เรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียนเมืองปายเป็นเวลาสั้นๆในช่วงหน้าฝนที่ผ่านมา โดยจุดหมายของการเดินทางในครั้งนี้เพื่อหนีควาามวุ่นวายในเมืองกรุง มาพักผ่อนสัมผัสบรรยายของเมืองปายในฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงนี้เมืองเล็กๆกลางสายหมอกแห่งนี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเขียวของผืนป่าและทุ่งนา


ในตอนแรกที่แพลนว่าจะมาปาย เราพยายามหาที่พักที่สวยๆบรรยากาศดีๆ อยู่ไม่ไกลตัวเมืองมาก ในราคาที่ไม่โหดร้ายเกินไป ซึ่งตัวเลือกนั้นมีเยอะมากๆ มีตั้งแต่ที่ห้องพักริมสระว่ายน้ำใจกลางเมือง ไปจนที่พักแนวแฟนตาซีชานเมือง แต่แล้วเราก็มาสะดุดๆกับภาพบ้านพักริมทุ่งนาแห่งหนึ่ง ที่ไม่ได้หรูหราอลังการหรือตกแต่งสวยงามแฟนซีกว่าที่อื่นๆ แต่เป็นบรรยากาศที่ดูอบอุ่นและกลิ่นอายแบบชนบทที่ทำให้เราสนใจ และเลือกที่พักแห่งนี้ ซึ่งก็คือ....

Romance : Another story in Pai



Romance : Another story in Pai เป็นที่พักที่อยู่ข้างใน Romance Farm ฟาร์มเล็กๆนอกเมืองปาย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับคนที่อยากลองสัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตในฟาร์ม โดยมีทั้งให้อาหารวัวและแกะ ขี่ม้า รวมถึงมีรถ ATV ให้ขับเที่ยวรอบๆฟาร์ม

ถึงที่พักอยู่นอกตัวเมือง แต่ก็เดินทางไปไม่ยาก สามารถเช่ามอเตอไซต์ขับไปจากในเมืองได้ในเวลาไม่เกิน 15 นาที หรือจะก็โทรศัพท์ให้ที่พักขับรถลงมารับที่ขนส่งเมืองปายได้ สำหรับคนที่อยากจะเดินเล่นถนนคนเดินปายตอนเย็น เค้าจะมีรถไปส่งและรับกลับเป็นรอบๆ (ขาไป 17:00,18:00 และขากลับ 20:00,21:00)

ส่วนพวกเราเดินทางมาด้วยรถตู้ของบริษัทเปรมประชาจากขนส่งอาเขตไปยังปาย พอมาถึงเราก็โทรให้ทางที่พักมารับ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็จะถึงที่ประตูทางเข้าฟาร์ม เราจะนั่งรถผ่านบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ที่ฟาร์มนี้เลี้ยงไว้ก่อนจะถึงหน้า Reception ที่เป็นอาคารเปิดโล่งสไตล์โรงนา มีกองฟางวางประดับ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มายืนรอรับถึงหน้าลานจอดรถ (เจ้าหน้าที่ที่นี่พูดจาสุภาพ และ Service Mind ดีมากก ยิ้มแย้มแจ่มใส และช่วยเหลือเราหลายเรื่องมากๆ)








พอ Check-in เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็จะให้เราเลือกอาหารเช้าครับ (มี Omelette กับไข่กะทะ) และกรณีถ้าเราอยากจะไปเที่ยวปางอุ๋ง-แม่ฮ่องสอนแบบ One-Day Trip ทางที่พักก็สามารถติดต่อให้ได้ โดยจะเตรียมอาหารเช้าเป็นแซนวิท ผลไม้ และนมให้ เนื่องจากถ้าไปปางอุ๋งจะต้องออกแต่เช้าครับ

