สวัสดีครับ One day Trip กันอีกแล้ว


สำหรับใครเวลามีน้อยๆ อะโน๊ะ กาญจนบุรี ก็ยังเป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวเยอะ จนเที่ยวไม่เคยเบื่อ

ซึ่งจะว่าไกลก็ไกล อย่างสังขละ ปิล็อค จะว่าใกล้ก็ใกล้

วันนี้จะพาไปใกล้ๆ นั่งเล่นขำๆ ถ่ายรูปชิคๆ ด้วยมอเตอร์ไซค์คันน้อยร้อยยี่สิบห้าเหมือนเดิม

ออกจากที่พัก

ออกจากที่พักไม่เช้ามากนัก มุ่งหน้าจากรังสิต เข้าถนนสายรังสิต-ปทุมธานี

ผ่านลาดหลุมแก้ว ใช้เส้นทางบางเลน กำแพงแสน เพื่อไปเมืองกาญจน์

ถึงบางเลนก็ประมาณ 8 โมงเช้าพอดี พยาธิในท้องเริ่มส่งเสียงเรียก

เลยแยกบางเลนมีข้าวมันไก่อยู่ร้านนึงชื่อร้านข้าวมันไก่โกต้น (เจ้าก่าตลาดบางแค)

แวะเลยจ้า ทั้งๆที่เป็นเก๊าท์อะนะ ก็ไม่สนนนนนนน

จอดรถได้ทั้งหน้าร้านและด้านหลังร้าน แนะนำจอดหลังร้านจะดีกว่า รถบรรทุกเยอะมาก

ข้าวมันไก่โกต้น

ตัวร้านสะอาดสะอ้าน โล่งโปร่ง สว่าง บวกกับผมเองก็หิวได้ที่ไหนดูซิมีไรกินบ้างงงง



ดูไปอย่างงั้นแหละมาร้านข้าวมันไก่ จะมีอะไรกินนอกจาก ข้าวมันไก่ได้ โด่วววววว ราคาปกติ มิตรภาพเพราะอยู่ในชุมชน ไม่ได้ขายนักท่องเที่ยว

"ข้าวมันไก่ไม่เอาเครื่องใน 2 จาน โอเลี้ยง1 เก็กฮวย1 " สิ้นเสียงสั่งข้าว แม่ค้าหน้าใส ลงมือสะบัดปังตอลงบนไก่ที่วางอยู่บนเขียงไม้มะขาม จนนับกระบวนท่าไม่ทัน กว่าจะรู้ตัว ข้าวมันไก่และเครื่องดื่มก็ถูกวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ววว


ผ่างงงงง!!! นุ่มอร่อย ไม่ได้นุ่มอร่อยขนาดไก่สิงคโปร์หรอก แต่อร่อยกว่าข้าวมันไก่ทั่วๆไป ข้าวมันก็อร่อย แถมๆๆๆๆ น้ำซุปไม่จืดด้วยนะ คือออออ ปกติแล้วเนี่ยความนุ่มของเนื้อไก่และความอร่อยของข้าวจะแปรผกผันกับความหวานของน้ำซุป ไก่นุ่ม,น้ำซุปจืด แต่ถ้าน้ำซุปหวานไก่จะแห้ง แต่ร้านนี้ผมว่าทำได้ค่อนข้างOK น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสจัดดีครับ ออกเผ็ด



ดูชัดๆ ดูชัดๆ ไก่น่ากินม้ายยยยย


แต่ โอเลี้ยงกะเก็กฮวยไม่ไหวแฮะ โอเลี้ยงไม่อร่อยไม่เป็นโอเลี้ยงเลย ส่วนเก็กฮวยถ้าหลับตากินนี่คือน้ำตาลชงเฉยๆเลย


ล้างปากดีกว่า นี่ไอติมยี่ห้อLocal รสชาติดี หากินไม่ง่ายนัก และๆๆๆๆ ต้องเป็นไอติมแบบนี้เท่านั้น เพราะ มันคิดถึงตอนเด็กๆ อร่อย ไปหามากินเหอะ อร่อยจริง


Cherry Cubiq Vanilla มีสองรสนะ มีช็อคโกแลต กับวนิลา


นอกจากรสชาติแล้ว สิ่งที่ชอบคือ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และยี่ห้อ ทำได้ดีไม่แพ้ ยี่ห้อดังๆเลย

ร้านรับทำไก่ไหว้ด้วยนะ น่าจะอร่อย


พอละ พักผ่อน กินข้าวกันอิ่มหนำได้ที่ก็เดินทางต่อจากบางเลน เลี้ยวซ้ายไปกำแพงแสน จากกำแพงแสนมุ่งหน้าที่ท่าเรือพระแท่น เพื่อเข้าสู่ตลาดท่าเรือ เราจะไปเดินเล่นกัน มีมากกว่าข้าวเกรียบปากหม้อเจ้าอร่อยแน่นอน


วาปปป ถึงตลาดท่าเรือ วิ่งมาริมน้ำก่อนเลย วันนี้อากาศร้อนมากกกก นึกว่าจะมีฝน เมฆยังไม่ค่อยจะมี

