กระบี่.. อีกแล้ว!
จะว่าไปแล้ว ก็นับครั้งไม่ถ้วนเลย.. ที่ผมได้กลับมาเยือน จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวบ่อยมากๆ ชอบกระบี่ที่ความเป็นธรรมชาติ และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ ทั้ง ทะเล ภูเขา วัด และ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ในจังหวัด ที่สามารถพูดได้เลยว่า.. มากระบี่ครั้งเดียว ไม่เคยพอ..
สำหรับทริปนี้ ผมได้กลับมาเยือน กระบี่.. อีกแล้ว! แต่ในการมาเยือนครั้งนี้ จะดูพิเศษ และสะดวกสบายขึ้นมาหน่อย เพราะ ได้มีโอกาสมาเที่ยวกระบี่แบบแพ็คเก็จ 3 วัน 2 คืน กับ เกาะพีพีทัวร์ ซึ่งจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง? ..ก็ตามมาได้เลยครับ!
ไปเที่ยวไหนมาบ้าง?
เกาะกลาง
เที่ยวชมวิถีชุมชนบน เกาะกลาง ซึ่งนั่งเรือจากตัวเมืองกระบี่ข้ามไปเพียงแค่ 10 นาที ..เท่านั้น! จากความเจริญในเมือง พอได้นั่งเรือข้ามมาถึง เกาะกลาง ก็เหมือนกับหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกหนึ่ง ที่ผู้คนยังคงมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย บรรยากาศสงบเงียบ ได้เห็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ใครมากระบี่แล้วพอมีเวลาเหลือก็สามารถนั่งเรือข้ามมาเที่ยวได้ ใกล้กว่าที่คิด..
หมู่เกาะพีพี
ออกทะเล แบบเดย์ทัวร์ ไปเที่ยว หมู่เกาะพีพี กับ เกาะพีพีทัวร์ โดยมีโปรแกรมเที่ยวทะเล เริ่มต้นจาก เกาะพีพีเล อ่าวมาหยา อ่าวโล๊ะซามะ อ่าวปิเละ ถ้ำไวกิ้ง เกาะไม่ไผ่ เป็นต้น ซึ่งการออกไปเที่ยวทะเลตลอดทั้งวันนี้ ก็จะได้รับการดูแลจากพนักงานของ เกาะพีพีทัวร์ เป็นอย่างดี
สระมรกต
ถึงแม้ว่า.. จะเคยมาเที่ยว สระมรกต แล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังติดใจในความสวยงามของสระมรกตอยู่ ซึ่งการจะมาเที่ยวสระมรกตในช่วงเวลาที่สวยงาม และได้ลงแหวกว่ายในน้ำอย่างสบายใจ ไร้ผู้คน ก็ต้องรีบไปแต่เช้า รับรองเล่นน้ำฟินเลย..
คลองสระแก้ว
แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่เพิ่งได้รับความนิยม.. คลองน้ำจืดขนาดเล็กที่มีน้ำใสไหลเย็น มีต้นน้ำเป็นสระที่มีสีสันสวยงาม ไหลพาดผ่านป่าพรุ จนทะลุออกทะเลอันดามัน โดยมีระยะทางของคลองสายนี้ประมาณ 2 กิโลเมตร ด้วยความใสของน้ำในลำคลองจนมองเห็นถึงพื้นด้านล่าง.. จึงเป็นที่นิยมสำหรับการมาพักผ่อน และทำกิจกรรมทางน้ำต่างๆ เช่น เล่นน้ำ โดดน้ำ และ ที่พลาดไม่ได้คือการ พายเรือคายัค ชมธรรมชาติของป่าสองข้างทาง
ชิมอาหารท้องถิ่น
มากระบี่กี่ครั้ง.. ก็พลาดไม่ได้ที่จะต้องตระเวนหาของกินอร่อยๆ ซึ่งในกระบี่ก็มีอาหารท้องถิ่นให้ได้เลือกลิ้มลองกันเยอะมาก ทั้งร้านอาหารต่างๆ ที่มีอยู่หลายร้าน รวมไปถึงใน ถนนคนเดินกระบี่ ..ที่มีของกินให้ได้เลือกกินอีกเพียบเลย!
ติดตามการเดินทางทริปอื่นๆ ได้ที่..
FB : https://www.facebook.com/chailaibackpacker/
DAY #1
08.00 น. ออกเดินทาง!
เริ่มต้น.. ออกเดินทางที่ สนามบินดอนเมือง ในบรรยากาศยามเช้าสดใส ซึ่งจะว่าไปแล้ว.. ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทั่วทั้งกรุงเทพฯ และ ในหลายจังหวัด มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ซึ่งนับว่าโชคดีมาก ที่ไม่มีฝน ให้ต้องกังวลอีกแล้ว อากาศปลอดโปร่ง เหมาะกับการเดินทาง..
ใช้เวลาในการเดินทาง ชั่วโมงนิดๆ ก็เดินทางมาถึง สนามบินนานาชาติกระบี่ ผมเดินลงเครื่องมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ เพราะอากาศดีมากๆ แดดนี่เปรี้ยงมาเลย.. อาจจะแดดร้อนไปหน่อย แต่ก็ชอบ ดีกว่าเจอฝนตก เพราะ ก่อนหน้านั้น กระบี่ก็มีฝนตกทุกวันเหมือนกัน
ตามที่ได้บอกไปข้างต้นนะครับว่า.. ทริปนี้ มาเที่ยวกระบี่แบบ แพ็คเก็จ 3 วัน 2 คืน โดยใช้บริการของ เกาะพีพีทัวร์ ซึ่งเป็นแพ็คเก็จรวม ที่พัก 2 คืน + ทัวร์ท่องทะเลกระบี่ โดย Speed Boat(เลือก 1 รายการทัวร์) + อาหาร 3 มื้อ + รถรับส่งสนามบินกระบี่ / บขส. กระบี่ ดังนั้น การเดินทางในทริปนี้จึงดูสะดวกสบายหน่อย มีพนักงานของเกาะพีพีทัวร์ มารอต้อนรับตั้งแต่สนามบินเลย มีรถมารับพร้อม นั่งสบาย ไม่ต้องนั่งรถเข้าเมืองเองอย่างในครั้งที่ผ่านๆ มา..
11.00 น. โกจ้อย.. ขนมจีน ไก่ทอด
เนื่องจากเป็นเวลาเกือบเที่ยง.. ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว.. จัดมื้อเที่ยงกันในตอนนี้เลย รถของเกาะพีพีทัวร์ที่มารับผม ได้พาแวะหาอะไรกินก่อนที่จะเข้าที่พัก ซึ่งจากสนามบินไม่ไกล มีร้านขึ้นชื่ออย่าง ร้าน “โกจ้อย” เป็นร้านขนมจีนไก่ทอดเก่าแก่ ของจังหวัดกระบี่ โดยมีจุดเด่นที่ขนมจีนทำจากแป้งสด ทำสดใหม่ทุกวัน เสิร์ฟพร้อมน้ำยาที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายตามใจชอบ และ ที่สำคัญ.. ต้องทานควบคู่ไปกับไก่ทอดด้วย
ไก่ทอดกรอบๆ กรอบนอกนุ่มใน ..เข้ากันดีกับขนมจีนที่มีน้ำยารสชาติเผ็ดจัดจ้าน
หรือ จะลองกินกับ ห่อหมก ดูก็เข้ากันดีเหมือนกัน และ ด้วยความที่มีน้ำยาหลากหลายแบบ มาตั้งตรงหน้าให้เลือกมากมายแบบนี้ ทำให้ได้ลองน้ำยาทุกแบบ ซึ่งมีรสที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ออกเค็มนำ บ้างก็เผ็ดแบบจัดจ้านแบบฉบับปักษ์ใต้.. มากินทีเดียวคุ้มเลยได้ลองหลายแบบ
ความรู้สึกเผ็ด ในบรรยากาศร้อนๆ แบบนี้ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่า เครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้ว.. แต่ที่นี่ เขาเสิร์ฟมาเป็นถุงนะครับ พกพาสะดวกดี ดื่มไม่หมด ถือกลับไปได้ ก็ถือเป็นร้านอร่อยที่ต้องมาลองกันสักครั้ง!
