เคยมั้ย???? วันอาทิตย์ทีไรเครียด ปวดหัวทู้กที เครียดเรื่องรายหรอ ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ..... ก็เรื่องเที่ยวอะดิ จะเรื่องอะรายล่ะวายรุ่น แค่คิดก็เครียดแล้ว เรื่องงานเครียดแบบนี้มั้ย ตอบเลยว่าไม่จริงๆ 555 นั่งไปนั่งมาก็คิดๆ ว่าวันเดียวจะเที่ยวไหนได้บ้างว้า เปิดดูสมุดจดของจัวเองว่าไปไหนมาบ้างแล้ว แล้วเหลือหม่องได๋ที่ยังบ่ด้ายปาย และแล้วก็มาหยุดอยู่ที่ “เขาวงพระจันทร์” พอได้สถานที่แล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางกันสักที่ ก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้ พอขับรถไปได้ครึ่งทางก็เปิดดู GPS เพื่อนร่วมทางของเรา ว่าตอนนี้อยู่ตรงไหน และแล้วความซวยก็บังเกิด ซวยอารายสงสัยใช่เปล่า มาผิดทางสิครับ หรือหลงทางนั่นเอง มั่นใจตัวเองไปหน่อยไม่เปิดดู GPS ตั้งแต่แรก ถึงกลับต้องแวะตั้งหลักกันข้างทางเลยครับ แล้วก็คิดสิครับว่าจะเอาไงต่อ เพราะสายมากแล้ว จะไปเขาวงพระจันทร์ คงขึ้นไม่ไหวแน่ๆ นอนสงบหรือน็อคคาเขาแน่ๆ จะกลับก็เสียเวลาอีก ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว คราวนี้คิดหนักสิครับว่าจะอาวงาย แล้วก็ไปสดุดตรงป้าย ป้ายนึง และก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมาก ขับรถไปแปบเดียวก็ถึง นั่นก็คือ คือ คือ คือ คือ คือ เดี๋ยวๆ ยาวปาย ฮ่าๆๆ นั่นก็คือ “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” นั่นเองจะที่ไหนล่ะ ได้ข่าวว่าปีนี้น้ำเต็มเขื่อนด้วย และจุดที่หน้าสนใจก็คือ เป็นเขื่อนตามแนวพระราชดำริของพ่อหลวง รัชกาลที่ ๙ อีกด้วย เลือกที่ได้แล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลยดีกว่า
และแล้วข้าพเจ้าผู้หลงทาง ก็แว้นมาถึง “เขื่อนป่าสักฯ” ส้ากที ก่อนเที่ยวกันมาทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเขื่อนป่าสักฯ กันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเที่ยวไปงงไป ฮาๆๆๆ
เขื่อนป่าสักฯ เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม เริ่มดำเนินการก่อสร้างในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๓๗ โดยกรมชลประทานเป็นผู้รับผิดชอบ
เมื่อทราบข้อมูลเบื้องต้นกันแล้วก็เที่ยวกันเลยดีกว่า ก่อนที่จะหลับ ฮาๆๆๆ ป่ะๆๆๆ ตามเรามา เดี๋ยวเราพาไปนอน แหะ ไม่ใช่แว้ว เดี๋ยวเราพาไปเที่ยว
พอมาถึงเขื่อนป่าสักฯ ปุ๊บ เราก็มาซื้อตั๋ว รถลากจูงชมเขื่อนกันดีกว่า ราคาตั๋ว ผู้ใหญ่ ๒๕ บาท กำนัน ๑๐ บาท แหะ เดี๋ยวๆๆ ไม่ใช่แล้วครับนายจ้า เด็ก ๑๐ บาท
และนี่ก็คือ คือ คือ รถลากจูงที่จะพาเราเที่ยวชมเขื่อนฯ ในครั้งนี้นั่นเอง เท่ป่ะล่ะ
พอเราซื้อตั๋วเสร็จก็ขึ้นรถกันเลย (รถออกทุกๆ หนึ่งชั่วโมงโดยประมาณนะครับ)
พอคนเต็มรถแล้ว ก็ได้เวลารถออกแล้วครับ
และนี่ก็คือ วิว วิว วิว แล้วก็วิว ข้างทาง สวยใช้มั้ยครับ
นั่งรถมาเรื่อยๆ จนสุดเขื่อนฯ รถก็จะจอดให้เราได้ไหว้สักการบูชา “พระพุทธรัตนมณีมหาบพิตรชลสิทธิมงคลชัย หรือ หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก” รถจะจอดให้เราประมาณ ๓๐ นาที นะครับ
ไหว้หลวงปู่เสร็จแล้ว ก็ได้เวลากลับไปยังหัวเขื่อน และนี่ก็คือวิวตอนกลับอีกฝั่งเขื่อน สวยอีกแล้ววว
หลังจากที่เรานั่งรถชมเขื่อนกันแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาเดินชมเขื่อนกันบ้างดีกว่า