ตรงนี้เป็นวิวจากศาลเจ้าเล็กๆ ถ้าตอนเย็นคงร่มรื่นน่าดู แต่ตอนนี้แดดเปรี้ยงเลย


มาถึงแล้วก็บอกกล่าวกันซักหน่อย ไหว้เจ้าเสร็จก็ลงไปริมน้ำ เห็นมะ มีอะไรแว่บๆ ร่มๆ อยู่ตรงน้านนน


ลงมาแล้วร้อนหวะ ไม่เห็นจะรู้สึกเย็นขึ้นเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไร ตรงนี้มีร้านกาแฟ ชื่อร้านชายสมัย ตรงนี้มันหลังร้านแต่ก้เดินทะลุย้อนขึ้นไปได้


ไปเลยยยยย


ไปสิจะมายืนยิ้มทำไม!! ร้อน จะหาอะไรเย็นๆ กิน เดินกลับขึ้นไป สามชั้นถึงจะได้สั่งเครื่องดื่ม

สั่งเลยยยยย เอาโกโก้เย็น กับ น้ำผึ้งมะนาวโซดา รอข้างล่างนะคะ

นี่!! เครื่องดื่มหน้าตาดีเหมือนกันนะ รสชาติปกติ กินได้ กินดี กินไปเรื่อยๆ


ขนมแนะนำของทางร้าน คือ เส้นด้ายชายสมัย จากกลิ่นและสี อนุมานได้ว่าน่าจะคล้ายๆ ขนมครกใบเตย ขนมครกสิงคโปร์อะไรเทือกๆนั้นแหละ น่าอร่อยเหมือนกัน แต่ไม่ได้ชิม มีภาระกิจไปเดินดูข้างนอกเผื่อมีไรกิน


ร้านชายสมัย มีการตกแต่งร้านที่ดี สามารถรับลูกค้าได้มากเพราะมีถึงสามชั้นรวมไปถึง มีโซนด้านล่างริมน้ำ ยิ่งอากาศร้อนๆ มานี่นั่งแช่ไม่อยากไปไหนเลย เอาบรรยากาศมาให้ดูครับ


หน้าร้านน่าเดินเข้ามากๆ



มือจับประตูเก๋ๆ



มุมจากชั้น1 บนสุด มองลงมาชั้น2


มุมนี้นี่ น่าสั่งเหล้ามานั่งกินจริงๆ บรรยากาศได้มากๆ


นี่อีกมุม ด้านล่าง



มีสวนด้วยนะ เจ้าของร้านขยันจริงๆ


นั่งพักหายเหนื่อยเรามาเดินรอบตลาดกันครับ ตลาดท่าเรือนี่ของกินเยอะ และดูน่ากินไปซะหมด


ร้านแรกนี่เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูแดง รสชาติธรรมดาแบบโบราณ ขาดกุ้งแห้งฝอยแค่นั้นแหละร้านอยู่ตรงทางลงริมแม่น้ำเลย


ดูท่าแม่ค้าซะก่อน


หมูแดงน่าโดนมาก ถามซื้อซักเส้นก็ไม่ขาย 55555


วันนี้สั่งเกี๊ยมอี๋หมูแดง หากินยากอะ หลังมานี้ได้กินแต่ในงานศพ เซี้ยงไฮ้อีกอันนี้ก็หากินยาก


ขวามือของร้านก๋วยเตี๋ยวจะเป็นร้านจั๊บโจ๊กที่มากี่ทีก็ยังไม่ได้กิน ป้าร้านก๋วยเตี๋ยวแกว่า เปิดตามอารมณ์

เห็นว่ารสชาติใช้ได้นะ จะต้องหาเวลามาชิม

เดินย้อนกลับขึ้นไปที่ถนนหลักจะเจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวรสเยี่ยม ร้านนี้บอกเลย ก๋วยเตี๋ยวหมูก็อร่อย ก๋วยเตี๋ยวเนื้อก็เด็ด พุงเรามีแค่นี้ ปัญญามีแค่เดินผ่านนนน

เอาหน้าร้านให้ดู จะได้เข้าถูกร้าน


เดินวนซ้ายมาตามถนนใหญ่ จะเจอกับร้านแม่บุญช่วย ขายข้าวผัดกระเพรา ผัดไทย ข้าวผัดปู และขนมหวาน

ที่บอกมาเนี่ยเคยกินทุกอย่างแล้วอร่อยหมดทุกอย่างเลยนะเนี่ย วันนี้ดันมาเร็วเกินไป เพิ่งจะเปิดร้านยังเตรียมของไม่เสร็จ อดกินนนนนน


หน้าร้านแม่บุญช่วย


ฝั่งตรงข้ามร้านจะเป็นร้านก๊วยเตี๋ยวต้มยำรสเด็ดที่วันนี้ไม่เปิด เปิดแต่ร้านกาแฟ เสียใจอดกินอีกแล้ว

