การไประนองครั้งก่อนทำให้เรารู้จักคำว่าฝน 8 แดด 4 ได้อย่างชัดเจน แต่การได้กลับไประนองในช่วงฤดูฝนแบบนี้บอกเลยว่าเกินการคาดเดาจริงๆ แต่เราก็เตรียมรับมือไว้เป็นอย่างดี แต่การออกเดินทางที่เช้ามากขนาดนี้ก็ท้าทายตัวเราเช่นกัน ช่วงเวลาตี 4 เราต้องถึงสนามบิน เชคอินและโหลดกระเป๋า รอขึ้นเครื่องตอนตี 5 กว่า ครั้งนี้เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปยังชุมพร ด้วยเครื่องบินนกแอร์ ซึ่งนกแอร์จะตั้งชื่อเครื่องบินของตัวเองทุกลำ และขึ้นต้นนำหน้าด้วยคำว่า นกทั้งหมดด้วย ลำที่เราขึ้นครั้งนี้ชื่อ NOK ANNA เป็นเครื่องบินลำเล็ก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จะได้ขึ้น ก็แอบตื่นเต้นเล็กน้อย ยิ่งตอนเดินไปขึ้นเครื่องพอเห็นขนาดละก็ยิ้มให้ตัวเองนิดนึงแล้วก็เดินขึ้นเครื่อง ไปหาที่นั่งที่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดกว่าเครื่องลำใหญ่ที่เคยนั่งมาพอถึงช่วงเวลาเครื่องขึ้น ก็ผ่านไปด้วยดี พนักงานมีน้ำและขนมให้เราเคี้ยวเพลินๆ จนทำให้เวลา 1 ชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไปไวมาก เราก็มาถึงสนามบินชุมพร



นกแอร์สำนักงานใหญ่

ที่ตั้ง : บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน)

เลขที่ 3 อาคารรัจนาการ ชั้น 17 ถ. สาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120

เบอร์ติดต่อ : .1318

www.nokair.com

จากนั้นเราก็ขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังบ้านไม้ชายคลองโฮมเสตย์ เพื่อรับประทานอาหารเช้า ที่นี่ทำข้าวต้มปลาทูที่ใส่ปลาไปทั้งตัวให้เราได้ชิมรองท้องเบาๆ ก่อนที่จะเติมด้วยข้าวผัดปู ขนมหวานและผลไม้ อิ่มอร่อยกันไปสำหรับมื้อแรก ที่นี่คือการรวมกลุ่มกันเพื่ออนุรักษ์วิถีชีวิตพื้นบ้านของชุมชนโดยทำเป็นเครือข่ายการท่องเที่ยวแบบเชิงนิเวศมีกิจกรรมหลายอย่างเช่น ล่องเรือชมป่าโกงกาง ดูวิถีชีวิตชาวประมง รวมทั้งมีที่พักและอาหารไว้บริการด้วย โดยมีพี่สมโชคมาต้อนรับเราและพาเราเรามุ่งหน้าไปยังโรงรับจำนำปูม้า (Crab’s Bank) เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำของชุมชน โดยมีลุงเช็ค หรือศาสตราจารย์เช็ค (สมญานามที่คนในชุมชนเรียก) เป็นผู้คิดริเริ่มสร้างโรงรับจำนำปูม้าให้กับชุมชนตำบลสะพลี จังหวัดชุมพร โดยลุงได้มอบบ้านเก่าของตัวเองให้เป็นศูนย์วิจัยชุมชนมัจฉาสตรีท ซึ่งโครงการหลักของศูนย์นี้คือช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติชายฝั่งทะเลที่ตอนนี้หลักๆ ก็เป็นโรงจำนำปูม้า และช่วยกันสร้างบ้านให้ปลาอย่างการนำเอาซากศาลพระภูมิทิ้งลงทะเลในจุดที่กำหนดไว้เพื่อเป็นบ้านให้ปลาจนเกิดเป็นชุมพรเก๋ไก๋ สร้างบ้านทรงไทยให้ปลา และตอนนี้ก็มีการทิ้งซากรถเมล์เก่าและจ่าเฉยไปด้วย เพื่อจัดภูมิทัศน์ใต้ท้องทะเลให้เป็นจุดดำน้ำเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวิถีชุมชนได้อีกทาง ส่วนที่โรงรับจำนำปูม้าตอนนี้ก็มีการเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นที่ได้รับความนิยมตอนนี้ด้วย



