.
.
วันนี้ผมมีโรงแรมเก๋ ๆ สไตล์โมรอคโคมาแนะนำครับ ไม่น่าเชื่อว่าอยู่กลางเมืองหลวงของเราเลย
"Imm Fusion, Sukhumvit" เป็นโรงแรมที่ออกแบบด้วยการผสมผสานวัฒนธรรมอย่างมีสไตล์และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การเดินทางก็ไม่ยากครับ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีอ่อนนุช มาลงตรงทางออกที่ติดกับโลตัส จากโลตัส เดินข้ามแยกตรงโลตัส เพียงไม่ถึง 100 เมตร ก็ถึงโรงแรมแล้วครับ
จากการจราจรที่วุ่นวายบนถนนสุขุมวิท เพียงก้าวเท้าเข้ามาใน Imm Fusion เหมือนเราหลุดเข้ามาอีกเมืองหนึ่งเลยครับ ก้าวแรกที่ผมก้าวเท้าเข้ามา เล่นเอาผมอึ้งกับรถเก๋าคันใหญ่ ที่จอดสงบอยู่บริเวณทางเข้าของโรงแรม การตกแต่งบริเวณทางเข้าดูอลังการเอามาก ๆ เลยครับ ไม่คิดเลยว่า กลางกรุงจะมีโรงแรมแบบนี้ด้วย
มองย้อนออกไปที่ถนน ยังเห็นรถราวิ่งกันขวักไขว่เลยครับ
เดินผ่านทางเข้ามา ก็จะเจอรางน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลลดหลั่นกัน ฟังแล้วทำให้รู้สึกชุ่มชื่น ด้านบนมีต้นเฟิร์นข้าหลวงใบสีเขียว ตัดกับสีผนังและพื้นกระเบื้องที่ออกโทนสีเลือดหมู ดูตัดกันอย่างสวยงามครับ
สิ้นสุดของรางน้ำ คือ Lobby โรงแรมที่ตั้งอยู่ใจกลางโรงแรมอย่างเรียบง่าย พร้อมกับพนักงานที่คอยอำนวยความสะดวกในการ Check in-Check out ด้วยความยิ้มแย้มครับ
ด้านข้างของ Lobby ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา มีพื้นที่ให้แขกได้มานั่งเล่นพักผ่อนด้วยครับ ตกแต่งอย่างมีดีไซน์สไตล์โมรอคโคเลยครับ
ผมชอบไอเดียการตกแต่งผนังของเขาครับ เอาวัสดุอะไรก็ได้มาวางไว้สักชิ้น แล้วเอากรอบรูปเปล่า ๆ มาวางไว้ด้านข้าง แค่นี้ก็ดูเก๋แล้วครับ
เมื่อ Check in เสร็จแล้ว ก็จะมีประตูกระจก ซ้าย ขวา เพื่อเดินขึ้นไปยังห้องพักครับ
ผมพาเดินชมทางด้านซ้ายก่อนดีกว่าครับ เปิดประตูเข้าไปก็จะพบกับบรรยากาศแบบนี้
การตกแต่งผมว่า พื้น ๆ นะครับ แต่ความละเอียดอ่อนที่ใส่เข้าไปในแต่ละชิ้นงานนี่ซิ ทำให้งานที่ผมว่าพื้น ๆ มันกลับทำให้ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากครับ ด้วยลวดลายของกระเบื้องโบราณ ลวดลายบนผนังและเสา ประกอบกับการให้แสงไฟต่าง ๆ ทำให้บริเวณนี้ดูมีเสน่ห์มาก ๆ ครับ
ทางด้านขวาจะเห็นโคมไฟตั้งพื้น พร้อมกระถางต้นไม้สไตล์จีนโบราณ แต่มันดูไม่ธรรมดาตรงที่แสงไฟ ที่ช่วยทำให้กระถางต้นไม้ที่ออกแบบเหมือนโอ่งโบราณ ดูสะดุดตาเป็นอย่างมากครับ