12.00 น. SRISAWARA CASA HOTEL AT KRABI
หลังจากอิ่มอร่อยกับมื้อเที่ยงไปแล้ว.. ก็ได้เวลาเข้ามาใน ตัวเมืองกระบี่ ซึ่งที่พักของผมในวันนี้ ก็คือ โรงแรม SRISAWARA CASA เป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองกระบี่ อยู่ไม่ไกลจาก ปากน้ำกระบี่ เขาขนาบน้ำ และ ลานปูดำ สามารถเดินไปเที่ยวเล่นได้อย่างสบายๆ ซึ่งสำหรับผมแล้ว.. ทำเลที่ตั้งของโรงแรมถือว่าดีมาก นอกจากจะอยู่ไม่ไกลจากปากน้ำกระบี่แล้ว ยังอยู่ในย่านแหล่งของกิน อย่าง ถนนคนเดินกระบี่ ห้างโวค และ ร้านอาหารขึ้นชื่ออื่นๆ โดยผมจะเข้าพักที่นี่ ตามแพ็คเก็จ เป็นเวลาทั้งหมด 2 คืน
เมื่อจัดการเช็คอินเรียบร้อย ก็ขอเข้าห้องเอาของเข้าไปเก็บ และ เปิดแอร์เย็นๆ นั่งเล่น นอนเล่น พักผ่อนกันสักหน่อย ห้องของผมอยู่ชั้น 4 ต้องขึ้นลิฟท์มา ภายในโรงแรมดูใหม่ และสะอาดดีครับ
เข้ามาภายในห้อง ดูกว้างขวางใช้ได้ เตียงนุ่มนอนสบาย กำลังอิ่มมาใหม่ๆ แบบนี้ น่าเอนตัวนอนพักสักงีบ
ถูกต้อนรับ.. ด้วยช้างน้อย ที่จะแปรสภาพกลายเป็นผ้าขนหนูในไม่ช้านี้
ภายในห้องมี อุปกรณ์ และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ กาน้ำร้อน ตู้เสื้อผ้า เป็นต้น
มีน้ำดื่มให้ฟรี และผมก็รีบจับใส่ตู้เย็น อย่างด่วนเลย แช่เอาไว้กินเย็นๆ เพราะ ตอนนี้ที่กระบี่อากาศร้อนมากจริงๆ ครับ
มาดูในส่วนของ ห้องน้ำ กันบ้าง ห้องน้ำดูกว้าง และสะอาด ชอบตรงที่มีฝักบัวเป็น Rain Shower อาบน้ำได้สะใจดี พร้อม สบู่ แชมพู และ อุปกรณ์ในห้องน้ำอื่นๆ
ที่นี่.. มีไดร์เป่าผมด้วยนะ ไม่จำเป็นต้องแบกให้หนักมาจากบ้านเลย
เดินมาดูวิวที่ระเบียงห้องกันสักหน่อย ในช่วงเวลานี้อาจจะรู้ร้อนไปสักนิด แต่.. ถ้าในช่วงเช้า หรือ ช่วงเย็น ออกมานั่งเล่น ชมบรรยากาศใจกลางเมืองกระบี่ ก็ชิลใช้ได้ ซึ่งถ้ามองออกไปก็จะเห็นริมน้ำแล้ว เพราะที่นี่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปากน้ำกระบี่ สามารถเดินจากโรงแรมไม่เกิน 100 เมตร ก็ถึงริมน้ำแล้ว ไปเดินเล่น ชมวิว เขาขนาบน้ำ และ ถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์ปูดำ ได้อย่างสบาย
บริเวณชั้นล่างของ โรงแรม SRISAWARA CASA จะเป็นสำนักงานของ เกาะพีพีทัวร์ ซึ่งถ้าใครสนใจที่จะเที่ยวเดย์ทัวร์ตามเกาะต่างๆ ก็สามารถมาติดต่อที่ตรงนี้ได้เลย ตัวอย่างโปรแกรมเที่ยวรายวันที่น่าสนใจ ก็อย่างเช่น ทัวร์ท่องทะเลกระบี่-ทะเลแหวก, ทัวร์หมู่เกาะห้อง-ท่องทะเลใน, ทัวร์เจาะลึกหมู่เกาะพีพี เป็นต้น ซึ่งทัวร์ทางทะเลทั้งหมดจะเป็นเรือเร็ว Speed Boat ที่มีความสะดวก สบาย รวดเร็ว และปลอดภัย มีไกด์ และพนักงานทีมเรือคอยดูแลตลอดการเดินทาง ซึ่งนอกจากทัวร์ทางทะเลแล้ว ก็ยังมีทัวร์รูปแบบอื่นๆ ให้เลือกตามความต้องการ
สำหรับผมนั้น มีเวลาอยู่ที่ กระบี่ 3 วัน 2 คืน ในวันแรกนี้.. ก็หมดเวลาไปครึ่งวันแล้ว คงเที่ยวได้แต่บริเวณใกล้ๆ ตัวเมืองนี้ และ เดย์ทัวร์ออกเที่ยวทะเลกระบี่จึงควรอยู่ใน วันที่สอง เพราะจะต้องรีบตื่นแต่เช้า ส่วนวันสุดท้าย.. ก็สามารถหาที่เที่ยวเองได้อย่างอิสระเหมือนวันแรก หรือ ถ้าอยากออกไปเที่ยวเดย์ทัวร์อื่นๆ ต่อ ก็สามารถซื้อทัวร์เพิ่มเติมได้ ครับ
สามารถติดต่อ เกาะพีพีทัวร์ ได้ที่..
Line ID : @phiphitours (มี@)
Hotline : 081-4774857 , 087-8850880
Email : [email protected]
สรุปโปรแกรม 3 วัน 2 คืน ในทริปนี้!