บ้านไม้ชายคลอง โฮมสเตย์

ที่ตั้ง : ต.บางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร

เบอร์ติดต่อ : 080-7791650, 095-7931957

www.facebook.com/homestaybangson



โรงรับจำนำปูม้า

ที่ตั้ง : ศูนย์วิจัยชุมชน มัจฉาสตรีท ต.สะพลี จ.ชุมพร 86230

เบอร์ติดต่อ : 082 7007475

เสร็จแล้วเราก็ออกจากชุมพรมุ่งหน้าเข้าเมืองระนอง เพื่อไปยังวัดสุวรรณคีรี (วัดปากจั่น) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดหน้าเมือง ที่นี่มีพุทธสุวรรณเจดีย์ หรือ เจดีย์ชเวดากอง รวมทั้งพระธาตุอินทร์แขวน ที่จำลองแบบมาจาก มหาเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ แต่ช่วงเวลาที่เราไประนองก็ต้อนรับเราด้วยฝนที่ตกหนักและแรงตลอดทางจนถึงวัด เราทำได้เพียงเข้าไปในศาลาข้างๆ ซึ่งด้านในมี เทพกระซิบ (เป็นผู้หญิง) และเทพทันใจ มีข้อมูลบอกว่าเทพทั้งสองขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์มาก จากนั้นเราก็ไปยังหมู่บ้านซาลาเปาทับหลี ของขึ้นชื่อของที่นี่ ให้เราได้ชิมความนุ่มละมุนของแป้งและไส้ที่ใส่มาจนแน่น ที่ร้าน ฮั่นหยกหย่วน ซึ่งเป็นร้านต้นตำหรับร้านแรกของทับหลี นอกจากซาลาเปาก็ยังมีขนมจีบ กินคู่กับน้ำชาร้อนๆ จิบแก้เลี่ยนได้อย่างดี



วัดสุวรรณคี

ที่ตั้ง : 11 หมู่ 4 ต.ปากจั่น อ.เมือง จ.ระนอง

เบอร์ติดต่อ : 077-873502



ฮั่นหยกหย่วน

ที่ตั้ง : 29 ตลาดทับหลี ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง

เบอร์ติดต่อ : 081 891 1900

เปิด : 8:00 – 17:00 น.

หลายคนไม่กล้าทานเยอะเพราะมื้อเที่ยงรอเราอยู่ที่ก้องวัลเล่ย์ ที่จัดเตรียมรอเราพร้อมแล้วจนเต็มโต๊ะ ที่มีอาหารใต้รสเด็ดอย่างคั่วกลิ้ง ดับร้อนด้วยใบเหลียงกะทิกุ้ง ปลาทอดตัวใหญ่ๆ กินกับผักสดและน้ำพริกเข้ากันแบบลงตัว กินข้าวไปฟังเสียงฝนที่ตอนนี้ตกลงมาอีกแล้ว มีลมแรงเป็นระยะๆ เสียงน้ำก็ยังส่งเสียงและไหลไม่หยุด เสียงทุกอย่างดังเบาสลับกันไปประหนึ่งเครื่องดนตรีกำลงบรรเลง คลอไปกับเสียงสนทนาของคุณก้องที่เล่าเรื่องราวของกาแฟและลามไปจนถึงเรื่องต่างๆ ใกล้ตัว ทั้งเพลินและได้ความรู้ ทำให้เราอิ่มแบบไม่รู้ตัว จากนั้นเราก็เดินถือร่มฝ่าสายฝนไปยังโรงคั่วกาแฟ โดยมีคุณก้องมาสาธิตและลงมือทำไปพร้อมๆ กัน เราได้ร่วมทำกิจกรรม D.I.Y โดยเริ่มตั้งแต่ การคั่ว บด ชง ดื่ม เราได้ความรู้หลายอย่างเกี่ยวกับกาแฟ ตั้งแต่กาแฟโรบัสต้าสามารถปลูกที่ไหนก็ได้ เป็นผลไม้มีเปลือก 3 ชั้น และอยู่บนต้นนานกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ คือระยะเวลา 9-10 เดือน และคนเราปลูกกาแฟแค่ 4-5 ต้นเราก็จะมีกาแฟกินไปตลอดแล้ว กฎในการคั่วกาแฟด้วยมือที่สดที่สุดในโลกมี 3 ข้อ ทุกเมล็ดต้องสัมผัสโลหะ สุกด้วยการกลิ้ง จากความร้อนที่ผ่านโลหะขึ้นมา คนที่ไม่ดื่มกาแฟอย่างเราได้กลิ่นยังต้องขอชิมเลย แถมมีซาลาเปาทอดมาให้ทานคู่กันบอกเลยว่าเด็ด และก่อนจากคุณก้องก็มีให้เราปิดท้ายด้วยการดื่มชาดอกกาแฟโรบัสตา ที่มีความหอมมาก ที่สำคัญใน 1 ปีจะออกดอกเพียงช่วงเดียว มีเวลาเก็บเกี่ยว แค่ 2-3 วันเท่านั้น หลังจากนำไปตากแดดจนแห้งก็นำมาคั่ว เพื่อให้เกิดความหวาน คนที่ชอบชาดอกไม้ต้องลอง เพราะหาชิมยากมากนะ ที่นี่มีอะไรให้เราเรีนยรู้เยอะแยะ และเป็นวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรฯ และเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนต้นแบบ ธ.ก.ส. หากใครสนใจก็สามารถเข้าพูดคุยและร่วมทำ d.i.y กาแฟ เพลินๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นได้



