เมื่อครั้งหนึ่งเราได้มีโอกาสไปพักที่ทุกคนบอกว่า..เหมือนมัลดีฟเมืองไทย..ที่นั่นสวยสมคำเล่าลือหรือไม่ ต้องไปชมและไปพักกันนะคะ..สำหรับเรามันคือสวรรค์น้อยที่ถูกโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติสไตล์ Slow Life ค่ะ

กาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นสถานที่มีธรรมชาติงดงามเช่นกัน ถ้าอยากพักกาย ชาร์จแบตฯ ให้ชีวิต ที่นี่ก็เป็นอีกสถานที่ที่ผู้คนเลือกมาพักผ่อน ด้วยระยะที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นัก และที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายมากมาย แต่ครั้งนี้เราก็คงพาเที่ยวไม่เยอะ เพราะมาพักแค่คืนเดียว แต่ก็แอบอยากไปบ่อยๆ เดี๋ยวไปดูกานนะคะ..ว่าจะพาไปไหนบ้าง


เริ่มต้นก่อนเข้าเมืองกาญจนบุรี ก็ต้องขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันก่อน วัดถ้ำเสือ ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในความสวยงามของพระรูปองค์ใหญ่หลวงพ่อชินน์ประทานพร องค์พระสูง 9 วา 9 นิ้ว สีทองอร่าม สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2516 และ “พระเจดีย์เกษุแก้วมหาปราสาท” เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมสีส้ม สูงใหญ่โดดเด่นอลังการ มีทั้งหมด 9 ชั้น ตรงกลางมีบันไดเวียนสามารถเดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด แต่ละชั้นมีภาพเขียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ ชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศ อินเดีย และหายเหนื่อยกับวิวจากช่องหน้าต่างของพระเจดีย์ซึ่งมีอยู่รอบทิศ เห็นแม่น้ำแม่กลอง ภูเขา ท้องทุ่งนา และวัดถ้ำเขาน้อย ซึ่งอยู่ติดกันด้วย


แล้วเราก็ไปกันต่อที่ตัวเมืองจังหวัดกาญฯ ซึ่งก็ต้องมาสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะสร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สะพานเหล็กสัญลักษณ์ของเมืองกาญฯ ซึ่งได้จารึกเรื่องราวประวัติศาสตร์ไว้มากมาย ปัจจุบันถือว่ามีการยกย่องให้เป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ จึงถือได้ว่า..ถ้าไม่ได้มาเก็บภาพที่นี่..ก็ยังมาไม่ถึงกาญจนบุรีนะคะ

แล้วเราก็ไปเดินเล่นมาไม่ไกลจากสะพานเพื่อมาชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 กันสักนิด ซึ่งมีค่าเข้าชมเล็กน้อย แต่พอเข้าไปข้างในก็ได้รับความรู้ และเรื่องราวที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์มากมายจริงๆ นะคะ อย่างน้อยเราก็เป็นคนไทยที่ควรรับรู้ข้อมูลกันไว้บ้าง

แล้วก็ค่อยไปหาอะไรรับประทานใกล้ๆ แถวนั้น ก่อนเดินทางต่อไปยังที่พักที่สวยงามบนเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งเขื่อนศรีนครินทร์ หรือเขื่อนเจ้าเณร เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง สร้างขึ้นบนแม่น้ำแควใหญ่ เพื่ออำนวยประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และการพัฒนาประเทศ ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว และสถานที่พักผ่อนที่สำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี

และแล้วก็ถึงที่พัก เลค เฮฟเว่น รีสอร์ท เป็นสถานที่พักผ่อนที่ใครหลายๆ คนบอกว่าเสมือนมัลดีฟเมืองไทย เป็นรีสอร์ทกลางแจ้งที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา ธรรมชาติ สายลม และสายน้ำ ที่จัดเรียงได้อย่างลงตัวกันเลยทีเดียว

ที่นี่จะเป็นที่พักแบบแพเป็นหลังๆ ลอยอยู่บนพื้นน้ำ ให้สัมผัสความสดชื่น สูดอากาศบริสุทธิ์ และดื่มด่ำกับธรรมชาติของขุนเขาที่โอบล้อมอย่างอัศจรรย์ สามารถพักได้ในแบบส่วนตัวและครอบครัว ซึ่งมีความสะดวกสบายครบครัน และยังมีWater Park เครื่องเล่นที่สนุกสุดเหวี่ยง อย่างภูเขาจำลอง 5 เมตร สไลด์เดอร์น้ำ จักรยานน้ำ เจ็ทสกี และเครื่องเล่นอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้วันหยุดของคุณไม่เงียบเหงาจนเกินไปแน่ค่ะ

แล้วสัมผัสความโรแมนติกกับวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามได้ที่นี่เช่นกัน ก่อนที่เราจะไปทานอาหารที่ทางรีสอร์ทก็มีบริการนะคะ ทำให้ไม่ต้องออกไปหาอะไรทานที่ไหน หรือถ้าใครอยากจะสังสรรค์ ร้องคาราโอเกะ ที่นี่เขาก็มีบริการทั้งแบบในห้องแอร์ หรือแบบที่ลงแพสองชั้นลอยไปสนุกสนานกันกลางน้ำก็มีนะคะ แถมที่นี่เคยมีการจัดคอนเสิร์ตมาแล้วด้วย ถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีอะไรหลากหลายจริงๆ ถือว่าคุ้มนะคะ

เมื่อชีวิตง่ายๆ ที่เราไปต้องไปหาไกลที่ไหน..เที่ยวเมืองไทย ชีวิตก็มีความสุขได้ไม่แพ้กันนะคะ ไม่ต้องไปเที่ยวให้มากสถานที่ คัดสรรแล้วดื่มด่ำกับการใช้เวลาในแต่ละสถานที่กันดีกว่า แล้วมาดูกันต่อนะคะว่า..Slow Life จะพาไปเที่ยวที่ไหนกันอีก คืนนี้ขอพักแบบชีวิตอันปลั๊ก ดื่มด่ำกับธรรมชาติและที่พักสไตล์มัลดีฟเมืองไทยกันก่อนนะคะ^_^

Once Chill Life

 วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.41 น.

ความคิดเห็น