และแล้วเราก็เดินทางไปที่พักด้วยรถกอล์ฟครับ (จริงๆเดินทะลุด้านหลัง Reception ก็ถึงแล้ว) บ้านพักที่นี่จะเป็นหลังเล็กๆสำหรับ 2 คน และบ้านหลังใหญ่สำหรับคนมาเป็นกลุ่มซึ่งมีอยู่ไม่กี่หลังห่างๆกัน ทำให้บรรยากาศรอบๆที่พักจะเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน รวมถึงบริเวณที่พักแขกที่มาเยี่ยมฟาร์มจะเข้ามาไม่ได้ทำให้พื้นที่บริเวณนี้จะเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว


บ้านพักของเราจะเป็นบ้านเดี่ยวทรงสูงสำหรับ 2 คน บ้านทั้งหลังปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ข้างในมี 2 ห้องเป็นห้องนอนกับห้องน้ำ ขนาดกำลังพอดีๆ เตียงใหญ่กว้างนอนสบาย ผ้าเช็ดตัว ไดร์เป่าผม ตู้เย็น ทีวีมีให้ครับครัน และด้ายหลังมีบันไววนเล็กๆให้เดินขึ้นไปดูวิวด้วย

พอเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย เราก็ออกไปสำรวจรอบๆที่พัก โดยจะเดินตามทางที่เข้ามาเรื่อยๆ ผ่านโซนฟาร์มเลี้ยงสัตว์ไปจนถึงที่ร้านกาแฟริมทุ่งนา ระยะทางไม่ไกลมาก เดินได้สบายๆ มีอะไรให้แวะดูแวะถ่ายรูปตลอดทาง

โซนบ้านพัก

จริงๆตรงนี้คือไปเดินบ้านพักหลังอื่นๆ โดยบ้านแต่ละหลังก็จะหน้าตาแตกต่างกันไป หลังใหญ่ๆจะมีที่นั่งด้านนนอก และพื้นที่ก่อไฟให้ด้วย ซึ่งบ้านหลังใหญ่ๆจะอยู่หลังๆมีวิวทุ่งนาให้เห็นรอบด้าน และมีพร๊อปให้ถ่ายรูปเล่นนิดหน่อย เช่นซุ่มประตูต้นไม้ ศาลาให้นั่งเล่น และสะพานไม้



ส่วนบ้านที่เราพักจะใกล้ๆกับ Reception จะมีบ้านหลังเล็กๆหลายหลัง มีวิวบ่อน้ำ น้ำพุเล็กๆ และจะมองเห็นโรงเลี้ยงม้าไกลๆ รวมถึงป้ายชื่อฟาร์มก็จะอยู่ตรงนี้ด้วย


โซนฟาร์ม

เดินออกมาจากโซนบ้านพัก ผ่านป้ายชื่อที่พักไปทางถนนดินแดงเล็กๆ ก็จะเจอประตูเข้าฟาร์ม (มองเข้าไปจะเห็นคอกวัว) โซนนี้จะมีน้องวัว น้องม้า น้องแกะ ให้เล่นด้วย แต่ตอนเราไปถึงฝนเพิ่งตกไป เค้าเลยจับมันเข้าบ้านไปหมดแล้ว เราเลยไม่ได้เห็นบรรดาปศุสัตว์เดินเล่นในทุ่งหญ้า แต่เราก็ได้เข้าไปเยี่ยมในบ้านของพวกมันแทน




โซนร้านกาแฟ

โซนนี้เป็นโซนที่มีอะไรให้ถ่ายรูปด้วยเยอะมาก เดินเลยฟาร์มออกมานิดนึง เราจะเจอกรงกระต่าย ใกล้ๆกันจะมีต้นไม้ต้นใหญ่มีชิงช้าให้นั่งเล่น และมีสะพานไม้ไผ่เล็กๆให้เข้าไปเดินเล่นในทุ่งนา