GONG Coffee & Valley

ที่ตั้ง : 62/1 หมู่ 8 อ..กระบุรี จ.ระนอง

เบอร์ติดต่อ : 087 268 1285

www.gongvelley.com

อีกหนึ่งจุดหมายของวันนี้คือ โรงซิอิ๊วจูนสิน ตรานกแก้ว ที่ยังมีขบวนการทำแบบโบราณ สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น เราได้เข้าไปดูโรงต้ม ที่มีกระทะ 2 ใบ ต้มน้ำตาลที่นำมาจากภาคอีสานกับถั่วเหลืองที่นำมาจากทางเหนือ และต้มด้วยไม้ฟืนแบบดั้งเดิม โดยใช้ไม้จากต้นยางที่เขาตัดเพราะไม่สามารถกรีดยางได้แล้ว หมักในโอ่งกลางแจ้ง และกรรมวิธีอีกหลากหลายกว่าจะได้ซีอิ้วที่อยู่คู่เมืองระนองต้องรอไปอีก 1 ปีข้างหน้าในการทำแต่ละครั้ง ตอนนี้ฝนที่ตกลงมายังไม่ยอมหยุด เราก็เลยลงมือปั้นซาลาเปาทับหลีที่เราได้ไปชิมมาแล้วก่อนหน้านี้ บอกเลยว่าไม่ง่าย นวดแป้งพอไหว ใส่ไส้ก็สบาย แต่จะไม่รอดก็ตอนที่ต้องพับแป้งปิดนี่แหละ หลายคนลองทำไปก็หัวเราะกันไป สนุกกันอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นคุณแฮ็คเจ้าของโรงซีอิ้วมาทำเมนูปลาทอดราดน้ำเต้าซี่ถั่วดำโรยขิงกรอบให้เราได้ชิมด้วย บอกเลยว่าอยากได้ข้าวร้อนๆ เพิ่มสักจาน ตอนนี้ 6 โมงกว่าแล้ว ฝนก็หยุดตกแล้วเช่นกัน เรามุ่งหน้าไปยังร้านอาหารคุ้นลิ้นเพื่อทานมื้อเย็นของวันนี้ ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็มาถึงร้าน ซึ่งต้อนรับเราด้วยน้ำมะพร้าวสดๆ เสิร์ฟมาทั้งลูก น้ำหวานเนื้ออ่อนสดชื่น ต่อด้วยกุ้งแม่น้ำย่าง มันที่หัวเยิ้มๆ ตัวใหญ่ แถมมีหนวดกุ้งให้ได้แกะกันกินเล่นๆ เพลินๆ สลับกับการดูพนักงานที่มาเต้นคั่นเวลาสร้างความครึกครื้นในมื้อนี้ด้วย ส่วนเมนูอื่นๆ ก็ไม่น้อยหน้าอย่างใบเหลียงผัดไข่ ปลาทูทอดกะปิ กุ้งซอสมะขาม น้ำพริกผักสด ปลาลุมพุกลุยสวน อร่อยและหมดในพริบตา ตบท้ายด้วยน้ำใบเหลียงสูตรพิเศษของทางร้าน กลับที่พักแบบอิ่มกำลังดี คืนแรกเรานอนกันที่น้ำใสเขาสวยรีสอร์ท สไตล์บูติค ต้อนรับเราด้วยน้ำ …ตรงล็อบบี้จัดได้ลงตัวดูสะอาด เพราะที่นี่เพิ่งเปิดได้เพียงไม่นาน มีสัดส่วนต่างๆ อย่างสระว่ายน้ำ ห้องทานข้าวเมื้อเช้าด้านบน เราได้พักห้อง superior แบบเตียงเดี่ยว ห้องกว้างขวาง แบ่งสัดส่วนได้ดี ทั้งตู้เสื้อผ้าที่อยู่ใกล้ห้องน้ำ เหมาะแก่การแต่งตัว ส่วนห้องน้ำก็แบ่งสัดส่วนที่มีทั้งส่วนที่เปียกตรงฝักบัวที่มีม่านกั้น กับส่วนแห้งที่สามารถยืนเป่าผมได้อย่างสบายมีไดร์ให้ ภายในห้องมี กาต้มน้ำสำหรับชง ชา กาแฟ ใครที่ติดทีวี แอร์ ตู้เย็นก็มีนะ แถมผลไม้เผื่อหิวดึกๆ ด้วยนะ ระเบียงที่อยู่ด้านหลังก็กว้างและเป็นส่วนตัวขากห้องข้างๆ ให้นั่งชมต้นไม้ ดอกไม้เพลินๆ พอปิดประตูในห้องจะเงียบมากไม่ได้ยินเสียงข้างนอกรบกวนเลยแม้กระทั่งเสียงฝนที่ยังคงตกตลอด



โรงซิอิ๊วจูนสิน

ที่ตั้ง : 11/4 ซอยจัดสรร 14 หมู่ 1 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง 85000

เบอร์ติดต่อ : 077 811 049

เปิดจันทร์ – ศุกร์ : เวลา 7.30 – 20.00 น.



ร้านอาหารคุ้นลิ้น

ที่ตั้ง : 1/17 ถ.ชลระอุ อ.เมือง จ.ระนอง (เข้าทางบ่อน้ำพุร้อน รักษะวาริน)

เบอร์ติดต่อ : 077-822863

เปิดทุกวัน : เวลา 10:00 – 21:00 น.

