ตราด เมืองเกาะในฝัน ... ตอนที่ 2 >> 9จุดแวะ เกาะช้างเลี้ยวซ้าย



ตราด เมืองเกาะในฝัน ตอนที่ 1

กลับมาพบกันในตราด เมืองเกาะในฝันตอนที่ 2 ครับ เรื่องราวในตอนแรกเน้นไปในเรื่องราวตราดบนฝั่ง ให้รู้ว่าตราดมิได้มีเพียงเกาะในฝัน บนฝั่งก็ชวนฝันไม่น้อยเช่นกัน

สำหรับตอนนี้จะพาไปขึ้นเกาะกันแล้ว ทีมงานของเราได้ใช้เวลาในทริปสั้นๆ เท่าที่เวลาอำนวย ออกเดินทางสู่เกาะช้างเพื่อนำเรื่องราวมาบอกเล่า สิ่งที่เราได้รับรู้มาก่อนหน้าการเดินทางคือ

ผู้คนส่วนใหญ่มาตราดเพื่อขึ้นเกาะช้าง และเที่ยวเกาะช้างกันอยู่เพียงซีกตะวันตก หรือลงจากเรือเฟอร์รี่ก็เลี้ยวขาวกัน พวกเราจึงตั้งธงไปทำความรู้จักเกาะช้างในอีกฟากฝั่ง นั่นคือ

ฝั่งด้านทิศตะวันออก เกาะช้างเลี้ยวซ้าย กับจุดน่าสนใจตลอดแนวฝั่งนี้ที่พอสรุปได้คร่าวๆ 9 จุดมาบอกเล่า

9 จุดแวะ
เกาะช้างเลี้ยวซ้าย

บนระยะทางขับรถท่องเที่ยวทั้งหมดราวๆ 30 กว่ากิโลเมตร ไปดูกันว่าเกาะช้างเลี้ยวซ้ายมีอะไรกันบ้าง

หลังจากพวกเราออกจากบ้านน้ำเชี่ยว ก็เดินทางสู่แหลมงอบมุ่งหน้าท่าเรือเฟอร์รี่ที่ใกล้สุด ซึ่งก็คือท่าเรือเฟอร์รี่เซ็นเตอร์พอย แต่หากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเพื่อจะมุ่งหน้าขึ้นเกาะ โดยไม่ผ่านตัวเมืองก็จะถึงเฟอร์รี่เอ็กเพรชก่อน

ซึ่งระยะทางเดินเรือดูจากแผนที่แล้วเราใช้ระยะทางไกลกว่ากันนิดหน่อย โดยใช้เวลาอยู่บนเฟอร์รี่ประมาณ 50 นาที นั่งชิลๆ รับลมเย็นๆ พร้อมเครื่องดื่มโปรดที่มีจำหน่ายบนเรือ

จุดแวะที่ 1

ชมต้นสีระมัน (ลิ้นจี่ป่า) อายุกว่า 200 ปีที่วัดคลองนนทรี

N12° 06.465' E102° 21.230'

ทำไมเรียกลิ้นจี่ว่าสีระมัน ผมเองก็งงจนต้องไปยืนอ่านป้าย ได้ความว่า สีระมันเป็นลิ้นจี่พันธุ์ดั้งเดิมมาจากแถบจีนตอนใต้ แพร่หลายไปประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย คงมากับเรือสำเภาจีน พ่อค้าชาวจีนเดินเรือโล้สำเภามาค้าขายกับไทยแต่ยุคโบราณกาล ชาวจีนคงหลบมรสุมมาพักบนเกาะช้าง กินลิ้นจี่แล้วทิ้งเมล็ดไว้ ทำให้มีต้นลิ้นจี่กระจายไปทั่วเกาะ กลายเป็นลิ้นจี่ป่า //แพร่พันธุ์ง่ายราวกะปล่อยกระต่ายเข้าป่า อิอิ

ชาวเกาะช้างเรียกลิ้นจี่ป่าพวกนี้ว่า "สีระมัน"