อะไรที่อยู่ถูกที่ถูกทาง มันดูมีค่าขึ้นมาทันที
มาดูทางด้านขวามือกันบ้างครับ มองเห็นเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนครับ
เป็นมุมที่ให้แขกมานั่งพักดูทีวี เบาะนั่งแต่ละเบาะ ต่างแข่งกันอวดสีสันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ด้านในเบาะบรรจุด้วยเม็ดโฟม ทำให้นั่งแล้วสบายก้นดีครับ บริเวณนี้มีเครื่องปรับอากาศไว้คอยให้บริการด้วยครับ
ห้องนี้ก็เป็นอีกห้องที่ทำให้ผมตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างดีครับ
มาดูในส่วนของทางเดินขึ้นห้องพักทางด้านขวากันบ้างครับ
เข้าประตูมา ทางด้านซ้ายมือจะพบมุม Internet ครับ ตรงจุดนี้เสียค่าบริการครับ แต่ทางโรงแรมมี Free wifi ให้นะครับ ถ้าใครมีคอมพิวเตอร์มาเอง คงไม่ต้องง้อมุมนี้ครับ
ถ้ดเข้ามาอีกนิดนึง จะพบรูปปั้นของ ฮก ลก ซิ่ว ครับ ถือเป็นอีก 1 ศิลปะที่ได้พบเห็นได้ในที่นี่
ถัดจากรูปปั้น ฮก ลก ซิ่ว จะพบห้องน้ำ อยู่ตรงก่อนทางขึ้นห้องพักชั้น 2 ครับ ตรงจุดนี้ผมแอบเห็นศิลปะแบบไทย ๆ ซึ่งแปะอยู่หน้าห้องน้ำครับ เป็นรูปของ ช-ญ ที่อยู่ตรงหน้าห้องน้ำครับ
จากส่วนที่เป็น Lobby ถ้าหากเราเดินต่อเข้าไปด้านใน จะต้องผ่านประตูไม้แกะสลัก ลวดลายไม้และศิลปะในการออกแบบ ดูแล้วเข้ากันมากครับ
ลวดลายของประตู ดูออกแขก ๆ ครับ ด้านหลังประตูไม้ เป็นสระว่ายน้ำครับ
สระว่ายน้ำไม่กว้างมาก แต่ตกแต่งและออกแบบได้อย่างน่าสนใจครับ
ที่ข้างสระน้ำทั้งสองฝั่ง จะมีเก้าอี้ให้แขกได้มานั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ มุมนี้ชิวมาก ๆ ครับ
ด้านซ้ายของสระน้ำ เป็นสปาครับ แต่เนื่องจากมีแขกกำลังทำสปาอยู่ ผมเลยไม่ได้เข้าไปถ่ายบรรยากาศมาให้ชม ส่วนด้านขวามือของสระน้ำ จะเป็นส่วนของจุดนั่งเล่น มีทั้งโซฟาและเตียงให้นอนเล่นครับ
นอกจากนี้แล้ว ด้านข้างยังมีฟิตเนสด้วยครับ อุปกรณ์มีประมาณ 5 ชิ้นครับ
มาดูในส่วนของห้องพักกันบ้างครับ คืนนี้ผมพักห้อง Superior Room
เดินขึ้นบันไดขึ้นมาเลยครับ มุมนี้จี๊ดจ๊าดมากครับ บันไดปูพรมเป็นรูปลายดอก ซึ่งแข่งกันเด่นมากกับลวดลายบนกระเบื้อง สีร้อนแรงมากจริง ๆ ครับ
บริเวณทางเดินไปยังห้องพักครับ ทางเดินแคบไปนิดครับ
เปิดประตูห้องพักมา ด้านซ้ายก็จะเป็นเตียงนอน ข้างหัวเตียงมีโคมไฟ และตู้เสื้อผ้าอยู่ขนาบข้างครับ ด้านข้างจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งตำแหน่งของชักโครก อยู่ระดับเดียวกันกับหัวเตียงเลย สำหรับประตูห้องน้ำจะเป็นประตูแบบเลื่อนปิดครับ