มื้อเช้าเราเดินขึ้นไปชั้นสองข้างๆ ล็อบบี้ หยุดชะงักแปบนึง มุมนี้วิวดีมากๆ เลย ภูเขาสีเขียวที่ตอนนี้มีหมอกค่อยๆ ไหลผ่านไป จากนั้นเราก็ไปตักผลไม้ น้ำ และขนมปัง ส่วนจานหลักให้เราสั่งกับพนักงาน ที่มีอาหารหลายแบบ หนึ่งในนั้นคือเซ็ทอาหารเช้าที่มีไข่ออมเล็ต ไส้กรอก เบคอน แฮม จานใหญ่ ให้มาเยอะมาก เราเลือกไปนั่งทานตรงเบาะรองนั่งที่มีหมอนอิงวางอยู่ใกล้ มองวิวเพลินๆ ไป เติมพลังให้เต็มที่ พร้อมลุยกับเช้านี้แล้ว เราออกจากที่พักช่วง 8 โมงเช้าด้วยรถสองแถวไม้ซึ่งมีไกด์มาดูแลและแนะนำสถานที่ต่างๆ ให้ด้วย จุดหมายแรกคือบ่อน้ำแร่รักษาวาริน เพื่อพาเราไปร่วมเล่นโยคะร้อนกับคนที่นี่ หรือจะไปนั่งแช่เท้าในบ่อน้ำแร่ตามจุดต่างๆ ที่มีก็ได้เช่นกัน ระหว่างที่แช่เท้า กำลังผ่อนคลายเลย ท้องฟ้ากลับปิดและมืด ในเวลาไม่นานฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก นี่แหละระนอง พอฝนหยุดเราก็แวะมาทานไข่ออนเซน หลังจากนั้นก็ไปไหว้ขอพรกันที่ศาลเจ้าเต๊เอี๋ย โดยมีนายอริสิริ สุรเชษฐเมธีกุล เลขานุการมูลนิธิศาลเจ้า เล่าความเป็นมา และความสำคัญของที่นี่ให้พวกเราฟัง “ศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ย” เรียกว่าเป็นองค์พระผู้คุ้มครองชีวิต ศาลเจ้าเก่าแก่ทีอยู่คู่เมืองระนองมานานเป็นร้อยปี มีองค์ศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ย หรือ โป้เซ้งไต่เต่ เป็นองค์พระประธาน ที่ชาวระนองให้ความเคารพนับถือ เมื่อก่อนชาวจีนจำนวนมากมีความเชื่อว่าศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ยเป็นหมอที่รักษาฮ่องเต้ในเมืองจีน มีความสามารถในการรักษาผู้ป่วยได้ทุกโรค ผู้คนส่วนใหญ่จึงมากราบไหว้เพื่อขอยาไปรักษาโรค เราก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เราทำตามขั้นตอนที่ท่านเลขามูลนิธิฯ บอกทุกอย่าง จนได้ตัวยาเพื่อรักษาโรคที่เราเป็น ในเรื่องของความเชื่อและความศรัทธานั้นยังคงยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้ หากใครมีโอกาสไประนอง อย่าลืมแวะไปไหว้ขอพรที่ศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ยได้



น้ำใสเขาสวยรีสอร์ท

ที่ตั้ง : 14/19 ถ.เพิ่มผล ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง 85000

เบอร์ติดต่อ : 087-2228886, 077-989855-6

http://www.numsaikhaosuay.com



ศาลเจ้าต่ายเต๊เอี๋ย

ที่ตั้ง : 19 ถนนเรืองราษฎร์ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง 85000

เบอร์ติดต่อ : 077 835 195

เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.

ก่อนเที่ยงเราได้แวะไปชมความงดงามพระราชวังรัตนรังสรรค์(จำลอง) สร้างขึ้นมาทดแทนหลังเดิมที่พังไป ซึ่งที่ตั้งเดิมอยู่ตรงบริเวณศาลากลางเมืองระนอง สร้างขึ้นโดยพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซิมก๊อง) จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จประทับแรมจังหวัดระนองของพระมหากษัตริย์ 3 พระองค์ ได้แก่ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 ส่วนพระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) สร้างขึ้นโดยอ้างอิงจากรูปถ่าย และ พระราชหัถเลขา ที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในจดหมายเหตุทางราชการ โดยมีขนาดย่อส่วน 1:100 ทำจากไม้สัก และ ไม้ตะเคียนทอง ด้านหน้าของที่นี่เป็นสวนสาธารณะมีรูปปั้นคนงานทำเหมืองแร่ บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุในสมัยนั้นด้วย เที่ยงกว่าๆ เราเดินทางต่อไปยังบ้านเทียนสือ ในภาษาจีน คำว่าเทียน แปลว่า สวรรค์ ส่วนสือ แปลว่าของขวัญ บ้านหลังนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นบ้านของขวัญจากสวรรค์ โดยมีโกศุภ เจ้าของบ้าน ที่ยอมเปิดบ้านเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต เล่าเรื่องราวในอดีตของคนจีนในจังหวัดระนองรุ่นแรกๆ รวมทั้งที่นี่ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนจังหวัดระนองที่ไม่ได้เก็บค่าเข้าชม เราเดินดูแต่ละมุมมีข้าวของเครื่องใช้โบราณมากมายของประวัติต้นตระกูล ณ.ระนอง



พระราชวังรัตนรังสรรค์(จำลอง)

ที่ตั้ง : บริเวณเชิงเขารัตนรังสรรค์ (ใกล้ศาลากลางจังหวัดระนอง) ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง 85000

เบอร์ติดต่อ : 094 148 8518



บ้านเทียนสือ

ที่ตั้ง : 7 ถ.ดับคดี ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง

เบอร์ติดต่อ : 081 088 2629

เปิดบริการ : เวลา 6.00 น.- 20.30 น.

