื้นนะครับ มีน้ำดื่มแจกฟรีด้วยนะครับ

สำหรับผมเอง ผมเปียกอยู่นะครับ จะได้ให้เข้ากับคำว่า การล่องแพเปียกครับ แต่ก็เล่นไม่นานนะครับ เพราะคนอื่น ๆ ไม่ลงเล่นน้ำกัน 555+

เล่นสักพักคุณลุงก็นำเรือมาจอดให้เราดูที่เลี้ยงหอยนางรมกันครับ ที่นี่เจ้าของเปิดให้ชมฟรี ก็ถ่ายรูปกันหน่อย ที่จริงมีภาพถ่ายกับเหยี่ยด้วยนะครับ แต่เนื่องจากว่าภาพที่ได้มันไกลมากก็เลยไม่มีบรรยากาศมาให้ชมกัน ขอโทษอย่างแรงครับ

สำหรับกิจกรรมล่องแพเปียกและชมเหยี่ยวนั้น ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนะครับ หลังจากนั้นก็กลับที่พัก อาบน้ำ แต่งตัวและก็เริ่มมื้อที่ 2 ซึ่งเป็นมื้อเย็นกันได้ระครับ ..

อาหารก็ตามภาพที่เห็นนะครับ กินจนอิ่มแทบไม่อยากจะคุยกับใครเลยหลังทานเสร็จ คือถือว่าคุ้มมาก ๆ ระหว่างทานก็สนทนากับคุณลุงไปด้วย ก็ได้อรรถรสไปอีก ผมลืมบอกไปว่า ที่นี่จะมีบริการน้ำแข็ง น้ำอัดลม น้ำเปล่า ฟรีด้วยนะครับ ย้ำว่า ฟรี ตัวโต ๆ ยกเว้น เครื่องดื่มแลกอฮอล์ โซดาต้องเตรียมกันมาเองนะครับ

ปูตัวใหญ่ ๆ กุ้งตัวโต ๆ กุ้งแช่น้ำปลาก็มี ทอดมัน กุ้งผัดพริกไทดำ หอยนางรมสด ๆ โอ๊ย !! ฟิน ทานกันจนอิ่มหนำสำราญ คืนนี้ก็เลยไม่มีกิจกรรมอะไรเพิ่มเติมนอกจากการนอนหลับพักผ่อนอย่างสนิท รู้สึกตัวอีกทีก็รุ่งเช้าพร้อมรับแสงอรุณที่หน้าบ้านพักของพวกเรา

และก็จิบกาแฟพร้อมรับแสงแดดแรกของวัน

เริ่มมื้อเช้ากับข้าวต้มทะเลที่เสริฟมาพร้อมกับกุ้งและปลากหมึกอันหอมกรุ่น

และผัดเส้นจันท์ที่รสชาติอร่อยสมคำร่ำลือของดีเมืองจันทบุรี


ก่อนกลับก็ต้องเก็บภาพความประทับใจกับที่นี่ไว้อีกสักหน่อยครับ

ถ้ามีโอกาสจะกลับมาพักที่นี่อีกนะครับ ครั้งนี้ได้บรรยากาศมากทีเดียวครับ .. กลางนาโฮมสเตย์ ..

ระหว่างทางก็แวะเก็บภาพที่สะพานตากสินมหาราชอีกเล็กน้อย

เช้า ๆ อากาศดี คนไม่เยอะ ถ่ายภาพได้หลายมุมดีครับ

พอมาถึงที่ จุดชมวิวเนินนางพญา นักท่องเที่ยวและรถจอดกันเยอะมาก ภาพที่ได้ออกมาก็เลยไม่เห็นวิวโค้งของถนนเลย แต่ก็จัดเก็บภาพมาด้วย เพราะไหน ๆ ก็มาถึงแล้วนะครับ


มีกุญแจคล้องกันเหมือนที่ต่างประเทศด้วยนะครับ

พอลงมาจากจุดชมวิวเนินนางพญา ก็แวะถ่ายรูปกันบริเวณโขดหินสีแดง ๆ

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ใคร ๆ มาจันทบุรีก็ต้องมาแวะถ่ายภาพที่นี่กันด้วย ที่วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล วันที่ไปฝนตก นักท่องเที่ยวเลยน้อย ภาพที่ถ่ายออกจึงเหมือนมาเที่ยวคนเดียว ซึ่งก็สวยดีครับ ไม่ต้องแย่งกับใครดี

แล้วพวกเราก้จอดรถไว้ที่ วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล แล้วก็เดินข้ามฝั่งมาเดินชมบรรยากาศเมืองเก่าที่ชุมชนริมน้ำจันทรบูรกันต่อครับ

ที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะมากนะครับ ดูชิค ๆ แนว ๆ ดีครับ จะถ่ายมุมไหนก็ไปฟิลล์ที่ดูเป็นคลาสสิคมาก ๆ เลยครับ ถ้าใครชอบการถ่ายภาพแนวนี้ก็ลองหาโอกาสมาเที่ยวดูนะครับ One Day Trip ก็ได้ครับ


เดินเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะเจออาหารการกินที่ขายอยู่ริมสองข้างทางเดินในชุมชน กุ้งหวานที่นี่ก็ขึ้นชื่อนะครับ ต้องลองชิมกันครับ

เงาะก็มีครับ ราคากิโลละ 35 บาท ไม่แพง ดูสด สะอาด น่ากินมากครับ

กำแพงบ้านก็สามารถทำเป็นแบล็คกราวด์การถ่ายภาพได้สวยงามทีเดียวนะครับ

ประตูเหล็กหน้าบ้านก็เป็นพร้อบถ่ายภาพได้เช่นเดียวกันครับ พวกเราสามารถ !!

เห็นไหมระครับ โอกาสดีดีที่จันทบุรีมีตลอดเวลาและพร้อมต้อนรับทุกคนอยู่เสมอนะครับ หากมีโอกาสผมขอแนะนำนะครับ จันทบุรีมีอะไร ๆ ให้คุณได้สัมผัสอย่างแน่นอนครับ


.. C h a n t h a b u r i 2 0 1 7 ..


FreelyThailand

 วันพฤหัสที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 17.22 น.

ความคิดเห็น