และที่วัดคลองนนทรีนี้เค้าอนุรักษ์ให้เราได้เห็นต้นลิ้นจี่ที่ว่า ซึ่งมีอยู่ด้วยกันประมาณ 7 ต้น ขึ้นป้ายไว้ว่ามีอายุกว่า 200 ปี ก็เรียกว่าเลี้ยวซ้ายมาแล้วอย่าให้เสียเที่ยว แวะมาชมต้นลิ้นจี่ป่าเป็นขวัญตากันหน่อย

มองย้อนกลับไปภาพด้านบนเหนือภาพแผนที่ นั่นล่ะครับ ร่มเงาเขียวชอุ่มของเหล่าสีระมัน




วัดคลองนนทรี เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของเกาะช้าง ที่อนุรักษ์ต้นสีระมันไว้ภายในวัด ภายในเงียบสงบมาก ใบเสมาของวัดดูขลังดี

นอกจากวัดกับต้นสีระมันแล้ว ละแวกนี้หากมีเวลาสามารถแวะชมวิถีชีวิตชาวบ้านด่านใหม่ มีพิพิธภัณฑ์หนังสือเก่าของลุงแดงที่มีหนังสือประวัตินางสาวไทยตั้งแต่คนแรกถึงคนปัจจุบันให้ได้ชม

มีศาลเจ้าเกาะช้างที่คนแถบนี้เคารพสักการะมาก


นี่ต้นไทรใหญ่มาก หน้าวัด แหม กำลังบึ่งรถเพื่อจะเดินทางต่อพอเหลียวมาเห็นเข้าผมงี้เรียกจอดๆๆๆๆ เลยครับ คว้ากล้องมาถ่ายต้นนี้ได้ทัน ไปกันต่อครับ เกาะช้างเลี้ยวซ้ายไปยาวไปโลด


จุดแวะที่ 2

อ่าวสลักคอก

N12° 01.890' E102° 23.820'

สิ่งน่าสนใจสุดของการมาที่นี่ในพ.ศ.นี้คงจะเป็นการมาเพื่อสัมผัสอ่าวสลักคอกแบบใกล้ชิดด้วยการนั่งเรือมาด (เรือกอนโดล่าแห่งสยาม) ติดต่อลงเรือได้ ณ ร้านอาหารสลักคอกซีฟู๊ด

เสียดายตอนที่เราเดินทางมาถึงนั้นเป็นช่วงน้ำทะเลลง ลงเยอะด้วย เยอะจนเรือออกได้ลำบาก แต่ที่ลำบากใจกว่านั้นโดยการแนะนำของเจ้าของเรือก็คือ ออกไปตอนนี้ก็จะไม่ค่อยแจ่ม เพราะว่าน้ำแห้งคอดจนกลายเป็นร่องน้ำเล็กๆ จะไม่สามารถพาเรือไปลอยลำเล่นตรงจุดที่เป็นไฮไลค์ของเส้นทาง ดังนั้นใครตั้งใจจะมาทันสมัยอินเทรนนั่งเรือมาดล่ะก็ โทรสอบถามสลักคอกซีฟู๊ดให้เค้าแนะนำช่วงเวลาของวันที่เหมาะสมก็จะดีมาก พวกเราจึงได้แต่เก็บข้อมูลมาฝากคร่าวๆ แบบนี้ และขับรถเลยลึกเข้ามาอีกหน่อย ที่ท่าเทียบเรืออ่าวสลักคอก มายืนมองท้องน้ำที่ใช้เรือมาดใช้เป็นเส้นทาง ซึ่งทัศนียภาพก็สวยงามไม่เสียเที่ยวเลยที่แวะเข้ามา

ใครยังไม่รู้จักว่าเรือมาดหน้าตาเป็นอย่างไรคลิกที่นี่จ้า google image

จุดแวะที่ 3

จุดชมวิวอ่าวกะรัง

N11° 58.616' E102° 24.341'

เส้นทางที่ขับรถเข้าไปยังอ่าวสลักคอกนั้นเป็นเส้นทางแยกย่อยออกจากเส้นทางหลักของเกาะช้างเลี้ยวซ้าย ขากลับก่อนจะออกสู่ทางหลักอีกครั้งจะมีเส้นทางแยกสู่เส้นทางรอบอ่าวสลักเพชร