มื้อเที่ยงวันนี้เราได้มานั่งสบายๆ ชิมอาหารอร่อยๆ ที่ร้านข้าวหอม ภายในร้าน จะเป็นพื้นที่โล่งๆ มีหลายโซน เป็นอาหารปักษ์ใต้รสชาติจัดจ้าน อย่างแกงส้ม กุ้งผัดกะปิสะตอ น้ำพริกกุ้งสด กินกับผักนานาชนิด หรือทานแก้เผ็ดกับสามชั้นทอดเกลือก็อร่อย แถมด้วยเมนูกลางๆ อย่างตำผลไม้รวมรสแซ่บ ที่มีรสอมหวานจากผลไม้ที่ใส่ เติมพลังกันเสร็จก็มุ่งหน้าไปยังโตนเพชรกรีนเนอรี่ การ์เด้น

ซึ่งคุณเตยได้ออกมาต้อนรับเราด้วยน้ำสมุนไพรอย่างน้ำอัญชันมะนาว และเล่าให้เราฟังว่าที่นี่เกิดขึ้นเพราะรู้สึกเหนื่อยและท้อกับสภาวะที่ต้องเจอในกรุงเทพฯ จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด และค้นพบว่าตัวเองนั้นมีต้นทุนอย่างที่ตรงนี้อยู่แล้ว มรดกที่เห็นมันมาตั้งแต่เด็ก ในสวนที่มีต้นไม้นานาชนิดเรียกว่าเติบโตมาพร้อมๆ กัน ในหลายๆ ต้น บวกกับอาหารฝีมือที่คุณยายเคยเปิดร้านอาหาร เจ๊เฮียง จนทำให้คุณเตยนำมาต่อยอดบวกกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่นี่มีบริการหลายอย่าง ทั้งที่พัก นวดตัว นวดเท้า เราสามารถเดินไปเก็บผักสด ลิ้มลองผลไม้ปลอดสาร นำมาทำเป็นเมนูต่างๆ รับประทานท่ามกลางธรรมชาติ ใต้ร่มไม้ใหญ่ หรือริมแม่น้ำที่ไหลมาจากน้ำตกโตนเพชร ที่สามารถลงไปเล่นได้ก็ชิวไม่แพ้กัน วันนี้เราได้เรียนวิธีการทำเมนูเด็ดของคุณยายตั้งแต่ขั้นตอนแรก อย่างไส้กรอกไข่เค็มด้วย เป็นเมนูที่ดูเหมือนจะง่ายแต่ขั้นตอนบอกเลยว่าต้องใช้ความละเอียดและเวลาอยู่พอสมควร ในขณะที่คุณยายกำลังสอนและเราก็ทำตามขั้นตอนอยู่ คุณเตยก็นำไส้กรอกไข่เค็มแบบที่สำเร็จแล้วมาให้ชิม ทำไปชิมไป กำลังเพลินๆ ฟ้าก็ค่อยๆ มืด และเพียงไม่กี่วินาที ทั้งลมทั้งฝนก็กระหน่ำมาแบบไม่ให้เราตั้งตัว เราไปนั่งหลบฝนอยู่พักใหญ่จนดูทีท่าว่าจะไม่หยุดง่ายๆ กิจกรรมเราก็ดำเนินต่อไป ข้าวของถูกยกจัดเตรียมมาเพื่อให้เราร่วมทำลูกประคบสมุนไพรนานาชนิด ที่นำมาตำ มาบดให้มันมีกลิ่นออกก่อนที่จะนำไปห่อ และสามารถใช้ได้จนกว่ากลิ่นจะหมด ซึ่งในระหว่างนี้ก็มีหลายคนทยอยไปนวดตัวกันด้วย ที่นี่มีกิจกรรมหลากหลาย และสามารถมาได้ทั้งครอบครัวจริงๆ



ร้านข้าวหอม

ที่ตั้ง : 33/12 ถ.เพชรเกษม.หมู่3 ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง เทศบาลเมืองระนอง 85000

เบอร์ติดต่อ : 080 097 3482

เปิดบริการทุกวัน : เวลา 11.00 – 23.00 น.

www.khaowhom.com



โตนเพชรกรีนเนอรี่ การ์เด้น

ต.ราชกรูด อ.เมือง จ.ระนอง

เบอร์ติดต่อ : 093-6935423

เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.