- วันแรก – เที่ยว “เกาะกลาง” ในครึ่งวันบ่าย
- วันที่สอง – ทัวร์เจาะลึกหมู่เกาะพีพี อ่าวหมาหยา เต็มวัน
- วันสุดท้าย – ช่วงเช้า สระมรกต / ช่วงบ่าย คลองสระแก้ว
13.00 น. เที่ยววิถีชุมชน ณ เกาะกลาง จ.กระบี่
หลังจาก.. เช็คอินเข้าพักในโรงแรม และเก็บของ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่จะออกไปเที่ยวรอบๆ บริเวณแถวนี้กันสักหน่อย ซึ่งผมมีเวลาในช่วงบ่ายนี้ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก็เลยคิดว่า.. หาที่เที่ยวที่ไม่ไกลจากโรงแรมและตัวเมือง “เกาะกลาง” จึงเป็นตัวเลือกแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว
“เกาะกลาง” เป็นเกาะที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกระบี่ เป็นเกาะที่มีความอุดมสมบูณ์ของธรรมชาติ และวิถีชีวิตของคนบนเกาะก็ยังคงความดั้งเดิม ถ้าหากใครชอบเที่ยววิถีชุมชน ชอบเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น ที่นี่จึงเป็นจุดหมายที่น่าสนใจแห่งหนึ่งเลยครับ และเนื่องจากชาวบ้านบน เกาะกลาง นับถือศาสนาอิสลามเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงควรทราบข้อปฏิบัติเบื้องต้นก่อนที่จะเดินทางขึ้นไปบนเกาะ อย่างเช่น ข้อห้าม 5 ส. คือ ห้ามดื่มสุรา ห้ามนำสุนัขขึ้นเกาะ ห้ามนำสุกรขึ้นเกาะ ห้ามใส่สายเดี่ยว และ ห้ามพฤติกรรมเชิงชู้สาว เป็นต้น
จาก โรงแรม SRISAWARA CASA สามารถใช้วิธีเดินเท้าเพื่อเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในบริเวณปากน้ำกระบี่แห่งนี้ได้ หรือถ้าต้องการความสะดวกหน่อย ก็มีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์เปิดให้บริการอยู่หลายร้าน ซึ่งอากาศยามบ่ายที่แดดแรงเช่นนี้.. การเดินไปไหนมาไหนกลางแจ้งเป็นอะไรที่ดูน่าท้อใจสุดๆ จึงขอเลือกใช้วิธีแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์เอาล่ะกัน โดยแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันที่จุดแรก อนุสาวรีย์ปูดำ สัญลักษณ์ ของเมืองกระบี่
บรรยากาศด้านหลังจะเห็น เขาขนาบน้ำ เป็นภูเขาสูงที่ตั้งอยู่สองฝั่งของแม่น้ำที่ไหลผ่าตรงกลาง ถ้าอยากไปชมอย่างใกล้ชิดก็สามารถเหมาเรือหัวโทงที่จอดคอยให้บริการเหมาเรืออยู่ในบริเวณนั้นได้ครับ
การเดินทางจาก ตัวเมืองกระบี่ ไปยังชุมชนเกาะกลาง สามารถนั่งเรือไปได้ 2 ท่า คือ
1. ท่าเรือเจ้าฟ้าฯ จะอยู่ไม่ไกลจากลานปูดำ ถ้าพักอยู่ในเมืองเดินมาขึ้นที่ท่าเรือนี้จะสะดวกกว่า ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 15 นาที ราคาแล้วแต่ตกลง(ขึ้นอยู่กับจำนวนคน/เรือ) เรือจะมาจอดที่ ท่าเรือท่าหิน(เกาะกลาง)
2. ท่าเรือสวนสาธารณะธารา ค่าโดยสารคนละ 10 บาท ใช้เวลาประมาณ 5 นาที เรือจะมาจอดที่ ท่าเรือท่าเล(เกาะกลาง) และ ท่าเรือนี้สามารถนำรถจักรยาน หรือ รถมอเตอร์ไซค์ ขึ้นเรือข้ามฝั่งไปได้
เรือจะเริ่มให้บริการตั้งแต่เช้า 6.00 น. ไปจนถึง 21.00 น. นอกเหนือเวลาดังกล่าวก็สามารถใช้วิธีเหมาเอาได้ครับ
เพื่อความสะดวกในการเดินทาง ผมจึงต้องการเอารถมอเตอร์ไซค์ขึ้นเรือ ข้ามฟากไปด้วย จะได้มีพาหนะไว้แว๊นซ์เที่ยวรอบเกาะ ก็เลยเลือกมาขึ้นที่ ท่าเรือสวนสาธารณะธารา มาถึงที่ก็นึกว่าจะต้องใช้เวลาในการรอสักหน่อย แต่ไม่เลยครับ.. ที่นี่ ชาวบ้านนั่งเรือข้ามฝั่งไปมาถี่มากๆ แทบไม่ต้องรอเลย และเรือที่ใช้ข้ามฝั่งจะเป็นเรือที่เรียกว่า "เรือหัวตัด" ที่ส่วนหน้าของเรือสามารถใช้เทียบท่าได้อย่างสะดวก ไว้สำหรับขนถ่ายสินค้าได้อย่างสะดวก ส่วนการนำรถขึ้นเรือนั้น ถ้าไม่แน่ใจว่าจะทำเองได้มั้ย? ก็สามารถบอกพี่พนักงานขับเรือได้ครับ เดี๋ยวเขาจัดการนำขึ้นให้..
ไม่นานเรือก็ออกตัวมุ่งหน้าข้ามไป เกาะกลาง ในสภาพอากาศที่ร้อนระอุ
การสัญจรไปมาระหว่าง ตัวเมืองกระบี่ กับ เกาะกลาง เป็นภาพที่เห็นได้ตลอดทั้งวัน
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที เรือก็มาเทียบท่าที่ ท่าเรือท่าเล(เกาะกลาง) รถมอเตอร์ไซค์ก็ถูกทยอยนำลงมาจากเรือ จากนั้นก็ชำระค่าเรือ ซึ่งรวมคนและรถมอเตอร์ไซค์ที่นำมาด้วยรวม 20 บาท ถือว่าถูกมากๆ เลยครับ
สำหรับใครที่ไม่สะดวกนำมอเตอร์ไซค์ข้ามฝั่งมาด้วยก็ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะที่นี่มี รถสามล้อ คอยไว้บริการพาเที่ยวรอบเกาะ ใน 3-4 จุดสำคัญครับ ในราคา 300-400 บาท/คัน
แม้จะเป็นเกาะชุมชน ที่มีวิถีวีชิตชาวบ้านที่เรียบง่าย และมีความเป็นอยู่แบบดั้งเดิม แต่บนเกาะกลางก็มีบริการที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมาเข้าพัก ในบรรยากาศชุมชนชาวมุสลิมด้วย ซึ่งมีที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้บริการ ทั้ง โฮมสเตย์แบบแยกพักเป็นบ้านหลังเล็กๆ และ โฮมสเตย์แบบ อยู่ กิน พักร่วมกันกับเจ้าของบ้านด้วย อย่าง “คิดถึงคอทเทจ” แห่งนี้
ในช่วงเวลา 2-3 ชั่วโมงนี้ ก็ขอแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์วนเที่ยวตามจุดสำคัญ ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของการท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชนกัน ผมแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ไปตามถนนแคบๆ มาที่จุดแรก คือ ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มเรือหัวโทงจำลอง เกาะกลาง
ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มเรือหัวโทงจำลอง จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการสืบสานวิถีชีวิตของชาวเกาะกลางสมัยก่อน ซึ่งในปัจจุบันเริ่มพบเห็นได้น้อยลง เรือหัวโทงแบบดั้งเดิมเริ่มจะหายไป ชาวบ้านเลยรวมกลุ่มกันเพื่อทำ เรือหัวโทงจำลอง ขึ้น เพื่ออนุรักษ์ และพัฒนา เรือหัวโทงจำลอง จนมาเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัด และสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน
ที่นี่.. จะมีการอธิบายให้ความรู้ประวัติ ความเป็นมา ของเรือหัวโทง และประโยชน์ของเรือหัวโทงที่มีต่อชาวประมง นอกจากนี้ ยังมีการสาธิต การผลิตเรือหัวโทงจำลองในขั้นตอนต่างๆ ให้กับผู้ที่สนใจเข้าชม รวมไปถึงมีเรือหัวโทงจำลองในหลายขนาดให้เลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย
จาก ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มเรือหัวโทงจำลอง ไม่ไกลก็มาแวะชม ข้าวสังข์หยด ของชาวเกาะกลาง ซึ่งถือเป็นข้าวที่ผ่านกระบวนการปลูก การเก็บเกี่ยว โดยคนในชุมชนเอง ซึ่งมีความพิเศษตรงที่.. พื้นที่ปลูกข้าวนั้นมีความเค็มของน้ำทะเลผสมอยู่ ทำให้มีความแตกต่างจากที่อื่น คุณสมบัติของข้าวสังข์หยดคือ.. หุงแล้วนุ่ม มีรสชาติดี และ มีคุณค่าทางอาหารสูง
และ ที่นี่.. จะมีการสาธิตขั้นตอนต่างๆ ในการเก็บเกี่ยวข้าวสังข์หยด เช่นกัน
มากันที่สุดท้ายที่ กลุ่มทำผ้าปาเต๊ะ เป็นการรวมกลุ่มกัน เพื่อผลิตผ้าปาเต๊ะ ส่งขายหารายได้เสริม ซึ่งขั้นตอนการผลิตผ้าปาเต๊ะนั้น เริ่มต้นจากผ้าสีขาว นำมาปั๊มลายด้วยเทียน แล้วนำมาขึงให้ตึง วาดลวดลายเติมสีสันลงไป จากนั้นต้องทิ้งไว้ 1 วันให้สีแห้ง ก่อนจะนำไปย้อมทั้งผืน แล้วผึ่งให้แห้งอีกครั้ง ก็จะได้ผลิตภัณฑ์ผ้าปาเต๊ะออกมาไว้จำหน่าย สร้างรายได้ให้กับชุมชน
ทั้งนี้.. สามารถทดลองทำผ้าปาเต๊ะขนาดเล็กได้ ในราคา 50 บาท นำมาลงสีสันได้ตามใจชอบ ใครอยากลองก็จัดกันได้ เก็บไว้เป็นที่ระลึกครับ
สำหรับผู้ที่สนใจอยากซื้อหาผ้าปาเต๊ะกลับไป ด้านข้างก็มี Shop ผลิตภัณฑ์จากผ้าปาเต๊ะ ให้เลือกซื้อ ทั้งเสื้อผ้า ผ้าพันคอ กลับไปเป็นของฝากกันได้ ซึ่งนอกจากจะได้สินค้าราคาถูกแล้ว ก็ยังเป็นการช่วยเหลือชุมชนอีกด้วยครับ
มาหามุมสงบนั่งเล่นชมทะเลกันบ้าง ซึ่งบนเกาะนี้บรรยากาศมันช่างดูเงียบสงบมากๆ ได้ยินแต่เสียงลมที่พัดโชยมาตลอดเวลา ขอหลบแดดมาพักเหนื่อยใต้ต้นไม้ นั่งชมธรรมชาติกันสักแป้บนะ!