อ่าวที่ใหญ่ที่สุดของเกาะช้าง เป็นเส้นทางมุ่งตรงไปทางบ้านเจ๊กแบ้ เราตั้งใจจะไปให้ถึงปลายสุดของเกาะ แต่แล้วก็มากันสุด ณ จุดนี้ จุดชมวิวอ่าวกะรัง เพราะว่าน้ำมันจวนเจียนจะหมดถัง เหอะๆ แต่วิวที่เห็นก็คุ้มค่าอีกแล้ว

ว้าวกับภาพมุมสูงของดงมะพร้าวที่มีฉากหลังเป็นเวิ้งอ่าวและทิวเขาสูงของเกาะช้างเป็นฉากหลังดั่งภาพนี้ไงครับ บริเวณนี้จอดรถสะดวก และจัดทำเป็นศาลาชมวิว

จุดแวะที่ 4

บ้านรักกะลา

Hand Made Coconut Shell

N12° 00.846' E102° 22.300'

จุดแวะที่ไม่อาจผ่านเลย ไม่ต้องลังเล และไม่ต้องล้งไม่ต้องเลี้ยวไหน ทางผ่านอยู่แล้ว สังเกตเพียงนิดเดียว ถ้ากลัวเลยผ่านก็จดพิกัด ใส่นำทางด้วยมือถือได้เลยให้สมเป็นยุคไฮเทค บ้านแห่งนี้คือศูนย์การเรียนรู้

ฝึกฝนฝีมือ สร้างอาชีพให้คนละแวกนี้ ถ่ายทอดวิชากันอย่างไม่คิดมูลค่า จากกะลามะพร้าวที่หาประโยชน์ได้พื้นฐาน ถูกต่อยอดสร้างสรรค์เป็นสิ่งประดิษฐ์ เป็นของชำร่วยเล็กๆ น้อยๆ กุ๊กกิ๊ก จุ๋มจิ๋ม ยันของใช้นานาชนิด

และเป็นเครื่องประดับกิ๊บเก๋ เป็นโมบาย เป็นสารพัดจากไอเดียที่พรั่งพรู นอกจากเป็นศูนย์ถ่ายทอดความรู้แล้ว เมื่อชาวบ้านทำได้ทำเป็นบ้านรักกะลายังรับซื้อกลับอีกด้วย เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายเพิ่มรายได้

ซึ่งชุมชนที่นี่มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าวมากว่า 10 ปีแล้ว ผมเองซื้อของยาก ยังอดใจไม่ไหวอุดหนุนกำไลเก๋กู้ดมาอยู่บนข้อมือใส่อยู่ทุกวันนี้ อย่าพลาดแวะกันนะครับ


หลังบ้านเป็น work shop โรงผลิตย่อมๆ ส่วนในบ้านเป็นโชว์รูม โชว์ผลิตภัณฑ์ให้ได้อุดหนุนกัน


จุดแวะที่ 5

วัดสลักเพชร

N12° 00.309' E102° 22.294'

มุ่งหน้าต่อสู่บ้านสลักเพชร วัดสลักเพชรเป็นวัดที่สวยมากอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะลักษณะที่เด่นสะดุดที่สุดเห็นจะได้แก่รั้วพญานาคล้อมโบสถ์ นอกจากนี้ถ้าเดินเข้าไปชมภายในโบสถ์ จะพบความวิจิตรของภาพวาดจิตรกรรมบนฝาผนัง

ด้านหน้าวัดมีพิพิธภัณฑ์วัดสลักเพชร จัดแสดงสิ่งของมีค่าสวยงามทางศิลปะอีกจำนวนมาก เป็นอีกที่ที่น่าแวะมา บนเส้นทางเกาะช้างเลี้ยวซ้าย


จุดแวะที่ 6

ป่าชายเลนบ้านนาใน

N11° 59.999' E102° 22.792'

อีกหนึ่งไฮไลค์ประจำเส้นทาง ป่าชายเลนบ้านนาในสวยไม่ซ้ำเส้นทางเดินป่าชายเลนที่ไหน อยู่ห่างจากวัดสลักเพชรมาไม่ไกลนัก ถามทางไปจากชาวบ้านละแวกวัดได้ หาไม่ยาก