ฝนเริ่มซาแล้วเราก็ออกจากที่นี่เพื่อไปร้านเคียงเลซึ่งใช้เวลาเดินทางนานพอสมควร แต่พอไปถึงก็รู้สึกว่าคุ้มที่เดินทางมา ร้านอยู่ริมทะเลตามชื่อ เราสามารถดื่มด่ำบรรยากาศยามเย็นทั้งสองฝั่งไทย-พม่า ถ้าฟ้าเปิดเราจะเห็นพระอาทิตย์ตกตามแนวสันเขาสวยงามเกินคำบรรยาย แต่วันที่ฝนเพิ่งหยุดตกแบบนี้ ก็สวยไปอีกแบบ เพราะมีหมอกสีขาวค่อยๆ ไหลผ่านภูเขาสีเขียวได้อย่างลงตัว ที่นี่มีสะพานปูนยื่นออกไปนอกทะเลเป็นจุดที่ใครไปก็มักจะเดินมาชมวิวจุดนี้ ส่วนเมนูก็มีโดดเด่นหลายอย่าง แต่จานที่เราไม่คุ้นเคยเลยคือ ยำกุ้งเคย โดยทางร้านจะนำกุ้งที่ใช้ทำกะปิมาทอดแล้วกินคู่กับน้ำยำมะม่วงรสชาติจัดจ้าน บอกเลยว่าเด็ด จานนี้หาทานยากมากต้องลอง มื้อนี้เราตบท้ายด้วยของหวานอย่างกล้วยหอมทอดที่ใครมาร้านนี้ต้องสั่ง โดยใช้กล้วยหอมชุบแป้งทอดจนกรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับซอสที่ผสมระหว่างนมข้นหวาน กับน้ำหวานเฮลซ์บลูบอย กรอบ นุ่ม หวานมัน ลงตัวมาก

แสงของวันหายไปแล้ว ก่อนกลับที่พักเราแวะมาดูห้องที่ ฟาร์มเฮ้าส์ (farmhouse) เพราะที่นี่มีห้องที่ทำเพื่อคนนั่งวีลแชร์ เข้ามาพักได้อย่างสะดวก ซึ่งเมื่อก่อนที่นี่คือฟาร์มไก่ แต่นอกจากตอนนี้จะเป็นโรงแรมที่พักแล้วที่นี่ก็ยังเป็นร้านอาหารที่มีตั้งแต่เมนูเช้า จนยาวไปถึงอาหารมื้อค่ำ รวมทั้งของหวาน ที่ตกแต่งได้อย่างสวยงามทุกจาน บวกกับบรรยากาศชิวๆ ยามเย็น ทำให้เราอดใจไม่ได้ที่จะแวะเข้ามานั่ง ฟังเสียงกีต้าร์ที่เข้ากันด้วยดีกับเสียงคนร้อง ผ่อนคลาย สบายใจ ก่อนกลับไปนอนฝันดี



ร้านอาหารเคียงเล

ที่ตั้ง : 123/6 ด้านหน้าเขานางหงส์รีสอร์ท ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง

เบอร์ติดต่อ : 077-873-969

เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.



ฟาร์มเฮ้าส์ (farmhouse)

ที่ตั้ง : 311/1 ถ.เรืองราษฎร์ อ.เมือง จ.ระนอง

เบอร์ติดต่อ : 0 7783 2707

เปิดบริการทุกวัน เวลา 06.30-23.30 น.

www.farmhouseranong.com

การลงใต้สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คืออาหารเช้าอย่างติ่มซำ เช้าวันสุดท้ายที่ระนองเราก็เลยต้องไปชิมสักหน่อย ที่ร้านระนองโอชา ยิ่งเช้านี้ฝนตก อากาศเย็นก็ยิ่งเหมะกับการจะหาอะไรอุ่นๆ เข้าร่างกายสักหน่อย ซึ่งภายในร้านเราสามารถเดินไปเลือกหยิบติ่มซำที่อยู่ในตู้เย็นได้เลยตามใจชอบ เพื่อให้พนักงานเอาไปนึ่งให้เราได้ชิมแบบร้อนๆ ที่ครัวอยู่ด้านหน้า กลิ่นหอมโชยออกไปดึงดูดลูกค้าเข้ามาในร้านอย่างไม่ขาดสาย อย่าลืมเอาเบอร์โต๊ะที่นั่งไปให้พนักงานด้วยนะ ที่นี่มีเมนูมากมายลายตาไปหมดแค่หยิบอย่างละจาน มาเสิร์ฟทีเข่งก็เต็มโต๊ะละ นอกจากนั้นที่นี่ยังมีเมนูอาหารจีนจานเดียวอีกหลายอย่าง รวมทั้งโจ๊ก ไข่กระทะ และข้าวอบต่างๆ ตบท้ายด้วยชาร้อน ทำให้ร่างกายอิ่มและอุ่นขึ้นมาทันที ในบรรยากาศห้องแอร์แบบนี้

