#เชียงราย : “ภูชี้ดาว” ..ใกล้ดาวเข้าไปอีกนิด ชมวิว 360 องศา ทิวเขา และ สายหมอก!

ในช่วงหน้าฝนยาวไปจนถึงหน้าหนาว มักจะเป็นช่วงเวลาที่โหยหา “เขา” เป็นพิเศษ ซึ่ง “เขา” ในช่วงเวลาแบบนี้ จะมีความเขียวขจี อากาศสดชื่น และเต็มไปด้วยทะเลหมอกในยามเช้า ที่ลอยเป็นแพหยอกเหย้ากับขุนเขา เป็นภาพที่สวยงามอย่างยิ่ง และ ในวันนี้.. ก็จะมาพิชิตกันอีกสักหนึ่งภู กับ “ภูชี้ดาว” จังหวัดเชียงราย ครับ

ภูชี้ดาว หลายคนก็อาจจะรู้จักกันดี เป็นยอดภูแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย มีความสูงประมาณ 1,800 เมตร ซึ่ง จุดเด่น ของที่นี่ จะอยู่ที่จุดสูงสุด ลักษณะเป็นภูที่มียอดขนาดเล็กชี้ขึ้นไปบนฟ้า จนได้ชื่อว่า “ภูชี้ดาว” โดยบนยอดสูงสุดสามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา ได้อย่างสบาย บรรยากาศเป็นธรรมชาติ มีความสงบเงียบ ..ต้องมาเยือนกันให้ได้สักครั้ง!

การเดินทางไป.. “ภูชี้ดาว”

เส้นทางการเดินทางไปสู่ “ภูชี้ดาว” จะเป็นเส้นทางเดียวกับ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อย่าง ภูชี้ฟ้า, ภูชี้เดือน และ ดอยผาตั้ง ซึ่งระยะห่างของแต่ละสถานที่อยู่ห่างกันไม่มาก จึงสามารถรวมทุกสถานที่ให้เที่ยวเชื่อมโยงในทริปเส้นทางเดียวกันได้ โดยสามารถใช้เส้นทาง หมายเลข 1093 จะไล่เที่ยวจากเหนือลงใต้ เริ่มที่ ดอยผาตั้ง ภูชี้เดือน ภูชี้ดาว และ ภูชี้ฟ้า หรือ จะเที่ยวย้อนจากใต้ขึ้นเหนือ ก็ได้แล้วแต่ความสะดวกเลย!

วีธีการเดินทางที่สะดวกที่สุด คือ การขับรถส่วนตัว, รถเช่า หรือ รถเหมา เพราะจะสามารถเที่ยวได้อย่างสบาย และแวะตามสถานที่สำคัญได้สะดวกกว่าครับ โดยเมื่อเดินทางมาถึงบริเวณทางแยกขึ้น “ภูชี้ดาว” ต้องเปลี่ยนเป็นรถกระบะ 4WD เพราะ ทางขึ้นสู่ยอดภู เป็นเส้นทางลูกรังและมีความชัน สามารถติดต่อสอบถาม รถเหมารับ-ส่ง จากชาวบ้านแถวนั้นได้ ใน ราคาไป-กลับ คนละ 100 บาท หรือ เหมาคัน คันละ 500 บาท

• ตัวเมืองเชียงราย – อำเภอเทิง = 68 กิโลเมตร
• อำเภอเทิง – ภูชี้ฟ้า = 45 กิโลเมตร
• ภูชี้ฟ้า – บ้านร่มโพธิ์เงิน = 10 กิโลเมตร
• บ้านร่มโพธิ์เงิน – จุดจอดรถภูชี้ดาว = 3 กิโลเมตร(รถ 4WD ไป-กลับ คนละ 100 บาท/เหมา คันละ 500 บาท)
• จุดจอดรถภูชี้ดาว – ยอดภูชี้ดาว = 300 เมตร(เดินเท้า)

พาขึ้นสู่ยอด.. “ภูชี้ดาว”

ถ้าเดินทางมาจาก “ภูชี้ฟ้า” จะเป็นเส้นทางผ่านบ้านร่มฟ้าทอง ไปถึง “บ้านร่มโพธิ์เงิน” ซึ่งเมื่อมาถึง “บ้านโพธิ์เงิน”(ระยะทางจากภูชี้ฟ้า ราว 10 กิโลเมตร) ให้สังเกตุป้ายทางเข้า “ภูชี้ดาว” จากนั้น หาเหมารถกระบะ 4WD ซึ่งในช่วงหน้าท่องเที่ยวก็จะมีรถกระบะมาจอดรอให้บริการ หรือ ถ้าไม่เห็นรถมาจอดรอก็สามารถไปสอบถามรถเหมาจากชาวบ้านแถวนั้นได้.. โดยรถจะค่อยๆ พาไต่ระดับขึ้นไปบนเขาระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ไปยังจุดจอดรถ และ จากจุดจอดรถก็ต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีกประมาณ 300 เมตร