เดินวนเข้าตลาดไปต่อผ่านร้านข้าวเกรียบปากหม้อชื่อดัง ร้านนี้นั่งกินได้ อร่อยมากๆ

คิวยาววววววววว เอ้า!!!ล้อมวงเข้ามาาาาาา


ปลาหมึกน่ากินแฮะ


หลังจากนั้นก็เดินเล่นในตลาด กินขนมกรุบกริบๆ ถ่ายรูปเล่นให้ตึงท้องได้ที่ ก็ขยับขยายย้ายร่างออกจากที่เรือ มุ่งหน้าไทรโยคเนื่องจากจุดหมายหลักของเราวันนี้อยู่ทางเส้นไทรโยค กาญจนบุรี


ยายแกซื้อของ ยืนนับตังดูน่ารักดีแฮะ


Honda C50 ทำพ่วงข้างซะแล้ววว


ออกจากตลาดท่าเรือ วิ่งมาตามถนนแสงชูโตสายเก่า มุ่งหน้าเข้าเมืองกาญจน์ ไปเลี้ยวซ้ายที่แยกแก่งเสี้ยนพร้อมกับเติมน้ำมัน แล้วมุ่งหน้าออกไปต่อทางไทรโยค เป้าหมายวันนี้อยู่ซ้ายมือ ก่อนถึงไทรโยค จะอยู่ติดกับปั้มบางจาก นั้นคือ เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔


ทางเข้าดูดี โออ่า น่าดึงดูด ว่าแล้วก็เข้าไปเลยยยยย

ปล. ที่จอดรถจักรยานยนต์ยังไม่มีชัดเจน รปภ ให้จอดที่จอดรถ VIP เขิลลลลเลย



เอาเว้ยๆๆๆ ได้เรื่องเดินวนๆดูน่าเมือง ดูคึกคักๆ ชักๆจะคันเนื้อคันตัว เอาจริงๆ ตอนแรกเฉยๆนะ พอมายืนตรงนี้แล้วบรรยากาศมันได้จริงๆ มีแต่เสียงลงท้าย ขอรับๆ เจ้าค่ะๆ


เดินวนๆ ดูแถวๆนี้ซะก่อน มีไรน่าสนใจบ้างงงง

นี่มาเป็นแก็งเกิร์ลกรุ๊ปเลยแฮะ


มีร้านค้าขายของนิดหน่อยด้านหน้า แต่เค้าว่าด้านในเด็ดกว่า


แดดร้านๆอย่างนี้ อุซักไห คงจะทำให้เดินคล่องขึ้นเยอะเลย


หันหลังมาก็แหมมมมมม ด้านในประตูนี่อย่างกับภาพวาด เชื้อเชิญให้เข้าไปจังเลยยยยย


เอ้าๆ ไหนวะค่าเข้าค่าใช้จ่ายมันเป็นยังไงบ้างงงง

สวัสดีคร้าบบบบบบบบ ราคาตั๋วมันยังไงคร้าบบบบบ

สรุปให้นะ

โปรโมชั่น เดือนกรกฎาคมนี้

โปรวันธรรมดา จันทร์-ศุกร์

1.ค่าเข้าพร้อมชุดไทย 350 บาท ต่อคน

2.ค่าเข้าพร้อมชุดไทย และอาหารเย็นพร้อมชมการแสดง 650 บาทต่อคน


ราคาปกติ (ทุกวัน)

- ค่าเข้าอย่างเดียว ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก,ผู้สูงอายุและคนพิการ 100 บาท

-ค่าเข้าชม แลละสำรับเย็ม พร้อมชมมการแสดง ราคาผู้ใหญ่ 700 บาท เด็ก 350 บาท

(โปรลด10%)

เด็กความสูงต่ำกว่า 100ซ.ม. เข้าฟรี

เด็กสูง ไม่เกิน130 ซ.ม. และผู้มีอายุ70 ปี ขึ้นไป ใช้ราคาเด็ก


ส่วนราคาค่าเช่าชุดไทยก็ตามรูป แนะนำนะ ถ้าจะเที่ยวให้อินทั้งทีก็เช่าเถอะถ้าไม่เช่าเตรียมกันมาเองเก๋ๆก็ได้ ไม่ผิดแปลกอะไร หลายๆคนก็ทำกัน

เดินเล่นอยูโซนด้านนอกก่อนก็แล้วกัน

ใช่ครับ!!! เมืองมัลลิกาก็มีโซนด้านนอก ให้เดินชมนิดหน่อยสำหรับ ใครที่ไม่แน่ใจ รึแค่อยากโผล่เข้ามาดูมาเยี่ยมชม ไม่อยากเสียค่าเข้ชมเมือง ก็มาเดินเล่น นั่งเล่นได้ ตามมาาาาาาาา

เห็นในรูปนี้มั้ย!!!

ประตูแดงๆไง!!!

ที่มันปิดสนิท ดูเหมือนไม่น่าเปิดได้ แดงๆ นั่นไง

เออ!!! เดินไปเปิดพรวดดด ออกมาเลย

ผ่ามมมมมม!!