สำหรับด้านขวา จะมีโต๊ะเขียนหนังสือ มีโคมไฟตั้งโต๊ะ โทรศัพท์ กระดาษโน๊ต ทีวีจอแบนประมาณ 17 นิ้ว แขวนติดที่ผนังครับ
มีตู้นิรภัยให้ด้วยครับ
แถมน้ำให้ 2 ขวด นอกจากนี้ยังมีตู้เย็นให้ด้วยครับ
มาดูในส่วนของห้องน้ำบ้างครับ ตกแต่งแบบง่าย ๆ ทาผนังด้วยสีเขียว พื้นที่ค่อนข้างแคบ เวลาผมนั่งชักโครก หน้าผมแทบไปติดอยู่กับผนังเลยครับ
ในส่วนของที่อาบน้ำครับ มุมนี้สวยดีครับ เวลาที่แสงจากภายนอกส่องผ่านกระจก แล้วมากระทบกับกระเบื้องเคลือบสีเขียว กระเบื้องมันดูเปล่งแสงครับ
อุปกรณ์อาบน้ำครับ
ชมห้องกันเรียบร้อยแล้ว มาชมบรรยากาศของโรงแรมช่วงพลบค่ำกันครับ ผมว่าช่วงเวลานี้โรงแรมดูสวยมาก ๆ ครับ
บริเวณหน้า Lobby ครับ
เข้ามาบริเวณสระว่ายน้ำครับ
เหนือสระว่ายน้ำ มีโคมไฟหลากสีสัน ห้อยระย้า พัดไหวตามแรงลมครับ
มุมพักผ่อนริมสระน้ำ ยิ่งน่านั่งมากยามนี้ครับ ด้านข้างสระมีน้ำพุเล็ก ๆ พ่นน้ำเป็นระยะๆ
ไปที่มุมเตียงและโซฟา ให้แขกนั่งพักผ่อนอีกครั้ง ยามค่ำ ๆ แบบนี้ น่านั่งกว่าตอนกลางวันเยอะเลยครับ
จากสระว่ายน้ำ มองออกไปยัง Lobby ครับ
ที่นี่มีบริการอาหารเช้าด้วยครับ
ที่หน้าห้องอาหาร มี Bar เล็ก ๆ ครับ
ไลน์อาหารเช้าแบบง่าย ๆ ครับ มีทั้งข้าวผัด ไข่ต้ม แฮม ข้าวต้ม สลัด ผลไม้ และเบเกอรี่
มุมเครื่องดื่ม
บริเวณโต๊ะที่นั่งในห้องอาหารครับ
บริเวณ Lobby มีของที่ระลึกจำหน่ายด้วยครับ มีทั้งตุ๊กตาหมีตัวเล็ก ๆ เสื้อ แก้ว
มีบอร์ดเล็ก ๆ สำหรับให้แขกได้เขียนความรู้สึกในการเข้าพักของโรงแรมนี้ครับ
โดยรวมแล้ว ที่นี่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยติดหรู เพราะสภาพห้องพักไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ เพดานห้องพักค่อนข้างเตี้ย หมอนยัดนุ่นแบบเป็นก้อน ๆ และค่อนข้างสูง ใครไม่ชอบนอนหมอนสูงคงลำบากแน่ ๆ ขนาดผมเป็นคนชอบนอนหมอนสูง ตื่นมายังรู้สึกเมื่อยคอเลยครับ ห้องน้ำค่อนข้างแคบ สำหรับจุดเด่นของที่นี่คือ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี เดินทางสะดวก ขนาบข้างด้วยห้างโลตัส และติดกับโรงแรมยังมี Family mart โรงแรมตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ มีนิตยสารหลายเล่มได้มาถ่ายแบบที่นี่ รวมถึงพวกที่ถ่าย Pre wedding ด้วยครับ
ลุงเสื้อเขียว
วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.36 น.