และ.. ก็ได้เวลาข้ามฝั่งกลับเข้าตัวเมืองกระบี่ ผมแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์กลับมาที่ท่าเรือ รอสักพัก พี่คนขับเรือก็มานำรถขึ้นเรือให้ พร้อมออกเรือข้ามกลับไปยังฝั่งเมืองกระบี่
ในการได้มาเที่ยว เกาะกลาง ในวันนี้ แม้จะเป็นระยะเวลาที่สั้น แต่ก็ทำให้ได้เห็นวิถีชีวิต แบบฉบับชาวเกาะดั้งเดิม ที่มีอะไรน่าสนใจ จนไม่น่าเชื่อว่า.. เกาะที่ห่างจากความเจริญของตัวเมือง ไม่เกิน 10 นาที จะได้พบเห็นวิถีชีวิตของชุมชน ที่เรียบง่ายเช่นนี้..
16.00 น. แวะกินหอย.. ที่ ครัวพี่ดำธารา
เรือหัวตัด กลับเข้ามาเทียบฝั่งที่ ท่าเรือสวนสาธารณะธารา เช่นเดิม หลังจากเข็นรถมอเตอร์ไซค์ลงเรือเสร็จ ก็เดินมาหาอะไรกินสักหน่อย จะเรียกว่าเป็นมื้อเที่ยงก็ไม่ใช่ มื้อเย็นก็ไม่เชิง.. โดยมาที่ ร้านพี่ดำธารา อยู่ติดกับท่าเรือที่ผมเพิ่งขึ้นมานี่เอง ร้านนี้เคยมานั่งกินหลายครั้งอยู่เหมือนกัน และมาครั้งนี้ก็ขอจัดอีกสักหน่อย เมนูอาหารก็เป็น เมนูอาหารทะเลต่างๆ และ อาหารง่ายๆ ทั่วไป อย่างอาหารอีสาน นี่ก็มีเช่นกันครับ
ในตอนนี้ขอกินอะไรง่ายๆ แซ่บๆ พอให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นสักหน่อย.. ก็เลยจัดไป กับ อาหารอีสาน ส้มตำ, ลาบเป็ด, และเสือร้องไห้
เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง กระบี่ เมนูที่พลาดไม่ได้เลย กับ “หอยชักตีน” กับน้ำจิ้มซีฟู้ด เหนียวๆ หนึบๆ เข้ากันดีกับน้ำจิ้ม ถือว่าอร่อยดีต้องลองเลย
หลังจากอิ่มแล้ว.. ก็ขอกลับโรงแรมดีกว่า เพราะตอนนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว แต่แดดยังแรงมาก และรู้สึกร้อนอบอ้าวมาก จึงกลับโรงแรมอาบน้ำให้สบายตัวสักหน่อย เปิดแอร์เย็นๆ นอนเล่นบนเตียงนุ่มๆ ..ก็นั่นล่ะครับ เผลอหลับสบายกันไปเลย..
19.00 น. ของดีเมืองกระบี่ ที่.. ถนนคนเดินกระบี่
ได้งีบหลับไปสักหน่อยรู้สึกว่าสดชื่นขึ้นมาทันที..
ตื่นมาในช่วงหัวค่ำแบบนี้ พอให้มีเวลาได้ออกไปตระเวนราตรีกันบ้าง โดยไม่ต้องไปไหนไกล.. จะลงไปเดินเล่นที่ ถนนคนเดินกระบี่ กันครับ จาก โรงแรม SRISAWARA CASA ที่พักอยู่นี้.. เดินข้ามถนนไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็ถึง ถนนคนเดินกระบี่ แล้ว ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศคึกคักมาก
ถนนคนเดินกระบี่ จะมีบรรดา ของกิน ของใช้ ของที่ระลึกต่างๆ มาวางขายเยอะมาก เปิดขายกันตั้งแต่ช่วงเย็น ไปจนถึงราวสามทุ่ม จะมีเฉพาะวัน ศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ เท่านั้น คนจะเยอะทุกวัน ทั้งชาวกระบี่เอง และนักท่องเที่ยว การได้มาเดินเล่นหาอะไรกินแบบนี้ก็ชิลดีเหมือนกัน ได้เห็นของกินแบบท้องถิ่น และได้เห็นอะไรที่แปลกตาดีครับ
โดยเฉพาะของกินนี่มีให้เลือกเยอะจริงๆ เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอะไรดี น่ากินไปหมดทุกอย่าง
ผัดไทย ที่นี่.. ได้ข่าวว่าอร่อยเหมือนกัน แต่.. ก็ไม่ได้มีโอกาสได้ลองชิม เพราะตอนนี้รู้สึกอยากกินอะไรที่เป็นข้าว มากกว่า
อาหารทะเล ก็มี.. ต้องการ กุ้ง หอย ปู ปลา ก็มีบริการปิ้งย่าง พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด ให้ด้วย
บรรดาของหวานต่างๆ ก็มีให้เลือกชิมอีกเพียบ..
เมนูนี้.. ทำมาดูแปลกตาดี 10 บาทเอง.. น่าลองชิมดูสักอันนะ..
เดินมาเจอ ข้าวยำแบบปักษ์ใต้ ก็ขอจัดสักหน่อย.. กำลังอยากกินอะไรที่เป็นข้าวๆ และ ออกแนวท้องถิ่นพอดี แบบนี้แหละน่าจะเหมาะ ราคา 40 บาท พร้อมไข่ดาว จากปริมาณ และรสชาติ ถือว่าคุ้มค่ามาก อร่อยดีครับ
และ อีกเมนูที่ได้ลองมา อันนี้ ชอบจริงๆ มาทีไรต้องจัดทุกที “ไก่กอและ” กับ ไก่ย่างพร้อมเครื่องเทศรสชาติจัดจ้านแบบฉบับปักษ์ใต้ ทั้งปีก ทั้งหนัง ทั้งเครื่องใน อร่อยทุกส่วน..
สำหรับ ไก่กอและ นี้.. ด้วยความชอบ ผมจึงซื้อมาเยอะมาก จนแทบกินไม่หมด อิ่มมาก อิ่มจนง่วง .. และ ก็ตามระเบียบ อิ่มแล้ว ก็ง่วงนอน ก็เลยต้องนอน ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้มีโปรแกรมต้องตื่นเช้า ได้นอนพักผ่อนเยอะๆ ก็ดีเนอะ!
DAY #2
07.30 น. ออกทะเล.. เที่ยวหมู่เกาะพีพี กับ เกาะพีพีทัวร์
วันนี้ตื่นเช้า..!!!