เป็นเทรลเดินชมป่าชายเลนที่น่าเดินมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ธรรมชาติแปลกแตกต่างจากที่อื่น ตลอดเส้นทางมีต้นฝาดแดงขึ้นแซมเต็มไปหมด เทรลเดินที่นี่ระยะทางเดินพอเหมาะพอสม เดินไปกลับหนึ่งกิโลเมตรเศษเอง

เหงื่อน่าจะยังไม่ทันออก ที่ปลายของเส้นทางเป็นจุดที่น่าเดินไปกันให้ถึงอย่างยิ่ง ดั่งภาพข้างล่างนี้ วิวก้นอ่าวสลักเพชร


เรามานอนเล่นรับลมเย็นๆ มองเมฆเคลื่อนผ่านยอดไม้เพลินมาก จากที่ตอนแรกน้ำลดจนเห็นแต่เลน นอนไปนอนมาลุกขึ้นนั่งอีกทีน้ำทะเลขึ้นแล้ว เร็วมาก!!


จุดแวะที่ 7

ท่าเทียบเรือบ้านสลักเพชร

N11° 59.334' E102° 22.202'

ปลายทางของเส้นทางเกาะช้างเลี้ยวซ้ายของพวกเราอยู่ที่สุดเส้นทางสายหลัก เมื่อออกจากป่าชายเลน ผ่านวัดสลักเพชรอีกครั้งจึงมุ่งหน้าลงใต้ต่อ จุดหนึ่งก่อนถึงปลายทางจะผ่านที่นี่ครับ

ท่าเทียบเรือบ้านสลักเพชร แวะสักหน่อยไม่เสียเวลา เค้าทำไว้สวยดี ที่สะพานท่าเทียบเรือแห่งนี้นอกจากจะใช้เทียบเรือแล้วยังเป็นสะพานเอนกประสงค์คนมาเดินวิ่งจ๊อกกิ่งกันเยอะเลย

ชมท่าเทียบเรือเสร็จก็ออกเดินทางต่อ ขับรถมาอีกกิโลเมตรเดียวก็สุดเส้นทางถนนสายนี้ ที่ลานจอดรถหน้าร้านสลักเพชรซีฟู๊ด ปลายทางต่อจากนี้เป็นเส้นทางลำลองเลาะไปแบบคล้ายๆ เข้าซอย ซึ่งจะมีโฮมสเตย์เรียงรายอยู่หลายเจ้า ไหนๆ ก็จอดหน้าร้านซีฟู๊ดกันแล้วมาทะเลก็ต้องมีซีฟู๊ดใช่มั้ยครับ งั้นจัดเลย

สลักเพชรซีฟู๊ด N11° 58.916' E102° 22.609'

วิวท่าเทียบเรือบ้านสลักเพชร มองไกลๆ จากสลักเพชรซีฟู๊ด

จากนั้นพวกเราทีมงานตราดก็เข้าที่พักกัน

จอดรถไว้ที่หน้าร้านสลักเพชรนี่แหละ โทรเหาทางโฮมสเตย์ สักพักเค้าก็ส่งเด็กลากเอารถเข้นออกมาบรรทุกกระเป๋าสัมภาระของพวกเรา

เดินตามเค้าต้อยๆ

ลักษณะทางเข้า

ถึงแล้ว มองข้างนอกอาจดูเหมือนเดินเข้ามาในชุมชน และแม้ป้ายที่แขวนไว้จะเขียนลงท้ายว่ารีสอร์ทแต่สภาพปัจจุบันน่าจะเรียกว่าโฮมสเตย์ได้เต็มปาก อันเนื่องมาจากสมัยก่อนตอนที่จดทะเบียนแจ้งเปิดบริการที่พักสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้วตอนนั้นยังไม่มีคำว่าโฮมสเตย์นะ แต่ปัจจุบันกระแสโฮมสเตย์กำลังมา และครัวแสงอรุณก็มีสิ่งแวดล้อมองค์ประกอบหลายอย่างเข้าสูตรโฮมสเตย์ได้ อีกอย่างนึงตอนค้นหาข้อมูลที่พักใน google maps เราก็กวาดตามองหาโฮมสเตย์ล่ะ เพราะตั้งใจว่าทริปนี้ขอสัมผัสอย่างน้อยหนึ่งคืนกับชีวิตพักผ่อนในที่พักแบบโฮมสเตย์ ซึ่งบน google maps ก็จะเห็นว่าที่พักบริเวณนี้พากันเรียกตัวเองว่าโฮมสเตย์กันหมดแล้ว