ด้านในเป็นร้านกาแฟ ติดแอร์เย็นฉ่ำ นามของร้านคือสวัสดี byมัลลิกา ป้ายบอกทางหน้าประตูยังไม่มีน่าจะเกิดจากอยู่ระหว่างการออกแบบ (ผมก็เดาเอา)


ร้านกาแฟ ก็ต้องสั่งกาแฟ สั่งมัลลิกา ซิคเนเจอร์ คือ มันต้องกินอันนี้หละ สั่งแบบไม่รู้ว่ามันคืออะไร

หึหึ ใช้คนไม่กินกาแฟไปสั่งด้วย จะได้เรื่องรึเปล่าหว่า

ดูๆไปราคาก็ไม่ถูกไม่แพง ระหว่างรอกาแฟ เดินดูรอบๆดีกว่า

นี่มีขนมหวานด้วยนะ แต่ ยังไม่กินหรอก ไม่ต้องทำตาละห้อยอยากกินขนาดน้านน


ภายในจัดแต่งแบ่งโซนสวยงามดี มีที่นั่ง2ชั้น มานั่งเล่นรอเพื่อนที่เข้าไปเที่ยวข้างในได้แหละ (แต่เชื่อผมเหอะ ถ้ามานั่งถึงตรงนี้แล้ว เข้าไปด้านในดีกว่า)

โซนด้านล่างนั่งได้ประมาณนึง มีโซนด้านบนที่มีพื้นที่กว้างนั่งได้เยอะขึ้น แต่ก็จะดูเหงาๆหน่อย ถ้ามากันแค่คน2คนอะนะ


นางแบบเดินดูทั่วเลยแฮะ เอ้าๆๆๆ!เดินขนาดนี้ พาไปเดินดูอีกฝั่งด้วยเลย

อีกฝั่งของร้านกาแฟ จะเป็นส่วนจัดแสดง เรียกว่าห้องเล่าเรื่อง จุดนี้เข้าชมได้ ไม่เสียสตางค์

ซึ่งจะจัดแสดงภาพถ่ายในยุคสมัยรัชกาลที่5 การแต่งกายในแบบต่างๆ อีกทั้งมีพระบรมรูป ให้เคารพอีกด้วย


รูปซ้ายล่าง ต้องยอมรับจริงๆว่า ทั้งตากล้องก็ไม่ธรรมดา นางแบบยิ่งไม่ธรรมดายิ่งกว่า โพสท่าได้แบบนี้ในสมัยนั้นๆ นี่สุดยอดเลย


ตลาด


จัดแสดงชุดไทยในแบบต่างๆ


ไปๆไปเดินดูทางนู้น มีหุ่นขี้ผึ้งด้วย


ช่วยแกร้อยมาลัยซักหน่อยเนอะ


ภายในนอกจากอากาศที่เย็นจากเครื่องปรับอากาศแล้ว ยังหอมไปด้วย บุหงา ซึ่งบุหงานี้เมืองมัลลิกา ทำเองไปเหมือนบุหงาตลาดนัดนะโว้ยที่เอาน้ำหอมราดๆๆๆ แล้วบอกว่าบุหวาหอมจังงง


สักการะพระบรมรูปซักหน่อยเนอะ

ลืม! ลืมกาแฟไปเลย โธ่ ไหนๆๆๆ ดูเซะ มัลลิกา ซิคเนเจอร์มันเป็นยังไง


ผ่ามมมม!!!!

ผ่ามมมมผ่ามมม!!!!

กาแฟในขันเงิน ใช้ไม้ซางแทนหลอด ส่วนรสชาตินั้นก็ กาแฟอะกาแฟ ไม่ได้แย่ just coffee with Syrup

และมีกลิ่นไม้ซางลอยขึ้นมาตอนดูดด้วย แปลกดีจัง

ถัดมาอีกห้องนึง เป็นห้องขายของที่ระลึกอะน้ำดื่มนิดหน่อย ขายเครื่องประดับด้วยนะ


ตู้แช่แบบนี้ เห็นแล้วมันคิดถึงวัยเด็ก


นั่น!!!เผลอแปปเดียว เลือกของซะแล้ว ทายกันดีกว่าว่าเสียตังไปเท่าไหร่ แล้วได้อะไรบ้าง

จะว่าไป วาปข้ามเรื่องการเช่าชุดไปแฮะ จะย้อนกลับไปเล่านิดนึง นิดเดียวพอ คือพอจ่ายตังค่าเข้าอะไรกัน

เรียบร้อยก็ไปเลือกชุดเปลี่ยนชุดกันที่นี่ ห้องเช่าชุด

เข้าไปด้านใน โซนแรกก็จะเป็นจุดเลือกชุด เบื้องต้น ขอชี้แจงราคาดังนี้ ชุดสไบ200 ชุดผู้ชาย100 เด็ก50 บาท แต่ถ้าใส่ชุดแขนหมูแฮม หรือ ราชปะแตน อันนี้300บาท เลือกชุดสไบ เลือกผ้านุ่งกับเรียบร้อย ก็เดินเข้าไปจ่ายตังเปลี่ยนชุดด้านใน

เดินลึกเข้ามาด้านใน จ่ายตังให้เรียบร้อย ประตูซ้ายห้องแต่งตัวผู้ชาย ประตุขวาห้องแต่งตัวผู้หญิง