ตั้งปลุกไว้ตอนเจ็ดโมงเช้า ลุกขึ้นมาทำธุระส่วนตัวนิดหน่อย พร้อมเตรียม ของ เสื้อผ้า ครีมกันแดด สำหรับการนั่งเรือออกทะเล วันนี้จะออกไปเที่ยวเดย์ทัวร์ กับ เกาะพีพีทัวร์ โดยได้เลือกโปรแกรมทัวร์ ทัวร์เจาะลึกหมู่เกาะพีพี – อ่าวหมาหยา (โดยเรือเร็ว) เอาไว้ และ ในโปรแกรมจะมี รถบริการรับ-ส่ง จากโรงแรมต่างๆ ไปท่าเรือ โดยรถจะมารับในเวลา 08.00 น. ซึ่งในช่วงนี้มีเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ขอจัดการ อาหารเช้า ที่โรงแรมให้เรียบร้อยเสียก่อน
สำหรับอาหารเช้าที่ โรงแรม SRISAWARA CASA จะเริ่ม 07.00 น. ไปจนถึงเวลา 10.00 น. ก็เป็นเมนูอาหารเช้าอย่างง่ายๆ มีไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ขนมปัง ชา กาแฟ และ น้ำผลไม้
เมื่อถึงเวลา 08.00 น. ตามนัดหมาย รถตู้ของ เกาะพีพีทัวร์ ก็มารับตรงเวลานัดหมาย ซึ่งรถก็จะวนรับนักท่องเที่ยวประมาณ 2-3 จุดในตัวเมืองกระบี่ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังท่าเรือ..
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึง ท่าเรือส่วนตัวของ เกาะพีพีทัวร์ ณ จุดนี้จะเป็นเหมือนจุดรวมนักท่องเที่ยว ที่รับมาจากที่ต่างๆ ทั้งในตัวเมือง หรือว่า อ่าวนาง เพื่อมาลงชื่อ และ แยกลงเรือไปตามเส้นทางต่างๆ อีกครั้ง ซึ่ง เกาะพีพีทัวร์ ก็มีเดย์ทัวร์ให้เลือกหลายเส้นทางอยู่เหมือนกัน และ สำหรับผมในวันนี้ขอเลือกไปเที่ยวหมู่เกาะพีพี ละกัน ครับ..
ก่อนลงเรือ ก็มี.. บริการของว่าง เป็นขนมแบบไทยๆ รสชาติไทยๆ ไว้รองท้องก่อนลงเรือด้วยครับ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย พนักงาน ก็พาเดินไปลงเรือครับ อาจจะไปช้ากว่าคนอื่นนิดนึง เพราะมัวแต่แวะเข้าห้องน้ำอยู่ 55+ เดินลงไปเห็นคนนั่งรอในเรือเต็มเลย
สำหรับการเดินทางออกไปเที่ยวหมู่เกาะพีพี ในวันนี้ จะมี ไกด์ “วันเสาร์” (ไกด์ชื่อ วันเสาร์) จะมาเป็นไกด์คอยให้ข้อมูลท่องเที่ยวของสถานที่ต่างๆ และ คอยดูแลไปตลอดการเดินทาง และนอกจากนี้.. ก็ยังมีพนักงานทีมเรือ ที่จะมาคอยดูแลความปลอดภัยอีกด้วยครับ ซึ่งก่อนจะออกเรือ ก็จะมีการแนะนำตัว จากพนักงานที่มีหน้าที่ต่างๆ บนเรือ และ ไกด์ก็จะบอกข้อควรปฎิบัติต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนครับ
ในทุกๆ วัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ มากกว่า 80% จะเป็นชาวจีน ที่เหลือก็จะเป็นฝรั่ง และมีคนไทยบ้าง ดังนั้น บนเรือจึงมีพนักงานที่คอยทำหน้าที่เป็น ล่าม ภาษาจีน เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันด้วย ระหว่างที่นั่งอยู่บนเรือจึงได้ฟังหมดทั้ง 3 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีน
ได้รับแจกน้ำดื่ม และ ริสแบนด์
วันนี้.. สภาพอากาศค่อนข้างปลอดโปร่ง ถือว่าโชคดีมาก เพราะก่อนหน้านี้มีฝนตกติดต่อกันหลายวันเลยครับ ทำให้การนั่งเรือในวันนี้ดูราบรื่นมาก ไม่มีคลื่นลม และ เรือก็วิ่งได้รวดเร็ว ตรงตามเวลา
ใครมีสิ่งของที่เปียกน้ำไม่ได้ บนเรือก็มีถุงกันน้ำให้ยืมด้วยนะ..
09.30 น. สวัสดี.. เกาะพีพี!
ท้องฟ้า หาดทราย สายลม และผู้คน..
นั่งเรือแหวกผืนน้ำมาราว 45 นาที ก็มาถึง สถานที่แรก “อ่าวมาหยา” บนเกาะพีพีเล ซึ่งหลายๆ คนก็คงจะรู้จักกันดีกับอ่าวนี้ เพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดัง เรื่อง “The Beach”
จากความโด่งดังของภาพยนตร์ระดับฮอลลีวู้ดนี่เอง ที่ทำให้.. อ่าวแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงไม่แปลกใจเลยที่ จะได้พบกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมความสวยงามของชายหาดแห่งนี้ ในปริมาณที่เยอะมากๆ เลยครับ
เรือมาเทียบที่ อ่าวมาหยา และมีเวลาให้เที่ยวชมที่นี่ ประมาณ 45 นาที เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ไกด์วันเสาร์ ก็เลยพาผมเดินชมรอบบริเวณนี้กันสักหน่อย..
อ่าวมาหยา เป็นอ่าวที่สวย น้ำใส เม็ดทรายละเอียด ชายหาดเป็นรูปทรงพระจันทร์เสี้ยว ล้อมรอบไปด้วยหน้าผาหินปูนรอบด้าน ที่บริเวณชายหาด คนจะเยอะมากตลอดทั้งวัน ไกด์วันเสาร์ ได้แนะนำว่า.. ถ้าอยากมาเที่ยวแบบคนน้อยๆ ให้ลองมาพักค้างคืนที่ เกาะพีพีดอน พอตอนเช้า ก็เหมาเรือหัวโทง มาที่อ่าวนี้ แต่เช้า.. เพราะถ้าเข้าช่วงสาย ก็จะเริ่มมีทัวร์มาลงกันเยอะแล้ว.. บรรยากาศความคึกคักก็จะดูแตกต่างกันไป..
นักท่องเที่ยว รู้สึกจะตื่นตาตื่นใจกับ ความสวยงามของชายหาดนี้ กันเป็นพิเศษ ต่างหามุมเก็บภาพสวยๆ กันไปครับ
จากนั้น.. ลองเดินทะลุไปอีกด้านหนึ่งของเกาะ ซึ่งต้องเดินไปตามทางเดินประมาณ 300 เมตร
ก็จะพบกับ “อ่าวโล๊ะซามะ” ซึ่งเป็นอ่าวขนาดเล็ก ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดดำน้ำตื้น อีกจุดหนึ่ง
เมื่อใกล้ครบเวลา 45 นาที ตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ ผมก็เดินย้อนกลับไปรอขึ้นเรือที่ อ่าวมาหยา เช่นเดิม ซึ่งหลังจากนักท่องเที่ยว ทยอยกลับขึ้นเรือมากันจนครบ ก็.. ออกเดินทางไปยังจุดต่อไป
นั่งเรือจาก อ่าวมาหยา มาไม่ไกล โดยอ้อมไปทางอีกด้านของเกาะพีพีเล เรือค่อยๆ แล่นเข้าไปในเวิ้งอ่าว ที่เรียกว่า “อ่าวปิเละ” ที่นี่มีปากทางเข้า - ออก เพียงแค่ทางเดียว ภายในเป็นลักษณะเหมือนกับห้องลากูนขนาดใหญ่ โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูน มีแนวปะการังอยู่ด้านล่าง จุดเด่นของที่นี่ คือ สีของน้ำทะเลเป็นสีมรกตสวยสะดุดตามาก สถานที่นี้จึงเป็นที่สนใจสำหรับนักท่องเที่ยว ทำให้เห็นเรือเข้า - ออก อ่าวนี้อยู่ตลอดเวลาครับ
อ่าวปิเละ มีสีที่สวยงาม และ น้ำทะเลใสมองเห็นผืนทรายใต้ท้องทะเล
เรือจะพาวนชมความสวยงาม ในเวิ้ง อ่าวปิเละ นี้อย่างช้าๆ หนึ่งรอบ ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพบรรยากาศได้อย่างทั่วถึงกัน
ออกจาก อ่าวปิเละ มาไม่ไกล เรือก็มาชะลอความเร็วให้ชม ถ้ำไวกิ้ง
ถ้ำไวกิ้ง เป็นถ้ำแหล่งที่อยู่ของนกนางแอ่น ที่มีบริษัทเอกชนได้รับสัมปทานรังนก ซึ่งนอกจากจะมีรังนกแล้ว ภายในก็ยังมี ภาพเขียนสีโบราณ บนผนังถ้ำ สันนิษฐานว่า.. ภาพดังกล่าวเป็นภาพวาดผลงานของชาวประมงผู้ที่มาจอดเรือพักหลบคลื่นกลางทะเล
แล้วก็ได้เวลาลง ดำน้ำตื้น เรือมาจอดเทียบที่บริเวณ อ่าวลิง ซึ่งที่ชื่อว่า.. อ่าวลิง นั้น ก็เพราะ ที่นี่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของลิงแสม ถ้าได้เดินตามชายหาดจะพบกับบรรดาฝูงลิงที่ดูคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวกันเป็นอย่างดี
แต่ว่า.. ไม่ได้เดินขึ้นชาดหาดไปดูลิง กันนะครับ ในวันนี้มา อ่าวลิง เพื่อจะมาดำน้ำในบริเวณนี้กันครับ
พนักงานบนเรือทยอยแจกหน้ากากดำน้ำ และ อธิบายทำความเข้าใจเพื่อความปลอดภัยก่อนจะให้นักท่องเที่ยวลงจากเรือ ซึ่งพนักงานเรือบางส่วนก็จะลงน้ำมาช่วยดูแลความเรียบร้อยด้วยครับ
มาดำน้ำดูโลกใต้ทะเลกันครับ!