อย่างไรก็ตามจะละม้ายรีสอร์ทหรือละม้ายโฮมสเตย์คงต้องมาพิสูจน์กันนะครับ

ครัวแสงอรุณ Home Stay

N11° 58.916' E102° 22.609'

ก่อนจะไปลงรายละเอียดของโฮมสเตย์ขอนำเสนอจุดแวะต่อไป โดยทางครัวแสงอรุณเค้าจัดแพ็คเก็จที่พัก+ทัวร์เกาะ 2 วัน 1 คืนคิดคนละ 1500 บาท หรือ 3 วัน 2 คืนคิดคนละ 2600 บท แต่ถ้าต้องการที่พักอย่างเดียวคิดห้องละเพียง 500 บาท (พร้อมแอร์คอนดิชั่น) โดยแพ็คเกจทัวร์เกาะจะพาไปดำน้ำ ล่องเรือเที่ยวหมู่เกาะเหลายา และอาจเลยไกลไปถึงเกาะหวาย เกาะรัง ซึ่งเป็นจุดดำน้ำชมปะการังที่สวยงาม และก็ไม่ต้องไปลงเรือที่ไหนไกล ที่ครัวแสงอรุณมีท่าจอดเรือและเรือทัวร์ของตัวเองพร้อมบริการแล้ว สองเท้าก้าวฉับๆ ออกจากห้องพักตรงไปลงเรือกันได้เลย

จุดแวะที่ 8

เกาะเหลายาใน

เพชรเม็ดงามแห่งทะเลตะวันออก

พิกัดเกาะ N11° 56.624' E102° 24.445'

ระยะทาง 6 กิโลเมตรจากท่าจอดเรือหน้าแสงอรุณโฮมสเตย์ ใช้เวลาฝ่าคลื่นประมาณ 20 นาทีเท่านั้นเอง แม้ตะวันจะเป็นใจ ฟ้าแจ้งแจงแวง แต่คลื่นสูงพอควรในฤดูนี้

เรือต้องเปลี่ยนร่องน้ำไปอ้อมหลังเกาะพร้าว และคลื่นลมที่แรงพอควรทำให้เราแวะชมความงามเพียงเกาะเหลายาใน ออกเรือไกลไปกว่านั้นไม่ได้


บนเกาะมีรีสอร์ทชื่อดังนาม เหลายารีสอร์ท ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วสวยบรรยากาศดีน่ามาพักมาก แต่วันนี้เงียบสงบไร้นักท่องเที่ยวคงเป็นเพราะว่าอยู่นอกฤดูกาลนั่นเอง และซ้ำยังเป็นวันธรรมดาด้วย

ในภาพคือสะพานเทียบเรือของรีสอร์ท


ลัลล้าเลย

หาดสวย ทิวมะพร้าวงาม ทัศนียภาพตรงเส้นขอบฟ้าดารดาษไปด้วยแนวทิวเขาของทั้งเกาะช้างและหมู่เกาะน้อยใหญ่ แลดูสวยงามกว่าเป็นเส้นขอบฟ้าตัดขอบน้ำเรียบๆ นะผมว่า



ย้อนกลับมาที่โฮมสเตย์ ย้อนเรือกลับฝั่ง กลับสู่ที่พัก มุมมองจากบนเรือ ขณะจะเข้าเทียบท่าจอด

ทางรีสอร์ทหรือโฮมสเตย์ กำลังจับปูปลาที่เลี้ยงไว้ในกระชังขึ้นมา เพื่อเอาไปเข้าครัวเตรียมทำมื้อเย็นเสริฟแขกผู้มาเยือน