เอาของที่ไม่จำเป็นไปเก็บไว้ในlockerให้ดี และเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดได้เลย

สำหรับห้องผู้ชาย สบายๆ โล่งๆ ไม่มีอะไรกั้นด้านใน มีคนช่วยแต่งตัวให้2คน แปปเดียวก็เสร็จ

สำหรับห้องหญิงเข้าใจว่าวุ่ยวาย วื่นวือเพราะ คนก็เยอะ แต่งก็ยาก ได้ยินว่าคนช่วยแต่งมีไม่ค่อยพอ ใครมีสกิลมาหลายคนก็ช่วยๆกันหน่อยก็แล้วกัน


ตู้locker ที่ผมว่าอาจจะไม่พอ


ส่วนตรงนี้ก็คืนชุด จะหอบๆม้วนๆมาคืนก็ได้ แต่ พับมาให้เค้า มันจะดูดีกว่านะ

แต่งตัวเสร็จแล้วก็ออกมาถ่ายรูปเล่นกัน

คือ เสียตังแล้วก็ถ่ายให้คุ้ม มาเมืองมัลลิกาก็จะมาถ่ายรูปชิคๆ คูลๆไม่ใช่รึไง

มาหน้าเมืองยิงยาวไปเลย


แดดเปรี้ยงๆ ฝนจะตกเมื่อไหร่ก้ไม่รู้

นั่นรถลาก ค่าลาก 50 มั้ง นั่งถ่ายฟรี

ไปๆ หิวแล้ว เข้าไปหาอะไรกินข้างในดีกว่า แต่ก่อนอื่นต้องแลก สตางค์รูก่อน 1 สตางค์ เท่ากับ5บาท แลกได้จากด้านนอก ด้านในก็แลกได้ แต่แลกคืนได้จุดเดียวคือ สะพานหัน

คือรู้ว่าสตางค์ปลอม แต่มันต้องมีคนเอากลับบ้านแน่ๆ


ไปยัง!!!! ออกเดินทางสู่เมืองมัลลิกากันเลยดีกว่าาาา


ชอบรูปนี้ เหมือนกับรูปวาดที่อยู่ในกรอบเลย


ไปๆ เข้าาไปเถอะ หิวแล้วววว


ต้องผ่านด่านพ่อหนุ่มสองคนนี้ก่อนนะ


จุดแรกเลยจุดนี้คือสะพานหัน สร้างเลียนแบบสะพานหันในสมัยรัชกาลที่ 5

สะพานหัน เป็นสะพานขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในย่านสำเพ็ง แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ ทอดข้ามคลองรอบกรุงหรือคลองโอ่งอ่าง ชื่อนี้เรียกตามจาก ลักษณะของตัวสะพานที่ สมัยก่อนนั้นจะเป็นไม้แผ่นเดียวพาดข้ามคลอง ปลายข้างหนึ่งตรึงแน่นกับที่ ส่วนอีกข้างจะไม่ตอกติด จับหันไปมาได้เพื่อให้เรือแล่นผ่าน

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างใหม่เป็นสะพานโครงเหล็กพื้นไม้ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนทำเป็นแบบสะพานริอัลโตทีนครเวนิซ และที่ปองเตเวกคิโอ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี คือ เป็นสะพานไม้โค้งกว้าง สองฟากสะพานมีห้องแถวเล็กๆ ให้เช่าขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน สำหรับตัวสะพานปัจจุบัน ได้สร้างใหม่ขึ้นแทนของเก่าที่ชำรุด ในปี พ.ศ. 2505


ระหว่างเดินข้ามสะพาน 2 ฝั่งจะมีร้านค้า ขายของเรียงราย ซึ่งเริ่มต้นใช้จ่างสตางค์รูได้ตั้งแต่ตรงนี้หากใครไม่ได้แลกสตางรูก็สามารถแลกได้ที่นี่เช่นกัน ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรขายบ้าง


อำแดงสด แต่ไม่ขายผลไม้สด ขายแต่ผลไม้แห้ง



ขวามือ ร้านตาฉ่ำ ก็ขายผลไม้แห้ง


ถัดมา ไตเย็บใหม่ขายผ้าจากประเทศนอก



โว๊ะ!! ร้านนีขายผลไม้แห้งอีกละ


แฮ่ม!! อันนี้กล้องลั่น ดูแม่หญิงวุ่นวายกับไม้เซลฟี่ดีจังเลยย คุคุคุ


ไหนถามแม่ค้าซิทำไมมีแต่ผลไม้แห้ง

ได้ความว่าแต่ก่อนสะพานหันหนะ ขายของจากประเทศนอก จำพวกผลไม้แห้ง ผ้า อะไรเทือกๆนี้แหละ

เอ้าสบายใจแล้วก็เดินต่อ

"กินถั่วมั้ยเจ้าคะ" ได้แต่คิดในใจ ถ้าให้กินฟรีก็กินนะยาย ของกินเยอะแยะ จะให้มากินถั่วตัดกำลัง ฝันไปซะเถอะ