ถัดไปจะเป็นร้านกาแฟเล็กๆชื่อ Romance Market ด้านนอกตกแต่งเป็นเหมือนโรงนา ข้างในมีกาแฟสดและเบอเกอรี่ต่างๆ ซึ่งใช้วัตถุดิบที่เป็นผลผลิตจากฟาร์มนี้ นมสดของเค้าอร่อยมากกกกก ด้านข้างร้านกาแฟจะเป็นวิวทุ่งนาและภูเขายาวไปจนสุดเขตฟาร์ม และรอบๆร้านจะมีพร๊อปให้ถ่ายรูปเล่นอีกนิดหน่อย



อีกด้านจะเป็นบ่อน้ำ มีรถเทรลเลอร์สีแดงจอดอู่ข้างๆ และเราจะมองเห็นโรงเลี้ยงม้าและกังหันลมจากมุมไกลๆ ตรงนี้ตอนเราไปหญ้าจะรกนิดนึง เข้าใจว่าเป็นหน้าฝน แต่ก็พอเดินได้อยู่


เราไม่ได้เดินต่อไปจนถึงทางเข้าฟาร์ม เพราะมันใกล้ 6 โมงแล้ว เราแจ้งกับทางที่พักไปว่าจะนั่งรถลงไปที่ตัวเมืองปายเพื่อหาข้าวเย็นกิน และเดินเล่นที่ถนนคนเดิน ซึ่งตรงบริเวณหน้าทางเข้าจะเป็นวิวทุ่งนาและมีดอกไม้สวยๆขึ้นแซมตรงริมรั้ว


ถนนคนเดินปาย

คนขับรถจะมาปล่อยเราตรงหัวถนน และจะมารับกลับที่เดิม โดยเราแจ้งว่าจะกลับตอนรอบสองทุ่ม เนื่องจากผมมาที่ปายเป็นรอบที่ 3 แล้ว เลยไม่ได้สนใจเที่ยวในตัวเมืองสักเท่าไหร่ แต่ที่ลงมาถนนคนเดินหลักๆเลยคือหาของกินนั่นเอง

ถนนคนเดินส่วนใหญ่จะเป็นร้านของฝาก พวกโปสการ์ด ของทำมือ และเสื้อผ้าพื้นเมือง มีร้านคาเฟ่เล็กๆน่ารักหลายร้าน ร้านขนม และร้านอาหาร

(ร้านอาหารคนขับรถแนะนำร้านน้องเบียร์ เป็นร้านอาหารไทยทั่วไป เมนูมีให้เลือกไม่กี่อย่างเป็นอาหารมาตรฐาน ราคากลางๆ แต่ให้เยอะอยู่ เราสั่งต้มยำปลาคัง เนื้อปลามาแทบล้นหม้อ)


ขนมที่ขึ้นชื่อในถนนคนเดินคือข้าวปุก เราจะเห็นเตาปิ้งข้าวปุกอยู่เป็นระยะๆ อธิบายง่ายๆมันคือโรตี ที่ใช้แป้งข้าวเหนียวดำผสมงา แทนแป้งโรตี และนำไปปิ้งแทนที่จะทอด ซึ่งก็จะได้ออกมาเป็นขนมๆเหนียวๆหวานๆมีกลิ่นหอมของข้าวเหนียวดำ รสหวานของนมข้น และรสสัมผัสของงาดำ


Day Trip : ปางอุ๋ง - หมู่บ้านรักไทย - พระตำหนักปางตอง - น้ำตกผาเสื่อ - สะพานชูตองเป้ - วัดพระธาตุดอยกองมู - หมู่บ้านกะเหรี่ยงห้วยเสือเฒ่า - จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ - จุดชมวิวดอยกิ่วลม

List ด้านบนคือที่ๆเราจะไปเที่ยวในวันที่สองในเมืองปาย ตอนแรกเราแพลนแค่ว่าจะไปดูแสงเช้าที่ปางอุ๋ง แล้วกลับมาเดินเล่นช่วงบ่ายที่ที่พักอีกรอบ แต่ช่วงที่เราไปยังเป็น Low Season อยู่ หารถแชร์ไปเที่ยวยากมาก สุดท้ายต้องให้ทางที่พักช่วยหารถเหมาให้ซึ่งได้มาเป็นรถ Honda City พร้อมคนขับ สำหรับเหมาเที่ยว 1 วัน ราคา 3,000 บาท ซึ่งแพงมากสำหรับเรา แต่ไหนๆมาแล้วก็ต้องไปให้สุด อย่างน้อยได้นั่งเหยียดขาสบายกว่านั่งรถตู้ และเลือกสถานที่ไปได้ด้วย (เราตัดภูโคลนออกและขอไปบ้านจ่าโบ่แทน)