ผมงี้รีบคว้ากล้อง มานั่งมองกิจกรรมช้อนปูช้อนปลา

เต็มอิ่มกับมื้อดินเนอร์ซีฟู๊ด และปูปลาทะเลสดจากกระชัง กินกันจนพุงแทบแตก กินจนปูเหลือเพราะหมดเนื้อที่ในกระเพราะ 55555


เช้าวันใหม่ บรรยากาศอ่าวสลักเพชรมองทอดสายตาจากชายคาแสงอรุณโฮมสเตย์ กลางสายฝนโปรย สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแสงอรุณโฮมสเตย์นี้ และที่พักอื่นตลอดทริปคลิกลิงค์น้องรินหนึ่งในทีมงานที่เจาะลึกด้านที่พักได้ที่ลิงค์ด้านล้างสุดของบทความจ้ะ


มีใครนั่งนับจุดแวะทั้ง 9 อยู่บ้างมั้ย เรายังขาดอีกจุดนึง อีกหนึ่งจุดสุดท้ายที่แนะนำ แต่จุดนี้อาจไม่เรียกว่าจุดแวะไม่เต็มปากแล้ว เพราะต้องทุ่มเวลาและกำลังกายใจกันหน่อย

จุดแวะที่ 9

ยอดเขาแหลม

พิกัดจุดเริ่มเดิม 12.007557, 102.354751

เอาใจนักท่องเที่ยวขาลุยผู้นิยมไพรและผู้มีหัวใจพิชิต ทีมงานตราด TTBN09 ของเรามีหัวหน้าทีมเป็นถึงนักเดินป่า โดม สะพายเป้แห่งสะพายเป้ดอทคอม คนๆนี้นอนฟูกหลับลงซะที่ไหน ต้องนอนตามป่าตามเขาโน่น 555

หัวหน้าทีมของเราจึงขันอาสาปลีกตัวขึ้นพิชิตยอดเขาแหลม อันเป็นยอดสูงอันดับสองของเกาะช้างรองจากยอดที่ชื่อว่ายอดเขาใหญ๋ แบกเป้ขึ้นลงไปกลับกว่า 6-7 ชม. ไปนอนลุ้นฝนตกไม่ตกอยู่บนนั้นคืนนึงและเก็บภาพงามๆ ยามเย็น ยามเช้ารวมทั้งเรื่องราวมาฝากกัน เรื่องราวบนนั้นจะเป็นอย่างไร สนุก มันส์ คุ้มค่าแก่การเสียเหงื่อแค่ไหน ขอยกเรื่องราวทั้งหมดไปขยายความในรีวิวของหัวหน้าทีมครับ

(ระหว่างนี้ในวงเล็บนี้สำรองไว้รอลิงค์รีวิวแล้วจะมาแปะ)

ภาพบรรยากาศตอนไปส่งหัวหน้าทีม ณ จุดเริ่มเดินขึ้นเขา

สำหรับเรื่องราวในส่วนที่ผมได้รับมอบหมายจากทีมคงจบลงแต่เพียงเท่านี้

พบเรื่องราวตราด เมืองเกาะในฝัน เพิ่มเติมในรีวิวของเพื่อนร่วมทีมได้อีกที่

หยิบเงิน 3065 บาท ไปเที่ยว ตราด ต่อ เกาะช้าง กินนอนพักสบาย เที่ยวเต็มอิ่ม 4วัน3 คืน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม โดยน้องก้อง หยิบกล้องไปท่องโลก

ตราด เมืองต้องห้ามพลาด!! ตระเวนเที่ยว 3 วัน 3 คืน กับที่พัก 3 สไตล์ โดยน้องริน Rinsa Yoyolive

ให้กำลังใจทีม T09 ได้ด้วยการกดโหวตที่ ลิงค์นี้จ้า ขอบคุณฮับ ;)



ขอบคุณทุกๆ ผู้สนับสนุนดังรายนามต่อไปนี้

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ttBn TheThailandBloggerNetwork.com

NOK AIR

Thai Rent a Car

KEEN

Outdoor Innovation

น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา

 วันพฤหัสที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.57 น.

ความคิดเห็น