ออกจากสะพานหัน ได้ก็เข้าสู่ย่านแพร่ง ซึ่งจะเป็นย่านของกินที่เหมาะกับการเสียตัวละลายทรัพย์มากๆ

แหม แฮ่มๆ

นู้นนนน ด้านหลังนู่นนนนน

(ชุดสไบกับคอนเวิร์สมันดูแปลกตาดีเหมือนกันแฮะ)


ย่านแพร่ง จะสร้างเลียนแบบแพร่งนรา แพร่งภูธร แพร่งสรรพศาสตร์ ประมาณนั้นแหละ ขายของเยอะแยะ ให้ได้เสียตังกัน ไปดูกันดีกว่าว่าเราเจออะไรน่าสนใจบ้างงง




เอาแผนที่เมืองมัลลิกามาฝาก ตอนนี้เราอยู่ตรงเบอร์4 ด้านล่างนะ


โซนนี้เป็นเรือนเครื่องหอมไทยมีมาให้ดูหลายอย่าง แม่ค้าทำหน้าแป้นแล้นเชียว



บุหงา หอมแบบบุหงาจริงๆอะ ไม่ได้หอมเป็นบุหงาตลาดนัด อันนันเค้าใส่น้ำหอม อย่าถามว่าขายมั้ย ขายหมดทุกอย่างที่นี่อะ ถามดีกว่าว่าเท่าไหร่ จะได้ไปแลกตังมาเพิ่ม


อันนี้ร้านเทียนอบ ใช้อบกะทิ อบขนม ใครอยากลองก็ซื้อไปลองได้

(อันนี้สงสัยส่วนตัว คือตอนใช้ต้องจุดแล้วดับเพื่อเอาควันเทียนมาอบขนมหรือกะทิ มันให้อารมณ์ธูปมากกว่าเทียน แต่ทำไมถึงเรียกเทียนหว่า)


เห็นโหลขนมในร้านเทียนแล้วอยากกก ไปเดินหาไรกินดีกว่าาาา


ร้านน้ำร้านกาแฟก็มี ร้านค้าไม่เว่อวัง 1 สตางค์ แค่ 5บาท ตกแก้วละ 20-25บาทเท่านั้นเอง


อันนี้ขนมเบื้องนะม่ายช่ายขนมบึ้ง ตั้งใจถ่ายตอนยิ้ม พอก้มทำขนมเบื้องก็บึ้งเลย สงสัยมีสมาธิมากกก


ข้าวเหนียวปิ้งก็มี


condominium cake หรือขนมชั้นนั่นเองงงง


อันนี้หากินยาก ขนมรังไร


นี่ก็หากินยาก "ลืมกลืน"ชื่อขนมนะ ถ้าลืมกลืนจริงๆ ก็คงอมกันทั้งวัน


ไหนๆ ได้อะไรมากินบ้างงงงงง


รังไรกับลืมกลืน แปลกลิ้นดี คือ อร่อยเลยหละ เพราะมีครูสอนขนมไทยมาสอน เพื่อทำขาย แล้วคนขายหนะเป็นคนของเมืองมัลลิกาเอง ดังนั้นเรื่องรสชาติ คุณภาพ ก็ได้มาตรฐานดี


ส่วนข้าวเหนียวปิ้ง ใช้กล้วยไข่เป็นใส้ กินดี หิวด้วยแหละ


มะพร้าวแก้วในโหลแก้ว สีสดใส


มีโต๊ะให้นั่งกินตามทางนะครับ ไม่ต้องเดินไปกินไป น้ำสามสหาย อร่อยดี ซ่าตะไคร้ หอมใบเตย หวานมะตูม

ตัดตะไคร้ออกไป จะกินง่ายขึ้นเยอะเลย 5555

ช้อนเอย กระทงใบตองเอย ดูมีความตั้งใจ ชอบสุดก็ช้อนสังกะสี สีเขียวๆ


ถ้าShoppingจนตังหมดก็ไม่ต้องกลัว มองหาป้ายนี้แ้ลวแลกตังก็พร้อมที่จะไปเสียทรัพย์ต่อได้เล้ยยย


เสน่ห์จันทร์ ทองเอก และดาราทอง

(ดาราทอง เนี่ยจะมีคนเข้าใจผิดว่าเป็นจ่ามงกุฎกันเยอะ)


ไปหารูปมาให้ อันนี้ต่างหาก ที่เรียกว่าขนมจ่ามงกุฎ



อ่อ ไม่ตองห่วงเรื่องห้องน้ำห้องท่า สะดวกสบาย มีติติงเรื่องห้องน้ำคนพิการนิดหน่อย แต่ก็พอได้ๆ


มีโอ่งดินเผาตั้งให้บริการน้ำดื่มเป็นระยะ แต่ไม่ได้ลองชิมนะ ใครจะลองก็มาลองแล้วกัน