จุดแรกเรามากินอาหารปลากันดีกว่า เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ หิวใช่มั้ย ฮาๆๆ เรามาให้อาหารปลากันดีกว่า บอกเลยว่า น้ำใสมาก ใสไม่ใส ก็เห็นตัวปลาเยอะไปหมดเลยครับ น่าเอาไปต้ม ไปปิ้งกินเนาะว่ามะ แต่อย่าไปกินมันเลยเนาะสงสารมัน
เดินไปเรื่อยๆ จนถึงสันเขื่อนฯ เรามาหามุมถ่ายรูปกันดีกว่า เด็ดๆ ท้างน้าน
ดูจากรูปแล้ว สวยใช่มั้ยล้า เราบอกเลยว่าของจริงสวยกว่านี้อีกนะ มามา ถ่ายรูปกัน
มั่วถ่ายรูปจนเพลิน พอดูเวลาแล้ว จะต้องเดินกลับแล้วสินะ ตอนเดินกลับก็สังเกตได้ว่า เอ๊ะ หออะไรสูงๆว๊ะ พอเดินเข้าไปใกล้ๆ จนถึงหอคอย ปิดซะงั้น เศร้าแถมงงปายอีก ถึงจะไม่ได้ขึ้นแต่ก็มีความรู้มาบอกน้า (ถึงจะเที่ยวแบบนี้ แต่ก็มีสาระตลอดทางนะครับบอกเลย) “หอคอยเฉลิมพระเกียรติ” เสียค่าเข้าชม ๒๐ บาท บนหอคอย ก็จัดแสดงประวัติอดีตบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ตั้งแต่โบราณกาล และยังเป็นที่นิยมสำหรับชมวิวของเขื่อนฯ เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกด้วย
นี่เป็นบริเวณร้านค้า สำหรับซื้อของฝาก ของกิน ต่างๆ สามารถแวะชม แวะซื้อ แวะชิม กันได้นะครับ
หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลากลับแล้ว แต่ แต่ แต่ ระหว่างทางเราเจอของเด็ดครับ นั่นก็คือ คือ คือ .........
“ทุ่งดอกทานตะวัน” ไร่ลุงท๊อป ใครที่ผ่านไปมาสามารถแวะเข้าชม ถ่ายรูป ซื้อของฝาก กันได้นะครับ ค่าเข้าชมเพียง ๑๐ บาท
จบทริปแล้ว ได้เวลากลับแล้ว เพลียมากครับ แดดเค้าก็แรงดับแรงดีจริงๆ ผมยอม ยอมเธอจริงๆ
สุดท้ายขอฝากไว้นะครับว่า วันหยุดแค่ ๑ วัน ไม่สามารถเป็นอุปสรรค สำหรับการเที่ยวของวิศวะบ้านนอกอย่างผมได้ ตามสโลแกนที่ว่า “๑ วันก็ไปได้ คนเดียวก็เที่ยวได้” แค่คุณลองมองหาสถานที่ที่อยู่บริเวณใกล้ๆ จากที่ที่คุณอยู่ ว่าน่าสนใจยังไง เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็พาร่างกาย พาหัวใจ ของคุณ และคนรอบข้าง ออกไปเที่ยวซะ แล้วคุณจะลำบากมากกว่าเดิม เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ดิ ฮ่าๆๆ จะบอกให้ว่า แค่เราออกไปเที่ยวที่ใดสักแห่ง พาสมอง พาหัวใจ พาร่างกาย ไปปล่อยวางบ้าง ไปพักบ้าง ไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ดูบ้าง เผื่ออะไรอะไรมันจะดีขึ้นนะครับ
อ่านจบแล้วอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ กดรักกันได้นะคร๊าฟ แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้า กับ ซิศวะพาเที่ยว ครับผม
สามารถติดตาม และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เพจ : วิศวะพาเที่ยว
https://web.facebook.com/Widsawaphathiew/
IG : widsawaphatiew
_________
ข้อมูลเพิ่มเติม
๑.ใครที่อยากไปกางเต้นท์บริเวณเขื่อนฯ สามารถกางได้นะครับ มีสถานที่ให้ ส่วนมากนิยมกางเต้นท์กันในช่วง ต.ค.-ก.พ.
๒.ดอกทานตะวันจะบานช่วง พ.ย.-ม.ค.
๓.การเดินทาง :
- จากตัวเมืองลพบุรีใช้เส้นทาง ลพบุรี-โคกตูม-พัฒนานิคม (ทางหลวงหมายเลข ๓๐๑๗) ระยะทางประมาณ ๔๘ กิโลเมตร และยังมีบริการรถสองแถวสาย ลพบุรี-วังม่วง ผ่านหน้าเขื่อนฯ รถออกจากสถานีขนส่งลพบุรีตั้งแต่ ๐๖.๐๐-๑๗.๐๐ น.
- นอกจากนี้ยังมีบริการท่องเที่ยวทางรถไฟขบวนพิเศษไป-กลับ กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักฯ ในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ
ติดต่อสอบถาม ททท ลพบุรี ๐๓๖-๔๒๒๗๖๘-๙, ๐๓๖-๔๒๔๐๘๙
Website : www.tourismthailand.org/lopburi
วิ ศ ว ะ พ า เ ที่ ย ว
วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 17.58 น.