บรรยากาศโดยรอบของอ่าวลิงก็ดูเป็นธรรมชาติดี น้ำทะเลใส โดยจะใช้เวลาในการดำน้ำ ณ จุดนี้ประมาณครึ่งชั่วโมงครับ
เมื่อครบกำหนดเวลา นักท่องเที่ยวก็ทยอยกันขึ้นจากน้ำ และเรือก็พามุ่งหน้าไปที่ อ่าวต้นไทร เกาะพีพีดอน ซึ่งจะไปพักทานอาหารกลางวันกันที่นั่นครับ
12.00 น. พักทานอาหารกลางวัน ที่.. เกาะพีพีดอน
กำลังหิวได้ที่เลย..
เรือเตรียมเทียบท่า ที่ อ่าวต้นไทร ซึ่งถือว่าเป็นอ่าวที่สำคัญบน เกาะพีพีดอน เพราะ เป็นเหมือนท่าเรือหลัก ที่รวมแหล่งที่พัก ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ อยู่บนอ่าวแห่งนี้
บรรยากาศของอ่าวต้นไทรจะดูค่อนข้างคึกคักหน่อย มีนักท่องเที่ยวจากหลายเชื้อชาติ มาทำกิจกรรมต่างๆ ริมชายหาดกันเยอะแยะมากมาย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเดย์ทัวร์ กับ เกาะพีพีทัวร์ ก็จะมาแวะทานอาหารกลางวันกันที่นี่ครับ เป็นอาหารกลางวันแบบเซ็ทโต๊ะ ใน ห้องอาหารพีพี ปริ๊นเซส รีสอร์ท
เมนูอาหารก็จะมีอยู่ 5-6 อย่างครับ รสชาติก็จะกลางๆ รสไม่จัด และไม่เผ็ดมาก เหมาะกับนักท่องเที่ยว โดยรวมก็อร่อยดีครับ ดำน้ำ ว่ายน้ำ มาเหนื่อยๆ ช่วยทำให้เจริญอาหารได้อย่างดีเลย และ นอกจากนี้ก็มีผลไม้ รวมไปถึง ชา กาแฟ ไว้บริการด้วยครับ
เมื่อทานกันอิ่มเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีเวลาพักผ่อนที่อ่าวต้นไทรแห่งนี้ ประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ก็มานั่งเล่นริมหาด ชมบรรยากาศท้องทะเล รอให้อาหารย่อยกันไป..
14.00 น. ดำน้ำ.. อ่าวนุ้ย!
มาดำน้ำกันต่อ..
เรือพาออกจาก อ่าวต้นไทร สถานที่พักทานอาหารกลางวัน มาที่ อ่าวนุ้ย ซึ่งจะมาดำน้ำกันต่อในช่วงบ่ายนี้
อ่าวนุ้ย เป็นอ่าวเล็กๆ บรรยากาศเงียบสงบ มีชายหาดที่สั้นกะระยะด้วยสายตาประมาณ 100 เมตร ตรงนี้จะเป็นจุดดำน้ำตื้นอีกจุดหนึ่งของวันนี้ครับ
ก่อนลงน้ำ ไกด์ ก็จะอธิบายลักษณะทางภูมิศาสตร์ของอ่าวนี้ และให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยต่างๆ พร้อมกับมีพนักงานทีมเรือคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดเช่นเคยครับ
เมื่ออุปกรณ์พร้อม ก็เตรียมลงน้ำกันอีกรอบ!
ชมบรรยากาศใต้ท้องทะเล
วันนี้ถือว่า.. อากาศปลอดโปร่งดีมาก ไม่มีคลื่นลม ดำน้ำตื้น ได้อย่างสบายครับ
และแล้ว.. ก็ได้สัญญาณเรียกจากพนักงานให้ขึ้นจากน้ำ หมดเวลาในการดำน้ำในจุดนี้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นจุดสุดท้ายที่จะได้ลงน้ำทะเล.. ดังนั้น การขึ้นจากน้ำทะเลในรอบนี้ จึงได้อาบน้ำจืด เพื่อล้างตัวกันก่อนด้วย
ไม่ไกลจาก อ่าวนุ้ย เรือได้พามาแวะชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ณ จุดหนึ่ง ซึ่งเห็นเขาเรียกกันว่า “มังกรพ่นน้ำ” ตรงจุดนี้เหมือนเป็นหน้าผาถ้ำริมทะเล ที่พอมีคลื่นเข้าไปกระทบ ในซอกรูเล็กๆ จะบีบให้น้ำพ่นพวยพุ่งออกมา เหมือนว่าหน้าผาสามารถพ่นน้ำได้
15.00 น. พักผ่อน.. นอนเล่น บนเกาะไม่ไผ่
ปูเสื่อนอน..
สถานที่สุดท้าย.. ปิดท้ายโปรแกรมเดย์ทัวร์ในวันนี้ มาทิ้งท้ายกันที่ เกาะไม้ไผ่ ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ กลางทะเล เป็นทางผ่านระหว่าง เกาะพีพี กับ ชายฝั่งจังหวัดกระบี่ ชายหาดบนเกาะแห่งนี้มีความสวยงาม น้ำทะเลใส ทรายขาวละเอียด อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติ บนเกาะจึงมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร และ ห้องน้ำ
เกาะไม้ไผ่ นักท่องเที่ยวค่อนข้างจะเยอะมากครับ ไม่แพ้ที่ อ่าวมาหยา เลย ดังนั้น จึงต้องเดินหามุมสงบกันสักหน่อย ซึ่งจะมีเวลาพักผ่อนที่เกาะนี้ 1 ชั่วโมงเต็ม และ ด้วยเหตุนี้ ไกด์วันเสาร์ จึงเตรียมเสื่อเอาไว้ให้ผมได้ยืมไปใช้หาที่หลบนอนเล่นใต้ต้นไม้กันไปตามอัธยาศัย
บรรยากาศในบริเวณ เกาะไม่ไผ่ จะเห็นนักท่องเที่ยว นั่งหลบมุม พักผ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ครับ
สำหรับผม.. เมื่อได้ที่เหมาะๆ แล้ว ก็ปูเสื่อ เอนตัวลงนอนครับ ลมโชยพัดเย็นสบายๆ ซึ่งก็ทำให้งีบหลับไปจริงๆ เลยนะเนี่ยยย..