เอ๊ะๆ หมูสะเต๊ะชวาแฮะ


อร่อยๆ อร่อยจนอยากได้สูตร อันนี้มีแต่อาจาดนะ ไม่มีน้ำจิ้ม


ลูกชุบก็มา งานลูกชุบปราณีตมากๆๆๆๆๆ


ช่อม่วงพวงบะเริ่ม


ขนมครกนี้ ดูมีราคา แคะ และ หยอดทีละหลุม เนียนกริบ



สำหรับคนขี้เมื่อยก็มานอนนวดได้ ราคากันเองๆ


นู้นๆๆๆ หอชมเมือง ไปๆๆ ขึ้นไปดูกัน


ไม่ต้องกังวล มีตำรววจเมืองมัลลิกา ดูแลทั้งด้านล่างด้านบน


แหม เปลี่ยนใจทันมั้ยเนี่ย สูงจัง


คนก็ขึ้นมาเยอะเหมือนกันน้าาาา


วิวก็ประมาณนี้แหละครับ





มาๆ ลงมาเหอะ หาไรกินต่อดีกว่าาาา ต่อกันที่ย่านเยาวราช


ไหนๆ มาเยาวราชแล้วก็ไหว้เจ้ากันซะก่อน



ส่งโปสการ์ดก็ได้นะ ใบละ4สตางค์มั้ง


ผ่านอะไรก็กิน อันนี้เมี่ยงคำ 4สตางค์ รสชาติดี ติดที่แห้งไปนิดนึง สงสัยนาน


ขนมน้ำ ใส่กะทิก็มีนะ ใส่ใน"หมา" คือ บ้านผมเรียกที่ตักน้ำอันนี้ว่า "หมาตักน้ำ"อะ


"ติหมา" หรือ หมาตักน้ำ ทำจากใบลาน


ข้าวแช่ก็มี กินแก้ร้อน


ขนมจีน 5 สตางค์ ไม่แพงเลย


ก๋วบจั๊บโบราณ


ข้าวหมูแดง หมูกรอบ


เดินไปต่อที่โซนเรือนแพ มีของกินอีกเพียบ


แอ็คท่านิดนึง มุมถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด ถ้าตั้งใจเข้ามาหามุมถ่ายรูปเก๋ๆนะ หมดวันแน่ๆ


ในส่วนของเรือนแพ ก็เป็นของกินอีกเช่นเคย แต่จะเป็นของหนัก อย่างส้มตำ ข้าวเหนียว ก๋วยเตี๋ยว กระเพาะปลา กาแฟ ชา ข้าว ขนมจีน

เสียทรัพย์กันยับเยินนนน




เผลอแปปเดียว นางแบบหายไปไหนแล้ว

...

...

...

มาเล่นอะไรตรงนี้.....

อันนี้บ้านผมเรียก "สาลี่" บ้านคนอื่นเรียกอะไรกันบ้างครับ


เดินทะลุร้านกาแฟ จะเจอเรือขายของ ลองชิมเฉาก๊วยซะหน่อย เห็นว่าขายดี เหลือแค่2ถ้วยสุดท้ายยย


หมั่บเข้าให้!!! นุ่มนวล เป็นเฉาก๊วยที่เป็นเฉาก๊วยไม่ใช่วุ้น ไม่หวานมาก หอมน้ำตาลแดง


ส่วนถ้วยดินเผาและฝา เอากลับบ้านได้เลย พร้อมถุงกระดาษ


ตุ่มน้ำมีให้ตักกินรายทางไม่ต้องห่วง


อิ่มท้อง หายอยากกันแล้วเราไปต่อกันที่เรือน สามหลัง ซึ่งจะเป็นเรือนที่จัดแสดงการใช้ชีวิตของคนในยุดสมัยก่อน เริ่มจาก เรือนเดี่ยว เรือนของชาวบ้าน เกษตรกร


กี่ทอผ้ากับเกวียนใต้ถุนเรือน ถ้านำไปซ่อมให้ดี น่าจะยังใช้งานได้นะเนี่ย


ต่อมาเป็นจุดที่แสดงการตำข้าว สีข้าว ฝัดข้าว ซึ่งข้าวพวกนี้ ปลูกเอง สีเอง ทำกินทำเลี้ยง คนในเมืองมัลลิกา และรวมถึง จะขึ้นไปเป็นสำรับเย็น สำหรับพวกเราเย็นนี้ด้วย


ไหวมั้ย? ไม่ไหวก็ให้รุ่นใหญ่เค้าทำเถอะ มืออ่อน ถอยปายยย


นี่!มันต้องเจอรุ่นใหญ่

ซึ่งขั้นตอนการสีข้าวฝัดข้าวตำข้าว เราลองทำได้ทุกๆขั้นตอน



สีข้าวแล้วก็เอามาตำ ด้วยครกกระเดื่อง

ตำเสร็จแล้วก็เอามาฝัด เพื่อเอาแกลบ รำ ออกจากข้าวสาร


เหนื่อยที่สุดก็เห็นว่าจะเป็นอันนี้ คัดข้าวเปลือกและเม็ดกรวด ออกจากข้าวสาร


รำข้าวก็ปลายข้าว ก็ขายนะ


ควายเผือก 2ตัว จริงสามารถป้อนหญ้าได้ แต่ว่า หมดเวลาซะก่อน เวลาพักผ่อนก้อย่าไปยุ่งกับมันเลย