หลังจากอิ่มแล้วเราก็มุ่งหน้าต่อไปยังวัดบ้านหงาว เรียกกันว่าเป็น “พระอุโบสถลอยฟ้า” ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า ด้านหน้าเป็นภูเขา และมองเห็นน้ำตกหงาวไหลจากหน้าผาสูงชันลงมาเป็นสายสีขาวอย่างเด่นชัดในช่วงหน้าฝนแบบนี้ นอกจากวัดที่งดงามยิ่งใหญ่อลังกาลแล้ว ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูป หลวงพ่อดีบุก พระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำจากแร่ดีบุกที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลวงพ่อดีบุก มีชื่อเป็นทางการว่า “พระติปุกะพุทธมหาศากยมุนีศรีรณังค์” มีความหมายว่า “พระพุทธรูปดีบุกองค์ใหญ่เป็นสิริมงคลและศักดิ์ศรีของเมืองระนอง” และที่นี่ยังมีวังมัจฉาที่มีจำนวนปลาทั้งมากและขนาดใหญ่ ส่วนภูเขาที่อยู่ด้านหลังกุฏิพระ มีบันไดประมาณ 300 ขั้น ทอดยาวขึ้นไปจนถึงยอดเขา ดึงดูดเราให้ต้องเดินตามกันขึ้นไป แรกๆ ก็เดินไปคุยไป ครึ่งทางเสียงพูดเริ่มเงียบ แต่เสียงหอบกลับดังขึ้นมาแทน ขาก้าวช้าลงๆ แล้วก็หยุดเดินหันมองวิวที่ตอนนี้เห็นกว้างไกลไปจนถึงภูเขาหญ้า พักเพิ่มพลังแล้วเดินต่อ อีกไม่นานก็ถึงยอดที่มีระฆังอยู่ตรงทางขึ้นพอดี ส่วนพระพุทธรูปตั้งอยู่ตรงกลางลานโล่งเลย บนนี้สามารถมองวิวได้ 360 องศา แม้ว่าฟ้าไม่ค่อยเปิด และฝนก็ยังตกปรอยๆ แต่ก็ยังเห็นวิวไกลๆ กว้างๆ เห็นภูเขาลูกน้อยใหญ่สีเขียว ที่มีหมอกสีขาวไหลผ่าน บอกเลยว่ารู้สึกสดชื่นมาก เสน่ห์ระนองหน้าฝนก็สวยไปอีกแบบนะ เราออกจากที่นี่มานั่งพักชิมน้ำกาหยู ซื้อของฝากที่ร้านวัชรี ที่มีโรงงานผลิตกาหยู (มะม่วงหิมพานต์) อยู่ข้างหลัง



ร้านระนองโอชา

ที่ตั้ง : 27/61 หมู่ 4 ถนนสะพานปลา อ.เมืองระนอง จ.ระนอง

เปิดบริการ เวลา : 07.00 – 14.00 น.

เบอร์ติดต่อ : 077-822-101, 085-069-1038



วัดบ้านหงาว

ที่ตั้ง : ตำบลหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง 85000

จากนั้น 11 โมง เราก็มุ่งหน้าไป อ.พะโต๊ะ จ. ชุมพร เพื่อทานมื้อเที่ยงที่เป็นอาหารชาวแพ แปลกตาตั้งแต่ข้าวที่หุงในกระบอกไม้ไผ่ เสิร์ฟมาเป็นห่อในใบคลุ้ม และกับข้าวอีกหลายอย่าง ที่มีไข่ทอดใบตอง แกงส้มหยวกกล้ายป่า ใบเหลียงผัดไข่ ผักกูดลวกราดกะทิ น้ำพริกกะปิผักสด ปลาทูทอด แต่วันนี้มีเมนูพิเศษเพิ่มอีกหนึ่งอย่างคือห่อหมกในกระบอกไม้ไผ่ด้วย จบท้ายล้างปากด้วยผลไม้ตามฤดูกาล กับน้ำสมุนไพรอัญชัน หลังจากที่อิ่มเราก็ได้เรียนรู้การหุงข้าวด้วยกระบอกไม้ไผ่ที่ทางมาลินค่อยๆ สอนเราตั้งแต่ขั้นตอนแรก โดยการนำข้าวไปล้างให้เรียบร้อยก็นำมาตักใส่ใบคลุ้มประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วพับเหมือนข้าวมต้มมัด ปิดหัวท้ายให้ห่างประมาณ 1นิ้ว เพื่อให้ข้าวมีพื้นที่ตอนสุก หลังจากนั้นก็ยัดเข้าไปในกระบอกไม่ไผ่ แล้วใส่น้ำจนเต็ม ก่อไฟวางกระบอกไม้ไผ่เอียงเล็กน้อย ให้โดนไฟแค่ข้างล่าง จนน้ำเดือดและไหลออก ใบคลุ้มที่ใช้ห่อเป็นใบที่ไม่มีสีไม่มีกลิ่น ต้นเหมือนข่าหาง่ายจากที่นี่ ก่อนกลับเราได้เดินไปปลูกต้นยางนาตรงจุดลงแพกันด้วย หลังจากนั้นเรามุ่งหน้าสู่อำเภอไชยา เพื่อไปวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ซึ่งที่นี่เป็น สถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นหนึ่งในสามของ โบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาของภาคใต้ พระบรมธาตุไชยานี้ถูกทิ้งร้างไว้นาน จนต้องมีการบูรณะยอดเจดีย์ขึ้นใหม่ เนื่องจากยอดเดิมหักพังลงมาจนถึงองค์ระฆัง ในวัดนี้ยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย รวมทั้งพระพุทธรูปศิลาทรายแดง 3 องค์ ที่ประดิษฐานนั่งอยู่ลานกลางแจ้ง บ้างก็เรียกว่าพระสามพี่น้อง