ตื่นมาอีกทีก็เกือบได้เวลาขึ้นเรือกลับพอดี ไกด์เริ่มส่งสัญาณเรียกนักท่องเที่ยวกลับเรือตามเวลาที่นัดหมายแล้ว ระหว่างที่รอนักท่องเที่ยวคนอื่นเดินมาขึ้นเรือจนครบ พนักงานก็จะแจกของว่าง อย่าง เค้กใบเตย และ แตงโม
อากาศร้อนๆ แบบนี้.. แตงโมแช่เย็นนี่ช่วยได้เยอะเลย เรียกความสดชื่นได้อย่างดี
จากนั้น.. ก็ได้เวลาที่ต้องเดินทางออกจาก เกาะไม้ไผ่ มุ่งหน้ากลับฝั่งกระบี่ กันครับ ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาถึง ท่าเรือของเกาะพีพีทัวร์ จุดเดียวกันกับที่ลงเรือมาเมื่อเช้า เมื่อมาถึง.. ไกด์ก็กล่าวสรุปการเดินทาง พร้อมขอบคุณนักท่องเที่ยวที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันในวันนี้ ก่อนจะแยกย้ายขึ้นรถรับ-ส่ง กลับโรงแรมต่อไป..
ในการมาเที่ยวเดย์ทัวร์ เกาะพีพี – อ่าวมาหยา ในวันนี้.. แม้ว่าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ นักท่องเที่ยวเยอะมาก และดูวุ่นวายไปสักหน่อย แต่ว่า.. ท้องทะเล และธรรมชาติโดยรอบก็ดูสวยงามดีครับ ประกอบกับความโชคดีที่สภาพอากาศวันนี้ดีมาก ท้องฟ้าสดใส ไร้คลื่นลมแรงในทะเล และตลอดการเดินทางก็ได้รับการดูแล จากไกด์ และพนักงานทีมเรือ ของ เกาะพีพีทัวร์ เป็นอย่างดี ..เป็นหนึ่งวันที่เที่ยวได้อย่างสนุกดีครับ!
คลิป One Day Tour | หมู่เกาะพีพี

DAY #3
06.30 น. ตื่นเช้าไป แช่น้ำ.. สระมรกต!
ระหว่างเรา มันคนละชั้น..
วันนี้.. ตื่นเช้ามากอีกวัน เป็นวันสุดท้ายสำหรับกระบี่ทริปนี้แล้ว.. หลังจากรีบทำธุระส่วนตัว ก็ลงมาจัดการอาหารเช้าให้เรียบร้อยด้วยความรวดเร็ว ซึ่งโปรแกรมวันนี้.. ตั้งใจจะแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดกระบี่ เช่น สระมรกต คลองสระแก้ว ท่าปอมคลองสองน้ำ เป็นต้น
และ ในช่วงเช้า จะขอเดินทางไปเที่ยว “สระมรกต” ก่อน เพราะต้องการไปเก็บภาพบรรยากาศในยามเช้า และ ต้องการไปลงเล่นน้ำในช่วงเวลาที่คนไม่เยอะมาก จึงเลือกที่จะยอมตื่นเช้าสักนิด แล้วไปให้ถึงสระมรกตแต่เช้า โดยแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ ออกจาก โรงแรม SRISAWARA CASA ไปตามเส้นทางถนน หมายเลข 4 มุ่งหน้าไปทางจังหวัดตรัง ราว 60 กิโลเมตร ณ จุดนี้ไม่ต้องกลัวหลง เพราะมีป้ายบอกตลอดทาง
ใช้เวลาเดินทางมาเรื่อยๆ ประมาณ ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงบริเวณทางเข้า สระมรกต ซึ่งสำหรับผมแล้วนั้น.. เคยมาที่นี่หลายรอบแล้วครับ แต่สมาชิกผู้ที่ร่วมเดินทางที่มาด้วยกันยังไม่เคยมา ก็เลยต้องพามาสักหน่อย.. ถือโอกาสมาซ้ำ สระมรกต อีกสักครั้ง ซึ่งหลายครั้งที่ผมเคยมานั้น ต้องพบกับมวลมหาประชาชนนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติที่จำนวนเยอะมากๆ จนสระมรกตดูกลายเป็นสวนน้ำไปเลย จนมาระยะหลังๆ ก็.. ได้ค้นพบว่า ควรจะไปถึงตั้งแต่เช้าเลย(ประตูเปิด 08.00 น.) ได้เข้าไปเป็นคนแรกๆ ได้ยิ่งดี 55!
ประตูเปิด 08.00 น. ตรงเวลา ก็รีบซื้อบัตรทันที รู้สึกว่า..จะเป็นคนกลุ่มแรก สำหรับวันนี้..
- ค่าบัตร : เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท
- เวลาเปิด : 08.00 น. – 17.00 น.
จากทางเข้าไปถึง ตัวสระมรกต จะต้องเดินเท้าเข้าไปอีก ประมาณ 800 เมตร ซึ่งสามารถเดินได้อย่างชิลๆ สบายๆ เพราะสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นเขียวขจี
ไม่นานก็เดินทางมาถึง สระมรกต มาเป็นคนแรกๆ แบบนี้ บรรยากาศบริเวณ สระมรกต สงบเงียบดีมากครับ
มาถึง.. ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมลงเล่นน้ำกันได้เลย..
สระมรกต สระน้ำสวยใสใจกลางป่า
ใกล้ๆ ทางน้ำไหลลงมา คล้ายเป็นน้ำตกเล็กๆ พอให้ได้มีอะไรเล่นบ้าง..
เวลาผ่านไปสักพัก เริ่มมีแสงแดด ทำให้สีของน้ำดูสวยใสไปอีกแบบ..
สระมรกต น้ำใสกิ๊ง.. ได้แช่น้ำ แบบนี้ ฟิน!
ช่วงเวลาที่ไม่มีคนแบบนี้ ได้อารมณ์เหมือนเป็นสระส่วนตัว 55+
ลงเล่นน้ำในสระ จะรู้สึกว่ามีตัวอะไรมาตอดแข้ง ตอดขา ด้วย.. คือ ใต้น้ำมีปลาอยู่ด้วยครับ
น้ำในสระใสดี แต่..ข้างล่างก็มีตะกอนอยู่ ถ้าลงพร้อมกันหลายๆ คน น้ำในสระอาจจะขุ่นได้..
ดำผุดดำว่าย อย่างสนุกสนาน เรียกความสดชื่นให้กับเช้าวันนี้ได้อย่างดี..ครับ
แดดยามเช้ากำลังดี ทำให้..รู้สึกไม่ร้อนจนเกินไปนัก
ช่วงเวลาแห่งความฟิน.. มีไม่มาก เพราะหากผ่านไปสัก 1 ชั่วโมง ทัวร์ก็จะเริ่มลงแล้วครับ คนจะเริ่มทยอยกันมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ เยอะจนเหมือนเป็นสวนน้ำเลยทีเดียว 55+ ฉะนั้น ช่วงนี้.. จึงต้องกอบโกยกันให้เต็มที่!
เมื่อรู้สึกว่าคนเริ่มทยอยกันมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้ว.. ก็ได้เวลาที่จะกลับออกไปจากที่นี่กัน จัดการเปลี่ยนเสิ้อผ้า แล้วแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ย้อนกลับเข้าไปในตัวเมืองกระบี่ กลับไปตั้งหลักกันที่โรงแรมเหมือนเดิมครับ..
12.00 น. พายคายัค.. คลองสระแก้ว!
หาเรื่องออกกำลังกาย..