เราออกจากที่พักตั้งแต่ตี 4 เพื่อให้ทันแสงเช้า ทางที่พักเอาอาหารเช้ามาให้เราตั้งแต่ตอนหัวค่ำวันก่อน เป็นครัวซองแฮม นมสด กล้วย และเงาะ จะบอกว่านมอร่อยมากกก



1. ปางอุ๋ง

เราถึงเกือบ 7 โมง และฝนตกจ้าาาา เดินวนไปนิดเดียว หงส์หายหมด แสงไม่มีได้แต่หมอกสีขาวทึบ แต่แค่นี้ก็สวยงามมากแล้ว และที่สำคัญคนน้อยมากๆเทียบกับที่ผมเยมาคราวก่อน


2. หมู่บ้านรักไทย

เราแวะทานข้าวเช้า(รอบที่2) ที่ร้านลีไวน์รักไทย เมนูขึ้นชื่อคือขาหมูยูนาน ทานกับหมั่นโถว และสั่งยำรากเห็ดมาแก้เลี่ยน ที่นี่มีชาอู่หลง และชายอดน้ำค้างให้ทานฟรีด้วย



กินเสร็จเราแวะเดินเล่นแถวๆร้านอาหาร เยื้องๆกับร้านอาหารจะมีไร่ชาอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของพี่พักลีไวน์รักไทย รีสอร์ท ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมได้ (แต่ห้ามขึ้นไปบนบ้านนะ) จะมองเห็นวิวมุมสูงของบ้านรักไทยได้ชัดเจนจากจุดนี้


3. พระตำหนักปางตอง


ที่นี่ควรจะใช้วิธีขับรถวนดู เพราะพระตำหนักค่อนข้างกว้าง ตอนเราไปฝนตกเลยไม่ได้ลงไปเดินเท่าไหร่ ที่นี่ถ้ามาในวันที่อากาศแจ่มใสเราจะเห็นฝูงแกะและม้าเดินกินหญ้าอยู่เต็มไปหมด



4. น้ำตกผาเสื่อ

น้ำตกเล็กๆ เดินลงไปไม่ไกลประมาณ 5-10 นาที แต่ก่อนจะลงไปได้จนถึงริมน้ำ แต่ตอนเราไปเค้ากั้นไว้เลยยืนดูได้แต่ตรงลานด้านหน้า ไม่แน่ใจว่ากั้นแค่ช่วงหน้าฝนรึป่าว




4. สะพานชูตองเป้

เป็นสะพานไม้ไผ่เดิมทีชาวบ้านสร้างเพื่อให้พระท่านเดินทางมาบิณฑบาทในหมู่บ้านได้ง่ายขึ้นโดยตัดผ่ากลางทุ่งนาไปเลย ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งของแม่ฮ่องสอน (ตอนปี 2556 ยังเป็นสะพานไม้ไผ่สานโงนเงนๆอยู่เลย ตอนนี้แข็งแรงทนมาก พร๊อปให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด)



5. วัดพระธาตุดอยกองมู

วัดคู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอน บนนี้จะมองเห็นวิวเมือง 180 องศา เป็นแลนด์มาร์คที่ถ้าไม่มาก็เหมือนมาไม่ถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน




6. หมู่บ้านกะเหรี่ยงห้วยเสือเฒ่า

เป็นหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวหลักๆจะเป็นร้านขายของทำมือของชาวหมู่บ้านแห่งนี้ พวกผ้าไหมทอมือ และเครื่องเงิน


7. จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่

ที่เที่ยวแห่งใหม่ในอำเภอบางมะผ้า จริงๆมีอยู่มาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งมาบูมเมื่อปีก่อนนี่เอง ขับรถแยกออกจากเส้นทางปาย-แม่ฮ่องสอนประมาณ 3 กิโลเมตร จะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา และจุดชมวิว (ร้านปิด 4 โมงนะ รีบๆมาไม่งั้นอด)





8. จุดชมวิวดอยกิ่วลม

เป็นจุดแวะระหว่างทาง วิวสวยมาก เค้านิยมมาดูพระอาทิตย์ตกดินกัน แต่ตอนเราไปถึงฝนตกและลมแรงมากเลยแวะแค่แป๊ปเดียว



Night

เรามาถึงปายประมาณห้าโมงเย็น วันนี้ค่อนข้างล้าเพราะออกเดินทางตั้งแต่ตี4 เลยกะว่าจะไม่ลงมาเดินถนนคนเดินแล้ว ให้คนขับรถพาแวะตลาดซื้อของกินขึ้นไปบนที่พักรวดเดียวเลย และพักยาวๆ ทำให้ตอนค่ำๆเลยมีแรงออกมาถ่ายรูปเล่นรอบๆที่พักนิดหน่อย บริเวณที่พักจะมีโคมไฟติดอยู่เป็นระยะๆ เดินเล่นได้สบายมาก เสียดายเมฆเยอะไปหน่อย เลยมองไม่เห็นดาว




Breakfast

มื้อเช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ วันนี้เราตื่นสายๆออกมาทานข้าวเช้าของที่พัก ซึ่งที่กินข้าวจะอยู่ด้านข้างของตึก Reception เป็นลานเล็กๆติดริมน้ำมองเห็นวิวทุ่งนาและโรงเลี้ยงม้า ถ้ามาวันที่อากาศดีๆมีหมอกน่าจะสวยงามมากเลย




เมนูหลักที่เค้าให้เราเลือกคือไข่กะทะ หรือ Omelette ซึ่งเราเลือกไข่กะทะกันทั้งคู่ นอกจากนั้นยังมีส่วนที่เป็นสลัดบาร์ คอนเฟลค ชา กาแฟ ขนมปัง แฮม และไส้กรอกให้เป็นแบบบุฟเฟ่อีกด้วย

(ติดใจนมสดที่นี่มากกก มีความหวานมันหอมอร่อย)





พอทานอาหารเช้ากันเสร็จเเราก็ขอให้ที่พักช่วยไปส่งที่ท่ารถ โดยคนที่ไปส่งเราเข้าใจว่าเป็นลูกสาวกับคุณแม่เจ้าของที่พักแห่งนี้ครับ เค้าจะแวะไปซื้อของที่ตลาดกันด้วยเลยแวะหย่อนพวกเราลงที่ขนส่งก่อน

จากนั้นก็นั่งรถโค้งไปโค้งมากลับตัวเมืองเชียงใหม่ครับ


The End

ก็จบลงแล้วกับการมาพักผ่อนสั้นๆที่ Romance : Another story in Pai เป็นที่พักที่ผมประทับใจมาก ทั้งบรรยากาศ การตกแต่ง และบริการครับ ถ้ามีโอกาสอยากจะลองมาอีกครั้งในช่วงหน้าหนาว น่าจะได้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป และอยากจะลองพักบ้านหลังใหญ่ดูบ้าง มากันเป็นกลุ่มน่าจะสนุกน่าดู

ถ้าใครมีโอกาสแวะมาปายก็อยากฝากที่นี่ไว้เป็นตัวเลือกนะครับ อาจจะไกลตัวเมืองนิดนึง และแลกมาด้วยบรรยากาศ และความเป็นส่วนตัวก็ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว

สุดท้ายของคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนนะครับที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี

ปล.ที่นี่น้องแมวเยอะมากกกก น่ารักทุกตัวเลย :)


:: Mountain Seal ::



ความคิดเห็น