ทางเดินขึ้น จาก จุดจอดรถไปยัง ยอดภูชี้ดาว จะเป็นบันไดดิน ที่ค่อนข้างชัน และ ลื่นมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดิน ด้วยครับ

มาเที่ยว “ภูชี้ดาว” แนะนำว่า ต้องมาแต่เช้าตรู่ ยิ่งมาช่วงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นยิ่งดี เพราะจะได้ชมทั้งทะเลหมอก และวิวพระอาทิตย์ขึ้นอีกด้วย ในเวลายามเช้าอย่างนี้ หมอกมาหนัก จัดเต็มมาก..

บรรยากาศในยามเช้า อากาศดีๆ ทำให้การเดินขึ้นยอดภู มีความรู้สึกเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติรอบตัว

เดินมาได้สักพัก ก็ใกล้จะถึง “ยอดภูชี้ดาว” แล้ว..!! ก็จะสังเกตุเห็นเป็นรั้วไม้ที่ตั้งเป็นแนวยาวอยู่บนสันเขา เพื่อความปลอดภัย

เมื่อได้หยุดมองชมวิว ก็จะเห็นทะเลหมอก ที่ลอยอยู่เหนือทิวเขา บรรยากาศช่างสงบเงียบดีมาก ได้ยินแค่เสียงลมที่พัดมาเท่านั้น

รั้วไม้ที่เป็นแนวยาวเปรียบเสมือนเป็นเส้นแบ่งระหว่าง ชายแดนไทย – ลาว โดยจะเห็นหลักกิโลฯ ที่อยู่บริเวณรั้วไม้ด้วย หากลองชะเง้อไปดูอีกฝั่ง ก็จะเห็นเขียนว่าเป็นฝั่ง ประเทศลาว

มองไปทางยอดภู ที่เป็นยอดเล็กๆ ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า จนเป็นที่มาของชื่อ “ภูชี้ดาว”

ระหว่างทาง จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม พร้อมกับมีสายหมอกที่ลอยผ่านตัวไป

ทะเลหมอก ที่ลอยเป็นแพอยู่เหนือทิวเขาที่อยู่ในเขตของประเทศลาว ซึ่งตลอดแนวของรั้วไม้ สามารถยืนชมวิวสวยๆ และรอชมพระอาทิตย์ขึ้นได้

สายหมอก หยอกทิวเขา เช้านี้.. หมอกอลังการงานสร้างอย่างมากมาย ชมวิวกันเพลินเลยทีเดียว

เดินต่อขึ้นไปอีกนิด.. เพื่อไปยังจุดสูงสุดของยอดภู โดยเดินไปตามแนวของรั้วไม้ ด้วยความระมัดระวังกันหน่อยนะ เพราะทางเดินมันจะลื่น จากความชื้นครับ

บริเวณยอดภู จะมี.. จุดไฮไลท์ เป็น หลักกิโลฯ ที่สามารถมองเห็นวิวรอบด้านได้ 360 องศา ทั้งวิวฝั่งประเทศไทยที่เป็นแนวทิวเขา และ วิวฝั่งลาวที่เป็นทะเลหมอก

เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว.. ก็ต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันสักหน่อยนะ มาถึงแล้ว.. ภูชี้ดาวววว..

รอชม พระอาทิตย์ขึ้น กับ ทะเลหมอก เป็นภาพที่สวยงามดีจริงๆ

ใช้เวลาอยู่บนบริเวณยอดภูไม่นาน.. จนพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าแล้ว ก็ได้เวลาเดินลงครับ

“ภูชี้ดาว” ก็เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ชอบ “เขา” นะครับ การเดินทางก็ไม่ลำบากมาก และใช้แรงในการเดินเท้าไม่ไกล ก็สามารถมาชมวิวอลังการแบบนี้ได้ ต้องลองมาเที่ยวกันสันสักครั้งครับ!

การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

Instagram : CHAILAIBACKPACKER

Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9

E-mail : [email protected]

Website : www.chailaibackpacker.com