คุณจำความรู้สึกตอนเลิกกะแฟนได้ไหม? มันจะมีความอาลัยอาวรณ์ แล้วจะมีคำถามพุ่งเข้ามาสารพัด อาทิ ไม่รู้จะไปเริ่มกะคนใหม่ยังไง ไม่รู้ว่าคนใหม่จะดีหรือเปล่า จะดีเท่าคนเก่าไหม ไม่รู้ว่าเคมีจะตรงกันไหม บลา บลา บลา ... มี๊ มีแน่ ๆ ใคร ๆ ก็ต้องเคยมี ที่เขียนแบบนี้ เพราะเรารู้สึกแบบเดียวกันเป๊ะตอนที่ต้องออกจาก Hallstatt และ กำลังมุ่งหน้าไป St. Wolfgang

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ที่เราไปแวะเที่ยว Hallstatt ซึ่งกว่าเราจะออกจาก Hallstatt ก็บ่ายคล้อย เราอาลัยอาวรณ์กับวิวที่ Hallstatt มาก เป็นเพราะว่าวันที่เราไปเที่ยว โรงแรมที่ Hallstatt เต็มหมดไม่สามารถจองได้ เลยไม่มีโอกาสได้ค้างคืนที่เมืองนั้น ..... กว่าเราจะอำลา Hallstatt ได้ เราอ้อยอิ่ง เราเล่นตัว เราถ่วงเวลาไม่อยากออกจาก Hallstatt เลยจริงๆ สุดท้ายเราก็ร่ำลาจนได้ หันหลังให้ Hallstatt และ มุ่งหน้าสู่เมืองถัดไป คืนนี้เราได้นอนที่เมืองชื่อ St. Wolfgang

ขอเล่าถึงโรงแรมชื่อ MARGERETHA ที่เราพักคืนนี้หน่อย โรงแรมนี้ ภายนอกดูเก่า ๆ เป็นอาคารไม้ 4 ชั้น ดูธรรมดาไม่มีอะไรที่พิศดารจากโรงแรมระดับ 3 ดาวทั่ว ๆ ไป เรารู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ ตอนแรกที่ได้เห็นโรงแรม แต่ตอนที่เราเข้าห้องนั้น เราอ้าปากค้างกับการตกแต่งภายในของโรงแรมนี้ คือมันสวยStyle Modern และทุกห้องตกแต่ง ไม่ เหมือน กัน เราวิ่งเข้าวิ่งออกเหมือนเด็กอนุบาลตอนคุณครูปล่อยให้เล่นที่สนาม ไปขอดูห้องเค้ามา พบว่าไม่มีห้องไหนที่ตกแต่งแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ เราได้แต่ดู ถ้ามีเวลาและมีตังค์พอ จะมานอนมันทุกห้องเลย!

เราเพลิดเพลินกับห้องอื่น ๆ มาพอแล้ว พอเปิดประตูห้องตัวเองเข้าไป สิ่งแรกที่ปะทะสายตาเห็นจะเป็นวิวทะลสาปที่สยบความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ วางกระเป๋า แล้วเดินไปที่ระเบียง เหมือนกับว่า มันมีแรงดึงดูดที่ระเบียงและที่รองเท้าของเรา เราเดินผ่านห้องนอน ผ่านเตียงนอน และ ห้องน้ำไปอย่างไม่ใยดี ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เพิ่งกรี๊ดกร๊าดไปกับมัน

พอมองออกจากระเบียงห้อง จะเห็นประตูสีเขียวฝั่งตรงข้าม ที่มีคนยืนอยู่ด้านหน้าประตู เปิดเข้าไปได้เลยค่ะ นั่นคือท่าน้ำ ที่จะพาคุณไปสู่อีกโลกนึงเลยที่เดียว