กลับมาตั้งหลักที่ โรงแรม SRISAWARA CASA เพื่อเตรียมเก็บของ และเช็คเอาท์ ซึ่งในช่วงบ่ายนี้ มีโปรแกรมแว๊นซ์ขึ้นไปทางเหนือ เพื่อไปยัง “คลองสระแก้ว” และ “ท่าปอมคลองสองน้ำ” ซึ่งทั้งสองจุดก็อยู่ไม่ไกลกันนัก
รู้สึกว่าช่วงบ่ายนี้สภาพอากาศเริ่มครึ้มฟ้า ครึ้มฝน หลังจากจัดการมื้อเที่ยงเสร็จก็รีบควบมอเตอร์ไซค์ไปยังจุดหมายที่ตั้งใจไว้ทันที ระยะทางจาก ตัวเมืองกระบี่ ไป คลองสระแก้ว ประมาณ 24 กิโลเมตร ถือว่าไม่ไกล และตลอดระยะทางของเส้นทางนี้จะพบเจอกับเขาหินปูน และต้นไม้เขียวขจีสองข้างทาง อากาศสดชื่นดีมาก แว๊นซ์ชมบรรยากาศเพลินๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงทางเข้า คลองสระแก้ว แล้วครับ
ก่อนอื่น จะต้องเสียค่าธรรมเนียมบำรุงสถานทีเสียก่อน
- คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
- ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท
ค่าบริการล่องเรือ
ค่าเรือพายคายัค : 1 ที่นั่งต่อลำ 120 บาท / 2 ที่นั่งต่อลำ 200 บาท (1 ชั่วโมง)
หรือ 1 ที่นั่งต่อลำ 60 บาท / 2 ที่นั่งต่อลำ 100 บาท (30 นาที)
คลองสระแก้ว เป็นคลองน้ำจืดที่สะอาดไหลเย็น เหมาะที่จะมาเที่ยวเล่นพักผ่อน ลงเล่นน้ำ หรือ พายเรือคายัคเล่น คลองแห่งนี้มีบริเวณที่เป็นต้นน้ำ ที่มีน้ำที่ใสเขียวอมฟ้า ซึ่งจะว่าไปก็คล้ายกับ บลูลากูน(Blue Lagoon) ที่..วังเวียง เหมือนกันนะครับ บรรยากาศโดยรอบเป็นธรรมชาติที่มีความร่มรื่นมาก อากาศสดชื่นเย็นสบาย โดยจากต้นน้ำที่อยู่ห่างไปไม่ไกล คลองสายนี้จะไหลพาดผ่านป่าพรุ จนไปโผล่ออกทะเลอันดามัน โดยมีระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตร
บริเวณจุดลงเล่นน้ำ มาลงเล่นน้ำ โดดน้ำเล่นที่นี่.. ก็รู้สึกว่าสนุกดีเหมือนกันนะ..
จุดเริ่มต้นของการพายคายัค สวมชูชีพ แล้ว.. เตรียมลงเรือได้! ขอออกกำลังกายด้วยการพายเรือคายัคชมธรรมชาติกันสักหน่อยครับ.. ไหนๆ ก็มาถึงที่แล้ว!
แค่.. ออก Start มาได้ไม่นาน ก็รู้สึกถึง ความร่มรื่นเย็นสบายของป่า
ระยะทางจากจุดเริ่มต้น จะพายคายัคล่องไปเรื่อยๆ ตามลำคลองสายเล็กๆ คดเคี้ยวไปตามป่า ระยะทางรวมเกือบ 2 กิโลเมตร โดยคลองสายนี้จะไหลไปสิ้นสุดที่.. ทะเลอันดามัน
รู้สึกว่า.. วันนี้จะค่อนข้างเงียบ เพราะไม่มีคายัคลำอื่นมาร่วมแจมในลำคลองสายนี้เลย ในบางจังหวะจึงแอบเก็บไม้พาย แล้วปล่อยให้คายัคไหลไปอย่างอิสระตามกระแสน้ำที่ไหลช้าๆ
พายคายัคตามสายน้ำไปเรื่อยๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้เยอะมาก ทำให้รู้สึกสดชื่น..ดีครับ
คลิป - ล่องคลองสระแก้ว จ.กระบี่

น้ำในคลองใสสะอาดมาก จนมองเห็นถึงพื้นเบื้องล่างเลย
ท่ามกลาง บรรยากาศธรรมชาติ พายคายัคเล่นได้อย่างเพลินๆ เลย
ออกแรงกันมาเยอะ ก็ต้องจอดพักเหนื่อยกันสักหน่อย..
เมื่อสิ้นสุดปลายทางที่ วังย่านเชือก(เลยจากจุดวังย่านเชือกไปก็ออกทะเลอันดามันแล้ว) ก็ต้องหัวเรือพายกลับ ทางเดิม ซึ่งตอนพายกลับจะต้องออกแรงมากกว่าเดิมสักหน่อย เพราะต้องพายทวนน้ำขึ้นไป..
และ ในระหว่างที่พายคายัคทวนน้ำขากลับนี่เอง.. สายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา และมีทีท่าว่าจะเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โชคดีหน่อยที่มาตกเอาตอนเกือบกลับมาถึงที่แล้ว.. พอจอดเรือได้ก็รีบวิ่งเข้าร่มกันเลย และ หลังจากนั้น.. ก็จัดหนักมาอย่างไม่ลืมหูลีมตาทีเดียว ตอนนี้ทำได้แค่นั่งหลบในร่ม มองสายฝน.. และทำใจว่า.. “ท่าปอมคลองสองน้ำ” ที่ตั้งใจจะไปต่อจากนี้ คงต้องยกเลิกไป..
สำหรับผม.. ท่าปอมคลองสองน้ำ เคยไปมาแล้วครั้งนึง บรรยากาศก็ประมาณนี้ครับ กะว่าจะมาซ้ำอีกสักรอบ ก็พลาดไปจนได้ แต่.. ไม่เป็นไรครับ ไว้มาอีกได้ 55+
รอให้ฝนซาอยู่เกือบชั่วโมง ก็รีบแว๊นซ์กลับเข้าเมืองกระบี่ เมื่อถึงโรงแรม ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า และ รอรถของโรงแรมไปส่งที่สนามบินครับ
16.00 น. ปิดท้ายด้วย.. ความอร่อยฉบับปักษ์ใต้!
นั่งรถตู้รับ-ส่ง ของ โรงแรม SRISAWARA CASA เพื่อกลับไปยัง สนามบินกระบี่ ระหว่างนี้ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง.. รถที่มาส่งจึงได้พาแวะทานอาหารก่อนที่ ร้านก้อยกุลากาสัย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน เป็นร้านอาหารพื้นเมืองชาวใต้ ในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ แวดล้อมไปด้วยภูเขา ยิ่งในช่วงที่ฝนเพิ่งหยุดตกไปใหม่ๆ แบบนี้ ยิ่งให้บรรยากาศที่ชุ่มฉ่ำดีจริงๆ และอาหารที่ได้มาลองชิมในมื้อนี้ ก็เป็นอาหารแนะนำจากทางร้าน อย่างเช่น ปลาเผาเคย ใบเหลียงผัดไข่ แกงเหลืองปลารสจัดจ้าน ที่เสิร์ฟมาพร้อมผักสดที่เป็นเครื่องเคียงเข้ากันอย่างดี เป็นมื้อที่อร่อยถูกใจส่งท้ายทริปนี้ครับ..
จากนั้น.. ก็เดินทางมาถึงสนามบินในเวลาที่พอดิบพอดี จัดการเช็คอิน และพร้อมเดินทางกลับครับ
สำหรับทริปนี้.. ก็เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ที่ได้กลับมาเที่ยว จังหวัดกระบี่ อีกครั้ง.. ซึ่งมากระบี่ทุกครั้งก็ได้เที่ยวอย่างมีความสุขทุกครั้ง เป็นจังหวัดที่มาเที่ยวกี่ครั้งก็.. ไม่เบื่อจริงๆ นะ มีโอกาสคงต้องกลับมาเยือนซ้ำๆ อีกแน่นอนครับ และสุดท้ายนี้.. ก็ต้องขอขอบคุณ เกาะพีพีทัวร์ ที่ให้คำแนะนำในการท่องเที่ยวภายในจังหวัดกระบี่ และให้ความช่วยเหลือคอยดูแลเป็นอย่างดีตลอดการเดินทาง หวังว่า..จะได้เจอกันใหม่ ที่ “กระบี่” อีกครั้งครับ!
การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER
Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker
Instagram : CHAILAIBACKPACKER
Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9
CHAILAIBACKPACKER
วันพฤหัสที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 19.05 น.