มาลินบริการล่องแพ

ที่ตั้ง : 72/1 ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร

เบอร์ติดต่อ : 089 592 8376

www.facebook.com/มาลินบริการล่องแพ



วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4011 ถนนรักษ์นรกิจ ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

จากนั้นเราก็ไปเดินเล่นที่งานพุมเรียงย้อนยุค ถนนคนเดินปีที่ 2 ในเทศกาลวันฮารีรายอ หรือวันออกบวช หลังเดือน รอมฎอนของชาวอิสลาม จัดขึ้นเพื่อให้หนุ่มสาวที่ไปทำงานนอกพื้นที่ได้กลับมารวมตัวกัน ซึ่งงานจะมี 2 วัน เป็นการปิดถนนที่ยาวกว่า 300 เมตร เนรมิตของเก่าที่นำมาโชว์อย่างรถเพื่อให้เราย้อนอดีตกลับไปในยุคนั้น ทำให้เราตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งรสมทั้งผู้คนที่มาในงานด้วยชุดที่สวยและงดงาม ไม่เสียชื่อกลุ่มสตรีทอผ้าบ้านพุมเรียงอย่างแน่นอน รวมทั้งอาหารโบราณอีกมากมายที่เราไม่เคยเห็น อย่างขนมกระบอก และขนมครกใส่ไข่ที่หารับประทานได้ยากมากตามท้องตลาดทั่วไป เรากินขนมรองท้องแล้วไปเดินรับลม ชมวิว ริมทะเลที่หาดแหลมโพธิ์ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ที่นี่มีชายหาดกว้างลงไปเล่นน้ำทะเลได้ นอกจากนั้นยังมีสนามเด็กเล่น และจักรยานให้เช่าด้วย เหนื่อยๆ หิวๆ ก็มีอาหารวางขายอยู่ทางด้านหน้ามากมาย ทำให้ช่วงเย็นที่นี่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจ แสงใกล้หมดแล้วเราก็เลยแวะทานมื้อเย็นใกล้ๆ ซึ่งแถวนี้ที่มีร้านอาหารพลับพลาซีฟู้ด ทางเข้าข้างหน้ามีร้านขายของฝากหลากหลาย และมีทางแยกสามารถเดินไปที่สะพานปูนทอดยาวยื่นออกไปกลางทะเลเป็นจุดชมอีกจุด แต่ตรงที่เรานั่งก็สามารถมองวิวได้เช่นกัน เพราะบรรยากาศร้านเป็นแบบเปิดโล่ง ด้านข้างโปร่งๆ เพื่อให้รับลมจากทะเล หลังจากที่เรานั่งได้ไม่นานเมนูก็ทยอยมาเสิร์ฟแบบรวดเร็วทันใจ ซึ่งมื้อนี้เน้นไปทางอาหารทะเลสดๆ ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย และปลา ที่นำมาทำหลากหลายเมนูรสเด็ดให้เราได้ชิม โดยเฉพาะหอยขาวที่หาได้ง่ายจากที่นี่และนิยมรับประทานกันมาก ปิดท้ายด้วยขนมหวาน ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปสนามบินสุราษฎร์ธานี โดยสารการบินแอร์เอเซีย ด้วยสโลแกนหลัก ที่ว่า ใครๆ ก็บินได้ เพื่อเป็นแรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้โดยสารเดินทางด้วยเครื่องบิน ซึ่งมีโปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ มากมาย จากการใช้บัตรเครดิตในหลายๆ ธนาคาร รวมทั้งการสั่งเครื่องดื่มและอาหารบนเครื่องด้วย จบทริปแบบไม่เหนื่อยมากเพราะใช้เวลาในการเดินทางไม่นานก็ถึงกรุงเทพฯ



ร้านอาหารพลับพลา ซีฟู้ด

ที่อยู่: ต.พุมเรียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี 84110

เบอร์ติดต่อ : 077 454 799

เปิดบริการทุกวัน เวลา 9.00-20.30 น.

www.facebook.com/ร้านอาหารพลับพลาซีฟู๊ด



บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด

ที่อยู่: ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง เขต ดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210

เบอร์ติดต่อ : 02 515 9999

www.airasia.com

ระนอง จังหวัดแรกที่เป็นทะเลฝั่งอันดามัน ที่ใครต่อใครก็รู้ดีว่า มันงดงามมากแค่ไหน แต่ระนองก็ไม่ได้มีดีแค่ทะเล แต่บ้านเมืองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ก็ทำให้เมืองนี้มีเรื่องราวที่ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ได้ฟังแล้วรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตตามไปด้วย นอกจากนั้นที่นี่ยังมีดีอีกหลายอย่าง รวมทั้งอาหาร ที่ไม่ได้มีแค่เพียงอาหารทะเลอย่างเดียว และในระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ที่เราได้สัมผัสเมืองนี้แม้ว่ามันจะน้อยไปสักหน่อย แต่เรากลับได้รู้จักเมืองนี้มากขึ้นไปอีกนิด อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเมืองที่ทุกคนขนานนามว่าเป็นเมืองฝนแปด แดดสี่ เป็นยังไง ตอนนี้เราเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งทีเดียว ซึ่งมันก็เป็นเสน่ห์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้จริงๆ

ความคิดเห็น