นั่น! หลบมาเล่นอะไรตรงนี้ จะขี่ม้าไปไหนนนน


อันนี้บ้านผมเรียก "ฉับโผ้ง"


ตรงนี้กลางวันๆ จะหุงข้าวด้วยกระทะใบบัว

ส่วนนี้เป็นโรงครัวที่ใช้ทำอาหารเลี้ยงคนในเมืองมัลลิกา และ น่าจะทำสำรับเย็นด้วย (มั้ง เดาเอา)


ต่อมาพาไปชม เรือนคหบดี เรือนคหบดี


ด้านบนเรือนคหบดีจะแบ่งเป็นหลายห้อง แล้วก็มีสาธิต ร้อยมาลัย แกะสลักผัก ผลไม้ ทำบายศรี เครื่องแขวนต่างๆ



มุมมองจากบนเรือน ดูร่มรื่นดีแฮะ

ระหว่างรอเวลากินข้าวเย็นก็หามุมถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย



เป็นบ่าวหนะ ก็ต้องกางร่ม รู้มั้ย!!!


สุขศาลา หรือห้องพยาบาลนั่นแหละ ดีเนอะ


ดูด้านในหน่อย


มุมถ่ายรูปมันเยอะไปหมดอะ ถ้าเข้ามาถ่ายรูปเล่น ก็หมดวันแน่ๆ


Snowflekeก็มี




ได้เวลาข้าวเย็นแล้วววว สำรับถูกจัดบนเรือนใหญ่ พร้อมการแสดง ขึ้นไปดูด้านบนกันดีกว่า


อันนี้คือ.... อารายหว่าาาาา จะว่าอ่างล้างมือก็ไม่เชิง ช่างเหอะ น่ารักดี ถ่ายไว้ๆ


มีดอกไม้ต้อนรับด้วยยย


ได้ที่นั่งเรียบร้อยก็มีเครื่องดื่มต้อนรับ เป็นมัลลิกา พาราไดซ์ (ถ้าจำไม่ผิด)เป็นน้ำอัญชันหวาน บีบมะนาวให้เปลี่ยนสี เสริฟพร้อมข้าวตังหน้าตั้ง



แผล่บๆ


ระหว่างรอการแสดง และ อาหาร ก็ฟังดนตรีขับกล่อมกันไปก่อน พร้อมแกล้มข้าวตังหน้าตั้งไปด้วย

ข้าวตังจากก้นกระทะใบบัว หุงด้วยถ่าน มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์


รอไม่นานสำรับกับข้าวก็มาถึง ชมกับข้าวกันดีกว่า มีอะไรบ้าง

เมนูวันนี้ประกบไปด้วย

ไก่ห่อใบเตย


ยำทวาย


แกงกะทิสายบัวปลาทู


น้ำพริกขี้กา


มัสมั่นไก่


และ หมี่กรอบโบราณ


ปิดท้ายล้างปากด้วย ผลไม้

เกือบลืม เรื่องข้าว ข้าวที่เสริฟจะเป็นข้าวที่สีจากโรงครัว ไม่แข็งนะครับ กินได้ ฟันไม่ดีก็เคี้ยวได้ไม่ยาก


อันนี้พิเศษเค้าเอามาให้ชิม 1 อัน"ขนมบุหลันดั้นเมฆ" รสชาติเหมือนขนมน้ำดอกไม้แฮะ


ระหว่างทานข้าวก็จะมีการแสดง เป็นชุดๆ เริ่มจากการแนะนำ ภาษากาย


ต่อด้วยระบำวิชนี


การแสดงโขน


กระบี่กระบอง


การแสดงนี้จำชื่อไม่ได้แฮะ ๕๕๕๕

เสร็จสรรพเรียบร้อย ก่อนกลับรับน้ำปรุงเป็นของที่ระลึก


เรียบร้อย ครบถ้วนกระบวนความ ขี่รถกลับบ้านด้วยเส้นทางบ้านโป่ง ศาลายา เข้าที่พักที่กรุงเทพ

ทริปนี้เที่ยวน้อยที่แต่หย่อนใจ หย่อนกายเยอะหน่อย ให้นาฬิกามันหมุนช้าลง

แล้วพบกันใหม่กับ Darkcutie travel ที่จะไปเที่ยวแล้วกลับมาเล่าให้ฟังในแบบ ลูกทุ่งๆ


ติดตามการเดินทางได้ที่นี่

https://pantip.com/profile/365469

แล้วพบกันใหม่ Darkcutieสวัสดีครับ


สำหรับใครที่สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่กินที่เที่ยวได้ตามLikeด้านล่างครับ

เมืองมัลลิกา http://www.mallika124.com/

ชายสมัย https://www.facebook.com/chaaisamaicafe.kanchanabu...

ข้าวเกรียบปากหม้อเจ๊นุ้ยท่าเรือ

https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%82%E0%B9%89%...


ข้าวมันไก่ตอนโกต้นบางเลน

https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%82%E0%B9%89%...



DarkcutiE Travel

 วันจันทร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เวลา 22.54 น.

ความคิดเห็น