น่าแปลกที่แม้อีกฝั่งของทะเลสาปจะเป็นภูเขา ทำไมเราถึงไม่รู้สึกอึดอัด กลับกันกลับรู้สึกโล่ง สบาย คิดคำบรรยาย ไม่ถูก พูดได้คำเดียวตอนนี้ "สุข" ไม่รู้เป็นเพราะสีเขียว สีฟ้า ที่คนเมืองกรุงโหยหา หรือ เป็นเพราะวิวสะท้อนกลับไปมา จนไม่แน่ใจว่า ตอนนี้เราอยู่โลกจริง หรือ โลกเสมือน

พระอาทิตย์ ที่นี่กำลังจะเตรียมตัวเลิกงาน คนบนฟ้าค่อย ๆ ดิมแสงสว่างลง จากสีฟ้า เป็นสีคราม เป็นสีน้ำเงิน เป็นสีม่วง ส้ม แดง และ ดำในที่สุด พระอาทิตย์ และ คนบนฟ้าคงตอกบัตรกลับบ้านไปแล้ว แต่คนข้างล่างยังนั่งมองฟ้า อยู่ที่เดิมเหมือนถูกมนต์สะกด

ความมืดค่อย ๆ คลี่ตัวออกเหมือนผ้าม่าน ที่บอกว่ากิจกรรมวันนี้ควรจะจบ และ ปิดฉากลงได้แล้ว ถ้าเป็นละคร วันนี้ คงจบได้หลายแบบ ขึ้นกับการตีความของตัวละครนั้น ๆ ใครที่มาเป็นเลขคู่ ก็จบแบบ แฮปปี้เอ็นดิ้ง กับฉากรักโรแมนติกที่ไม่ต้องมีบทบรรยาย แต่ให้บรรยากาศเป็นตัวเล่าเรื่อง ส่วนใครที่มาเป็นเลขคี่ ก็อาจจะจบอีกแบบ จะเหงา จะเศร้า จะสงบ ทุกอย่างเกิดที่ฉากเดียวกัน แล้วแต่การตีความของตัวละคร

St.Wolfgang เป็นเมืองที่เหมาะกับการพักผ่อน การนั่งเฉย ๆ เสพวิว เสพอากาศ เสพความสุขให้ Overdose เสพให้ล้นเหลือเผื่อแผ่ไปยังคนที่ประเทศไทย ที่ตอบกลับมาด้วยคำหมั่นไส้ สั้น ๆ ว่า “อิจ” ...ไม่ได้ตั้งใจส่งไปให้อิจฉา แต่ความสุขมันกระฉอกไปทางรูปภาพจริง ๆ เมืองอะไรจะสวยได้ขนาดนี้ ค่ำคืนของเมืองนี้ไม่มีอะไรหวือหวา ร้านปิดตอน 2 ทุ่ม แม้จะเป็นร้านอาหาร ร้านไวน์

เรานั่งเสพวิวจนชุ่มปอด พระอาทิตย์ลาไปนานแล้ว และเหมือนจะเอาอากาศอุ่น ๆ ติดไปให้คนอีกฟากฝั่งของโลกด้วย เราเข้านอน พร้อมความสุข มีฟ้าสวย มีภูเขา มีทะเลสาป แม้ตอนนี้จะมองไม่เห็น แต่เราก็รู้ว่ามันมี


เช้าแล้ว ไปเที่ยวกันเถอะ ไปเที่ยวกันเถอะ

ร้านสบู่

ร้านกาแฟ คือหอม คือหิว... รออะไร!

แวะไปซื้อสตรอเบอรี่กลับโรงแรมซะหน่อย

Display แต่ละร้าน ยอมใจนางจริง ๆ

ไม่รู้จะโทษน้ำ โทษภูเขา โทษท้องฟ้า โทษปลา หรือ โทษดาวดี ที่เผลอรัก St. Wolfgang เข้าเต็ม ๆ แค่อยากรู้ว่า St. Wolfgang จะรู้สึกเหมือนกันไหม แค่นั้น???


ความคิดเห็น